พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    อ้อ มีดอกซากูระมาฝากน้องอุ้ม สวยเหมือนกันไหมคะ
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ATT00000.jpg
      ATT00000.jpg
      ขนาดไฟล์:
      234.3 KB
      เปิดดู:
      189
    • ATT00001.jpg
      ATT00001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      205.4 KB
      เปิดดู:
      199
    • ATT00002.jpg
      ATT00002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      241 KB
      เปิดดู:
      198
    • ATT00003.jpg
      ATT00003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      150.5 KB
      เปิดดู:
      205
    • ATT00004.jpg
      ATT00004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      314.6 KB
      เปิดดู:
      190
    • ATT00005.jpg
      ATT00005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      143.7 KB
      เปิดดู:
      193
    • ATT00006.jpg
      ATT00006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      208.7 KB
      เปิดดู:
      193
    • ATT00007.jpg
      ATT00007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      259.1 KB
      เปิดดู:
      192
  2. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    สาธุๆๆๆ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับพระพิมพ์ หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ทุกทรงพิมพ์

    เป็นพระพิมพ์ที่ผมบอกได้ว่า พิเศษ

    เหตุผลอะไรที่ผมบอกอย่างนั้น ลองทายกันดูดีหรือเปล่าครับ


    hello3


    ;aa1



    fishh_




    ;aa44





    ;aa13



    แต่ผมว่า ผมเฉลยดีกว่า

    พระพิมพ์ หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ทุกทรงพิมพ์ ไม่ว่า จะสร้างขึ้นที่ไหน , ออกจากวัดไหน หรือ ที่ไหนก็ตาม มีความศักดิ์สิทธิ์ทุกๆองค์ เพียงแต่ผู้ที่จะนำไปห้อย มีความเคารพศรัทธา และอาราธนาองค์หลวงปู่ "นโม โพธิสัตว์โต อคันติมายะ อิติภะคะวา" เท่านั้น ต่อให้เป็นพระปลอม ท่านก็ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ในทันที

    กราบองค์หลวงปู่ทวด วัดช้างไห้
    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ
    sithiphong
    และคณะพระวังหน้า
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แต่รุ่นที่เป็นพิเศษ ที่ต้องยอมรับในความสุดยอดของพิเศษ สำหรับพระพิมพ์ หลวงปู่ทวด ในทุกทรงพิมพ์

    เป็นพิมพ์ที่สร้างขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 2-3 ซึ่งพิมพ์นี้ พี่ใหญ่บอกว่า เป็นสุดยอดมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ส่วนพระสมเด็จ

    ผู้สร้างมีทั้งหมด 13 ทีมผู้สร้าง

    เรื่องของเนื้อหาทรงพิมพ์ ต้องแตกต่างกันไป เนื่องจากฝีมือของช่างทั้ง 13 ทีม ไม่เหมือนกัน

    ทั้ง 13 ทีมผู้สร้างพระสมเด็จ มีทีมของวังหน้าสร้างมากที่สุด

    สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านไม่เคยสร้างพระสมเด็จ

    ขอย้ำว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านไม่เคยสร้างพระสมเด็จ

    จะเชื่อผมหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่นะครับ

    .
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    หมดหวังท้อแท้ในชีวิต .. คิดอย่างไรให้ใจสู้
    ที่มา กระปุก

    �����ѧ������㹪��Ե .. �Դ���ҧ����������



    [​IMG]


    หมดหวังท้อแท้ในชีวิต...คิดอย่างไรให้ใจสู้ (ธรรมะไทย)

    ในช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิต..
    หลายคนคงผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมานับไม่ถ้วน..
    ทั้งบทเรียนแห่งความผิดหวัง..
    บทเรียนแห่งความท้อแท้..แพ้ชีวิต..
    บทเรียนแห่งความสำเร็จ..

    ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนใดๆ ก็ตาม..
    เมื่อเราเกิดความผิดหวัง...ท้อแท้..ในชีวิต..
    เราต้องพยายามปรับใจ..วางใจให้ถูก..
    ด้วยวิธีการคิดที่จะปรับเปลี่ยน..ชีวิตของเรา..
    ให้มีกำลังใจ..สู้ต่อไป..

    4 วิธีคิดที่จะสร้างพลังใจให้สู้ คือ..

    วิธีที่ 1 คิดแบบตรงกันข้ามกับความรู้สึกในขณะนั้นเช่น

    - ถ้าทุกข์ ก็คิดสร้างสุข
    - ถ้ายากก็คิดแบบง่าย...
    - ถ้าเกิดปัญหา ก็คิดแก้ปัญหา..

    วิธีที่ 2 คิดแบบสร้างกำลังใจ เช่น

    - ปลุกปลอบใจตนเอง...ทุกครั้งที่เกิดความท้อแท้..ผิดหวัง
    - บอกตนเองเสมอว่า..เราต้องทำได้..เราต้องทำได้อย่างแน่นอน..
    - เราต้องทำได้แน่นอนที่สุด..ไม่มีคำว่า..ทำไม่ได้..
    - ท่องไว้ในใจว่า..ไม่มี ไม่เป็น ไม่เหนื่อย...
    - ไม่ทุกข์ ไม่ท้อ ไม่หนี ไม่มีปัญหา...

    วิธีที่ 3 คิดแบบมีเป้าหมายในชีวิตที่แน่นอน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว..

    - หากยังไม่ประสบความสำเร็จ..
    - ก็จะไม่เลิก ลด ละ ความเพียรพยายาม..
    - จงสู้ต่อไปจนกว่าจะประสบความสำเร็จ..
    - แม้จะเป็นวินาทีสุดท้ายของลมหายใจก็ตาม..


    วิธีที่ ๔ คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก..

    - มองปัญหาออก..แก้ปัญหาเป็น..
    - คิดการใหญ่...ใช้คนเป็น..รู้เห็นตามความถูกต้อง..
    - มุ่งปรองดอง...รักษาน้ำใจ..สร้างมิตรภาพ..
    - อย่าลืมว่า.. "ยิ่งสูงยิ่งหนาว" ...
    - ต้องคิดดี..ทำดี..พูดดี..ทุกที่ทุกเวลา...

    ดังนั้น..

    ถ้าท้อแท้..หมดหวังในชีวิต..
    จงพยายามคิดให้ใจสู้...
    อย่าเชื่อว่า...เราทำไม่ได้..ถ้ายังไม่ได้ลงมือทำ..
    อย่าท้อแท้..ตราบใดที่เรายังไม่ได้พยายาม..
    อย่าสิ้นหวัง...ตราบใดที่เรายังมีกำลังใจ..
    อย่าแพ้ชีวิต...ตราบใดที่ใจของเรายังมีหวัง..
    จงอย่าทำลายความหวัง...เพียงเพราะ....
    การดูหมิ่นตนเองว่า... "ทำไม่ได้"...



