พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เรียน คุณแด๋น
    วันนี้เวลาประมาณ 12.01น.ผมได้โอนเงินจำนวน 400บาทแล้วครับ
    ขอบคุณครับ
     
  2. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    โมทนาบุญด้วย ครับ
     
  3. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  4. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ขอบคุณ ครับ ช่วงนี้อากาศร้อนมากๆ ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกๆท่านรักษาสุขภาพด้วย ครับ
     
  5. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ตอนเย็นว่าจะไปเซ็นทรัลเวิร์ล รถติดมากช่วงชิดลม เลยไปทาน
    อาหารอิตาเลียนแถวสุขุมวิท แล้วต่อด้วยกาแฟแมลงดาวที่รู้สึก
    ว่ามีลูกค้าน้อย อาจเป็นว่าคนเริ่มประหยัดมากขึ้น ครับ
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ้าวถ้าไปก็ได้พบกันสิครับ ท่านโดไปกวาด ที่ร้านของเล่นคือเราซะหมดทั้งชั้นเลยครับ หุ หุ
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ได้ไปกราบสรีระศพหลวงปู่ทิม ที่วัดพระขาว เมื่อวันครบ ๗ วันของการมรณภาพ เลยนำบรรยากาศบางส่วนมาให้ชม และอนุโมทนาร่วมกัน

    บรรยากาศบริเวณหน้าทางเข้าไปจะมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการซื้อหาชุดธูปเทียนดอกไม้ และผ้าไตรถวายหลวงปู่..
    <!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  8. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    โลงศพที่ตั้งในพิธีให้ญาติโยมได้กราบสักการะ และโลงศพประดับมุกให้ญาติโยมได้มีส่วนร่วมสร้างถวายหลวงปู่ ตรงจุดนี้หากทำบุญเท่าไหร่ก็ได้ จะได้รับภาพหลวงปู่ทิม ๑ ภาพ<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  9. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ด้านตรงข้ามกับสถานที่จัดงานศพของหลวงปู่ จะเป็นอุโบสถ ภายในนอกจากจะมีพระประธานสีขาว พระอัครสาวกแล้ว ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามมากต้องไปชมกันเองครับ


    <TABLE height=542 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=382 background=image/watc003.gif border=0 showgridy showgridx gridy="16" gridx="16" cool><TBODY><TR height=184><TD vAlign=top width=336 colSpan=3 height=184 content xpos="23" csheight="168">สันนิษฐาน ว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ปั้นด้วยปูน
    มาแต่โบราณ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอก สูงประมาณ
    ๖ ศอก ชาวบ้านเรียกชื่อว่า "หลวงพ่อขาว" เป็นที่
    เคารพบูชาของชาวบ้านมาก

    ความศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เลื่องลือกันมากมาย อธิษฐาน
    บนบานสมความปารถนา บุคคลใดมีหลวงพ่อขาวไว้สักกา-
    ระบูชา จะมีแต่ความสุข ความเจริญ ค้าขายมีกำไร
    แคล้วคลาดปลอดภัย ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข

    </TD><TD width=22 colSpan=2 height=184></TD><TD width=1 height=184><SPACER width="1" height="184" type="block"></TD></TR><TR height=31><TD width=114 colSpan=2 height=31></TD><TD vAlign=top width=165 height=31 content xpos="114" csheight="21">คำบูชาหลวงพ่อพระขาว</TD><TD width=102 colSpan=3 height=31></TD><TD width=1 height=31><SPACER width="1" height="31" type="block"></TD></TR><TR height=175><TD width=23 height=175>








    </TD><TD vAlign=top width=339 colSpan=4 height=175 content xpos="23" csheight="153">ข้าพเจ้า ขอบูชา หลวงพ่อพระขาว อันเป็นรูปเปรียบ
    แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประดิษฐานอยู่
    ณ พุทธสถานแห่งนี้ ด้วยเครื่องสักการะอันประเสริฐนี้
    ขอการบูชา หลวงพ่อพระขาว ด้วยเครื่องสักการะอัน
    ประเสริฐของข้าพเจ้านี้ จงเป็นไป เพื่อประโยชน์ เพื่อ
    ความสุข เพื่อความเจริญ แก่ข้าพเจ้า ตลอดกาลนาน
    เทอญ ฯhttp://www.luangputim.com/watprakao.html
    </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
     
  10. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ท่านใดสนใจไปกราบสรีระศพของหลวงปู่ก็ลองเดินทางไปตามที่อยู่นี้..<!-- google_ad_section_end -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG]
    </FIELDSET>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โมทนาครับคุณเพชร
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ผี" ซัลโวครึ่งหลังห้าลูกรวดพลิกหลอน "ไก่" 5-2 คืนจ่าฝูงลีก
    http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000046544
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 เมษายน 2552 01:39 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> "ผีแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาทำ 5 ประตูรวดในช่วงครึ่งหลังจนพลิกกลับมาเอาชนะ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ อย่างสวยงาม 5-2 พร้อมคืนบัลลังก์จ่าฝูงอีกครั้ง ในการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา

    ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
    แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 5 - 2 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=349 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=349>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ผีแดง" พลิกกลับมาชนะอย่างสุดมัน 5-2</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แมนฯ ยูไนเต็ด หมดสิทธิ์ใช้งาน แกรี เนวิลล์ ฟูลแบ็กประสบการณ์สูงหลังจากมีอาการบาดเจ็บในเกมนัดล่าสุด นอกจากนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจพัก ไรอัน กิกส์ ปีกจอมเก๋าเป็นตัวสำรองในเกมนี้ อย่างไรก็ตามแดนหน้ายังคงน่ากลัวเพราะมีทั้ง เวย์น รูนีย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ คริสเตียโน โรนัลโด ขณะที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ มีข่าวดีเมื่อ เลดลีย์ คิง ปราการหลังกัปตันทีมฟิตกลับมาลงสนามได้ แต่หมดสิทธิ์ใช้งาน โรมัน พาฟลูเชนโก กองหน้าชาวรัสเซียที่บาดเจ็บ

    เริ่มเกมครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมเหนือกว่าเล็กน้อยและพยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่ แต่กลายเป็นทีมเยือนที่เกือบทำประตูออกนำก่อนในนาทีที่ 7 เมื่อ เจนาส ถ่ายบอลมาให้ เลนนอน ทางริมเส้นด้านขวาก่อนวางบอลเข้าเขตโทษ บอลลอยข้ามหัว เฟอร์ดินานด์ หลุดไปถึง เบนท์ ทางเสาสองได้โหม่งมุมแคบ แต่ยังดีที่ ฟาน เดอ ซาร์ ออกมาปิดเสาบล็อกออกหลังไปได้ทัน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=201 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=201>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"ราฟาเอล" ขึ้นโหม่งบอลสูงกว่า "โมดริซ"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เกมกลับมาสูสี เจ้าถิ่นยังหาจังหวะส่องประตู "ตราไก่" แบบชัดเจนไม่ได้ โดยมามีลุ้นจากลูกฟรีคิกระยะประมาณ 30 หลาในนาที 20 โรนัลโด ลองกดเต็มข้อ บอลพุ่งส่ายเข้าหาประตู โกเมซ รับซองแตกเล็กน้อย แต่ตามมาเก็บบอลได้ในจังหวะที่สอง อีก 4 นาทีต่อมา นานี ได้บอลตรงริมเส้นด้านซ้าย สับหลอกกองหลัง 2-3 จังหวะ ก่อนเปิดเข้ากลาง โรนัลโด ได้ลอยตัวโหม่ง แต่โดนไม่เต็มศีรษบอลหลุดออกหลังไป

    มาถึงนาที 26 นาที นาที ทำเกมขึ้นมาทางซ้ายอีกครั้ง ก่อนตวัดเข้ากลาง เบอร์บาตอฟ จับไม่อยู่ถูกกองหลังเคลียร์ทิ้ง บอลมาเข้าทาง คาร์ริก กระแทกบอลให้ รูนีย์ อัดเต็มแรงจากนอกเขตโทษ บอลเหินข้ามคานออกไปอีก แต่แล้วอีก 3 นาทีต่อมา สเปอร์ส กลับเป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0 อย่างพลิกความคาดหมายเมื่อ ชอร์ลูกา เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวาเข้าเขตโทษ บอลลอยข้ามหัว วิดิช ไปถึง เบนท์ ที่เบียดชนะ เฟอร์ดินานด์ จนได้ซัดเต็มข้อหน้าประตูบอลตุงตาข่าย

