พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับท่านใดที่สนใจจะอ่านประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผมไปตั้งกระทู้ไว้ที่ชมรมพระวังหน้าครับ

    ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)

    ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
    จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)

    ที่มา เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm

    ผมขอกราบขอบพระคุณม.ล. พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา , มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) ,เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm และท่านผู้พิมพ์ ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) เป็นอย่างสูงครับ

    ผมขอกราบขอบพระคุณม.ล. พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา , มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) ,เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm และท่านผู้พิมพ์ ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) เป็นอย่างสูงครับ

    โมทนาสาธุ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=505
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นำมาลงอีกรอบ คุณเพชรเคยนำมาลงให้อ่านกันแล้วเรื่องการชำระหนี้สงฆ์ครับ
    <TABLE class=tborder id=post755447 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">13-10-2007, 02:30 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #10141 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.pranippan.com/new/board/l...x.php/t58.html
    เตอร์
    Mar 31 2006, 10:53 PM

    ชำระหนี้สงฆ์
    โดย หลวงพ่อฤาษีฯ

    ต่อไปนี้ก็จะขอนำเรื่องการชำระหนี้สงฆ์พร้อมทั้งตัวอย่าง ซึ่งจัดว่าเป็นเกร็ดความรู้ที่ได้ประสบมาเองมาเล่าให้ฟัง เผื่อจะเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลาย จะได้นำไปประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง อีกทั้งจะได้เป็นเครื่องป้องกันตัวเอง และผู้อื่นไม่ให้กระทำความชั่วต่างๆที่เกี่ยวกับของสงฆ์อีก ทั้งนี้ก็เพราะว่า ของทุกอย่างที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสมบัติของสงฆ์แล้ว จะเป็นสิ่งของหรือวัตถุเครื่องใช้อะไรก็ตาม จะมีราคามากหรือน้อยก็ตาม ผู้ที่นำไปใช้โดยพละการหรือทำสิ่งของเหล่านั้นเสียหาย จะต้องนำสิ่งของเหล่านั้นมาทดแทนให้เหมือนเดิม ไม่เช่นนั้นจะทำให้ผู้ล่วงละเมิดลงสู่อเวจีมหานรกได้โดยง่าย
    ในสมัยนี้ จะหาบุคคลที่เล่าเกี่ยวกับการชำระหนี้สงฆ์นี่ยากเต็มที พระขนาดไหนก็ตามไม่ค่อยจะมีใครพูดกัน เทศน์ก็ไม่เคยฟัง ได้ฟังอยู่สำนักเดียวคือสำนักของหลวงพ่อปานเท่านั้น หลวงพ่อปานนี่ท่านพูดถึงการชำระหนี้สงฆ์ทุกปี พอขึ้นปีใหม่หรือเข้าพรรษาใหม่ๆท่านก็ประกาศขอซื้อของสงฆ์ คำว่าซื้อของสงฆ์นี่ ท่านซื้อไม้ไผ่ ซื้อผลไม้ ซื้อดอกไม้ที่มีในวัดทั้งหมด ปีละ ๑๐๐ บาท ในสมัยนั้นค่าของเงินสูงมาก ท่านขอซื้อไว้ทั้งหมด
    ในเมื่อพระสงฆ์สาธุ ท่านจะมอบเงินจำนวนนั้นเป็นสมบัติของสงฆ์ เป็นสิทธิของสงฆ์ที่จะพึงใช้ จะใช้ได้ก็ต้องเอาเงินจำนวนนั้นไปใช้ในการก่อสร้าง หรือบำรุงสงฆ์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านจะชวนพระชำระหนี้สงฆ์ ตัวท่านเองก็ชำระหนี้สงฆ์เหมือนกัน
    คราวนี้มาว่ากันถึงการซื้อของสงฆ์หรือชำระหนี้สงฆ์ก่อน ท่านทั้งหลายอาจสงสัยว่า ของต่างๆที่เป็นสิ่งก่อสร้างก็ดี วัสดุเครื่องใช้ต่างๆก็ดี หรือต้นไม้ใบหญ้าก็ดี ของที่อยู่ในวัดทั้งหมดถ้าหากเรารื้อหรือนำเอาไปใช้แล้วเกิดชำรุดเสียหาย ทำไมเราจะต้องสร้างแทนของเดิม ทั้งนี้เพราะทรัพย์สินต่างๆที่เขาสร้างไว้ในวัด เขาไม่สร้างให้พระองค์ใดองค์หนึ่ง เขาสร้างถวายบูชาพระพุทธเจ้า คำว่าของสงฆ์นี่นะ ต้องหมายถึงพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เป็นของส่วนกลาง ไม่มีใครหรอกที่จะถือสิทธิว่าเป็นของฉัน จะมาชี้ว่า สมบัตินี่เป็นของฉัน เป็นของส่วนตัว ถ้าทำอย่างนั้นจะต้องลงนรกหมด เรื่องนรกนี่เขาไม่เว้นใครหรอก
    หลวงพ่อปานซื้อของสงฆ์เพราะของเหล่านี้มันอยู่ในวัด ท่านเป็นประมุขของวัด ความจริงถ้าเราจะคิดกันอย่างเราๆก็คิดว่าท่านควรมีสิทธิ ท่านจะให้ใครก็ได้ ท่านจะกินจะใช้อย่างไรก็ได้ แต่ทว่าพระวินัยแล้วไม่มีสิทธิ ของในวัดถ้าพระองค์ไหนปลูกไว้ถ้าเขาสึกแล้วก็ตาม เขาตายแล้วก็ตาม ของเหล่านั้นเป็นของสงฆ์ ถ้าหากเขายังบวชอยู่ เขามีอำนาจให้ใครก็ได้ กินเองก็ได้ ถ้าหากว่าเขาตายหรือสึกไปแล้ว พระองค์ใดองค์หนึ่งจะถือเป็นทายาทกินเองก็ดี ใช้เองก็ดี ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะเป็นของสงฆ์เสียแล้ว เวลาจะกินจะใช้ก็ต้องประชุมสงฆ์ สงฆ์ทั้งหมดต้องประชุมอนุมัติว่าเราจะกินจะใช้ของประเภทนี้ด้วยวิธีการอย่างไร ถ้าหากว่าพระองค์ใดองค์หนึ่งก็ตาม เด็กก็ตาม ฆราวาสก็ตาม กรรมการวัดก็เถอะไปถือสิทธิ์ว่าฉันเป็นเจ้าหน้าที่ในวัด จะกินลูกไม้ลูกไหนก็ได้ จะเด็ดดอกไม้ดอกไหนก็ได้ จะโค่นต้นไม้ต้นไหนก็ได้ ไม้ลำไหนก็ได้ หน่อไม้หน่อไหนก็ได้ เอามากินมาใช้ส่วนตัวโดยที่สงฆ์ไม่ลงมติอนุมัติ อย่างนี้มีโทษไปอเวจีมหานรกแน่
    วิธีการของหลวงพ่อปานท่านซื้อของสงฆ์ ท่านซื้อแบบไหน ท่านบอกว่าต้นไม้ก็ดี ต้นเล็กๆไม่ใช่โค่นต้นใหญ่นะ ไม้ลำหรือไม้หน่อบางส่วนไม่ใช่ทั้งหมด เป็นเพียงส่วนเล็กน้อย หรือว่าลูกไม้ก็ตาม ดอกไม้ก็ตาม ถ้าใครจะเด็ดเอาไปดมเอาไปบูชา ท่านบอกว่าส่วนเล็กน้อยประเภทนี้ ฉันขอซื้อของสงฆ์ด้วยจำนวนเงิน ๑๐๐ บาท เพื่อป้องกันโทษของบุคคลผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พระสงฆ์ก็สาธุ
    เป็นอันว่า เด็กก็ดี ผู้ใหญ่ก็ดี ที่ได้กินมะม่วงบ้าง ฝรั่งบ้าง ผลไม้ที่มีอยู่ในวัดมีอยู่เยอะ ใครอยากกินอะไรก็เอามากินได้ตามชอบใจเพราะหลวงพ่อปานท่านซื้อแล้ว พอท่านซื้อท่านก็ให้สิทธิ์อนุญาต อย่างนี้เอาไปกิน เอาไปใช้ได้
    เรื่องชำระหนี้สงฆ์ พอถึงวันเข้าพรรษาคนทำบุญมาก ท่านก็ประกาศแก่คนทุกคนว่าใครจะชำระหนี้สงฆ์บ้าง ของสงฆ์ตกอยู่ที่ไหนเรียกว่า ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ อย่างวัดร้างที่ปรากฏเป็นดินเปล่า ไม่มีฐานะแสดงว่าเป็นวัดก็ดี หรือบางแห่งแสดงฐานะว่าเป็นวัดแต่อยู่ในป่าในดงก็ตาม หรือที่มีพระก็ตาม เราจะไปนำสิ่งของอะไรมาก็ตามในเขตนั้น จะเป็นต้นหญ้าสักต้น ไม้หักสักอันก็ตาม เขาถือว่า ของเหล่านั้นเป็นของสงฆ์ หรือว่าถ้าใครยึดแผ่นดินของสงฆ์ไว้เป็นสมบัติส่วนตัวละก็ ซวยขนาดหนัก แบบนี้มีผู้เรืองอำนาจรุกรานสงฆ์เคยตกนรกขุมที่ ๗ มาแล้ว
    ท่านก็บอกว่า คนเราทั้งหมดนี่นะจะรู้ได้อย่างไร ไม้ลอยน้ำมาหน้าบ้าน เราเห็นว่าไม่มีเจ้าของ เอาเข้ามาทำฟืน แต่ถ้าไม้นั้นมันมาจากวัดก็ถือว่าเป็นไม้ของวัด เป็นของสงฆ์ ไปเอาเข้ามันก็บาป ต้นไม้หญ้า ต้นฟาง ที่มันอยู่กลางทุ่ง สถานที่อย่างนั้น อาจจะเคยเป็นวัดมาก่อนก็ได้ เขาเคยถวายเป็นของสงฆ์ แต่ว่าสภาพวัดมันสูญไป ของที่อยู่ในวัดนั้นทั้งหมด แม้แต่แผ่นดินก็ยังเป็นของสงฆ์ เราไปเอาต้นหญ้ามาต้นเดียวก็เป็นบาปแล้ว โทษของสงฆ์นี่หนักมาก