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ธรรมะไทย
    [​IMG]
    บทความโดย ชายน้อย
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อาหารมันๆ ซ่อนคุณประโยชน์ บำรุงสมอง
    ที่มา กระปุก

    ������ �آ�Ҿ ������ѹ� ��͹�س����ª�� ���ا��ͧ


    [​IMG]


    อาหารมันๆ กลับซ่อนคุณประโยชน์ เป็นสารบำรุงสมอง (ไทยรัฐ)

    นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียศึกษาพบว่ากรดโอเลอิกในไขมัน กลับมีประโยชน์ เพราะถูกแปลงให้เป็นสารบำรุงสมอง เมื่อตกถึงลำไส้

    วารสารของ สมาคมวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ของอเมริกา ซึ่งเสนอรายงานผลการศึกษา กล่าวว่า การค้นพบนี้อาจช่วยให้ พบหนทางรักษาโรคเกี่ยวกับความจำใหม่ได้ เพราะขณะนี้ได้มีการทดลองยาที่ทำเทียมสารประกอบนี้ เพื่อลดปริมาณไตรกลีเซอไรด์ อันเป็นไขมันที่เป็นอันตรายอยู่แล้ว

    ผลการศึกษาได้แสดงว่าสารโอเลออย์อีทานอลาไมด์ หรือโออีเอในระดับสูง มีสรรพคุณช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้น้ำหนักลด ทั้งยังช่วยลดปริมาณคอเลสเทอรอลในเลือด นอกจากไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งทำให้มันเหมาะกับที่จะทำเป็นยาเม็ดลดความอ้วนด้วย

    ดร.ดาเนียล เพียวเมลลิ หัวหน้านักวิจัย กล่าวว่า โออีเอ ยังช่วยเก็บความจำเอาไว้ โดยช่วยกระตุ้นสัญญาณเพิ่มขีดความจำในสมอง ส่วนที่เกี่ยวกับความจำทางด้านอารมณ์ เขายังเสริมว่ามันยังมีคุณประโยชน์ในวิวัฒนาการที่ช่วยให้สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำได้ถึงแหล่งและเวลาที่จะหาอาหารมันๆ กิน จึงดูเหมือนมันเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิวัฒนาการของมนุษย์และสัตว์อื่นของยุคต้นๆ เพราะการจำแหล่งและสภาพการณ์ที่เกิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นได้ อาจจะเป็นกลไกเพื่อการอยู่รอดของมนุษย์ยุคแรกๆ ที่สำคัญอันหนึ่ง



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐ
    [​IMG]


    เทคนิคเพื่อ...ดวงตาสวย

     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    WHO บอก วัคซีนหวัดใหญ่2009 ใกล้พร้อมใช้

    http://hilight.kapook.com/view/36457


    [​IMG]

    WHO บอก วัคซีนหวัดใหญ่2009ใกล้พร้อมใช้ (ไอเอ็นเอ็น)

    องค์การอนามัยโลก ระบุวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 น่าจะพร้อมนำมาใช้ได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    ผู้อำนวยการด้านพัฒนาและค้นคว้าวัคซีนขององค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนหลังจากทราบรายละเอียดของเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาด จึงจะสามารถพัฒนาจนพร้อมที่จะฉีดวัคซีนป้องกันให้กับมนุษย์ได้ และว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่วัคซีนป้องกันโรคหวัดที่มีอยู่ขณะนี้ จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เอช1 เอ็น1 ชนิดเอ หรือเชื้อไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้

    อย่างไรก็ดี องค์การอนามัยโลกยืนยันว่า จะยังไม่มีการเพิ่มระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดจากระดับ 5 ในขณะนี้ ขึ้นเป็นระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในเร็ว ๆ นี้ ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009
    ล่าสุด เพิ่มขึ้นเป็น 331 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อล่าสุดในฮ่องกงและเดนมาร์กเป็นรายแรกของประเทศ

    ขณะที่รัฐบาล สกอตแลนด์ รายงานว่า นายแกรมมี พาชิตติ วัย 24 ปี มีผลบวกในการตรวจสอบไวรัสชนิดนี้ ชายคนนี้ที่พักอาศัยอยู่ในฟัลเคิร์ก สกอตแลนด์ เป็นบุคคลในสหราชอาณาจักรรายที่ 10 ที่ผลตรวจหาเชื้อไข้หวัดใหญ่ เอ เอชวันเอ็นวัน ออกมาเป็นบวก แต่เขาเป็นคนแรกของสหราชอาณาจักรที่ติดโรคโดยไม่ได้ไปเม็กซิโก

    แกรม พาซิตติ วัย 24 ปีเป็นเพื่อนของ เอียนและดอวน์ อัสค์แฮม คู่รักที่เพิ่งเดินทางกลับจากไปฮันนีมูนที่เม็กซิโกพร้อมกับติดเชื้อไวรัสมาด้วยหลังทั้งคู่จากกลับมาจากฮันนีมูน ที่เม็กซิโก
    เมื่ออาทิตย์ที่เเล้ว ทั้งสองคนถูกจัดให้นอนในห้องแยกเดี่ยวของโรงพยาบามงค์แลนด์ส ในแอร์ดรี เพื่อควบคุม ไม่ให้เชื้อโรคในอากาศแพร่กระจายออกไป

    ด้านสำนักข่าว Channel News Asia รายงาน นางโรเซอลีน บาร์เชอล็อต รัฐมนตรี สาธารณสุขฝรั่งเศส ออกมายืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไข้หวัด เอ เอชวันเอ็นวัน 2 ราย
    หลังทั้งคู่เข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัส โดย นางโรเซอลีน กล่าวว่า ผู้เคราะห์ร้าย เดินทางกลับมาจากเม็กซิโก เพราะฉะนั้นจึงไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ฝรั่งเศส เผยว่า ชายวัย 49 ปีเข้ารับการรักษาทางตอนเหนือของปารีส และหญิงสาววัย24ปี นั้นอยู่ในปารีส ขณะที่ ผู้ต้องสงสัยราย อื่นๆก็อยู่ในเมืองหลวง

    ทั้งนี้ เพื่อนบ้านฝรั่งเศส อย่าง สหราชอาณาจักร เยอรมัน และ สเปน ก็ยืนยันพบคนไข้ ติดเชื้อ ไข้หวัด เอ เอชวันเอ็นวัน ที่กลับมาจากเม็กซิโก หรือ มีการสัมผัสระหว่างกัน และทางการฝรั่งเศสเอง ก็ประกาศพบติดเชื้ออย่างคาดไม่ถึงมาก่อน โดย นางโรเซอลีน ระบุอีกว่ายังมีรายที่ 3 ที่ต้องสงสัยอย่างมากว่าผลตรวจอาจออกมาเป็นบวก และทั้งหมดเคยเดินทางไปเม็กซิโก และเวลานี้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงปารีส




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แก๊งตุ๋นอาละวาด หลอกคืนภาษี ถูกเหยื่อย้อนกลับ
    ข่าวไทยรัฐออนไลน์: แก๊งตุ๋นอาละวาด หลอกคืนภาษี ถูกเหยื่อย้อนกลับ

    ผู้บริหารหนุ่มบริษัทดังเจอ 18 มงกุฎโทรศัพท์หลอกจะคืนภาษี แต่ไม่หลงกล ใช้เทคโนโลยีตรวจสอบย้อนกลับเพื่อหาแหล่งที่อยู่ แต่คนร้ายไหวทันวางสายไปก่อน...