    เกมรับของแชมป์เก่าชักมีปัญหาจนมาเสียประตูอีกจนได้ในนาที 32 เริ่มจากจังหวะที่ เลนนอน ได้บอลตรงริมเขตโทษด้านขวา ก่อนโยกหลอก เอฟรา หลุดไปเปิดเข้ากลาง บอลเลยไปทางเสาสองถึง โมดริซ ที่ยืนอยู่โล่งๆ พักบอลลง ก่อนซัดสวนตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ ที่พยายามออกมาปิดมุมเข้าประตูไปให้สกอร์หนีห่างเป็น 2-0

    หลังถูกนำห่าง "ผีแดง" โหมบุกกดดัน ราฟาเอล เติมเกมขึ้นมายิงตรงหน้าเขตโทษ แต่เบาเกินไปถูก โกเมซ รับได้อย่างไม่มีปัญหา มาถึงนาที 37 เจ้าถิ่นเกือบทวงประตูคืนจากลูกฟรีคิก โรนัลโด เจ้าเก่ารับหน้าที่สังหารเหมือนเดิม จังหวะแรกอัดบอลเต็มแรงโดนกำแพง แต่ยังกระดอนมาเข้าทางตามซ้ำจังหวะสองด้วยหลังเท้า บอลย้อยเกือบมุดเสียบสามเหลี่ยม แต่ โกเมซ ถอยปัดทิ้งออกหลังอย่างหวุดหวิด หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้จบ 45 นาทีแรก สเปอร์ส นำ 2-0

    เริ่มเกมครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด โหมบุกเข้าใส่ทันทีเพื่อหวังทวงประตูคืน แต่ต้องรอถึงนาที 53 จึงมีโอกาสใกล้เคียงที่สุดจากจังหวะต่อบอลทำเกมรุกกันขึ้นมาอย่างสวยงาม ก่อนสุดท้ายบอลมาถึง เบอร์บาตอฟ หน้าเขตโทษ ปาดต่อให้ โรนัลโด ทางริมกรอบเขตโทษ กระแทกบอลเร็วให้ เตเบซ หลุดเข้าไปยิงมุมแคบ แต่ โกเมซ โชว์ซูเปอร์เซฟใช้ขาสกัดออกหลังไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=202 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=202>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"โรนัลโด" ถอดเสื้อหลังซัดประตูพลิกนำ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แต่เมื่อถึงนาที 57 แชมป์เก่าทำประตูไล่ขึ้นมาได้เป็นผลสำเร็จจากจังหวะที่ คาร์ริก หลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษจนถูก โกเมซ ที่พยายามออกมาตัดบอลทำฟาวล์ล้มลง กรรมการเป่าเป็นจุดโทษทันทีพร้อมควักใบเหลืองให้นายทวารชาวบราซิล โดย โรนัลโด รับหน้าที่สังหารไม่พลาดอัดตรงกลางประตูให้สกอร์ขยับเป็น 1-2

    สเปอร์ส พยายามเปิดเกมบุกเพื่อทำประตูหนีห่างอีกครั้ง แต่ยังไม่เด็ดขาดพอพลาดโอกาสไป กลายเป็น "ผีแดง" ตามมาตีเสมอจนได้เมื่อถึงนาที 67 จากจังหวะโต้กลับเร็ว ก่อนที่สุดท้าย รูนีย์ จะได้บอลทางริมเส้นด้านซ้าย เลี้ยงจี้เข้าหาเขตโทษแล้วตัดสินใจยิง บอลลอดขา ชอร์ลูกา พุ่งเข้ากรอบประตูเต็มแรง โกเมซ ปัดไม่อยู่ บอลหลุดเข้าซุกก้นตาข่ายให้เจ้าบ้านตีเสมอ 2-2

    เพียงอึดใจเดียว แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกขึ้นนำเป็น 3-2 อย่าง คราวนี้ รูนีย์ เป็นผู้เปิดจากริมเส้นด้านซ้ายมาให้ โรนัลโด พุ่งโขกเต็มๆ บอลตุงตาข่ายหมดสิทธิ์ที่ โกเมซ จะป้องกัน เกมรับของ "ไก่เดือยทอง" ยังป้อแป้จนมาถูกยิงอีกลูกในนาที 71 จากการที่ โรนัลโด วางบอลไปทางเสาสองให้ รูนีย์ พักบอลลงก่อนสับไกยิงเต็มแรง วูดเกต กองหลังทีมเยือนพยายามมาเคลียร์ทิ้งหน้าประตู แต่ลูกข้ามเส้นไปแล้วทำให้สกอร์หนีห่างเป็น 4-2

    อีก 2 นาทีต่อมา สเปอร์ส มีลูกฮึดเกือบทำประตูไล่คืนมา เมื่อ เบนท์ ได้บอลตรงมุมเขตโทษ โยกหนีกองหลังเจ้าบ้าน ก่อนจะพยายามปั่นไซด์โค้งให้เข้าประตู แต่บอลหลุดเสาออกไปนิดเดียว มาถึงนาที 79 เกมโต้กลับอันมีประสิทธิภาพของ "ผีแดง" มาแผลงฤทธิ์อีกจนได้ เริ่มจาก เบอร์บาตอฟ ป่ายบอลต่อให้ รูนีย์ ทางริมเส้นด้านซ้าย ก่อนเปิดกลับเข้ากลางและเป็นดาวยิงชาวบัลแกเรียตามมาโหม่งเข้าประตูไปทำให้สกอร์นำห่าง 5-2

    เกมเข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด ยังบุกต่อและเกือบมาได้ประตูเพิ่มจากลูกยิงของ โรนัลโด ที่ได้กระชากขึ้นมายิงตรงหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาสองออกไป ส่วน สเปอร์ส มีโอกาสสุดท้ายแต่ลูกยิงของ เลนนอน ทำได้เพียงเข้าข้างตาข่าย หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้จบ 90 นาที "ผีแดง" พลิกกลับมาชนะไปอย่างสุดมันส์ 5-2 พร้อมขึ้นมาครองบัลลังก์จ่าฝูงอีกครั้งด้วยการมี 77 คะแนนเหนือกว่า ลิเวอร์พูล ทีมอันดับสองอยู่ 3 คะแนนและแข่งน้อยกว่า 1 นัด

    รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานยา วิดิช, ปาทริซ เอฟรา, ราฟาเอล, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, ไมเคิล คาร์ริก, นานี, คริสเตียโน โรนัลโด, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ,เวย์น รูนีย์
    สเปอร์ส : โกเมซ, เลดลีย์ คิง, โจนาธาน วูดเกต, เบนัวต์ แอสซู-เอก็อตโต, เวดรัน ชอร์ลูกา, วิลสัน ปาลาซิออส, เจอร์แมน เจนาส, ลูกา โมดริซ, อารอน เลนนอน, ดาร์เรน เบนท์, ร็อบบี คีน

    ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
    โบลตัน เสมอ แอสตัน วิลลา 1-1
    [0-1 : แอชลีย์ ยัง น.43], [1-1 : ทามีร์ โคเฮน น.60]
    เอฟเวอร์ตัน แพ้ แมนฯ ซิตี 1-2
    [0-1 : โรบินโญ น.35], [0-2 : สตีเฟน ไอร์แลนด์ น.54], [1-2 : แดน กอสลิง น.90]
    ฟูแล่ม ชนะ สโต๊ค 1-0
    [1-0 : เอริก เนฟแลนด์ น.29]
    ฮัลล์ ซิตี แพ้ ลิเวอร์พูล 1-3
    [0-1 : ชาบี อลอนโซ น.45], [0-2 : เดิร์ก เคาท์ น.63], [1-2 : โจวานนี น.72], [1-3 : เดิร์ก เคาท์ น.89]
    เวสต์บรอมวิช ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-0
    [1-0 : โฮนาส โอลส์สัน น.40], [2-0 : คริส บรันท์ น.58], [3-0 : ฮวน คาร์ลอส เมนเซเกซ น.88]
    เวสต์แฮม แพ้ เชลซี 0-1
    [0-1 : ซาโลมง กาลู น.55]
    แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ สเปอร์ส 5-2
    [0-1 : ดาร์เรน เบนท์ น.29], [0-2 : ลูกา โมดริซ น.32], [1-2 : คริสเตียโน โรนัลโด ลูกจุดโทษ น.57], [2-2 : เวย์น รูนีย์ น.67], [3-2 : คริสเตียโน โรนัลโด น.68], [4-2 : เวย์น รูนีย์ น.71], [5-2 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ น.79]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้จัก"ข้าวฮาง" อาหารสุขภาพ