    แล้วท่านก็ชวนชาวบ้านชำระหนี้สงฆ์ ว่าใครจะชำระหนี้บ้างด้วยเงินจำนวนเท่าไหร่ก็ตาม เอามารวมกันแล้วประกาศต่อหน้าสงฆ์ ขอชำระหนี้สงฆ์ว่า
    “ถ้าบังเอิญข้าพเจ้าได้เอาของสงฆ์มาจากวัดไหนก็ตาม วัดที่มีพระสงฆ์ก็ดี วัดร้างที่ไม่มีพระสงฆ์อยู่ก็ดี หรือสถานที่เป็นธรณีสงฆ์โดยไม่ปรากฏเป็นวัดก็ดี บังเอิญนำมาก็ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงินจำนวนเท่านี้ ถ้าพระสงฆ์ทั้งหลายเห็นสมควรก็ขอให้สาธุขึ้นพร้อมกัน ถ้าพระสงฆ์ทั้งหลายเห็นไม่สมควรก็ขอให้นิ่งอยู่”
    ถ้าพระทั้งหมด “สาธุ” พร้อมกันเป็นอันว่าใช้ได้ ชำระกันแบบนี้ทุกปี ท่านบอกว่าค่อยๆทำไป เรื่องนี้มันเป็นเรื่องหนัก เพราะว่าเป็นของสงฆ์นะ ลำบากมาก
    ก็มีตัวอย่างเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ มีพระองค์หนึ่ง ชื่อ “อาจารย์ทิม” สำหรับอาจารย์ทิมนี่รุ่นเดียวกัน อยู่ที่สุพรรณ เป็นนักก่อสร้าง พระองค์นี้เป็นพระดีมาก ระเบียบวินัยก็ดี เจริญสมถภาวนาก็ดี แต่ว่าโทษมันมีอยู่อย่างหนึ่ง แกป่วยครั้งหลังสุดกำลังก่อสร้างโบสถ์ สตางค์ส่วนตัวแกไม่มี มีปฏิปทาเหมือนๆกัน คำว่าเงินส่วนตัวไม่มี ได้มาก็จ่ายไป
    ทีนี้แกก็ป่วย ไอ้ป่วยนี่สตางค์ส่วนตัวแกไม่มี หมอเขาบอกว่าจะต้องต้มยาหม้อนี้และซื้อยาหม้อนี้ในราคา ๖๐ บาท ท่านก็เลยบอกพระ ถ้าอย่างนั้นขอยืมเงินที่เขาสร้างโบสถ์ก่อนนะ ฉันหายแล้วเวลาใครเขาเอาเงินมาถวายก็จะใช้ให้ ๖๐ บาทเท่านั้นนะ สร้างโบสถ์หลังหนึ่งต่างกับตัวเยอะ ใครถวายสตางค์มาท่านเอาไปก่อสร้างหมด ไม่เคยเก็บ พอปี ๒๕๐๘ ดันตายเสียได้
    “ไอ้เงิน ๖๐ บาทดันเป็นพิษ พระทิมไปนั่งจ๋อที่สำนักพญายม”
    เวลาทุ่มเศษๆ กำลังนอนสบายๆเห็นเทวดาองค์หนึ่งเป็นพวกวชิระ มายืนปลายเท้า กราบ กราบ
    ถามว่า “มาทำไม”
    เขาบอกว่า “ท่านใหญ่ให้นิมนต์ไปพบครับ”
    ก็เลยบอกว่า “แกไปข้างหน้า ฉันตามไป”
    ตามไปหน่อยเดียว แกบอกว่า “เดี๋ยวผมต้องไปตามอีก ๒ องค์” แกก็ไปตามอีก ๒ องค์ เราก็ตรงไป
    พอถึง ก็พบท่านทิมอยู่ที่สำนักพญายม จึงถามว่า
    “ไง…มานั่งอยู่ที่นี่เล่า…”
    แกก็บอกว่า “เป็นหนี้สงฆ์อยู่ ๖๐ บาท”
    ถามว่า “คนอย่างแกเป็นหนี้สงฆ์ด้วยเรอะ”
    แกบอก “เป็นหนี้ตอนใกล้จะตาย เพราะหมอที่สั่งยามาให้แต่ไม่มีเงิน ทุ่มเทเอาไปสร้างโบสถ์หมด ไอ้เงินส่วนตัวจริงๆนี่ เรียกว่าตามอัธยาศัยมันไม่เหลือ ก็เอาเงินส่วนนี้เขาไปซื้อยา”
    จึงเข้าไปถามลุง (พญายม) ถามลุงว่า “ยังไงนี่…”
    ลุงบอกว่า “ยังไม่ว่าไง เดี๋ยวค่อยว่า คอยอีกสององค์ก่อนยังไม่สอบสวน”
    ถ้าสอบสวนไม่ได้ ของสงฆ์นี่หนักมาก ปิดปากเลย ถ้ากรรมมีละก็หนัก ปิดปาก กระเบื้องอันเดียวมันปิดปากเลย เรื่องบุญนี่พูดไม่ได้เลย
    พออีกสององค์ไปถึงเรียบร้อยแล้ว ท่านก็เรียกอาจารย์ทิมเข้าไปถามว่า
    “ท่านเอาเงินสงฆ์ไปใช้ ๖๐ บาทใช่ไหม”
    ท่านตอบว่า “ใช่”
    “ไปใช้เพื่ออะไร…”
    บอกว่า “มันป่วย หมอเขาสั่งยามา”
    “จิตคิดอย่างไร…”
    “จิตคิดว่า ถ้าใครเขาเอาเงินมาถวายก็จะชำระหนี้สงฆ์”
    “แต่นี่ยังไม่ทันชำระใช่ไหม…”
    แกตอบว่า “ใช่”
    แล้วท่านถามว่า “จะว่าอย่างไร”
    บอกว่า “ไม่มีเรื่องจะว่า”
    ลุงพุฒิ ท่านก็หันมาถามพวกเราว่า “ท่าน ๓ องค์จะว่าอย่างไร”
    บอกว่า “ยังมีเรื่องว่าอยู่”
    “ว่ายังไงล่ะ…”
    “ทำอย่างไรพระองค์นี้จะต้องไปเป็นพรหม เขาได้ฌานสมาบัติด้วย ควรจะไปเป็นพรหม”
    ท่านก็เลยบอกว่า “เวลาตายก่อนจะดับจิต อารมณ์อยู่ในฌาน”
    บอกว่า “นี่เขาได้สมาบัติ ๘ แต่อีตอนนั้นทำไมเข้า ฌาน ๒ พอจะตายจริงๆไม่ได้ตั้งอยู่ในฌาน ฌานยังตั้งไม่ได้”
    เลยถามว่า “ไอ้เรื่องนี้พอจะให้อภัยกันได้ไหม…”
    ท่านก็เลยบอกว่า “ของสงฆ์อภัยให้กันไม่ได้ มันต้องชำระหนี้สงฆ์”
    ก็บอกว่า “ตกลง ฉันช่วยชำระ ๖๐ บาทเรื่องเล็ก”
    ท่านบอกว่า “ไม่ได้ ชำระด้วยเงินไม่ได้”
    ถามว่า “แล้วจะเอาอะไร”
    ท่านบอกว่า “ต้องสร้างพระพุทธรูป ๑ องค์ หน้าตัก ๑๒ นิ้ว”
    เราเลยบอกว่า “เรื่องเล็ก เอาสัก ๑๐ องค์ก็ยังได้”
    ท่านบอกว่า “องค์เดียวพอ แล้วพระอีกสององค์ท่านก็รับไปคนละองค์ รวมเป็น ๓ องค์”
    เราบอกว่า “อย่างนี้ ฮ้อ…ตกลง”
    ท่านก็เลยบอกว่า “ถ้าอย่างนั้นไปได้ตามผลของความดี”
    ตอนนั้นเลยบอกกับท่านทิมว่า “อย่าเพิ่งไป อยู่ที่นี่ก่อน”
    ถามลุงว่า “การสอบสวนขอพักเดี๋ยวได้ไหม…”
    ท่านบอกว่า “ได้”
    เราก็เลยบอกท่านทิมว่า “จำอารมณ์หนึ่งได้ไหม…”
    เขาถามว่า “อะไรล่ะ…”
    ก็เลยบอกว่า “เอกัคคตากับอุเบกขาน่ะ”
    บอก “จำได้”
    “จำได้ขอให้ไปตามนั้น”
    นั่นมันฌาน ๔ ท่านทิมเลยไปเป็นพรหมชั้นที่ ๑๑ ถ้าไปตอนนั้นก็ไปด๊อกแด๊กอยู่แค่กามาวจร ต้องช่วยกระตุกตรงนี้ มันพ้นตอนที่เรารับปากจะให้ อารมณ์ที่ปิดปากอยู่ก็หมด ลุงพุฒิแกตั้งใจช่วยเลยให้คนมาตาม ไม่ได้ตั้งใจคอยใคร ขนาดมาตามเลยนะ ที่ตามก็มีพระอีก ๒ องค์ อีกองค์หนึ่งเป็นพระอยุธยา หนุ่มเลยล่ะองค์นั้น ตอนนั้นฉันอายุซัก ๔๐ กว่าๆ องค์ที่อยู่อยุธยาก็อยู่ในเกณฑ์ ๓๐ เศษๆ แต่ว่าไม่รู้ว่าวัดไหน รูปร่างสูงๆดำๆ อีกองค์หนึ่งรูปร่างหน้าตาดีไม่รู้ว่าอยู่วัดไหน เวลาไปตามก็มี ๓ องค์ เลยเล่นกำไรเสียเลย พระพุทธรูป ๓ องค์เรื่องเล็ก พระ ๑๒ นิ้ว กับคนที่จะไปเป็นพรหมราคามันไม่เท่ากันใช่ไหม… เราสร้างพระ ๑๒ นิ้วเดี๋ยวเดียว ไอ้คนที่บำเพ็ญบารมีเป็นพรหมมันง่ายเสียเมื่อไหร่ล่ะ
    คราวนี้มันก็มีปัญหาอยู่ว่า ทำไม ท่านถึงเจาะจงมาเอาฉันไปช่วย ถ้าลงได้เป็นแบบนี้ล่ะก้อ จะต้องเป็นเครือเดียวกัน เป็นพวกเดียวกัน เดินทางแนวเดียวกัน อาจารย์ทิมกับฉันรู้จักกันมานานตั้งแต่ตอนบวชอยู่ใหม่ๆ ส่วนอีก ๒ องค์ไม่รู้ว่า เขารู้จักกันมาเมื่อไหร่ แต่ทั้งสององค์นั้นต้องเป็นเชื้อสายเดียวกัน และปฏิปทาการปฏิบัติก็ต้องเหมือนกัน และแถม ๒ องค์นั่น บ้าๆบวมๆ เหมือนๆกัน เงินส่วนตัวไม่มี
    ฉันถามอีกองค์หนึ่งที่รูปร่างหน้าตาดีๆ บอกว่าอยู่สิงห์บุรี จากนั้นฉันก็ไม่ได้สนใจ ถามถึงปฏิปทา เขาก็บอกว่า ผมกับท่านบ้าๆบวมๆเหมือนกัน สตางค์ไม่เหลือ อาจารย์ทิมก็บ้าเหมือนกัน แต่ดันบ้าตายก่อน มันจะลงนรกเราให้ลงไม่ได้
    ทีนี้วิธีกระตุ้นๆนิดเดียว ถ้าบอกว่าอาจารย์ทิมเริ่มนั่งเข้าฌานละก็ซวยเลย ใครจะไปเข้าฌานได้ยังไง เขาต้องถามถึงอารมณ์เดิมนิดเดียว ถามว่าจำอารมณ์หนึ่งได้ไหม เอกัคคตากับอุเบกขา บอกจำได้เท่านี้ก็พอแล้ว จำได้ก็เป็นฌาน ๔ จิตก็ตั้งอยู่พอดี พอพูดปั๊บจิตก็ตั้งอยู่ฌาน ๔ พอตั้งอยู่ฌาน ๔ สภาพก็เป็นพรหม ตัวแกก็เป็นพรหม แจ๋ว เลยบอก ไปตามอัธยาศัย ข้าจะกลับวัด เดี๋ยวลูกศิษย์ข้าคอย
    ที่เล่าให้ฟังนี่ มันเป็นเรื่องของผู้ที่ไม่มีเจตนาโกงเงินสงฆ์ ไอ้พวกที่มีเจตนาโกงไม่มีทางช่วย เรี่ยไรมา ๑๐ บาท เอาของเขาใช้ไป ๙ บาท ๑๐ สตางค์ อีก ๑๐ สตางค์เอาเข้ากระเป๋า อย่างนี้ลงอเวจีมหานรก ของสงฆ์นี่แม้แต่กระเบื้องแตกๆก็เก็บไม่ได้ ของที่สงฆ์เขาไม่ใช้แล้วเห็นว่ามันดีนี่ เอาไปบ้านหน่อย อย่างนี้เอวัง….ตกดังตูม…อเวจี.