    เมื่อตอนบ่ายวันที่ 2 พ.ค. นายธนา ทุมมานนท์ ที่ปรึกษาบริษัทเทรนด์ วีจี 3 จำกัด ผู้ให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารชั้นนำ เปิดเผยว่า ช่วงสายที่ผ่านมา ขณะขับรถมาทำงาน มีคนโทรศัพท์เข้ามายังโทรศัพท์มือถือ โชว์หมายเลข 99000006017 ซึ่งเป็นวีโอไอพี มีเสียงผู้หญิงบอกว่า จากกรมสรรพากร จะคืนภาษีให้ 2.5หมื่นบาท ได้สอบถามชื่อและรายละเอียดส่วนตัวเช่นหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน หมายเลขบัญชีเงินฝากธนาคารและระหัสเอทีเอ็ม

    นายธนา เผยต่อไปว่า ตนทำเรื่องขอคืนภาษีและได้รับมาแล้วตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม ขณะเดียวกันจากการติดตามข่าวสารมาตลอดทำให้รู้ได้ทันทีว่าเป็นแก๊ง 18 มงกุฏหลอกหลวงแน่ จึงแกล้งบอกหมายเลขอื่นๆไป และย้อนถามว่าทำไมถึงทำงานวันหยุด ได้รับคำตอบว่าเป็นบริการพิเศษจากส่วนกลาง จึงพยายามคุยถ่วงเวลา ฝ่ายตรงข้ามบอกว่าให้คุยกับหัวหน้า มีผู้หญิงอีกคนมารับสายพูดด้วย โดยให้ไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อทำรายการ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคนคุยกันเสียงดังวุ่นวายเหมือนอยู่ในสำนักงาน

    ผู้ บริหารหนุ่มเล่าอีกว่า ได้ใช้โทรศัพท์อีกเครื่องโทรสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกรม สรรพากรและพยายามจะใช้เทคโนโลยีต่างๆเก็บรายละเอียดตรวจสอบที่อยู่ของคนร้าย ที่โทรมาเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ฝ่ายตรงข้ามรู้ตัวรีบวางสายไปก่อน ขณะเดียวกันทราบจากเพื่อนบางคนเคยได้รับโทรศัพท์แบบเดียวกันแต่หลอกว่าจะให้ เช็คช่วยชาติ 2 พันบาท จึงอยากเตือนประชาชนให้ระวังเพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อคนร้าย
     
  11. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113

    บทสวดท่านเคยมีคนอวดรู้แปลตามบาลี หาว่าเป็นคาถาที่ผิดไม่ตรงตามบาลีซึ่งพระคาถาส่วนใหญ่ที่ครูบาอาจารย์ท่านนำออกมาใช้นั้น ส่วนใหญ่เป็นอักขระภาษาธรรมได้จากนิมิตร ไม่สามารถแปลตามบาลีได้ เพราะภาษาธรรมมีหลากหลาย

    ก้อขอเล่าสู่กันฟังครับ
     
  12. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113

    เอ้อ พี่หนุ่มครับ แต่อ.ตรี ผู้ลบผงไม่เป็นสร้างพระไม่เป็น ท่านบอกนะครับว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านสร้างพระสมเด็จเองdencee
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ยังไม่รู้วิธีการสร้างแบบโบราณ สร้างอย่างไร

    ปูนยังบอกว่า เป็นปูนเปลือกหอย
    ทั้งๆที่ เห็นแล้วยังไม่รู้ว่า ปูนที่ใช้สร้างพระสมเด็จ เป็นปูนอะไร

    ยังมีอีกหลายเรื่องครับ ขี้เกียจเล่า
    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ย่ำเมือง อู่ฮั่น-ซื่อปี้ตามรอยยุทธาวีผาแดง
    Daily News Online : Variety

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]


    </TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    </TD></TR></TBODY></TABLE>



    ผมอ่านบทกวีเปิดเรื่อง “สามก๊ก” ฉบับภาษาจีนที่ คุณประสิทธิ์ ฉกาจธรรม จากซีพี ออลล์ แปลไว้หลายต่อหลายรอบ ขณะเหินฟ้าบินสู่ เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมคณะสื่อมวลชนหลายสำนักไป “แกะรอยสามก๊ก-ศึกยุทธการ ผาแดง” ตามเทียบเชิญของ ซีพี ออลล์

    ยุทธการผาแดง หรือ ยุทธการเช็กเพ็ก เป็น 1 ใน 3 ยุทธการใหญ่ในยุคสามก๊ก ร่วมกับ ยุทธการกัวต๋อ และ ยุทธการอี๋หลิง แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว ยุทธการผาแดงน่าจะเป็นที่รู้จักของคนไทยส่วนใหญ่มากที่สุด ไม่ว่าจะสัมผัสจากหนังสือ ละคร หรือภาพยนตร์ ในตอน โจโฉแตกทัพเรือ นั่นเอง

    ก่อนเข้าเรื่อง ขอทบทวนความจำกันสักนิด (สำหรับผู้ที่ไม่เคยอ่านสามก๊ก หรือเคยอ่านแต่ไม่ครบสามจบ) ยุทธการผาแดง กำเนิดขึ้นในปี ค.ศ.208 หลังจากยุทธการกัวต๋อ ที่ “โจโฉ” สามารถยึดครองดินแดนทาง ตอนเหนือได้ทั้งหมดแล้ว จึงได้คิดการใหญ่หวังผนวกดินแดนที่เหลือ โดยพุ่งเป้าไปยังกลุ่มของ “เล่าปี่” และ “ซุนกวน” แต่เล่าปี่ได้ส่ง “ขงเบ้ง” เป็นทูตไปเจรจากับซุนกวนให้เป็นพันธมิตรร่วมรบกับโจโฉสำเร็จ และภายหลังจากที่โจโฉพ่ายศึกครั้งนี้ เล่าปี่ได้เข้าครองดินแดนเกงจิ๋ว จนกลายเป็น “สามก๊ก” ในเวลา ต่อมา

    จากเมืองอู่ฮั่น ต้องนั่งรถต่อร่วม 2 ชั่วโมงจึงถึงเมืองชื่อปี้ (ชื่อแปลว่าสีแดง ปี้แปลว่า หน้าผา) เดิมชื่อว่าเมืองผู่ฉี เพิ่งเปลี่ยนชื่อในปี ค.ศ.1998 เพื่อให้สอดรับกับประวัติศาสตร์นั่นเอง โดยจุดนัดพบของเราคือ ผาแดง หรือ ซานกั๋วชื่อปี้ อยู่ห่างจากเมืองชื่อปี้ออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 36 กิโลเมตร

    ก้าวลงจากรถเสียค่าผ่านประตูหัวละ 60 หยวน ผ่านสระบัวเข้าไปจะพบกับลานหินขนาดใหญ่ที่ตามตำนานเล่าว่าเป็นสถานที่ที่ “บังทอง” หนึ่งในกุนซือหัวกะทิของเล่าปี่ ปลีกวิเวกมาพำนักตามลำพัง โดยมีหลักฐาน ต้นแปะก๊วย ขนาดใหญ่ที่เล่าขานกันว่าบังทองเป็นคนลงมือปลูกด้วยตัวเองอวดโฉมตระหง่านหน้าศาลบังทอง