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE53PT0=&day=TWpBd09TMHdOQzB5Tmc9PQ==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ปัจจุบันคนไทยจำนวนมากหันมาใส่ใจอาหารการกินเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ข้าวกล้อง ผักหรือผลไม้ปลอดสารพิษ หรือ "ข้าวกล้องงอก" ที่กำลังฮิต

    ล่าสุดก็มี "ข้าวฮาง" ที่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น และหันมาบริโภคกันไม่น้อย

    ที่บ้านสวนสวรรค์ ต.หันนางาม อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู เป็นหมู่บ้านตัวอย่าง ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการทำ "ข้าวฮาง" ปลอดสารพิษ

    โดยใช้ข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมือง หรือ ข้าวกล่ำ หมายถึง ข้าวเหนียวดำ ที่ปลูกด้วยปุ๋ยอินทรีย์ปลอดสารเคมี นำมาผลิตเป็นข้าวฮาง ด้วยกรรมวิธีภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนอีสาน ว่ากันว่ามีมาตั้งแต่สมัยโบราณสืบต่อกันมากว่า 200 ปี

    กรรมวิธีการทำข้าวฮาง เริ่มจากนำข้าวเปลือกที่เปียกน้ำแล้วขึ้นเป็นหน่อเล็กคล้ายๆ กับข้าวกล้องงอก โดยนำไปนึ่งจนเม็ดข้าวแตก ก่อนนำไปผึ่งแดดให้แห้ง แล้วจึงนำไปสี หรือตำในครกกระเดื่อง ก็จะได้เมล็ดข้าวฮางที่มีสีน้ำตาลแตกต่างจากข้าวกล้อง

    ที่สำคัญมีประ โยชน์ต่อร่างกายไม่น้อยไปกว่าข้าวกล้องอีกด้วย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    แต่ด้วยกรรมวิธีที่ยุ่งยาก จึงทำให้ข้าวฮางมีราคาค่อนข้างสูง โดยจำหน่ายกิโลกรัมละ 80 บาท เพราะต้องผ่านกรรมวิธีต่างๆ มากมายหลายขั้นตอน รวมระยะเวลาประมาณ 5 วัน ต่อการผลิต 1 รอบ

    นางละเอียด ปู่หลุ่น อายุ 51 ปี หัวหน้ากลุ่มบ้านสวนสวรรค์ ผู้ผลิตข้าวฮาง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดภูมิปัญญานี้มาจากพ่อที่เป็นหมอยาโบราณ เล่าที่มาข้าวฮางว่า สมัยก่อนข้าวเปลือกที่อยู่ในยุ้งฉางเปียกน้ำ และขึ้นเป็นหน่อเล็กๆ ชาวบ้านต้องการเก็บรักษาข้าวไม่ให้เสีย จึงนำไปนึ่งแล้วนำไปตากแดดให้แห้ง จากนั้นนำมาหุงกิน พบว่ามีความอร่อย นิ่มเหนียวเหมือนข้าวโพด นั่นคือจุดเริ่มต้นของข้าวฮาง

    ส่วนคำว่า "ฮาง" หมายถึงการนึ่ง ในสมัยก่อนพ่อเล่าให้ฟังว่า ข้าวฮางจะหุงในหม้อดินสำหรับคนป่วย หรือบางที่ก็หลามใส่ในบ้องไม้ไผ่ ถ้าคนป่วยไม่มีฟัน ก็จะนำมาเคี่ยวให้เป็นน้ำนมข้าว สำหรับคนที่มีฟันก็ให้เคี้ยวนานๆ ประมาณ 200 ครั้งขึ้นไป พบว่ามีอาการดีขึ้น

    กระบวนการการทำข้าวฮางบ้านสวนสวรรค์ ยังได้รับการรับรองจาก ผศ.พนมกร ขวาของ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมคณะในโครง การบริการวิชาการแก่ธุรกิจอุตสาหกรรม ที่เดินทางมาพบ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    จากนั้นสอบถามถึงวิธีการผลิตข้าวฮาง และแนะนำให้ผลิตข้าวฮางในรูปแบบต่างๆ หลายวิธี เพื่อนำไปวิจัย ใช้ระยะเวลาเกือบ 1 ปี ผลการวิจัยพบว่า ข้าวฮางที่กลุ่มแม่บ้านที่นี่ผลิตขึ้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ คล้ายกับข้าวกาบ้าของญี่ปุ่น ด้วยการนำข้าวเปลือกมาแช่น้ำให้เกิดการงอก จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีในเมล็ดข้าว

    จากกรรมวิธีผลิตข้าวฮาง ยังทำให้ได้ข้าวเต็มเมล็ดที่มีจมูกข้าวและรำข้าว ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และวิตามินต่างๆ รวมกว่า 20 ชนิด อีกทั้งข้าวฮางมีเส้นใย อาหารปริมาณสูง ช่วยการทำงานของระบบขับถ่าย ความโดดเด่นของข้าวฮาง คือ มีสารอาหารต่างๆ สูงมาก โดยเฉพาะสาร GABA (Gamma Amino Butyric Acid) ที่ช่วยลดความดันโลหิตและปริมาณคอเลสเตอรอล มีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือความจำเสื่อม ลมชัก และโรคเครียด

    นอกจากนี้ ยังมีธาตุแมงกานีสในปริมาณสูง จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งอีกด้วย อีกทั้งข้าวฮางมีค่าการเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในกระแสเลือดต่ำ ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    ที่สำคัญ จุดเด่นของข้าวฮางที่ผ่านกระบวนการต่างๆ แล้ว จะมีลักษณะพิเศษนิ่มอร่อยใกล้เคียงข้าวขาว สามารถหุงได้เหมือนกับข้าวขาวทั่วไป มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเปลือกข้าว ขณะที่สารอาหารต่างๆ สูงกว่าข้าวกล้องทั่วไป

    นางละเอียด เล่าว่า ปัจจุบันชักชวนกลุ่มแม่บ้านโนนงาม และบ้านโคกม่วง ต.นากอก อ.ศรีบุญเรือง ส่วนใหญ่มีอาชีพทำนา มาทำข้าวฮางขายในนามกลุ่มสหกรณ์การเกษตรโอท็อปศรีบุญเรือง จำกัด และแปรรูปข้าวฮางในรูปแบบต่างๆ เช่น แป้งจมูกข้าวฮาง ด้วยวิธีการชงในน้ำร้อนคล้ายๆ กับน้ำข้าว หรือ สบู่ล้างหน้าผสมน้ำผึ้ง เป็นต้น

    ข้าวฮางไม่ได้แค่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมอีกด้วย
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ม้าลาย ม้าต้นตระกูลและม้าสี บนสายสร้อยร้อยลูกปัด

    คอลัมน์ (แกะ)รอยลูกปัด

    โดย บัญชา พงษ์พานิช plearnstan@gmail.com

    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01sun02260452&sectionid=0120&day=2009-04-26

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>แรกเรียนรู้เรื่องลูกปัดนั้นผมงงมากๆ เมื่อถูกถามไถ่ว่า มีไหมนกยูง เอาไหมม้าลาย ?

    "ลูกปัดนกยูง" ที่ว่าถ้าท่านติดตามการแกะรอยลูกปัดมาแต่ต้นก็คงจะพอนึกออกถึงลูกปัดแก้วที่มีลายเป็นวง ๆ คล้ายวงบนขนหางนกยูงในทำนองเดียวกับ "ลูกปัดตา" ที่บางพื้นที่ดูเป็น "ลูกยอ"

    แต่ "ม้าลาย" รอบนี้ แรกสุดผมก็นึกไม่ถึงว่าคือลูกปัด จนชาวบ้านชี้ให้ดูลูกปัดทรงยาวรีสีดำ มีลายสีขาวคั่นอยู่สามเส้น ก็เกิดเห็นเป็นทางม้าลายบนถนนขึ้นมาทันที พร้อมกับที่นึกได้ว่าตัวสัตว์ม้าลายนั้นก็มีสีสลับขาวดำอย่างนี้เช่นกัน ชาวบ้านช่างจินตนาการและตั้งชื่อได้เหมาะมาก ไม่ว่าจะที่ไชยา หรือ ตะกั่วป่าที่พบม้าลายได้เรื่อยๆ ตลอดจนทั่วทั้งวงการลูกปัดก็เรียกกันอย่างนี้