    http://palungjit.org/threads/พระวัง...พโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้.22445/page-508
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    http://palungjit.org/threads/โปรดอ่านก่อน-post-การพูดใน-internet-เป็นบุญ-บาป-หรือไม่.95939/

    <TABLE class=tborder id=post758694 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">วันนี้, 04:11 PM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#1 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>นาย Touru<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_758694", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    ข้อความ: 151
    ได้ให้อนุโมทนา 390 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 883 ครั้ง ใน 147 โพส
    พลังการให้คะแนน: 105 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_758694 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid">[​IMG] โปรดอ่านก่อน Post การพูดใน Internet เป็นบุญ/บาป หรือไม่ ?
    <HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>ที่มา : หนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว 2 /ดังตฤณ

    ถาม การเขียนข้อความหรือนำเสนอเนื้อหาอะไรผ่านอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝง ถือเป็นกรรมหรือไม่ ? เพราะไม่มีใครรู้จักชื่อเรา ไม่มีใครเห็นหน้าเรา ไม่มีใครได้ยินเสียงเรา เหมือนเราไม่มีตัวตน

    ผมเห็นว่าคำถามนี้จะนำไปสู่ความเข้าใจในเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งขึ้น เพราะคนส่วนใหญ่ยังนึกว่าการก่อกรรมเป็นเรื่องที่ต้องโชว์ตัว โชว์เสียง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีชื่อแซ่ของเจ้าตัวปรากฏเป็นที่รับรู้เสียก่อน ความเข้าใจดังกล่าวนั้นคลาดเคลื่อนนะครับ กรรมนั้นคือเจตนา ต่อให้คุณนอนคิดร้ายอยู่บนยอดเขา ไม่มีใครเห็น คุณก็ทราบชัดอยู่แก่ใจ และสามารถสำเหนียกรู้สึกได้ว่า ใจคุณดำมืด เพราะโดนเมฆหมอกอกุศลทาบทับแล้ว

    สำหรับกรรมที่ทำอยู่ในใจจริงๆ มีผลกระทบกระเทือนต่อจิตใจคุณเองคนเดียวนั้น เรียกว่า "มโนกรรม" สำหรับมโนกรรมนั้นจะสำเร็จสมบูรณ์เต็มขั้นในทันทีที่ตั้งใจคิดและมีความยินดีกับความคิดนั้น หากจะพูดว่ามโนกรรมคือกรรมที่ก่อแล้วยังไม่ทันส่งผลกระทบดีร้ายกับผู้อื่นก็คงได้ ตัวอย่างเช่น คุณคิดจะด่าเขา แต่ระงับใจไม่ด่า อย่างนั้นก็เป็นเพียงมโนกรรมอันเป็นอกุศล มีผลให้จิตคุณทุกข์ร้อนอยู่คนเดียว ยังไม่เป็นวจีกรรม ยังไม่มีเสียงกระทบหูใครให้ใจเป็นทุกข์ขึ้นมา

    แต่หากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้นจัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆ "ภาษา" นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์

    ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลยแม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่าสร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆ ที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า บุคคลคิดแล้วจึงก่อกรรมทางกาย วาจา ใจ

    อินเตอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราเห็นอะไรหลากหลายจริงๆ แม้แต่การทำงานของกรรม อย่างเช่นที่ผมรู้จักหลายๆ คน เห็นกรรมทางวาจาของเขาเบื้องต้น แล้วได้เห็นพัฒนาการหรือความเสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น

    ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย บั่นบ่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ

    ผู้ก่อกระแสความเยือกเย็น นานไปย่อมมีจิตใจเยือกเย็น สงบราบคาบผาสุก และแสดงแนวโน้มที่จะแน่วนิ่งหนักแน่น ในเรื่องเป็นเหตุเป็นผล พูดจามีต้นมีปลายขึ้นเรื่อยๆ

    บอกได้เลยครับว่า วจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์เน็ตนั้น อาจให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก ที่เป็นเช่นนี้เพราะอะไร?

    เพราะบนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆ ว่า "ไอ้โง่" ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยินเสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า "ไอ้โง่" ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตามใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของคนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อนเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้

    ผมเห็นแล้วนึกเสียดายครับ หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง

    โอกาสก่อกรรมในยุคไอทีของพวกเรานี้ มีได้เป็นร้อยเป็นพันเท่ามากกว่ายุคอื่นครับ กระดิกนิ้วง่ายๆ ไม่กี่ที ผลอาจใหญ่หลวงยิ่งกว่าพยายามพูดในห้องประชุมใหญ่หลายๆ อาทิตย์เสียอีก หากจิตตั้งไว้ดีแล้วก็สบายตัวไป แต่หากจิตยังตั้งไว้ในมุมมืด อย่างนั้นก็คงน่าเป็นห่วงหน่อยล่ะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://palungjit.org/threads/พระวัง...พโลกอุดรเสก-ถ้าต้องการที่จะได้.22445/page-509
     
  5. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    555 ขอบคุณครับ ว่าจะแอบหลังไมค์อยู่เชียว
     
  6. chantasakuldecha

    chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2008
    โพสต์:
    991
    ค่าพลัง:
    +2,331
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ ติดตามมาตลอดครับ สิ่งดีๆจะมาหาเราเองเมื่อถึงเวลายิ่งเราวิ่งไล่ตามหาสิ่งนั้นกลับยิ่งวิ่งหนีเราไป แล้วตามบุญและวาสนาที่ทำมาร่วมกันครับ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับคณะพระวังหน้า การที่ผมได้พระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆมา ผมได้ไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ผมที่เป็นทั้งฆารวาส และพระภิกษุ ช่วยตรวจสอบว่า พระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆนั้น เป็นของแท้หรือไม่แท้

    เมื่อผมทราบแล้ว พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ได้ไปจากผมบางท่าน ได้ไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ของท่านเหล่านั้น ช่วยในการตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคลอีกหลายๆสาย

    ผลการตรวจสอบ

    จากครูบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆารวาสทุกๆท่าน ตรงกันในทุกๆทาง ทุกๆสาย

    ซึ่งครูบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆารวาสที่เมตตาตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคล ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้จักกันโดยตรง (แต่ถ้ารู้จักกันโดยญาณสมาธินั้น ผมไม่ทราบ)

    นี่คือสิ่งที่ผมได้บอก ตอกย้ำว่า ต้องตรวจทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) เสมอ

    ในการตรวจ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ก็แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ
    1.การตรวจเป็น
    2.การตรวจได้

    แต่ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมได้อธิบายไว้ในกระทู้
    พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....นี้แล้ว ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ ไม่อยากจะอธิบายซ้ำอีก

    แต่หากว่า ยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ผมได้บอก ก็ยังมีอีกวิธีก็คือ ให้ท่านไปหาพระภิกษุหรือฆารวาสที่ได้ญาณ 4 ละเอียด 5 รูป(หรือท่าน) ช่วยตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคล ผลการตรวจสอบทั้ง 5 รูป(หรือท่าน) ต้องตรงกัน

    แต่(อีกแล้ว) ไม่ต้องไปให้เสี้ยนดูนะครับ ไม่มีประโยชน์ เพราะเสี้ยนดูไม่เป็น

    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร

    ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม


    พระคุณเจ้าที่ สนส.บ่อเงินบ่อทอง ได้มาแจ้งในกระทู้ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณร ดังนี้ครับ

    โต(กุมารน้อย) ญาติโยมท่านใดที่จะส่งลูกหลานเข้ามาบวชเรียน โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น รับสมัครเรียนมัธยม 1-5 ตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ ติดต่อได้ที่...081-9408541 พระอาจารย์มหาแผน ได้ทุกวัน หมดเขตรับสมัครต้นเดือนพฤษภาคม 2552 ขอความอนุเคาะห์ทุกท่านช่วยประชาสัมพันธ์ให้ด้วย...สาธุ..สาธุ..สาธุ...อนุโมทามิ
    โดย พระคุณเจ้า <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->วัดบ่อเงินบ่อทอง
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้พระวังหน้า และที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง หากต้องการที่จะเข้ามาพูดคุย โดยพบกัน ผมอยากให้เข้ามาพูดคุยกันในกระทู้พระวังหน้าฯ และร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ ก่อน เมื่อถึงเวลา ,วาระ และโอกาสแล้ว ผมจะขอเบอร์โทรศัพท์ของท่านเอง

    ผมเองใช้ระยะเวลาที่มากกว่า 10 ปี ในการตามหาพระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... ใช้แรงกาย แรงใจ แรงเงิน ไปมากอยู่ อีกทั้งเพื่อนๆบางท่าน ( เช่นคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end --> ) ก็เช่นกัน กว่าจะตามหามาจนเจอว่า อะไรเป็นอย่างไร

    พระวังหน้าฯ หาได้ไม่ยาก แต่จะมีสักกี่ท่านที่รู้จริง และรู้ลึก ผมเองมีโอกาสและมีวาสนาที่ได้เรียนรู้จากครูบาอาจารย์ที่รู้จริง และรู้ลึก ซึ่งการเรียนรู้นั้น เรียนรู้ทั้งเรื่อง " รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) " และ " นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) " ทั้งสองประการควบคู่กันไป ไม่อย่างนั้นผมจะทราบหรือว่า มี "[​IMG] [​IMG]พระสมเด็จ (top of the top)" หรือ "พระสมเด็จ (special of the top) "

    โมทนาสาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -----------------------------------------

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    อ่า...มาแล้วครับผลการสอบทานจากผู้ที่สามารถตรวจพระพิมพ์ได้ ในรุ่น top of the top เพื่อนผมแจ้งว่าทุกรุ่นที่เป็น tott ล้วนสร้างและเสกพร้อมกัน โดยมีส่วนผสมเป็นผงพิเศษที่ได้รับมอบมาจาก สมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้น เพื่อนผมลืมถามว่าใครเป็นผู้เสก แต่บรรยายอิทธิคุณซะ ตามคาดเลยครับ มีเมตตานำสูงมากครับส่วนอื่นๆไม่บรรยาย เดี๋ยวหาว่าโปรโมทเพียงแต่ผมนำมาจากแหล่งที่ผมนับถือมาแจ้งให้ทราบครับ ใครยังไม่มีท่านก้อแสดงความเสียใจด้วยครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มายืนยันครับ

    ยืนยันว่า ทุกๆท่านในคณะพระวังหน้า ต้องมีพระสมเด็จ (top of the top) กันทุกๆท่าน

    ในงาน(ใหญ่)ครั้งต่อไป ในช่วงปลายปีนี้ ชาวคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน ห้ามพลาดนะครับ ท่านใดที่มีแล้วไปรับแจกเพิ่มได้ ส่วนท่านใดที่ยังไม่มีไปรับได้ที่งาน และเท่าที่คิดไว้ ผมจะแจก(ฟรี) ท่านละ 2 องค์

    ผมเองมีรายชื่อสำหรับท่านที่ผมต้องให้อยู่ในใจแล้ว

    ส่วนท่านอื่นๆ ก็ให้เข้ามาร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ และพูดคุยกันในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ก่อน เมื่อถึงเวลา ,วาระ และโอกาส ผมจะติดต่อกลับไปหาท่านเองครับ

    ยืนยัน ฟันธง และ คอนเฟิร์มครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    [​IMG] สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี

    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1>สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี
    <O>
    สมัยเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พระอาจารย์โต พรหมรังสี) ท่านบวชเป็นพระภิกษุใหม่ ๆ ยังไม่มีสมณศักดิ์ใดๆ นั้น ท่านเรียนพระปริยัติจนแตกฉานที่วัดมหาธาตุ สนามหลวง โดยมีพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน เป็นพระอาจารย์ วิธีการเรียนของท่านก็แปลกกว่าวิธีของพระภิกษุรูปใด ๆ นั่นคือ ท่านจะกำหนดล่วงหน้ามาว่า วันนี้ท่านจะเรียนจากหน้าไหนถึงหน้าไหนในหนังสือ พอมาถึงสำนักเรียน ก็จะเปิดหนังสือออกแล้วแปลไปเรื่อยโดยไม่ติดขัดจนจบหน้าที่กำหนดไว้ ต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระสังฆราชสุกฯ พอจบท่านก็กราบแล้วกลับวัดระฆัง จนกระทั่งวันหนึ่ง สมเด็จพระสังฆราชสุก ฯ มีรับสั่งว่า

    <O></O>พอแล้ว หยุดเรียนเสียที คุณแตกฉานพอแล้ว เจ้าอาวาสวัดระฆัง คือสมเด็จพระพุทธโกษาจารย์ (นาค) สงสัยเห็นภิกษุโต ไม่ข้ามไปเรียนที่วัดมหาธาตุอีก ท่านก็ร้อนใจข้ามฝั่งมาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชสุกฯ เพื่อถามสาเหตุ สมเด็จพระสังฆราชสุกฯ มีรับสั่งว่า
    <O></O>
    <O></O>
    ขรัวโต ลูกศิษย์เธอ เขามาแปลหนังสือให้ฉันฟัง เขาไม่ได้มาเรียนหนังสือกับฉันหรอก
    <O></O>
    <O></O>
    นี่แสดงถึงภูมิปัญญาของสมเด็จโตฯ ว่าเลิศเพียงใด และเมื่อไม่ได้ข้ามฝั่งไปเรียนพระปริยัติแล้ว ท่านก็เรียนด้วยตัวเองของท่านเองโดยวิธีพิศดารคือ ตอนสายของทุกวัน หลังจากเสร็จกิจทำวัตรแล้ว ท่านจะถือหนังสือเข้าไปในพระอุโบสถวัดระฆัง ไปถึงก็วางหนังสือกับพื้น แล้วกราบพระประธาน ๓ ครั้ง จากนั้นก็หยิบหนังสือออกมากาง เปิดหน้าที่กำหนดไว้แล้วแปลเรื่อยไปจนจบ ท่านก็ปิดหนังสือก้มกราบพระประธาน ๓ ครั้ง แล้วกลับขึ้นกุฏิ ท่านแตกฉานในพระปริยัติอย่างยิ่ง แต่ท่านไม่เคยคิดเข้าสอบเอาเปรียญ แต่กลับมุ่งศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระ ซึ่งสมัยก่อนผู้ที่ศึกษาทางด้านนี้ก็มักจะมีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนาธุระ ที่เต็มไปด้วยคาถาอาคม มีอภินิหารมหัศจรรย์ที่แสดงออกด้วยอิทธิวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ที่ท่านได้สร้างกันขึ้น

    ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาสถิตที่วัดมหาธาตุ จะแตกฉานทางด้านคันถธุระหรือทางด้านปริยัติ ส่วนฝ่ายซ้ายจะสถิต ณ วัดป่าแก้ว ซึ่งเชี่ยวชาญทางวิทยาคม มีเวทมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสมัยนั้น มีเกจิอาจารย์สำคัญที่มีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ อาทิ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จพระวันรัต (วัดป่าแก้ว) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น

    ซึ่งการศึกษาด้านวิปัสสนาธุระของพระภิกษุสงฆ์ไทยนั้น ได้สืบทอดมาจนถึงรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงโปรดส่งเสริมการศึกษาทางด้านนี้มาก (สายวิชชากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ) ได้เจริญรุ่งเรื่องที่สุดในสมัยรัชกาลที่ ๒ สมเด็จโตฯ ผู้สร้างพระเครื่องพระสมเด็จอันเลื่องลือยิ่งนักนั้น ท่านก็ได้ศึกษาด้านวิปัสสนาธุระมาอย่างเชี่ยวชาญ ท่านเก่งทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ เรียนพระปริยัติจนไม่มีอาจารย์สอนได้ และเก่งวิปัสสนา ซึ่งหาได้ยากยิ่งในพระภิกษุรูปเดียวกัน เพราะปกติทั่วไป มักจะเก่งคนละอย่าง ไม่มีพระภิกษุรูปใดที่เก่งทั้ง ๒ ด้านเฉกท่าน
    <O></O>
    <O></O>
    พระอาจารย์ที่สอนวิทยาคมให้แก่สมเด็จโตฯ องค์แรก ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่ก็คือ พระอริญญิก (แก้ว) เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร พระอาจารย์องค์ต่อมาคือ สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ที่ท่านได้สมญานามนี้ เพราะท่านสามารถแผ่เมตตาจนกระทั่งไก่ป่าที่เปรียวและตื่นง่าย เชื่องเป็นไก่บ้านเข้ามาจิกข้าวที่ท่านเสกให้กินได้ สมัยนั้นสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน มีชื่อเสียงเลื่องลือมาก ท่านทรงเป็นพระกรรมวาจารย์ของ รัชกาลที่ ๒ และเป็นอุปัชฌาจารย์ของ รัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ เมื่อทรงผนวชเป็นสามเณรด้วย

    <O></O>
    <O></O>
    คัดจาก : หนังสือ ประวัติสมเด็จโตฯ จากบันทึกของมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโยธา (สอน โลหนันท์) และหนังสือ อภินิหาร สมเด็จโตฯ โดย ฟ้า วงศ์มหา, ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ<O></O>
    <O></O>


    ผมขออนุญาตคัดลอกมาจากกระทู้หนึ่งในวัดถ้ำเมืองนะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สำหรับท่านใดที่สนใจจะอ่านประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผมไปตั้งกระทู้ไว้ที่ชมรมพระวังหน้าครับ

    ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)

    ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
    จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)

    ที่มา เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm

    ผมขอกราบขอบพระคุณม.ล. พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา , มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) ,เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm และท่านผู้พิมพ์ ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) เป็นอย่างสูงครับ

    ผมขอกราบขอบพระคุณม.ล. พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา , มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) ,เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm และท่านผู้พิมพ์ ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) เป็นอย่างสูงครับ

    โมทนาสาธุ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=505
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    อ่ะ ผมปล่าวเจตนา...ผมแค่จาบอกว่าผงพิเศษจาก................... ครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอให้ชาววังหน้า เข้ามาร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    และ พูดคุยกันนะครับ

    ไม่ต้องเป็นห่วงว่า พระสมเด็จ (top of the top) จะหมดในช่วงนี้ ผมเองยังมีอยู่อีกประมาณ 5-600 องค์ พอแจกไปได้อีกนานครับ

    .
     
  10. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    เอ่อ ไม่รู้จะตอบยังไงดีคะ

    ตอนนี้กลับมาอยู่ไทยถาวรแล้วคะ คิดว่านะคะ ก็กลับมาอยู่ที่บ้านปกติคะ
    คุณ ayamoto เป็นอย่างไรบ้างคะ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สำหรับท่านที่ได้ พระสมเด็จ (top of the top) , พระสมเด็จ (เนื้อปูนสอ) และพระสมเด็จ (เนื้อปัญจสิริ) ไปในงานสรงน้ำฯ

    อย่าลืมไปชำระหนี้สงฆ์ด้วยนะครับ

    ด้วยรักและห่วงใย จากใจ
    sithiphong,
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ที่มา พระสมเด็จวังหน้า ๒๔o๘ เนื้อปัญจสิริ ชุด ๔๔ พิมพ์และพระสมเด็จวังหน้า รายได้จัดสร้างพระ 84,000 องค์
    http://palungjit.org/threads/พระสมเ...-รายได้จัดสร้างพระ-84-000-องค์.152409/page-19

    <TABLE class=tborder id=post2040992 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">17/4/2552, 08:39 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#372 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->guawn<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2040992", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 13,257
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 58
    Groaned at 9 Times in 7 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 11,560
    ได้รับอนุโมทนา 66,000 ครั้ง ใน 10,291 โพส
    พลังการให้คะแนน: 5465 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2040992 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->มีPM มาให้ดูครับ
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ศรีภูไท
    รู้สึกว่าพระสมเด็จที่พี่นำมาลงนี่มันเหมือนสมเด็จที่ร้านลุงสายันต์และร้านตาแดงที่ในตลาดท่าพระจันทร์นะครับพี่ เหมือนมาก ยังกะแฝด จนทีแรกนึกว่าลุงยันต์มาเปิดขายเองในเวบซะแล้ว(ลูกลุงสายันต์หรือเปล่า) ผมพูดตรงไปหรือเปล่าครับขอโทษด้วยระวังนะครับ ตอนนี้คนเริ่มสงสัย กรุวัดพระแก้ว พระธาตุพนมเยอะมากแล้ว ความลับแตกขึ้นมาละยุ่งเลยครับ
    ไม่ได้ป่วนนะครับ แค่อยากเตือน ตอนนี้เริ่มมีกลุ่มคนขี้สงสัยพระสมเด็จกรุพระธาตุพนม กรุวัดพระแก้ว เริ่มก่อตัวขึ้นมาเยอะแล้ว พลาดมาเผ่นหนีไม่ทันนะครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -------------------------------------

    ดีครับที่รู้จักแหล่งปลอมพระสมเด็จวังหน้า ของแท้มีของปลอมย่อมมีเป็นธรรมดา ชื่อคนที่คุณเอ่ยมานั้นผมไม่เคยรู้จักมาก่อน ฝากบอกพ่อคุณ(สงสัยจะเป็นคนที่ชื่อลุงสายันต์)ด้วยว่าเลิกปลอมพระขายได้แล้วครับ กรุพระธาตุพนมอยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลยแล้วจะคุยกันรู้เรื่องไม่ละ การกล่าวหาหลักลอยไม่มีหลักฐาน ศึกษามาน้อยเป็นเรื่องไม่ดีนะครับ

    ผมไม่รู้จักกับคุณและก็ไม่อยากรู้จักด้วย จงไปที่ชอบที่ชอบเถอะครับ<!-- google_ad_section_end -->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เห็นแล้วก็เลยนำมาลงก็แล้วกัน
    จาก pm ผม(sithiphong)


    ข้อความส่วนตัว: Re: สวัสดีครับพี่ <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">16-4-2552 , 09:09 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ศรีภูไท<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Nov 2008
    ข้อความ: 41
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 12
    ได้รับอนุโมทนา 27 ครั้ง ใน 9 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>สวัสดีครับพี่