    ลัดเลาะขึ้นเขาลงห้วยอีก อึดใจใหญ่ จะพบกับ แท่นเรียกลม ที่ตำนานเล่าว่าจิวยี่ต้องการลมสลาตันเพื่อจุดไฟเผาทัพเรือ โจโฉที่ผูกติดกันเป็นแพจากอุบายของบังทอง ขงเบ้งจึงทำพิธีเรียกลมขึ้นตรงจุดนี้ และเมื่อถึงวันแตกหัก ลมสลาตันก็มาตามนัด พัดโหมเข้าใส่กองเรือโจโฉจนราบคาบ ซึ่งปัจจุบันบริเวณแท่นเรียกลม ถูกสร้างเป็นอาคารทรงจีนขึ้นมา พร้อมกับปั้นรูป เล่าปี่ ขงเบ้ง กวนอู และเตียวฮุย ให้นักท่องเที่ยวสักการะ

    อ้อ...ที่หน้าแท่นเรียกลม มีต้นไม้แปลกชนิดหนึ่งคือต้นจื่อเวย หรือต้นจั๊กจี้ เพราะเมื่อมีคนไปสัมผัสผิวไม้แล้วลำต้นจะสั่น จึงมีนักท่องเที่ยวไปติดแถบผ้าแดงเขียนคำอธิษฐานขอพรกันจนเต็มต้น ซึ่งผมสันนิษฐานว่า ต้นจั๊กจี้ต้นนี้น่าจะเป็น ผู้หญิง เพราะพอหนุ่ม ๆ ไปลูบคลำจะสั่นสะท้าน แต่พอสาว ๆ ไปลูบเธอกลับเฉย !!

    ย่ำต่อไปถึงยอดเขา สิ่งแรกที่เห็นคือรูปปั้น จิวยี่ ขุนพลเอกของซุนกวนยืนสง่าผ่าเผยกลางลานกว้าง เมื่อก้าวผ่านหลังจิวยี่ไปอีกไม่กี่สิบก้าว เราก็จะพบกับเชิงผาริมแม่น้ำแยงซี

    จุดนี้แหละคือ...ผาแดง !!

    เดิมที มีผาริมน้ำแยงซีหลายแห่งถูกอ้างว่าเป็นผาแดง แต่จุดที่นักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่าน่าจะถูกต้องตามประวัติศาสตร์มากที่สุดคือ จุดที่เรามาเยือนแห่งนี้ เพราะขุดค้นพบซาก เรือรบและธนูเป็นจำนวนมาก

    ผมลัดเลาะลงบันไดริมผาไปนั่งเล่นบนโขดหินริมน้ำรับสายลมพลิ้วไหว หลับตานึกถึงภาพ กองเรือบรรทุกหุ่นฟางของ “ขงเบ้ง” แล่นเข้าไปหากองทัพของ “โจโฉ” แล้วถูกรุมยิงด้วยเกาทัณฑ์ จนได้เกาทัณฑ์แสนดอกกลับมาให้ “จิวยี่” ตามที่สัญญา...แล้วจินตนาการต่อถึงภาพช่วงที่กองทัพเรือของโจโฉถูกเพลิงเผาวอดวาย ส่งผลให้หน้าผากลายเป็นสีแดงเพลิง... ช่างได้อารมณ์เกินคำบรรยาย ที่ได้มานั่งอยู่ ณ สถานที่จริง แม้จะผ่านไปแล้วกว่า 1,800 พันปี ก็ตาม

    แม่น้ำริมผาตรงหน้าผมนี่แหละ ที่กองทัพเรือโจโฉมอดไหม้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะถูกทัพพันธมิตรโดยการนำของจิวยี่และขงเบ้งจุดไฟเผาตามวรรณกรรม หรือจะเกิดจากน้ำมือของโจโฉเผากองเรือตัวเอง เนื่องจากเกิดโรคระบาดขึ้น ต้องถอนทัพกลับและไม่อยากให้ข้าศึกนำเรือเอาไปใช้ ตามประวัติศาสตร์ก็ตาม

    ปัจจุบัน ผาแดงกำลังถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างฐานทัพง่อก๊ก กองบัญชาการ รบ เมืองจำลองของเล่าปี่ และรีสอร์ทหรูสไตล์ย้อนยุคซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในปลายปีนี้

    ออกจากชื่อปี้กลับมาอู่ฮั่น ใครไม่แวะถือว่ามาไม่ถึงนั่นก็คือ หอกระเรียนเหลือง หรือ หวงเฮ่อโหลว สัญลักษณ์ของเมือง อู่ฮั่น ซุนกวนสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.223 ริมแม่น้ำฉางเจียง เพื่อเป็นหอสังเกตการณ์ข้าศึกและเป็นหอบัญชาการรบ ซึ่งเดิมมีเพียง 3 ชั้นสูง 92 ฟุต ต่อมามีการบูรณะใหม่ถึง 4 ครั้ง ปัจจุบันกลายเป็นอาคาร 5 ชั้นสูง 2,040 ฟุต แต่ยังคงรูปแบบลักษณะดั้งเดิม

    ในห้องโถงมีภาพขนาดใหญ่เป็นชายเป่าขลุ่ยขี่นกกระเรียนแสดงอยู่ ตามตำนานเล่าว่าหอแห่งนี้เป็นสถานที่แสดงไมตรีจิต มีนักพรตเต้าหยินมานั่งดื่มสุราดับหนาวในร้าน แต่ไม่มีเงินจ่าย พ่อค้าเหล้าก็ไม่เอาเรื่อง แถมยังอนุญาตให้ดื่มกินฟรีนานเป็นปี ก่อนจากเต้าหยินจึงมอบขลุ่ยให้เพื่อเป็นการตอบแทน แล้วหยิบเปลือกส้มมาวาดรูปนกกระเรียนบนกำแพง ทำให้นกมีสีเหลืองคล้ายเปลือกส้ม สุดท้ายกลายเป็นนกที่มีชีวิตโผผินบินออกมาจากกำแพง

    ด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม หอกระเรียนเหลืองจึงถูกยกย่องให้เป็น 1 ใน 3 หองามแห่งเจียงหนาน ปัจจุบันเป็นสถานที่จัดแสดงงานเขียนอักษรจีนและจิตรกรรมที่มีชื่อเสียงหลายยุคหลายสมัย และจากระเบียงแต่ละชั้นเราสามารถชื่นชมกับทัศนียภาพความงดงามของเมืองอู่ฮั่นครบ 360 องศา

    ระหว่างทางขากลับ ภายในคณะของเราหยิบยกเรื่องวีรชนในยุคสามก๊กมาถกเป็นประเด็น ผมฟังไปพลางพลิกบทกวีขึ้นมาอ่าน “วีรชนยิ่งใหญ่ใช่ค้ำฟ้า เหลือแต่เพียงภูผายังผึ่งผาย” แล้วผมก็แว่บถึงคำฉันท์บทหนึ่งที่นิพนธ์โดย สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ขึ้นมาว่าน่าเหมาะเจาะกับบทสรุปของ “สามก๊ก” เสียนี่กระไร.
    วรุตม์ ลิ้มเฉลิม
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    กิกส์" เบิกร่องพา "ผี" บุกสอยโบโร่ 2-0 ฉีก "หงส์" 6 แต้ม
    Sport - Manager Online
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 พฤษภาคม 2552 20:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> ไรอัน กิกส์ ปีกประสบการณ์สูงมาทำประตูแรกจนช่วยให้ "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเอาชนะ "เดอะโบโร" มิดเดิลสโบรช์ 2-0 ถึงสนามริเวอร์ไซด์ สเตเดียม พร้อมรั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปและทำคะแนนหนีห่าง ""ลิเวอร์พูล เป็น 6 แต้ม ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมา

    ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
    มิดเดิลสโบรช์ 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จังหวะ "กิกส์" ส่องเบิกร่อง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> มิดเดิลสโบรช์ หมดสิทธิ์ใช้งาน เอมานูเอล โปกาเตตซ์ และ คริส ริกก็อตต์ เนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่เกมรุกไร้ปัญหามีทั้ง สจวร์ต ดาวนิง และ ตุนชาย ซานลี คอยปั้นเกม ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ส่ง จอนนี เอแวนส์ ลงมาจับคู่กับ เนมานยา วิดิช ในแดนหลัง พร้อมกันนี้ยังดร็อป คริสเตียโน โรนัลโด แต่ส่ง เฟเดริโก มาเคดา ศูนย์หน้าดาวรุ่งชาวอิตาลีลงคู่กับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และมี เวย์ รูนีย์ คอยสนับสนุน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=199 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=199>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"กิกส์" เฮหลังทำประตู</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เกมครึ่งแรกผ่านมา 3 นาที เจ้าถิ่นได้ทักทายก่อนจากจังหวะที่ทีมต่อบอลกันอยู่หน้าเขตโทษของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่ อาลีอาดิแยร์ ลองสับไกยิง แต่ไม่ดีพอหลุดเสาออกไป อีก 2 นาที รูนีย์ รับบอลได้ตรงมุมเขตโทษด้านซ้ายก่อนเข้าในมาปั่นไซด์โค้ง แต่บอลไม่ตรงกรอบเช่นกัน

    "เดอะโบโร" สู้กับแชมป์เก่าได้อย่างสูสีทีเดียวในช่วงแรก มาถึงนาที 12 จังหวะต่อเนื่องจากลูกเตะมุม เบตส์ โหม่งหนุนเข้าไปในเขตโทษ ตุนชาย ได้ตีลังกายิง แต่ไม่ตรงกรอบเหมือนเดิมและกรรมการยกธงล้ำหน้าไปแล้ว อีก 2 นาทีต่อมาทีมเยือนตอบโต้กลับ เบอร์บาตอฟ จ่ายบอลจากบริเวณกลางสนามให้ รูนีย์ มองเห็นช่องตรงหน้าหน้าเขตโทษวางเท้ายิงทันที แต่บอลเหินข้ามคานออกไปนิดเดียว

    เกมมาถึงนาที 22 มิดเดิลสโบรช์ น่าทำประตูออกนำจากจังหวะวางบอลยาวขึ้นมาจากแดนหลัง วิดิช ของทีมเยือนโหม่งเคลียร์ออกมาเข้าทาง คิง แทงบอลทะลุช่องให้ อาลีอาดิแยร์ หลุดเข้าไปยิง แต่ ฟอสเตอร์ ออกมาบล็อกไว้ได้ นาทีต่อมา แมนฯ ยูไนเต็ด สวนกลับเร็ว กิกส์ ได้บอลตรงกลางสนาม ก่อนถ่ายต่อให้ รูนีย์ หลุดขึ้นทางซ้ายมาเปิดเข้ากลางและเป็นปีกชาวเวลส์ตามมาชาร์จบอล แต่ติดกองหลังออกไปได้ลูกเตะมุม

    จากจังหวะเตะมุมข้างต้น "ผีแดง" มาทำประตูออกนำ 1-0 ได้สำเร็จ เริ่มจากกองหลังเจ้าถิ่นเคลียร์ทิ้งออกมาเข้าทาง รูนีย์ ตรงริมเส้นด้านซ้าย ดาวยิงทีมชาติอังกฤษเลี้ยงตัดเข้าใน ก่อนเปิดไปตรงหน้าเขตโทษ วิดิช ที่เติมเกมขึ้นมาทำชิ่งกับ มาเคดา แต่บอลหลุดไปถึง กิกส์ ซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งซุกก้นตาข่ายหมดสิทธิ์ที่ โจนส์ ป้องกันได้ทัน

    หลังจากนั้นทั้งสองทีมบดกันอยู่ตรงกลางสนามเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้บุกมาถึงหน้าเขตโทษของคู่แข่งมากนัก ต้องรอจนกระทั่งช่วงท้ายครึ่งแรก สโคลส์ มีโอกาสยิงถึง 2 จังหวะ โดยจังหวะแรกเริ่มจาก ปาร์ก ทำเกมขึ้นมาทางขวา ก่อนจ่ายต่อให้มิดฟิลด์วัย 35 ปีลองสับไกยิงจากนอกเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาออกไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=199 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=199>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เอแวนส์" ดวลลูกโหม่งกับ "อาลีอาดิแยร์"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> มาถึงช่วงทดเจ็บ โจนส์ นายด่านเจ้าถิ่นเปิดบอลออกมาพลาดถูก เบอร์บาตอฟ ตัดได้จนกระชากเข้าไปในเขตโทษ ดาวยิงบัลแกเรียล็อกหลอกกองหลังล้มลง ก่อนจ่ายย้อนมาให้ สโคลส์ ยิงจากนอกเขตโทษอีกครั้ง แต่ไม่ตรงกรอบอีก ทำให้สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด นำอยู่เพียง 1-0

    เข้าสู่ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ทำเกมบุกก่อนเลยและเกือบทำประตูหนีห่างเมื่อ รูนีย์ ลากลุยขึ้นมาทางซ้ายจนถึงเส้นหลัง ก่อนตวัดกลับมาให้ มาเคดา เหยียดสุดปลายเท้า แต่ถูกกองหลังมากดดันจนยิงหลุดเสาออกไป อย่างไรก็ตาม มาถึงนาที 51 ทีมเยือนหนีห่าง 2-0 จนได้ เริ่มจากการต่อบอลอย่างสวยงามของทีมตรงหน้าเขตโทษเจ้าถิ่น จังหวะสุดท้าย รูนีย์ จ่ายตัดแผงหลังให้ ปาร์ก วิ่งฉีกไปเอาบอล ก่อนยิงผ่านตัว โจนส์ เข้าไป

    หลังจากนั้น "เดอะโบโร" แก้เกมด้วยการส่ง อัลฟองโซ อัลเวส และ ดิดิเยร์ ดิการ์ด ลงสนามมา ขณะที่ทีมเยือนเปลี่ยน มาเคดา ออกพร้อมส่ง คาร์ลอส เตเบซ ลงมาแทน แต่เกมของเจ้าถิ่นก็ยังไม่ดีขึ้น ส่วน "ผีแดง" เพลาเกมบุกลงเพื่อมองไปถึงเกมแชมเปียนส์ ลีก ช่วงกลางสัปดาห์

    เกมมาถึงนาที 69 มิดเดิลสโบรช์ มีลุ้นเล็กๆ จากจังหวะฟรีคิก อัลเวส วางบอลเข้ามาให้ วีเทอร์ โหนโหม่งแต่ทำได้ไม่ดีพอบอลไปตกบนตาข่าย ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด รอจังหวะสวนกลับและทำได้สวยในนาที 82 เมื่อ 3 กองหน้าทั้ง รูนีย์ , เบอร์บาตอฟ และ เตเบซ ทำชิ่งกันหน้าเขตโทษ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย กองหน้าทีมชาติอังกฤษจะถวายพานให้ โอเชีย เติมเกมขึ้นมายิง แต่ถูกกองหลังมาบล็อกและบอลกระดอนกับมาโดนตัวเองออกหลังไป