    หลังตามรอยลูกปัดอยู่ระยะหนึ่ง ผมจึงได้รู้จักอีกสองม้าของวงการลูกปัด คือ "ม้าต้นตระกูล" กับ "ม้าสี" โดยม้าต้นตระกูลนั้นนิยมเรียกสั้นๆ ว่า "ต้นตระกูล" ซึ่งได้ความว่าด้วยเนื้อแก้วที่พรุน สีและเส้นไม่ขาวและคมเฉียบอย่างม้าลาย วงการจึงยกให้เป็นบรรพม้า หรือ "ม้าต้นตระกูล" พบได้ที่บางกล้วย ท่าชนะ คลองท่อม อันเป็นแหล่งลูกปัดสมัยเก่ากว่าที่พบม้าลาย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในวงการลูกปัดโลกเรียกลูกปัดแบบนี้ว่า "Agate Glass Beads" หรือ "ลูกปัดแก้วที่ทำให้คล้ายหินอเกต" อันนับเป็นรอยวิวัฒน์ของลูกปัดที่สำคัญ กล่าวคือจากเดิมที่นิยมลูกปัดหินอเกตสีสลับขาวดำหรือน้ำตาล เมื่อรู้จักผลิตลูกปัดแก้วพร้อมกับการพัฒนาเรื่องสีและลวดลาย มนุษย์ก็เริ่มทำลูกปัดแก้วเลียนแบบลวดลายและสีอย่างลูกปัดหิน โดย "ลูกปัดม้าต้นตระกูล" และ "ลูกปัดม้าลาย" นี้ ถือเป็นรอยวิวัฒน์อันสำคัญ ประมาณกันว่าน่าจะเริ่มทำในสมัยกรีกโบราณ (Helenistic) โดยคุณหมอเจมส์วางไว้ใน Bead Timeline ที่ ๒๐๐-๑๐๐ ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเมื่อเทียบกับอายุโดยประมาณของพื้นที่บางกล้วย ท่าชนะ และ คลองท่อม ที่ประมาณไว้ว่าอยู่ในช่วงราวพุทธศตวรรษที่ 5-13 ก็น่าจะไล่ๆ กัน

    ส่วนลูกปัด "ม้าสี" นั้น ผมพบเห็นมากที่ไชยา ส่วนใหญ่เป็นแก้วทรงกระบอกสี่เหลี่ยมสั้นๆ สีน้ำเงินสลับขาว บางครั้งจึงพบสีสลับอื่นๆ เช่น เหลือง แดง เขียว

    เท่าที่สังเกตลูกปัดม้าสีนั้นน่าจะทำจากท่อนแก้วสลับสีที่ตัดแล้วเจาะรูในขณะที่ยังหลอมอ่อนอยู่ ในขณะที่ลูกปัดม้าลายและม้าต้นตระกูลนั้นน่าจะทำด้วยวิธีม้วนพันแผ่นแก้วสลับสีรอบแกนโลหะ โดยกลุ่มลูกปัดสลับสีทำนองนี้ยังมีอีกหลายแบบที่ชาวบ้านช่างจินตนาการให้เป็นได้สารพัด ล้วนแต่อยู่ในวงศ์สัตว์ทั้งนั้น ตั้งแต่ ตัวหนอน กบเขียด จนกระทั่ง นกแก้ว แล้ววันหน้าจะนำมาแกะร่องให้ตามรอยกันต่อไป

    ในขั้นต้นนี้ เท่าที่ผมตามรอยได้อาจสรุปว่า เมื่อมนุษย์แถวๆ ทะเลเมดิเตอเรเนียนคิดและพัฒนาประดิษฐ์แก้วจนเลียนแบบหินอะเกตได้ ก็เริ่มทำลูกปัด agate glass หรือ ม้าต้นตระกูล ออกมา จนเมื่อพัฒนาการผลิตแก้วดีขึ้น ทั้งเนื้อและสี จึงออกมาเป็น ม้าลาย ที่เนื้อเนียนกว่า สีดีกว่า

    รวมทั้ง ม้าสี ที่มีสีสันสวยงามยิ่งขึ้น โดยบริเวณไชยาและเกาะคอเขาที่พบม้าลายและม้าสีในประเทศไทยนั้น ร่วมสมัยศรีวิชัยประมาณพุทธศตวรรษที่ 13-15 ซึ่งสอดคล้องกับบางรายงานว่าม้าสีนี้พบในยุคสมัยโรมัน ไบเซนไทน์ อิสลามิกและตะวันออกกลางอันล่ากว่ายุคสมัยกรีกโบราณนั่นเอง
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    การประพฤติธรรม

    คอลัมน์ รื่นร่ม รมเยศ

    โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก

    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01bud01260452&sectionid=0121&day=2009-04-26

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>วันนี้จะพูดถึงสูตรสำเร็จแห่งชีวิตสูตรที่ 16 คือ ธัมมจริยา (การประพฤติธรรม)

    พระอรรถกถาจารย์ท่านให้คำจำกัดความว่า ธัมมจริยา คือการประพฤติตามกุศลกรรมบถสิบประการ ชาวบ้านฟังแค่นี้ก็คงถามต่อไปว่า แล้ว "กุศลกรรมบถสิบประการ" ล่ะ คืออะไร

    กุศลกรรมบถ คือแนวทางแห่งกุศล หรือ "ทางแห่งความดี" นั่นแหละครับ มีสิบประการ แบ่งเป็นดีทางกายสาม ดีทางวาจาสี่ และดีทางใจอีกสาม รวมเป็นสิบพอดี มีอะไรบ้าง ผู้ใฝ่รู้ไปหาอ่านเอาเอง ถ้าเราตั้งคำถามและหาคำตอบให้แก่ตัวเองได้ชัดแจ้งว่า ธรรมคืออะไร บางทีเรื่องเรื่องนี้จะดูง่ายขึ้นกระมังครับ ลองมาคิดกันดู

    ธรรมคืออะไร คงมีผู้รู้ให้คำตอบแตกต่างกันออกไปแต่ถ้าจะให้พูดสั้นๆ ให้ครอบคลุมแล้ว ธรรมน่าจะได้แก่ ความถูกต้องและความดี อะไรที่ถูกด้วยดีด้วย อันนั้นเรียกว่าธรรมหมดไม่มียกเว้นส่วนสิ่งใดไม่ถูกต้องและไม่ดี หรือพูดอีกนัยหนึ่ง สิ่งที่ผิดและสิ่งที่เสียไม่เรียกว่า ธรรม คำจำกัดความแค่นี้คิดว่าคงครอบคลุม ลองนึกให้ดีก็แล้วกัน ธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนมีมากมาย ที่ท่านว่า มีถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นั้นน่ะ เป็นเรื่องของความดีทั้งนั้น

    สวากขาโต ภควตา ธัมโม - พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ถูกต้องแล้ว ตรัสไว้ดีแล้ว ไหมล่ะ บทสวดมนต์สรรเสริญพระธรรมก็บอกอยู่ชัดแจ้งแล้ว

    ทีนี้การประพฤติธรรมล่ะ ทำอย่างไร การประพฤติธรรมสรุปได้สองสถานคือ

    -ประพฤติเป็นธรรม หมายถึงทำให้ถูก ทำให้ดีนั้นเอง ไม่ต้องทำอะไรใหม่ ใครมีหน้าที่อะไรอยู่แล้ว มีงานมีการอะไรทำอยู่แล้วก็ทำหน้าที่นั้น การงานนั้นให้ถูกและดียิ่งขึ้น ที่มันถูกอยู่แล้วดีอยู่แล้ว ก็ทำให้มันถูกมันดียิ่งๆ ขึ้นไป

    เป็นนักเรียนก็เรียนให้มันถูกวิธี เรียนให้มันดี ทำราชการก็ทำให้มันถูกทำให้มันดี ค้าขายก็ค้าให้มันถูกให้มันดี เป็นนักการเมืองจะอนุมัติอะไรตามอำนาจหน้าที่ ก็อนุมัติให้มันถูกให้มันดี คนขออนุมัติมาก็ขอให้มันถูกให้มันดี เขาอนุมัติให้แค่นี้ ก็ไม่ไปทำเกินกำหนดที่เขาอนุมัติอะไรอย่างนี้ เรียกว่า การประพฤติตามธรรม

    หลวงปู่ท่านหนึ่งท่านมักย้ำเสมอว่า การทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุดนั่นแหละ คือการปฏิบัติธรรมก็หมายความดังที่ผมว่ามานี่แหละครับ