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ผมมีความข้องใจเกี่ยวกับพระสมเด็จกรุพระตุพนมครับ
    ไม่ทราบมีประวัติการสร้างที่แน่นอนหรือไม่ครับ แต่สมเด็จวังหน้าผมเชื่อว่ามีอยู่จริงครับ เพราะผมก็มีอยู่ชุดนึง (ชุดใหญ่ด้วย)มีแต่องค์สวยๆทั้งนั้นเลย ทีแรกก็ไม่รู้ว่าพระอะไร พอมาลองหาในgoogleดูจึงพอรู้ว่าเป็นสมเด็จวังหน้า รู้สึกว่าเขาเรียกสมเด็จหลังเบี้ยนะครับ มีคราบลงรักไม่ปิดทอง และคราบอะไรไม่รู้เขียวๆ ดำๆ ติดทั่วองค์พระแต่สวยไปอีกแบบ ผมไม่สนหรอกครับว่าเซียนตาถั่วทั้งหลายที่มันจ้องขายพระกินไปวันๆจะพูดยังไง ผมรู้ว่ามีของดีก็พอ ผมมีของดีทีแรกก็เริ่มสงสัยเป็นธรรมดาว่าเอ๊ะของสูงค่าที่เรามีอยู่จะแท้หรือเปล่าเคยได้ยินแต่เขาว่าไอ้น้องเอ๊ยจะเล่นพระสมเด็จลองไปดูที่ท่าพระจันทร์เสียก่อน เราคนสงสัยเป็นทุนอยู่แล้วก็เลยลองไปสืบดูครับ ส่วนมากของปลอมก็มีเยอะนะครับ สวยด้วยแหละ ผมเห็นมีหลายท่านนะเอามาลงในเวบตอนนี้คุณวิเชียรกำลังโดนโจมตีอย่างหนักเพราประวัติไม่แน่นอน แต่ผมคงจะไม่เปิดโปงเบื้องหลังให้อับอายหรอกครับ เพราะอาชีพขายพระมันห้ามกันไม่ได้เหตูผลหลักอยู่ที่ผู้ซื้อถูกใจก็พอ องค์ละ 20 บาทเองเนื้อสวยๆอย่างนี้ไปขายต่างจังหวัด ปล่อยองค์ละ200 บาทนี่คนไม่เคยเห็นนี่แย่งกันแทบเหยียบกันตาย
    เห็นในเนทสวยๆดีนะไม่ได้เช่าไป เอามา20 ปล่อย 5000 ซะงั้นแสบจริงๆ แต่อีกความรู้สึกนึงเหมือนกับว่าหลวงปู่โตท่านสร้างไว้หลายพิมพ์ครับ แต่คนส่วนใหญ่มันเกิดไม่ทันจะตีเป็นเก๊ได้งัย พิมพ์วังหน้าก็มีเหมือนกันครับ แต่น้อยนะ ไม่เกลื่อนมากเหมือนสมเด็จวัดระฆังปลอมกันซะเป็นขบวนการเลย และที่ผมสงสัยมากๆเลยก็คือกรุพระธาตุพนม ประวัติการสร้างไม่ค่อยชัดเจนและแน่นอน มีหนังสือที่ลงก็ใช้เป็นมาตรฐานไม่ค่อยได้
    คนสงสัยมากซิครับ อย่าว่าผมเลวเลย ผมรู้จักลุงท่านนึงขายที่ท่าพระจันทร์ชื่อลุงสา(...ต์)และทีมงานครอบครัว ขอสงวนไว้เพื่อความปลอดภัยของผมเอง ผมเห็นในเนทคือสมเด็จกรุพระธาตุพนม มาเจอของจริงก็วันนี้แหละที่ร้านแกมีเยอะมากหลายพิมพ์ด้วยถ้าไม่เชื่อผมลองไปดูคืนเช้าวันเสาร์(คืนวันศุกร์คือเวลาประมาณช่วงตี4-6โมงเช้า)คนจะเยอะมากที่ร้านแกนะส่วนมากในเนทที่ลงก็ไปเอาจากร้านแกทั้งนั้นผมไปสืบบอกมีขาประจำทั้งลงเนท ทั้งขายปลีกขายส่งมาเอาร้านแกประจำบางท่านมาจากอุดรเลยนะ
    จะขายดีมากช่วงที่หนังสืออาจารย์ระฆัง อริยะทันโตสีออกหนังสือมาวางขายตอนนี้วางแผงมีอยู่10 กว่าเล่มแล้ว ผมรู้จักหลายคนนะสืบความลับมาได้จะจะ
    ชัดเจนมากไม่มั่ว เขามีธุรกิจเบื้องหน้าเบื้องหลังกันอยู่ ผมตกใจนะทีพี่เขาพูดอย่างนี้เขาบอกถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วจะกินอะไรใช้อะไรกับสังคมปัจจุบันที่ตกต่ำอย่างน่าใจหาย สมเด็จหลายองค์ที่ลงในเนทเนี่ยมีแผ่นทองบอกพ.ศ.การสร้างไว้อย่างชัดเจน แผ่นทองที่เห็นติดกันผมเห็นกับตาสวรรค์เป็นพยานเถอะลุงแกเล่นติดเองแล้วบอกเป็นของกรุพระธาตุพนมแสบจริงๆ ขายเป็นครอบครัวเลยนะ มีหลายคนเช่าไปแล้วบอกของแท้เพราะอะไรรู้ไหม คำตอบก็คือลุงบอกว่าเขาเอามวลสารพระสมเด็จเก่าๆและมวลสารพระผงทีแตกหลายที่ ผงวิเศษรวมมาหลายองค์ของแท้นะมาผสมมีโรงงานที่ทำอยู่ต่างจังหวัดแล้วมีคนจ้างลงรักปิดทองเป็นสเต็ปเงินได้มาแบ่งๆกันใช้ทำดีๆหน่อยคราบปิดทองบางองค์เก่ามากๆ เอาแบบกรุมีฟองเต้าหู้ก็มีครับ ผมกลัวไปเลย ผมมันคนขี้สงสัยครับ แบบว่าสวดชินบัญชรแล้วขอสมเด็จโตท่าน บอกว่าหลานอยากจะรู้ว่าสมเด็จกรุพระธาตุพนมมีจริงหรือไม่ หลวงปู่ดลบันดาลให้คำตอบชัดเจนแล้วว่าของแท้มีจริงๆลุงทำเองติดแผ่นทองเองกับมือกาวตราช้างด้วย
    ผมขอคำชี้แจงแถลงไขพี่ด้วยครับ ว่าสมเด็จกรุพระธาตุพนมมีจริงหรือไม่ ขอบพระคุณครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ข้อความส่วนตัว: Re: ผมนึกออกแล้ว <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">16-4-2552 , 09:50 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right></TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ศรีภูไท<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Nov 2008
    ข้อความ: 41
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 12
    ได้รับอนุโมทนา 27 ครั้ง ใน 9 โพส
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>ผมนึกออกแล้ว

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>ลุงยันต์บอกว่ามีพระอาจารย์จากกาฬสินธ์ไม่รู้วัดไหนนะครับ มาเช่าเอาไปเยอะมากเหมือนกันลุงบอกว่าเขาสัมผัสพลังบอกแรงติดใจจะเอาไปแจกญาติโยมที่ทำบุญโดยเฉพาะรุ่นที่ติดหินพระธาตุนี่พระอาจารย์ที่กาฬสินธ์ต้องการเยอะ(ลุงบอกจะไม่ให้แรงได้ไงหินพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ย่อมทรงพลังพุทธคุณสูงสุดอยู่ในตัว)ในท่าพระจันทร์มีร้านนึงขายอยู่เป็นหินพระธาตุ พระธาตุมีทุกแบบ เอาแบบไหนเลือกไปเลย
    เหล็กไหลก็มี ดูจนตาลายสับสนไปหมด เจ้าของร้านใจดีมาก หากพี่สนใจหินกายสิทธิ์วัตถุธาตุไปดูได้ครับ
    เห็นเขาลงในเวบที่ของวัดพระธาตุพนมเขาลงเวบไซต์ไปแล้วว่าสมเด็จกรุพระตุพนมนั้นไม่มีอยู่จริง
    คนที่ทำหนังสือขายเงียบฉี่หายตัวไปแล้ว เขาบอกให้ระวังกันมากๆ เขาทำกันเป็นขบวนการเลยนะ
    ผมจึงบอกว่าถ้าไม่มีประวัติที่แน่นอน ชัดเจน ถ้านำเอาแค่คำบอกเล่าต่อๆกันมาโดยไม่มีหลักฐานยืนยัน
    100% พอคนอื่นที่เขาขี้สงสัยเหมือนผมแล้วไปเจอจังๆที่ ท่าพระจันทร์อย่างนี้มันเสียหายอย่างมาก กับความน่าเชื่อถือที่สร้างกันมาอาจจะให้หลายๆท่านจะเกิดความสงสัยแครงใจอย่างมากรับผิดชอบไม่ไหวครับ ตอนนี้คนเขาจะเริ่มรู้ร้านลุงเขาเยอะแล้ว ถ้าพี่ไม่เชื่อผมลองไปดูได้ที่ร้านลุงยันต์ครับเดินเข้าไปกลางตลาดแล้วถามเลยว่าร้านลุงสายันต์อยู่ไหน แล้วบอกว่าผมจะมาเช่าสมเด็จกรุพระธาตุพนมครับ และสมเด็จกรุวัดพระแก้ว
    คนในตลาดเขารู้ไส้รู้พุงกันหมดครับ แล้วลองเข้าไปถามดูว่าที่ผมกล่าวมาจริงหรือไม่ ไม่ได้กล่าวลอย
    มีคนเช่าจากลุงยันต์ไปปล่อยหลายที่มาก อ.(ขอสงวนชื่อ)ขายอยู่หน้าวัดพระธาตุพนม ขายดีมากช่วงนึง ตอนนี้เงียบฉี่หายตัวไปแล้ว หากพี่ไม่เชื่อผม ไปถามดูได้เลย ว่ามีใครที่มาเช่าลุงไปบ้างแกจำเก่งมาก
    แต่ข้อมูลสมเด็จวังหน้าน่าสนับสนุนเพราะมีหลักฐานชัดเจนมากครับ แต่กระทู้สมเด็จกรุพระธาตุพนมปิดกระทู้ไปเลยยิ่งดี ก่อนจะสายเกนแก้ไข ขอโมทนาบุญที่พี่นำมาให้ชม แต่กรุพระธาตุพนมนี่พักไว้ก่อนครับ ไม่ชัวร์ เดี๋ยวคนอื่นที่เขาสงสัยเหมือนผม ไปเจอเองกับตา แล้วเขาไม่รู้เรื่องนำมาโพสต์เหมือนในกระทู้คุณวิเชียรละยุ่งเลยครับ คนอื่นอ่านแล้วไปพิสูจน์กับตัวเองพอรู้ความจริงเข้าละยุ่งเลย อย่าลืมนะครับ อยากให้พี่ไปดูด้วยตัวเองให้ได้บ้านอยู่แถวไหน ถ้าอยู่กรุงเทพลองขับรถไปดูไม่ไกลครับ จะได้รู้ความจริงกันเสียที ว่าสมเด็จกรุพระธาตุพนมไม่มีอยู่จริง มีอยู่ที่เดียวคือท่าพระจันทร์ร้านลุงสายันต์ ผู้เก่าแก่แห่งวงการสมเด็จกรุพระธาตุพนมครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2009
  15. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    วันนี้เป็นวันพิเศษอะไร จำได้ไหมเอ่ย

    วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่โต

    (หลวงปู่โตเกิดเมื่อ วันพฤหัสบดี เดือน5 ขึ้น12ค่ำเวลาพระบิณบาต ประมาณย่ำรุ่ง9บาท จุลศักราช 1150 ปีวอก หรือเอาง่ายๆให้เข้าใจโดยถ้วนหน้า 17 เมษายน พศ. 2331

    คืนนี้เลยอยากเชิญชวนสหายธรรม ญาติธรรม กัลยาณมิตร ทุกท่าน เริ่มกันสวด พระคาถา ชิญบัญชร กี่จบก็แล้วแต่กำลังศรัทธา ถวายเป็น พุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เอาบุญนี้ถวายเป็นเครื่องบูชาต่อ หลวงปู่โต ต่อ พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวร สรรพสัตว์น้อยใหญ่ หรืออื่นๆอีกมากมาย อย่าลืมนะคะ คืนนี้เรามีนัดสวดมนต์กัน
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่มนุษย์หรือคน ยังไม่รู้อีกมากมาย เรื่องของการเรียนรู้ ผมสามารถบอกได้ว่า ต้องเรียนรู้กันไปอีกมาก

    เรื่องพระวังหน้า ก็เช่นกัน เรียนรู้กันไม่มีวันจบสิ้น ความรู้เพิ่มเติมขึ้นมาอยู่โดยตลอด เมื่อก่อนไม่ทราบว่า มีพระสมเด็จ (top of the top) หรือ พระสมเด็จ (special of the top) แต่ปัจจุบันก็ได้ทราบว่า มี


    ในอนาคต ก็ยังไม่ทราบว่า ยังต้องได้พบ ได้เห็น ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นอีกแค่ไหน

    ระวังเรื่องการปรามาสพระวังหน้าไว้ด้วย เนื่องจาก การสร้างพระวังหน้า เป็นการสร้างเพื่อ ชาติ และ พระศาสนา(พุทธ) เป็นการสร้างไว้เพื่อส่วนรวม สิ่งที่ไปดูถูก ดูหมิ่น และปรามาส กรรมแรงดีครับ

    สิ่งที่ผมได้บอกไป ไม่จำเป็นต้องเชื่อ แต่ให้ไปพิสูจน์เองว่า จริงหรือไม่ อย่างไร เรื่องนี้พิสูจน์ได้

    และเรื่องที่รู้อีกเรื่องก็คือ ปัจจุบันนี้ พระวังหน้า ดังมาก มีผู้ที่รู้เรื่องของวงการซื้อขายบอกผมมา ใช่หรือเปล่าครับพี่ไฟดูด หุหุหุ
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้พระวังหน้า และที่เคยร่วมทำบุญ ร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง หากต้องการที่จะเข้ามาพูดคุย โดยพบกัน ผมอยากให้เข้ามาพูดคุยกันในกระทู้พระวังหน้าฯ และร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ ก่อน เมื่อถึงเวลา ,วาระ และโอกาสแล้ว ผมจะขอเบอร์โทรศัพท์ของท่านเอง

    ผมเองใช้ระยะเวลาที่มากกว่า 10 ปี ในการตามหาพระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... ใช้แรงกาย แรงใจ แรงเงิน ไปมากอยู่ อีกทั้งเพื่อนๆบางท่าน ( เช่นคุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:::เพชร:::<!-- google_ad_section_end --> ) ก็เช่นกัน กว่าจะตามหามาจนเจอว่า อะไรเป็นอย่างไร

    พระวังหน้าฯ หาได้ไม่ยาก แต่จะมีสักกี่ท่านที่รู้จริง และรู้ลึก ผมเองมีโอกาสและมีวาสนาที่ได้เรียนรู้จากครูบาอาจารย์ที่รู้จริง และรู้ลึก ซึ่งการเรียนรู้นั้น เรียนรู้ทั้งเรื่อง " รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) " และ " นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) " ทั้งสองประการควบคู่กันไป ไม่อย่างนั้นผมจะทราบหรือว่า มี "[​IMG] [​IMG]พระสมเด็จ (top of the top)" หรือ "พระสมเด็จ (special of the top) "

    โมทนาสาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    -----------------------------------------

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    อ่า...มาแล้วครับผลการสอบทานจากผู้ที่สามารถตรวจพระพิมพ์ได้ ในรุ่น top of the top เพื่อนผมแจ้งว่าทุกรุ่นที่เป็น tott ล้วนสร้างและเสกพร้อมกัน โดยมีส่วนผสมเป็นผงพิเศษที่ได้รับมอบมาจาก สมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้น เพื่อนผมลืมถามว่าใครเป็นผู้เสก แต่บรรยายอิทธิคุณซะ ตามคาดเลยครับ มีเมตตานำสูงมากครับส่วนอื่นๆไม่บรรยาย เดี๋ยวหาว่าโปรโมทเพียงแต่ผมนำมาจากแหล่งที่ผมนับถือมาแจ้งให้ทราบครับ ใครยังไม่มีท่านก้อแสดงความเสียใจด้วยครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    มายืนยันครับ

    ยืนยันว่า ทุกๆท่านในคณะพระวังหน้า ต้องมีพระสมเด็จ (top of the top) กันทุกๆท่าน

    ในงาน(ใหญ่)ครั้งต่อไป ในช่วงปลายปีนี้ ชาวคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน ห้ามพลาดนะครับ ท่านใดที่มีแล้วไปรับแจกเพิ่มได้ ส่วนท่านใดที่ยังไม่มีไปรับได้ที่งาน และเท่าที่คิดไว้ ผมจะแจก(ฟรี) ท่านละ 2 องค์

    ผมเองมีรายชื่อสำหรับท่านที่ผมต้องให้อยู่ในใจแล้ว

    ส่วนท่านอื่นๆ ก็ให้เข้ามาร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ และพูดคุยกันในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ก่อน เมื่อถึงเวลา ,วาระ และโอกาส ผมจะติดต่อกลับไปหาท่านเองครับ

    ยืนยัน ฟันธง และ คอนเฟิร์มครับ

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    [​IMG] สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี

    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1>สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี
    <O>
    สมัยเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พระอาจารย์โต พรหมรังสี) ท่านบวชเป็นพระภิกษุใหม่ ๆ ยังไม่มีสมณศักดิ์ใดๆ นั้น ท่านเรียนพระปริยัติจนแตกฉานที่วัดมหาธาตุ สนามหลวง โดยมีพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน เป็นพระอาจารย์ วิธีการเรียนของท่านก็แปลกกว่าวิธีของพระภิกษุรูปใด ๆ นั่นคือ ท่านจะกำหนดล่วงหน้ามาว่า วันนี้ท่านจะเรียนจากหน้าไหนถึงหน้าไหนในหนังสือ พอมาถึงสำนักเรียน ก็จะเปิดหนังสือออกแล้วแปลไปเรื่อยโดยไม่ติดขัดจนจบหน้าที่กำหนดไว้ ต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระสังฆราชสุกฯ พอจบท่านก็กราบแล้วกลับวัดระฆัง จนกระทั่งวันหนึ่ง สมเด็จพระสังฆราชสุก ฯ มีรับสั่งว่า

    <O></O>พอแล้ว หยุดเรียนเสียที คุณแตกฉานพอแล้ว เจ้าอาวาสวัดระฆัง คือสมเด็จพระพุทธโกษาจารย์ (นาค) สงสัยเห็นภิกษุโต ไม่ข้ามไปเรียนที่วัดมหาธาตุอีก ท่านก็ร้อนใจข้ามฝั่งมาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชสุกฯ เพื่อถามสาเหตุ สมเด็จพระสังฆราชสุกฯ มีรับสั่งว่า
    <O></O>
    <O></O>
    ขรัวโต ลูกศิษย์เธอ เขามาแปลหนังสือให้ฉันฟัง เขาไม่ได้มาเรียนหนังสือกับฉันหรอก
    <O></O>
    <O></O>
    นี่แสดงถึงภูมิปัญญาของสมเด็จโตฯ ว่าเลิศเพียงใด และเมื่อไม่ได้ข้ามฝั่งไปเรียนพระปริยัติแล้ว ท่านก็เรียนด้วยตัวเองของท่านเองโดยวิธีพิศดารคือ ตอนสายของทุกวัน หลังจากเสร็จกิจทำวัตรแล้ว ท่านจะถือหนังสือเข้าไปในพระอุโบสถวัดระฆัง ไปถึงก็วางหนังสือกับพื้น แล้วกราบพระประธาน ๓ ครั้ง จากนั้นก็หยิบหนังสือออกมากาง เปิดหน้าที่กำหนดไว้แล้วแปลเรื่อยไปจนจบ ท่านก็ปิดหนังสือก้มกราบพระประธาน ๓ ครั้ง แล้วกลับขึ้นกุฏิ ท่านแตกฉานในพระปริยัติอย่างยิ่ง แต่ท่านไม่เคยคิดเข้าสอบเอาเปรียญ แต่กลับมุ่งศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระ ซึ่งสมัยก่อนผู้ที่ศึกษาทางด้านนี้ก็มักจะมีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนาธุระ ที่เต็มไปด้วยคาถาอาคม มีอภินิหารมหัศจรรย์ที่แสดงออกด้วยอิทธิวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ที่ท่านได้สร้างกันขึ้น

    ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาสถิตที่วัดมหาธาตุ จะแตกฉานทางด้านคันถธุระหรือทางด้านปริยัติ ส่วนฝ่ายซ้ายจะสถิต ณ วัดป่าแก้ว ซึ่งเชี่ยวชาญทางวิทยาคม มีเวทมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสมัยนั้น มีเกจิอาจารย์สำคัญที่มีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ อาทิ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จพระวันรัต (วัดป่าแก้ว) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น

    ซึ่งการศึกษาด้านวิปัสสนาธุระของพระภิกษุสงฆ์ไทยนั้น ได้สืบทอดมาจนถึงรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงโปรดส่งเสริมการศึกษาทางด้านนี้มาก (สายวิชชากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ) ได้เจริญรุ่งเรื่องที่สุดในสมัยรัชกาลที่ ๒ สมเด็จโตฯ ผู้สร้างพระเครื่องพระสมเด็จอันเลื่องลือยิ่งนักนั้น ท่านก็ได้ศึกษาด้านวิปัสสนาธุระมาอย่างเชี่ยวชาญ ท่านเก่งทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ เรียนพระปริยัติจนไม่มีอาจารย์สอนได้ และเก่งวิปัสสนา ซึ่งหาได้ยากยิ่งในพระภิกษุรูปเดียวกัน เพราะปกติทั่วไป มักจะเก่งคนละอย่าง ไม่มีพระภิกษุรูปใดที่เก่งทั้ง ๒ ด้านเฉกท่าน
    <O></O>
    <O></O>
    พระอาจารย์ที่สอนวิทยาคมให้แก่สมเด็จโตฯ องค์แรก ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่ก็คือ พระอริญญิก (แก้ว) เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร พระอาจารย์องค์ต่อมาคือ สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ที่ท่านได้สมญานามนี้ เพราะท่านสามารถแผ่เมตตาจนกระทั่งไก่ป่าที่เปรียวและตื่นง่าย เชื่องเป็นไก่บ้านเข้ามาจิกข้าวที่ท่านเสกให้กินได้ สมัยนั้นสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน มีชื่อเสียงเลื่องลือมาก ท่านทรงเป็นพระกรรมวาจารย์ของ รัชกาลที่ ๒ และเป็นอุปัชฌาจารย์ของ รัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ เมื่อทรงผนวชเป็นสามเณรด้วย

    <O></O>
    <O></O>
    คัดจาก : หนังสือ ประวัติสมเด็จโตฯ จากบันทึกของมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโยธา (สอน โลหนันท์) และหนังสือ อภินิหาร สมเด็จโตฯ โดย ฟ้า วงศ์มหา, ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ<O></O>
    <O></O>


    ผมขออนุญาตคัดลอกมาจากกระทู้หนึ่งในวัดถ้ำเมืองนะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สำหรับท่านใดที่สนใจจะอ่านประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผมไปตั้งกระทู้ไว้ที่ชมรมพระวังหน้าครับ

    ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)

    ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต
    จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์)

    ที่มา เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm

    ผมขอกราบขอบพระคุณม.ล. พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา , มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) ,เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm และท่านผู้พิมพ์ ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) เป็นอย่างสูงครับ

    ผมขอกราบขอบพระคุณม.ล. พระมหาสว่าง เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา , มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) ,เว็บ http://www.chiangrai.ru.ac.th/%E0%B8...2%E0%B8%95.htm และท่านผู้พิมพ์ ชีวประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต จากบันทึกของ มหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโกษา (สอน โลหะนันท์) เป็นอย่างสูงครับ

    โมทนาสาธุ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=22445&page=505
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    อ่ะ ผมปล่าวเจตนา...ผมแค่จาบอกว่าผงพิเศษจาก................... ครับ หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สำหรับคณะพระวังหน้า การที่ผมได้พระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆมา ผมได้ไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ผมที่เป็นทั้งฆารวาส และพระภิกษุ ช่วยตรวจสอบว่า พระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆนั้น เป็นของแท้หรือไม่แท้

    เมื่อผมทราบแล้ว พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ได้ไปจากผมบางท่าน ได้ไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ของท่านเหล่านั้น ช่วยในการตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคลอีกหลายๆสาย

    ผลการตรวจสอบ

    จากครูบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆารวาสทุกๆท่าน ตรงกันในทุกๆทาง ทุกๆสาย

    ซึ่งครูบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆารวาสที่เมตตาตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคล ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้จักกันโดยตรง (แต่ถ้ารู้จักกันโดยญาณสมาธินั้น ผมไม่ทราบ)

    นี่คือสิ่งที่ผมได้บอก ตอกย้ำว่า ต้องตรวจทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) เสมอ

    ในการตรวจ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ก็แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ
    1.การตรวจเป็น
    2.การตรวจได้

    แต่ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมได้อธิบายไว้ในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....นี้แล้ว ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ ไม่อยากจะอธิบายซ้ำอีก

    แต่หากว่า ยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ผมได้บอก ก็ยังมีอีกวิธีก็คือ ให้ท่านไปหาพระภิกษุหรือฆารวาสที่ได้ญาณ 4 ละเอียด 5 รูป(หรือท่าน) ช่วยตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคล ผลการตรวจสอบทั้ง 5 รูป(หรือท่าน) ต้องตรงกัน

    แต่(อีกแล้ว) ไม่ต้องไปให้เสี้ยนดูนะครับ ไม่มีประโยชน์ เพราะเสี้ยนดูไม่เป็น

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    มาย้ำครับ

    สำหรับคณะพระวังหน้า การที่ผมได้พระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆมา ผมได้ไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ผมที่เป็นทั้งฆารวาส และพระภิกษุ ช่วยตรวจสอบว่า พระพิมพ์และวัตถุมงคลต่างๆนั้น เป็นของแท้หรือไม่แท้

    เมื่อผมทราบแล้ว พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ได้ไปจากผมบางท่าน ได้ไปขอความเมตตาจากครูบาอาจารย์ของท่านเหล่านั้น ช่วยในการตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคลอีกหลายๆสาย


    ผลการตรวจสอบ

    จากครูบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆารวาสทุกๆท่าน ตรงกันในทุกๆทาง ทุกๆสาย

    ซึ่งครูบาอาจารย์ทั้งพระภิกษุและฆารวาสที่เมตตาตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคล ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รู้จักกันโดยตรง (แต่ถ้ารู้จักกันโดยญาณสมาธินั้น ผมไม่ทราบ)

    นี่คือสิ่งที่ผมได้บอก ตอกย้ำว่า ต้องตรวจทั้ง รูป (เนื้อหาทรงพิมพ์) และ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) เสมอ

    ในการตรวจ นาม (พลังอิทธิคุณขององค์ผู้อธิษฐานจิต) ก็แบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ
    1.การตรวจเป็น
    2.การตรวจได้

    แต่ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ผมได้อธิบายไว้ในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....นี้แล้ว ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ ไม่อยากจะอธิบายซ้ำอีก

    แต่หากว่า ยังคงไม่เชื่อในสิ่งที่ผมได้บอก ก็ยังมีอีกวิธีก็คือ ให้ท่านไปหาพระภิกษุหรือฆารวาสที่ได้ญาณ 4 ละเอียด 5 รูป(หรือท่าน) ช่วยตรวจสอบพระพิมพ์และวัตถุมงคล ผลการตรวจสอบทั้ง 5 รูป(หรือท่าน) ต้องตรงกัน

    แต่(อีกแล้ว) ไม่ต้องไปให้เสี้ยนดูนะครับ ไม่มีประโยชน์ เพราะเสี้ยนดูไม่เป็น
     
  18. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    วันนี้ทั้งวันจะพรำสวดตลอดครับ อนิสงค์ที่เราร่วมกันทำแรงมากครับพี่เหมียว วันนั้นสวดพาหุงวันเดียวเหตุการณ์สงบเลย
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มาร่วมด้วยช่วยกันนะครับ

    ขอเพิ่มเติม ก่อนที่จะสวดพระคาถาชินบัญชร อย่าลืมต้องสวด ไตรสรณคมก่อนทุกๆครั้ง องค์หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) หรือสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ที่ท่านเมตตากับคณะพระวังหน้า ท่านเองสวดไตรสรณคมทุกๆครั้ง

    หากไม่เหลือบากกว่าแรง อย่าลืมอีกบทคือ บทอิติปิโส-พาหุง เป็นบทที่สรรเสริญองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนาม สมณโคดม ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเคารพอย่างสูงสุดด้วยครับ
     
  20. Phocharoen

    Phocharoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +225
    สวัสดีครับ คุณ สิทธิพงษ์..คุณ ชวภณ และเพื่อนสมาชิกทุกๆท่าน
    ที่ผมหายไปเพราะ ผมลา ไปบวช เพื่อศึกษาธรรม เป็นเวลา 63 วัน เพิ่ง ลาสิกขามาเมื่อ วันที่ 12 นี้เอง คิดว่าคงได้ทำบุญร่วมกันอีกครับ วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...