    หลังจากนั้น แชมป์เก่าครองบอลเหนือกว่าจนปิดเกมที่เจ้าบ้านจะทวงประตูคืนทำให้สุดท้ายจบ 90 นาทีจึงเอาชนะไป 2-0 พร้อมกับรั้งตำแหน่งจ่าฝูงต่อไปด้วยการมี 70 คะแนน ฉีกหนี ลิเวอร์พูล อันดับ 2 ที่จะลงสนามกับ นิวคาสเซิล ในวันอาทิตย์เป็น 6 คะแนน ขณะที่ มิดเดิลสโบรช์ อยู่อันดับที่ 19 ของตารางต่อไปมีเพียง 31 คะแนน

    รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    มิดเดิลสโบรช์ : แบร็ด โจนส์, โรเบิร์ต ฮูธ, เดวิด วีเทอร์, จัสติน ฮอยต์, โทนี แม็คมาฮอน, ตุนชาย ซานลี, แมทธิว เบตส์, สจวร์ต ดาวนิง, แกรี โอนีล, มาร์ลอน คิง, เฌเรมี อาลีอาดิแยร์
    แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, จอนนี เอแวนส์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, จอห์น โอเชีย, ไรอัน กิกส์, พอล สโคลส์, เวย์น รูนีย์, ปาร์ก จี ซอง, เฟเดริโก มาเคดา, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    ชนะฉิวเฉียดเลยครับ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ความสามารถในการใช้ชีวิตต่อไป
    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    คอลัมน์ จับจิตด้วยใจ

    โดย นพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ www.newheartnewlife.net

    ที่มา มติชนรายวัน

    ในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่องหนึ่งในเคเบิลทีวี เป็นเรื่องราวของ "ชีวิตของเหล่าภรรยาทหาร" ในค่ายทหารแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา

    ในตอนหนึ่งของซีรีส์เรื่องนี้ มีเหตุการณ์ที่เป็นความทุกข์ยากของเหล่าภรรยาทหารเกิดขึ้นพร้อมๆ กันหลายเรื่อง เรื่องแรกก็คือบรรดาสามีที่เป็นทหารและนายทหารหลายคนถูกส่งไปรบในอิรัก และหลายคนยังไม่สามารถส่งข่าวกลับมาให้ภรรยาทราบชะตากรรมได้

    เรื่องที่สองก็คือเกิดเหตุระเบิดขึ้นในร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในค่ายทหารและมีคนเสียชีวิตไปสี่คน บาดเจ็บหลายสิบคน หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นลูกสาววัยรุ่นของนายทหารที่เป็นผู้การค่าย ส่วนคุณแม่ซึ่งเป็นภรรยาของท่านผู้การก็บาดเจ็บจนสลบไปหลายวัน

    เรียกได้ว่า "ทุกข์กันทั้งค่าย"

    เป็น "ความทุกข์สาหัส" ที่ผมรู้สึกว่า ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอได้สมจริงสมจังมากๆ ผู้แสดงแต่ละท่านสามารถสื่อความทุกข์ออกมาทางสีหน้าท่าทางได้เข้ากับเหตุการณ์ในภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดีจริงๆ

    ท่านผู้การที่เพิ่งมีข่าวดีโดยได้รับแต่งตั้งตำแหน่งใหม่ให้เป็นผู้การค่ายทหารแห่งนี้มาไม่นาน ชีวิตก็เล่นตลก ทั้งๆ ที่มีอำนาจสูงสุดในค่าย เขาต้องมองดูลูกสาววัยรุ่นสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรลูกได้เลย ในขณะที่ภรรยาก็บาดเจ็บสาหัส

    ภรรยาของนายทหารท่านหนึ่งที่อยู่หน่วยรบพิเศษ และมักจะไม่เคยทราบชะตากรรมของสามีตัวเองว่า "ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่" ทั้งๆ ที่เธอต้องอยู่ดูแลลูกเล็กๆ สองคน ด้วยความรู้สึกวิตกกังวลตลอดเวลา

    เธอจะต้องผวาทุกครั้งที่ได้ยินเสียงออดที่ประตูบ้าน เพราะไม่รู้ว่า "เสียงออดในวันไหน" จะเป็นเสียงออดที่ทำให้เธอต้องพบกับคนที่มาแจ้งข่าวร้ายกับเธอที่หน้าประตูบ้าน

    แต่ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจเลือกที่จะมีชีวิตต่อไปและสามารถช่วยภรรยาของทหารอีกท่านหนึ่งที่เพิ่งถูกส่งตัวไปอิรัก และคนหลังนี้ "เพิ่งจะรู้สึก" ถึงความทุกข์ของการที่ไม่ทราบชะตากรรมของสามีที่ส่งตัวไปสนามรบ เธอ (คนหลังนี้) ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ไม่สามารถมีชีวิตที่เป็นปกติได้ ผวากับเสียงออดหน้าบ้านเช่นเดียวกันกับที่ภรรยาของทหารหลายคนเคยเป็นมา

    ภรรยาของนายทหารที่อยู่หน่วยรบพิเศษคนนี้ทำรายการวิทยุในค่ายทหารด้วย ผมชอบใจสิ่งที่เธอพูดในรายการวิทยุของเธอมากๆ เธอพูดถึง "ความสามารถในการใช้ชีวิตต่อไป" เมื่อหลายๆ คนต้องเผชิญหน้ากับ "ความทุกข์ที่แสนสาหัส"

    เธอบอกว่า บางทีเราก็ละเลยกับชีวิตที่กำลังดำรงอยู่ตรงหน้า บางทีเราก็ควรที่จะหัวเราะเมื่อเรายังหัวเราะได้ เราควรที่จะรักตอนที่เรายังสามารถรักได้ เพราะเราไม่รู้ว่าชีวิตข้างหน้าต่อไปจะเป็นอย่างไร พูดเสร็จเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า เธอจะต้องพาลูกๆ สองคนไปเที่ยวทะเลซะเลย

    สิ่งที่เธอพูดถึงก็คือ "การดำรงอยู่กับปัจจุบัน" ซึ่งผมเห็นด้วยครับว่า "บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ" หรอกครับที่จะทำได้ แต่ผมคิดว่า "สามารถฝึกฝนได้ครับ" และบางทีเราน่าจะเริ่มฝึกฝนกันไว้ซะตั้งแต่ที่ความทุกข์หนักยังไม่เข้ามาเยือน

    ภรรยาท่านผู้การที่ฟื้นขึ้นมาแล้วรับรู้ว่าสูญเสียลูกสาวไปแทบจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่ละขณะของชีวิตเธอไม่อาจจะอดใจไม่นึกถึงลูกได้เลย ทุกแห่งในบ้านเคยมีลูกสาวอยู่ โต๊ะอาหาร ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ฯลฯ ท่านผู้การค่ายยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไปอย่างเข้มแข็งแต่ต้องกลับมาร้องไห้ที่บ้าน

    ท่านติช นัท ฮันห์ พระเวียดนามแห่งหมู่บ้านพลัมที่ฝรั่งเศส จะพูดเสมอว่า "เราไม่สามารถหลีกหนีความทุกข์ได้เลย เราเพียงต้องเผชิญหน้าและเรียนรู้ที่จะดำรงอยู่กับความทุกข์เหล่านั้น" เพราะ "ความทุกข์" อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ได้มีโอกาสค้นหาเรียนรู้ "วิธีการที่จะพ้นทุกข์"

    ในสภาวะเหตุการณ์เศรษฐกิจของโลกที่ย่ำแย่ในขณะนี้ ผมเชื่อว่าหลายๆ คนกำลังเจอ "ความทุกข์" ที่อาจจะไม่เคยเจอกันมาก่อนในชีวิต

    ผมกำลังคิดว่าน่าสนใจมากว่า "ความสามารถในการใช้ชีวิตต่อไป" เมื่อใครสักคนต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ที่แสนสาหัสนี้จะต้องมีปัจจัยหรือองค์ประกอบอะไรบ้าง?