    -ประพฤติตามธรรม นัยนี้ก็คล้ายกับนัยต้น แต่ละเอียดประณีตขึ้น นัยต้นถูกดีอาจถูกดีเพียงระดับพื้นฐาน ถ้ามองอย่างสายตาชาวโลกก็อาจไม่เห็นความ "ถูกดีที่ไม่สมบูรณ์" ก็ได้ เช่น นาย ก.มีอาชีพขายลูกน้ำ เลี้ยงปลา ตั้งหน้าตั้งตาทำงานในหน้าที่ของตนอย่างขยันหมั่นเพียร จนขายลูกน้ำได้เงินมาเลี้ยงตนและครอบครัวไม่เดือดร้อน ก็เรียกว่า นาย ก.ประพฤติเป็นธรรม คือทำหน้าที่ของตนให้ถูกให้ดี และเจริญรุ่งเรืองเพราะทำถูกทำดีนั้น แต่ถ้ามองให้ลึก อาชีพนั้นยังเป็นไปเพื่อเบียดเบียนอยู่ ถ้าจะให้ถูกต้องจริงๆ นาย ก.จะต้องเลิกอาชีพขายลูกน้ำ หันมาประกอบอาชีพอื่นที่ดำเนินตามทางธรรมหรือบริสุทธิ์กว่า การประพฤติตามธรรมจึงหมายถึง การฝึกฝนอบรมตนตามแนวทางแห่งความถูกต้องดีงามให้สูงขึ้น ประณีตขึ้น บริสุทธิ์ตามลำดับ

    จะอธิบายในแง่ไหนก็ไม่หนีกรอบที่พระอรรถกถาจารย์ท่านให้ไว้ คือ "การดำเนินชีวิตตามแนวทางแห่งกุศล" นั่นแหละครับคือการประพฤติธรรม

    ผู้รู้ท่านตั้งข้อสังเกตว่า นักประพฤติธรรมควรดูพระอริยสงฆ์เป็นหลักแล้วจะไม่เสียหลักการประพฤติธรรม ท่านว่าอย่างนั้น

    ดูอย่างไร พระอริยสงฆ์ท่านปฏิบัติครบสี่ลักษณะคือ ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติควร ปฏิบัติเหมาะสม ปุถุชนอย่างเราเวลาจะทำอะไรก็ควรยึดหลัก "ดี-ตรง-ควร-เหมาะสม" แล้วจะประสบความสำเร็จ นี่ว่าถึงการกระทำหน้าที่การงานโดยทั่วไป

    พูดในเรื่องการทำความดี ไม่ว่าจะทำอย่างไหนก็ตามก็ต้องยึดหลักนี้เช่นกัน คือ จะต้องทำดีให้ดี ทำดีให้ตรง ทำดีให้ควรและทำดีให้เหมาะสม พูดมาถึงตรงนี้ บางท่านอาจสงสัยว่า ผมพูดอะไร "ไม่รู้ฟัง" ทำดีไม่ดี มีหรือ มีสิครับ ลองดูพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ดู หลายคนทำดีก็จริง แต่ทำไม่ดีดอกครับ ยกตัวอย่าง บางคนตั้งใจจะบวช นั่นเป็นการทำดีไม่มีใครเถียง แต่พอถึงวันบวชเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้งเฉลิมฉลองกัน พอเหล้าเข้าปากก็ทะเลาะวิวาทกันถึงกับฆ่ากันตายก็มี นาคแทนที่จะได้เข้าโบสถ์บวชเป็นพระ กลับต้องขึ้นเมรุ คือกลายเป็นศพถูกหามไปเผาที่เมรุแทนก็มี อย่างนี้เรียกว่า เจตนาจะทำดี แต่ทำดีไม่ดี ทำดีไม่ตรงตามเป้าหมาย ทำดีไม่เหมาะสม ทำดีไม่ควร เลยกลายเป็นเสียไป

    เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงตรัสไว้ว่า ธมฺมํ สุจริตํ จเร พึงประพฤติธรรมให้สุจริต แปลเอาง่ายๆ ชนิดที่ฟังออกทันที ก็คือ อันการทำดีนั้นต้องทำดีๆ มันถึงจะดีนั่นแหละครับ

    การประพฤติธรรม กับการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องเดียวกันนะครับ เพียงแต่ใช้คำให้มันต่างกันเท่านั้นเอง การประพฤติธรรมแปลมาจากคำพระว่า "ธัมมจริยา" การปฏิบัติธรรมแปลมาจากคำว่า "ปฏิปัตติ" หรือ "ธัมมปฏิปัตติ"

    มีหลายคนยังเข้าใจผิดว่า การศึกษากับการปฏิบัติเป็นคนละเรื่องกัน เข้าใจว่า การเล่าเรียนหรือการเรียนหนังสือเรียกการศึกษา การลงมือทำตามที่เรียนมาคือ การปฏิบัติ ความจริงไม่ใช่ ถ้าดูที่มาของคำเหล่านี้ แล้วจะเห็นคำพูดอยู่สามคำมาเป็นหมวดเดียวกันคือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ทั้งปริยัติ (การเรียน) และปฏิบัติ (การลงมือทำ) คือสิ่งที่เรียกว่าการศึกษา ส่วนผลที่เกิดจากปริยัติและปฏิบัติ เรียกว่า ปฏิเวธ

    ดังนั้น ปริยัติก็คือการศึกษา เป็นการศึกษาขั้นปริยัติ ปฏิบัติก็คือการศึกษาเรียกว่า ศึกษาขั้นปฏิบัติเรื่องที่ต้องศึกษาตามหลักพระพุทธศาสนาก็คือ เรื่องปัญญา ศีล สมาธิ (หรือที่คนไทยเรียกติดปากว่า ศีล สมาธิ ปัญญา)

    เมื่อใครเอ่ยคำว่า ปฏิบัติ จึงมิใช่การทำสมาธิเพียงอย่างเดียว หากหมายถึงการทำศีล สมาธิ ปัญญาให้เกิดมีและเจริญ เป็นการดำเนินตามหลักอริยมรรคมีองค์แปดหรือดำเนินตามแนวทางแห่งกุศลกรรมบถสิบ ดังที่พระอรรถกถาจารย์ท่านว่าหรือเรียกง่ายๆ ว่า "การทำให้ดี ให้ตรง ให้ควร ให้เหมาะสม" นั่นเองมิใช่อย่างอื่น

    ที่ผมพูดมานี้รู้ดีว่า บางท่านอ่านแล้วเข้าใจทันที แต่อีกหลายท่านคงบ่นอุบอิบว่า เขียนอะไรอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ก็ต้องเขียนครับ เพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกันในแง่หลักวิชาไม่งั้นจะเตลิดไปไกล

    ไกลจนเห็นได้ว่า การนั่งทำสมาธิเท่านั้นคือการปฏิบัติธรรม คนอื่นที่เขาดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องดีงามอย่างอื่นไม่ได้ปฏิบัติธรรมนั่นแหละจ้ะ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สายลมแห่งความขุ่นมัว

    คอลัมน์ ร้อยเหลี่ยมพันมุม

    โดย วีณา โดมพนานคร

    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01bud02260452&sectionid=0121&day=2009-04-26

    "เรื่องของคนอื่น" คือ อาหารอันโอชะของความอยากรู้อยากเห็น ที่แฝงเร้นอยู่ในตัวของแต่ละคนอย่างไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน

    เรื่องของบางคนรู้แล้วสะใจ สมใจ บางคนรู้แล้วรื่นเริง แช่มชื่นใจ หรือทำให้ใจมีพลัง แต่จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจในบรรดาเรื่องของคนอื่นทั้งหมดนี้ มักก่อให้เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา นั่นคือ การเปรียบเทียบ

    เรื่องของคนอื่นเหมือนอาหารชนิดหนึ่งที่เราเสพเข้าไปได้ตลอดไม่เลือกที่ เลือกเวลา ยิ่งในยุคที่เทคโนโลยีแข่งกันพ่นข้อมูลข่าวสารอย่างเอาเป็นเอาตายด้วยแล้ว ใครป้อนอะไรมาก็ใส่เข้าปากหมด

    ในบรรดาอาหารที่รับเข้าไป โดยหลักต้องให้คุณ แต่บางครั้งก็พาโทษมาให้รู้จัก ที่เรามักจะบอกกันว่า อาหารเป็นพิษ เรื่องของคนอื่นที่นำไปสู่ความรู้สึกเปรียบเทียบจัดเป็นพิษชนิดหนึ่งที่ค่อยๆ ซึมซับเข้าสู่ตัวเรา แล้วแสดงพิษสง เมื่อภูมิต้านทานในตัวเราอ่อนแอ

    อาการของความอ่อนแอทางใจที่จะส่งผล เมื่อมีเรื่องของคนอื่นเข้ามาปะทะเกิดความรับรู้ขึ้นในใจ ก็คือความรู้สึกที่เกิดจากการเปรียบเทียบ แล้วคิดว่าเรารู้สึกต่ำกว่า ด้อยกว่า นำไปสู่อารมณ์ด้านลบสารพัดที่ไม่มีใครประสงค์ให้เกิดขึ้นกับตัวเอง-แต่เลี่ยงยาก

    อารมณ์ที่เกิดจากการเปรียบเทียบเป็นความขุ่นมัว ที่ไม่ชัดเจนในความหนักหน่วงของพิษภัย แต่จัดเป็นหน่ออ่อนที่ดี ที่จะเติบโตเป็นความร้ายกาจได้ถ้าไม่ระวัง เพราะโอกาสที่จะต้องรู้เรื่องชาวบ้านของเรานั้นมากเสียจนเหลือรับ

    นั่งอยู่เฉยๆ ก็มีลมพัดผ่านเราอยู่เสมอ !

    ที่มาของความรู้สึกเปรียบเทียบ คือ การไม่ยอมรับความต่าง ทั้งที่ความต่างเป็นคุณสมบัติประจำสรรพสิ่งทั้งหมดบนโลกนี้ เป็นความจริงแท้แน่นอนที่ไม่มีใครเปลี่ยนได้ ธรรมชาติไม่ได้ให้คุณค่ากำกับมาในความต่างว่าแบบไหนมีมากหรือน้อยกว่ากัน มีแต่ความรู้สึกของเราเท่านั้นที่บอกว่าแบบนี้ดีกว่าแบบนั้น

    ความรู้สึกที่มาจากข้อมูลพื้นฐานที่สะสมไว้ในความคิดก่อนหน้า จากตรงนั้น-จากตรงนี้ แล้วรวมตัวกันเป็นเกณฑ์ตัดสินแอบอยู่เงียบๆ ในใจ เวลามีข้อมูลใหม่ผ่านเรื่องของคนนั้น-คนนี้ผ่านเข้ามาในความรับรู้ เกณฑ์นี้ก็จะทำงานทันที ให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นความมากกว่า-น้อยกว่า ดีกว่า-เลวกว่า

    ถ้าเกณฑ์นั้นบอกว่า ตัวเราอยู่ในจุดที่ต่ำกว่าเรื่องที่รับรู้มา ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก็จะเกิดขึ้น และอาจตามมาด้วยการเปิดเผยตัวของความอิจฉาไปจนถึงริษยาได้ในบางครั้งบางครา

    ความรู้สึกอยากจะมี-จะได้-จะเป็น เป็นอีกตัวกระตุ้นหนึ่งที่สำคัญ ที่จะดึงให้การเปรียบเทียบเข้าสู่ใจเราโดยอัตโนมัติ

    ความอยากทั้งหลายทั้งปวงนี้มีได้ก็เพราะเรายังไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของบางสิ่งบางอย่างที่คนอื่นมี ถ้าไม่มีใครมี-ใครได้ให้เราเห็นหรือรับรู้ ปัจจัยของการเปรียบเทียบก็ไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อความอยากมาพบกับเรื่องของคนที่ได้ในสิ่งที่เราต้องการ ความรู้สึกที่เกิดจากการเทียบเคียงก็เกิดขึ้นทันที

    เวลาที่เรามองคนอื่นแล้วเห็นสิ่งที่ตัวเองไม่มีในตัวเขา ก่อนจะคิดอะไรได้ เจ้าความรู้สึกอิจฉาที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ก็มักจะเสนอหน้ามาก่อนทุกครั้ง ให้ในใจเราเร่าร้อน หรือบางทีเหมือนกับถูกกระชากใจออกจากตัว ทำให้รู้สึกเจ็บจี๊ดๆ

    ด้วยความเร็วของอารมณ์ที่ยากจะแตะเบรกทัน ความคิดที่จะมาฉุดรั้งซึ่งเชื่องช้ากว่าจึงมักจะพ่ายแพ้อยู่นั่นแล้ว

    ความคิดที่จะบอกเราว่า ก่อนที่จะมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมี ตัวเราขาด ให้ตระหนักในสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราแล้วจะดีกว่าไหม ไม่ใช่ปล่อยให้ความรู้สึกพร่องนั้นไหลบ่าเข้ามาในใจอย่างรวดเร็ว แล้วก็มองหาคุณสมบัติหรือสิ่งที่มีอยู่แล้วไม่พบ หรือรู้ว่ามีอยู่แต่หาดีในสิ่งนั้นไม่เจอ

    ต้องหาดีในตัวเองให้เจอแล้วย้ำกับตัวเองให้ทันเมื่อต้องเจอกับสิ่งที่คิดว่าดีในคนอื่น ก่อนที่ดีของคนอื่นจะข่มดีในตัวเราให้เล็กลงๆ จนมองไม่เห็น

    อย่าลืมว่าดีของคนอื่นอาจจะไม่เหมาะสมกับเราก็ได้ เพราะทุกคนมีความต่างเป็นต้นแบบ

    ถ้าเราอ่อนแอเหตุของความรู้สึกที่มาจากการเปรียบเทียบก็จะทำหน้าที่ได้ดี เราจึงต้องมีภูมิต้านทานที่ดี ซึ่งวิธีที่จะตั้งรับข้อมูลข่าวสารของคนอื่นนั้น สร้างได้ด้วยวิธีทางพุทธที่ "พระไพศาล วิสาโล" บอกไว้

    ...นอกจากจะให้ความสำคัญแก่ข้อมูลข่าวสารหรือเนื้อหาที่จะรับรู้แล้ว สิ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ก็คือ ความสามารถในการรับรู้ ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เกิดการรับรู้ตรงตามความเป็นจริงก็คือ สติ สติช่วยให้บุคคลรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นในใจ สามารถยกจิตจากอารมณ์และรับรู้สิ่งต่างๆ ที่กำลังประสบอย่างตรงตามความเป็นจริงได้

    เมื่อรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้อง ตรงประเด็น และครบถ้วนแล้ว กระบวนการเรียนรู้ขั้นต่อมาก็คือ การคิดหรือนำเอาสิ่งที่รับรู้นั้นมาย่อย จัดระเบียบ หรือเสริมเติมต่อเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มพูน เปรียบดังการย่อยอาหารให้เกิดพลังงานเพื่อความเจริญเติบโตของร่างกาย...

    ความรู้สึกจากการเปรียบเทียบนี้เป็นความขุ่นมัวที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจแบบไม่กระโตกกระตาก เพราะเราจะค่อยๆ ซึมซับอารมณ์ที่เกิดจากการเปรียบเทียบ ไม่รุนแรงในทีเดียว แต่สะสมพลังไว้แสดงตัวเมื่อถึงจุดที่พอดี

    เปรียบเหมือนสายลมที่พัดโชยมาอ่อนๆ ก่อนพายุจะตั้งเค้า ถ้าไม่ทันระวังตัวลมโชยก็จะกลายเป็นพายุพัด ก่อให้เกิดซากปรักหักพังอยู่ภายใน ต้องเสียเวลากู้ใจให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีก
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    'ก๊าซในทางเดินอาหาร' สัญญาณเตือนโรคร้าย!!
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=197297&NewsType=1&Template=1

    ถือเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้อง “เรอ-ผายลม” แต่คงไม่พึงประสงค์นักหากผิดที่ผิดทาง สิ่งเหล่านี้เกิดจากการมีก๊าซในทางเดินอาหาร ซึ่งร่างกายต้องขับออกมาอยู่เป็นประจำ แต่หากมีมากเกินไปจะทำให้เกิดการจุกเสียดแน่นท้องรวมทั้งอาการอื่น ๆ ตามมา

    ยิ่งในภาวะปัจจุบันสังคมขับเคลื่อนให้คนทำงานแข่งกับเวลามากขึ้น จำต้องรับประทานอาหารจานด่วนเกือบทุกวันเพื่อย่นระยะเวลาการไปถึงที่ทำงานให้เร็วขึ้น หรือบางคนรีบร้อนจนไม่ทันเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เมื่อวงจรชีวิตเร็วขึ้น ๆ ขณะ ที่ระบบของร่างกายยังทำงานในจังหวะจะโคนดังเดิม โรคต่าง ๆ ก็ตามมา

    โรคก๊าซในทางเดินอาหาร หลายคนอาจไม่ให้ความสนใจนักเพราะไม่มีผลร้ายแรงต่อร่างกาย แต่อาจบ่งชี้ว่า คุณกำลังประสบกับภาวะโรคร้าย อยู่ !!