    เท่าที่พอนึกได้ในตอนนี้อาจจะมีหลักๆ อยู่สองสามข้อ

    หนึ่ง อาจจะต้องฝึกการรับรู้ให้เห็นความเป็นจริงตามที่เป็น

    จะสามารถรับรู้ความเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อต้องอยู่กับความเป็นปัจจุบัน ขณะนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลักการหายใจพื้นฐานของอานาปานสติก็เป็นไปเพื่อช่วยเรื่องการรับรู้นี้ หายใจเข้ารับรู้ว่าหายใจเข้า หายใจออกรับรู้ว่าหายใจออก เป็นการดึงความคิดจากอดีตและอนาคตให้กลับมาที่ปัจจุบัน

    สอง ยอมรับที่จะทุกข์ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความทุกข์เหล่านั้น

    เมื่อรับรู้มองเห็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็คงจะต้องมีมุมมองต่อความทุกข์เหล่านี้ว่า อืมมม เป็นเพื่อนกันได้นะ อยู่ด้วยกันก็ได้นะ ไม่ว่ากัน เหมือนกับที่ท่านติช นัท ฮันห์ใช้คำว่า "โอบกอดความทุกข์" เหล่านั้น

    สาม เพื่อนหรือกัลยาณมิตรเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก

    บางทีวิธีการแก้ทุกข์ก็อาจจะสามารถผุดพรายขึ้นมาได้เอง เมื่อเพื่อนของเรารู้ว่าเพื่อนของเรารับฟังเราอย่างจริงๆ เพราะความรู้สึกของ "การร่วมทุกข์" นั้นอาจจะเป็นอะไรที่วิเศษสุดในจังหวะนี้ของชีวิต

    ดูเหมือนว่า ทั้งสามองค์ประกอบเท่าที่พอจะนึกขึ้นมาได้นี้ มีอยู่อย่างเพียบพร้อมแล้วในคำสอนของพระพุทธศาสนาและทุกๆ ศาสนา การหันกลับมาสนใจและฝึกฝนทักษะต่างๆ ของศาสนาต่างๆ น่าจะเป็นเครื่องช่วยให้เรา "สามารถใช้ชีวิตต่อไป" ได้

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้แนะนำอะไรเกี่ยวกับเรื่องของศาสนาเลยแต่การเรียนรู้ที่ซ่อนแฝงอยู่ในซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากทีเดียวนะครับ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การสงเคราะห์ญาติ
    ˹ѧ��;������Ԫ�����ѹ : ˹ѧ��;�����س�Ҿ ����ͤس�Ҿ�ͧ������

    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

    ที่มา มติชน


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    คราวนี้มาว่าถึงสูตรสำเร็จข้อที่ 17 การสงเคราะห์ญาติ

    ญาติคือใคร การสงเคราะห์ทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องพูดมาก (หน้ากระดาษมีน้อย พูดน้อยขนาดนี้ยังไม่พอเขียนเลย) เอาเป็นว่า คนเราจะอยู่คนเดียวไม่ได้ ย่อมมีญาติพี่น้อง เทือกเถาเหล่าก่อ ไม่มีใครเกิดมาเองจากกระบอกไม้ไผ่

    มีสุภาษิตอยู่บทหนึ่งกล่าวว่า ต้นไม้ที่เกิดในป่ามากมายนั้น เวลาลมพัดแรงๆ มันย่อมช่วยกันต้านลมไว้ได้ ไม่หักไม่โค่นได้ง่ายฉันใด คนที่มีญาติพี่น้องมากย่อมเป็นที่พึ่งพาอาศัยกันได้เมื่อยามมีภัยฉันนั้น

    ความสำคัญของญาติจึงอยู่ที่การช่วยเหลือเจือจานซึ่งกันและกันนี่แหละครับ ญาติที่สักแต่ว่าญาติทางสายเลือดแต่ไม่เคยช่วยเหลือกัน แถมยังจะกินเลือดกินเนื้อกันอีกด้วย ไม่ควรค่าแก่การนับญาติประการใด คนอื่นที่ไม่ใช่สายเลือดแต่สนิทคุ้นเคยคอยสงเคราะห์ อนุเคราะห์ด้วยไมตรีจิตเสียอีกเรียกว่าเป็นญาติที่แท้จริง

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า วิสฺสาสปรมา ญาตี ความคุ้นเคยเป็นญาติอันประเสริฐ

    เมื่ออ้างพระพุทธเจ้าแล้วก็ขออ้างต่อไปว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นตัวอย่างของคนที่บำเพ็ญญาติสังคหะ หรือการสงเคราะห์ญาติอย่างสมบูรณ์ที่สุด ลองทบทวนดูก็ได้ พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญจริยา 3 ประการครบถ้วน คือ

    ญาตัตถจริยา (ทำประโยชน์แก่ญาติ) แม้ว่าพระองค์จะทรงสละโลกียวิสัยเสด็จออกบวชแล้วก็ตาม (ศัพท์ศาสนาว่า "เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์") ก็ยังทรงสงเคราะห์ช่วยเหลือพระประยูรญาติ ทั้งฝ่ายศากยะและฝ่ายโกลิยะเสมอ

    โลกัตถจริยา (ทำประโยชน์แก่ชาวโลก) ทรงสละความสุขส่วนพระองค์ เสด็จออกไปเทศนาสั่งสอนชาวโลกช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ วันเวลาผ่านไปแต่ละวันเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของชาวโลกแทบทั้งนั้น แม้เวลาจะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ยังอุตส่าห์ข่มทุกขเวทนาสั่งสอนคนอื่นดังทรงโปรดสุภัททปริพาชก เป็นต้น

    พุทธัตถจริยา (ทำประโยชน์ในฐานะพระพุทธเจ้า) ทรงบัญญัติพระวินัยเพื่อความดำรงมั่นแห่งพระพุทธศาสนา ทรงก่อตั้งคณะสงฆ์อันเป็นชุมชนตัวอย่างขึ้นในสังคม รวมทั้งตั้งสถาบันพุทธบริษัทคือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา งานทั้งหมดนี้ทรงทำในฐานะที่ทรงเป็นพระพุทธเจ้า