    นพ.สว่างพงษ์ พูลทรัพย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาอายุร ศาสตร์โรคทางเดินอาหารและตับ ศูนย์การแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ แนะนำว่า ก๊าซในทางเดินอาหารนับวันยิ่งเป็นปัญหาทำให้มีผู้ที่ทนทุกข์ทรมานจากอาการเหล่านี้มากขึ้น อาจเนื่องจากระบบการใช้ชีวิตของมนุษย์มีความรวดเร็วขึ้น ส่งผลให้บริโภคอาหารที่ก่อให้เกิดก๊าซมากขึ้น ไปด้วย

    ก๊าซในทางเดินอาหารเกิดจาก ปัจจัยแรกคือ กลืนอากาศเข้าไป ส่วนใหญ่เป็นก๊าซไนโตรเจนและก๊าซออกซิเจน คนส่วนใหญ่มักนึกไม่ถึงว่าโดยปกติเราจะกลืนก๊าซทุก ๆ ครั้งที่กลืนน้ำหรืออาหารเฉลี่ยประมาณ 2.6 ลิตรต่อน้ำ 1.5 ลิตรต่อวัน และอาจมากกว่านี้ในผู้ป่วยที่มีความผิดปกติซึ่งกลืนก๊าซโดย ไม่รู้ตัว โดยก๊าซที่กลืนมักถูกขับออกด้วยการเรอและส่วนน้อยถูกขับออกด้วยการผายลมอย่างน้อยประมาณ 0.5 ลิตรต่อวัน

    ปัจจัยที่สอง เกิดจากการสร้างก๊าซขึ้นมาของร่างกายส่วนใหญ่ โดยแบคทีเรียใน ลำไส้ใหญ่จะย่อยอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่ ย่อยยากบางชนิด และจากปฏิ กิริยาของสารในร่างกาย กลุ่มนี้จะเป็นประเภท ก๊าซไฮโดรเจน, คาร์บอนไดออกไซด์, มีเทน ตลอดจนก๊าซอย่างอื่นอีกเล็กน้อยอันจะทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์

    คนเราผายลมเฉลี่ย 10-20 ครั้งต่อวัน ในปริมาณก๊าซที่ถูกขับออกมาถึง 0.5- 1.5 ลิตรต่อวัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับอายุหรือเพศ”

    คนไข้มักมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด เรอบ่อย ผายลมบ่อยกว่าปกติหรือเห็นผิดปกติ โดยอาการเหล่านี้ผู้ป่วยเองรับรู้ว่าเกิดก๊าซในทางเดินอาหารมากกว่าปกติ ขณะเดียวกัน แพทย์ตั้งข้อสังเกตว่า หากมีอาการเหล่านี้บ่อย ๆ หรือนาน ๆ บ่งชี้ได้ถึงคนไข้อาจเป็นโรคร้ายแรงอยู่เดิมแล้ว อันจะกระตุ้น ให้เกิดก๊าซในทางเดินอาหารมากกว่าปกติ เช่น โรคลำไส้แปรปรวน โรคกรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร มะเร็งในทางเดินอาหาร ฯลฯ ดังนั้นควรให้ความสำคัญโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมาก ตลอดจนคนที่ป่วยมานานและทวีความรุนแรงมากขึ้น

    รวมถึงคนไข้ที่มีอาการเตือนบางอย่าง เช่น น้ำหนักลดผิดปกติ โลหิตจาง ถ่ายอุจจาระท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ

    การรับประทานอาหารบางประเภทเป็นอีกปัจจัยกระตุ้นให้เกิดก๊าซในทางเดินอาหาร ดังนั้นผู้ป่วยควรเลี่ยงอาหารประเภทนม ไอศกรีม เนย โยเกิร์ต น้ำอัดลม น้ำผึ้ง หรือของขบเคี้ยว เช่น ถั่วต้ม ถั่วเหลือง ลูกอม หมากฝรั่ง ข้าวโอ๊ต ข้าวโพด มันฝรั่ง เมล็ดพืชอบแห้ง ตลอดจนกะหล่ำปลี บรอกโคลี เป็นต้น

    ผู้มีภาวะเสี่ยงโรคนี้ควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด หลีกเลี่ยงการพูดคุยในระหว่างกินอาหาร เพื่อไม่ให้อากาศเข้าสู่ทางเดินอาหารมากเกินไป และไม่ควรนอนหรือเอนตัวหลังรับประทานอาหาร ควรออกกำลังกายอยู่เสมอเพื่อช่วยให้ลำไส้ ทำงานได้ดีขึ้น

    ส่วนการรักษาด้วยยาบางชนิดจะออกฤทธิ์โดยกระตุ้น การบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนบน ซึ่งต้องระวังผลข้างเคียงในกรณีที่ใช้ยาติดต่อกันนาน ดังนั้นคนไข้ไม่ควรบริโภคอาหารที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวอาจมาจากสาเหตุอื่น เช่น ผู้ป่วยที่มีอายุมาก มีอาการมานานหรือแย่ลง รวมทั้งมีอาการเตือน เช่น โลหิตจาง น้ำหนักลดผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

    เมื่อรู้เช่นนี้แล้วการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ และการใช้ชีวิตประจำวันจึงควรเอา ใจใส่ เพื่อจะได้ห่างไกลจากโรคร้าย มีชีวิตอยู่กับคนที่เรารักไปนาน ๆ.

    กินอย่างไรเมื่อต้องอดนอน

    ทุกคนคงทราบกันดีว่า การอดนอน หรือการนอนหลับไม่เพียงพอนั้น ถือเป็นพฤติกรรมหนึ่งที่มีผลลบต่อสุขภาพ แต่หากมีความจำเป็นต้องอดนอนก็ควรทราบวิธีดูแลตัวเองเพื่อช่วยชดเชยพลังงานที่สูญเสียไปให้ร่างกายได้กระปรี้กระเปร่าสดชื่นกับการเริ่มต้นทำงานในเช้าวันใหม่

    จากการวิจัยล่าสุดพบว่า การนอนที่ดีควรใช้เวลาในการนอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมง แพทย์หญิงลลิตา ธีระสิริ แพทย์ธรรม ชาติบำบัด ศูนย์ธรรมชาติบำบัด บัลวี ให้ความรู้ว่า สมองเราทำงานเหมือนคอมพิวเตอร์ ถ้าเรานอนหลับสมองจะลบ เรื่องราวต่าง ๆ ในหัวทิ้ง เช่น ฝันถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ไร้สาระ พิสดารเกินจริง และถ้าเราเครียดมาก ๆ จะฝันประมาณว่ากำลังวิ่งหนีหรือเหนื่อยหอบ ดังนั้นเราจึงควรนอนหลับ พักผ่อนสมองเพื่อลบเรื่องราวต่าง ๆ ที่รกสมองทิ้งไป

    โดยธรรมชาติแล้วฮอร์โมนในร่างกายถูกจัดระบบให้นอนหลับในเวลากลางคืนและตื่นในเวลากลางวัน เพราะในเวลากลางวันเมื่อมีแสงสว่าง ต่อมไพเนียล หรือต่อมเหนือสมอง จะหลั่งฮอร์โมนซีโรโตนินออกมาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายดำเนินกิจกรรมช่วงกลางวัน ส่วนในเวลากลางคืนซีโรโตนินจะลดระดับลงเพื่อให้ร่างกายพักผ่อน รวมทั้งต่อมไพเนียลจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโตนิน” ออกมาเพื่อให้ร่างกายง่วงนอนจนกระทั่งใกล้เช้าก็จะลดลงทำให้เราตื่นมาพอดี หากว่าเราอดนอนถือว่าเป็นการฝืนธรรมชาติอาจทำให้ร่างกายเสียสมดุลและ ทำให้เจ็บป่วยได้

    อาการเจ็บป่วยจากการอดนอนที่ทำให้ภูมิต้านทานต่ำลง ได้แก่ เหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดศีรษะและเวียนศีรษะ ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ เกิดอาการท้องผูก ความดันสูง-ต่ำ ซึมเศร้า ท้อแท้ และหากอดนอนสะสมมาก ๆ อาจทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติจนเกิดอาการประสาทหลอนได้

    ดังนั้นถ้าเราจำเป็นต้องอดนอน และในคืนนั้นรู้สึกหิว หากเกินเวลาเที่ยงคืนไปแล้วไม่แนะนำให้ดื่มกาแฟ เพราะจะกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวนอนไม่หลับ วิงเวียนศีรษะ หรือดื่มนมวัว เพราะมีไขมันสูงย่อยยากใช้เวลาในการย่อย 3-4 ชั่วโมง จะเป็นการรบกวนกระเพาะอาหาร ทางที่ดีควรรับประทานอาหารที่อุ่น ๆ ย่อยง่าย ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก น้ำข้าว หรือจะเป็นอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้หลับง่ายกว่า เช่น ข้าวเหนียวเปียกร้อน ๆ หรือกล้วยนำไปอุ่นให้ร้อน ๆ

    ขณะเดียวกัน หากเราตื่นเช้ามาหลังจากการนอนดึกแล้วรู้สึกเพลีย ไม่สดชื่นให้ใช้วิธีอาบน้ำหรือแช่น้ำอุ่นจัด ๆ ประมาณ 3 นาทีและอาบน้ำเย็น ๆ อีก 2 นาทีสลับไปมา 3 รอบ จะทำให้ร่างกาย กระฉับกระเฉงขึ้นมากกว่าการดื่มกาแฟ 1 แก้วเสียอีก นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซีและบี เพราะการอดนอนจะทำให้ระดับฮอร์โมนจากต่อมไพเนียลปั่นป่วนทำให้เกิดความเครียดได้ จึงต้องรับประทานวิตามินคลายเครียด อาหารกลุ่มดังกล่าวก็ได้แก่ ข้าวกล้อง ผัก ผลไม้ โดยเฉพาะน้ำส้มคั้นสด ๆ แต่ถ้าจะให้ดีควรรับประทานองุ่นแดงทั้งเปลือกและเมล็ด เพราะมีโอพีซี ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่าวิตามินซี 20 เท่าและวิตามินอี 50 เท่า

    หากรู้จักวิธีดูแลสุขภาพตัวเองในยามที่ต้องอดนอนแล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติเพื่อเป็นการชดเชยสุขภาพที่เสียไป แต่ถ้าไม่จำเป็น จริง ๆ ก็อย่าอดนอนกันดีกว่าเพราะเป็นการทำลายสุขภาพให้เสื่อมโทรมลงไม่เป็นผลดี กับเราแน่ ๆ ที่สำคัญสุขภาพร่างกายไม่ได้หาอะไหล่เปลี่ยนง่าย ๆ เหมือนเครื่องยนต์นะคะ.

    สรรหามาบอก

    - มูลนิธิโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์อบรมนานาชาติโรคเลือดออกง่าย (IHTC) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขอเชิญผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย และ ผู้สนใจทั่วไปร่วมงาน “พบปะสังสรรค์ผู้ป่วยฮีโมฟีเลียและโรคเลือดออกง่ายพันธุกรรมแห่งประเทศไทยครั้งที่ 11” รับฟังการบรรยายเรื่อง การพัฒนาการดูแลรักษาโรคฮีโมฟีเลีย จากอดีต ปัจจุบัน สู่อนาคต พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงจากผู้ป่วย และกิจกรรมบันเทิงมากมาย ในวันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2552 เวลา 08.00-14.00 น. ณ ห้องประชุมมงคลนาวิน ชั้น 10 ตึก สก.โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดโทร. 0-2256-4949

    - สำนักเสริมศึกษาและบริการสังคม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอเชิญประชาชนทั่วไปเข้าร่วมรับฟังบรรยายเรื่อง “ความดันโลหิตสูง” ในวันอังคารที่ 28 เมษายน 2552 เวลา 10.00-12.00 น. และในช่วงบ่าย เวลา 13.00-15.00 น. ฟังบรรยายเรื่อง “นิ่วในถุงน้ำดี” ที่ห้องซี 5 ชั้น 5 อาคารนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ สนใจโทร. 0-2613-3822-25

    - สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ขอเชิญประชาชนทั่วไปร่วมสัมมนาเรื่อง “Summer Hair Care Summer Hair Trend” ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะในฤดูร้อน ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2552 เวลา 09.00-15.00 น. ณ ห้องประชุมเรณู โคตรจรัส ชั้น 6 สถาบันโรคผิวหนัง ฟังการบรรยายโดยแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันโรคผิวหนัง พร้อมคุยเคล็ดลับ การดูแลเส้นผมจากคุณวรนุช วงษ์สวรรค์ (นุ่น) ผู้สนใจโทรฯ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งฟรีได้ที่ 0-2354-3130, 0-2354-8036-40 ต่อ 134.
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD>"ฮู"ถกด่วนรับมือโรคไข้หวัดหมู


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=44298

    "ฮู"ถกด่วนรับมือโรคไข้หวัดหมูคร่าชีวิตชาวเม็กซิโกแล้ว68รายเรียกร้องทั่วโลกระวังใกล้ชิด

    มาร์กาเร็ต ชาง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนเรื่องการระบาดของไข้หวัดหมูที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว และชี้ว่าการระบาดครั้งนี้มีความรุนแรง หลังจากที่โฮเซ่ อังเกล คอร์โดวา รมว.สาธารณสุขของเม็กซิโกได้รายงานว่า เกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูในประเทศ และได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วถึง 68 ราย ขณะที่มีผู้ติดเชื้อดังกล่าวอีก 1,004 ราย

    สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ผอ.องค์การอนามัยโลกกล่าวก่อนการประชุมฉุกเฉินที่เจนีวาว่า ไข้หวัดหมูมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดไปทั่วโลก แต่ยังไม่สรุปได้ว่าเหตุการณ์จะพัฒนาไปสู่จุดดังกล่าวหรือไม่ ทางคณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกจะศึกษาดูว่า จะต้องมีการออกประกาศเตือนเรื่องการเดินทางหรือไม่ และเรียกร้องให้แต่ละประเทศติดตามสถานการณ์และระมัดระวัง แม้ว่าจะยังไมมีการตรวจพบการระบาดของไข้หวัดหมูในประเทศอื่นๆที่นอกเหนือไปจากเม็กซิโก และสหรัฐที่มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมู 7 รายในแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส ก่อนที่จะกล่าวในเวลาต่อมาว่า กรณีของผู้ป่วยในสหรัฐนั้น เป็นการติดเชื่อจากคนสู่คน

    เมื่อวานนี้ รมว.สาธารณสุขเม็กซิโกกล่าวว่า หลังจากที่ได้พูดคุยกับ มาร์กาเร็ต ชาง ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ถึงเรื่องนี้ เชื่อว่ายังไม่จำเป็นต้องปิดชายแดนเม็กซิโก และไม่จำเป็นต้องจำกัดชาวต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศ แต่ทางเม็กซิโกได้รับมือการแพร่ระบาดของไวรัสด้วยการปิดสถานที่สาธารณะ ขณะที่องค์การอนามัยโลกจะจัดประชุมผู้เชี่ยวชาญฉุกเฉินในวันเสาร์นี้ เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคติดต่อนี้ และเสนอให้ความช่วยเหลือแก่เม็กซิโกในทุกๆด้าน

    ทั้งนี้ คอร์โดวากลาวว่า เม็กซิโกไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนยา โดยปัจจุบนมีอยู่มากกว่า 1 ล้านโดส เนื่องจาก WHO จะส่งยาและความช่วยเหลือทางเทคนิกมาให้

    ข่าวเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดหมูในเม็กซิโก สร้างความกังวลให้กับหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกันหรือใกล้เคียงอย่างสหรัฐ


    เม็กซิโกออก กฎหมายแยกผู้ป่วย

    ขณะที่เดียวกันสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัฐบาลเม็กซิโกเริ่มบังคับใช้กฏหมาย ฉบับพิเศษ ด้านสาธารณสุข ให้อำนาจเจ้าหน้าที่จัดการแยกโดดเดี่ยวผู้ป่วย ที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดหมู ทั้งยังอนุญาตเจ้าหน้าที่สาธารณสุขตรวจสุขอนามัยบ้านเรือนผู้ป่วย ให้เจ้าหน้าที่มีสิทธิตรวจสอบนักเดินทาง และมีสิทธิตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระผู้ต้องสงสัย เพื่อหยุดยั้งการระบาดของเชื้อไข้หวัดหมู ผู้ขัดขืนการทำงานของเจ้าหน้าที่ จะถูกดำเนินคดีตามกฏหมายทันที
     
  19. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    ผีแดง เกี่ยวอะไรกับพระวังหน้าเนี่ย...
    วันวิสาขบูชา ที่จะถึงนี้ไปทำบุญที่ไหนครับท่าน?

    [​IMG]
     
  20. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    ได้รับผงสีขาวแล้วครับพี่เหมียว โมทนาสาธุครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...