    เฉพาะข้อแรกคือ สงเคราะห์ญาตินั้นเห็นได้ชัดเจนว่าหลังจากทรงประดิษฐานพระพุทธศาสนามั่นคงในแคว้นมคธแล้ว ก็เสด็จไปโปรดพระพุทธบิดาและพระประยูรญาติเมืองกบิลพัสดุ์ เมื่อพวกญาติฝ่ายโกลิยะกับศากยะจะฆ่าฟันกันเพราะแย่งน้ำในแม่น้ำโรหิณีมาทำนา เลือดกำลังจะนองแผ่นดินอยู่พอดี พระองค์เสด็จไปห้ามไว้ สั่งสอนให้พวกเขาปรองดองกัน ชาวพุทธได้สร้างพระพุทธรูปปางหนึ่งเพื่อเป็นอนุสรณ์ เหตุการณ์ครั้งนี้ เรียกว่า "ปางห้ามญาติ" ครั้งสุดท้ายพระเจ้าวิฑูฑภะยกทัพไปหมายจะฆ่าพวกศากยะให้ตายหมด พระองค์เสด็จไปห้ามไว้ตั้งสามครั้ง พระญาติของพระองค์รอดตายเพราะพระมหากรุณาของพระองค์

    คนเราไม่ควรลืมญาติ ยิ่งได้ดิบได้ดี ลืมตาอ้าปากได้ ยิ่งต้องหันมาสงเคราะห์ อนุเคราะห์ ช่วยเหลือญาติของตนเท่าที่จะทำได้ ดูพระจริยาวัตรของพระพุทธองค์เป็นตัวอย่างก็แล้วกัน และการช่วยญาติที่ดีที่สุดคือ ช่วยให้ญาติช่วยตัวเองได้

    ขนาดผู้ตรัสรู้แล้วท่านยังไม่ลืมญาติพี่น้อง ปุถุชนเราก็ไม่ควรลืมพี่ลืมน้อง ควรเป็นที่พึ่งพาอาศัยของกันและกัน

    คำว่า "พึ่งพาอาศัยกัน" บอกอยู่ในตัวแล้วว่า ทุกคนต้องเป็นที่พึ่งพาของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย มิใช่คอยแต่จะพึ่งเขาท่าเดียว เช่น พี่อยู่ในฐานะที่จะช่วยเหลือน้องๆ ทางด้านทรัพย์สินเงินทองได้ น้องๆ ก็ต้องช่วยพี่ด้วยการทำตนให้ดีให้เหมาะสม เป็นการตอบแทนอีกทางหนึ่ง มิใช่คอยแต่จะแบมือขอจากพี่ฝ่ายเดียว อย่างนี้เป็นต้น

    การช่วยเพื่อให้อีกฝ่ายช่วยเหลือตัวเองได้เป็นหัวใจของการสงเคราะห์อนุเคราะห์ที่ถูกต้อง

    พวกศากยะพระญาติของพระพุทธเจ้านั้น มีข้อด้อยอยู่ประการหนึ่ง คือ ความหยิ่งในสายเลือดของตน มักดูถูกคนอื่นว่าชาติตระกูลต่ำ ขนาดพระเจ้าปเสนทิโกศลเจ้าผู้เป็นใหญ่เหนือพวกศากยะ ยังถูกพวกศากยะดูหมิ่นลึกๆ เลยครับ (แต่ไม่ได้แสดงให้ปรากฏเด่นชัด เพราะกลัวปเสนทิโกศลเล่นงานเหมือนกัน)

    เมื่อครั้งปเสนทิโกศลต้องการจะเป็นญาติทางสายเลือดกับพระพุทธองค์ ทรงส่งทูตไปขอนางกษัตริย์จากศากยวงศ์มาอภิเษกสมรส พวกศากยะแอบส่งลูกนางทาสีที่เกิดจากท้าวมหานามไปให้ พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสถาปนาให้เป็นอัครมเหสี มีโอรสองค์หนึ่งชื่อ วิฑูฑภะ

    ต่อมาความลับแตก พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงพิโรธมาก กำลังจะทรงยกทัพมาบดขยี้พวกศากยะอยู่พอดี พระพุทธองค์เสด็จไปห้ามไว้ ทรงอธิบายว่า เชื้อสายทางมารดาไม่สำคัญ ถึงมารดาจะเป็นทาสี โอรสก็เป็นของพระองค์ ย่อมเป็นโอรสของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ดี

    พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงเชื่อพระพุทธองค์ ทั้งแม่ทั้งลูกจึงรอดไป แต่ผู้เป็นลูกคือเจ้าชายวิฑูฑภะ ต่อมาไปเยี่ยมพระเจ้าตาที่เมืองกบิลพัสดุ์ ถูกดูหมิ่นเหยียดหยามขนาดว่านั่งที่ไหน เขาจะเอาน้ำนมล้างที่ตรงนั้น เพื่อขับไล่เสนียด

    วิฑูฑภะทราบภายหลัง จึงผูกอาฆาตว่าเป็นใหญ่มาเมื่อใด จะเอาเลือดในลำคอของพวกศากยะมาล้างตีนตนให้ได้ รอเสด็จพ่อยกราชบัลลังก์ให้ไม่ทันใจ จึงปฏิวัติพ่อตั้งตนเป็นกษัตริย์ วันดีคืนดีก็ยกทัพไปหมายจะล้างแค้นให้สาแก่ใจ พระพุทธองค์เสด็จไปห้ามไว้ เสด็จไปประทับใต้ต้นไม้เงาโปร่งในแดนของพวกศากยะ วิฑูฑภะเข้าไปทูลถามว่า ทำไมไม่ประทับใต้ต้นที่เงาหนาทึบ (ซึ่งอยู่แดนของแคว้นโกศล)

    พระองค์ตรัสตอบเป็นปริศนาว่า "มหาบพิตร ร่มเงาของญาติย่อมเย็นกว่า"

    วิฑูฑภะรู้ทันทีว่า พระองค์เสด็จมาปกป้องพระญาติ จึงถอยทัพกลับด้วยเกรงพระบารมีพระพุทธองค์ มากี่ครั้งๆ ก็พบพระองค์ ณ จุดนั้น

    ครั้งสุดท้าย พระพุทธองค์ทรงเล็งเห็นกรรมเก่าของพวกศากยะตามทันสุดจะห้ามไว้ได้ จึงไม่ได้เสด็จไปประทับ ณ จุดนั้นอีก วิฑูฑภะจึงได้โอกาสทำลายล้างพวกศากยะเกือบหมดสิ้น ที่เหลือก็หนีกระเจิดกระเจิงไปอยู่ที่อื่น

    เหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดก่อนพุทธปรินิพพานไม่กี่ปี

    พระพุทธองค์ตรัสกับเหล่าสาวกในภายหลังว่า "หยิ่งเพราะชาติและโคตร ดูหมิ่นแม้กระทั่งญาติของตนเอง จึงประสบความพินาศปานฉะนี้"
     
  20. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ช่วงเย็นไปทำบุญที่ มูลนิธิมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุฯ
    และ มูลนิธิฯ, ผ้าป่า ในงานมหกรรมการเทศน์มหาเวสสันดรนานาชาติ
    ณ โรงพิธีท้องสนามหลวง

    ผมขอน้อมอุทิศ กุศลผลบุญ แก่กัลยาณมิตร ทุกท่าน ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...