พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    น้องอุ้มเก่งจริง ใช่แล้วค่ะ ค้างคาว น่ารักดีนะคะ รางวัลเป็นเค้กและไอศครีม ไว้เจอกันก่อนนะคะ
    [​IMG]
     
  2. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    ของฝากพี่เหมียวกับพี่หนุ่มคะ

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Pic6.jpg
      Pic6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.8 KB
      เปิดดู:
      62
    • Pic8.jpg
      Pic8.jpg
      ขนาดไฟล์:
      31.4 KB
      เปิดดู:
      41
  3. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    ของฝากพี่ๆ และ เพื่อนๆทุกคน โดยเฉพาะคุณน้องโดจินะคะจากทริป ซากุระคะ หนนี้ไปดูแต่ซากุระ แต่ลงมากกว่านี้กลัวเบื่อกันซะก่อนคะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Pic1.jpg
      Pic1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.5 KB
      เปิดดู:
      32
    • Pic2.jpg
      Pic2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.5 KB
      เปิดดู:
      34
    • Pic3.jpg
      Pic3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.8 KB
      เปิดดู:
      36
    • Pic4.jpg
      Pic4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.2 KB
      เปิดดู:
      39
    • Pic5.jpg
      Pic5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      107.6 KB
      เปิดดู:
      27
    • Pic7.jpg
      Pic7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.8 KB
      เปิดดู:
      28
  4. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
  5. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  6. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    « กระทู้ที่แล้วมา | กระทู้ถัดไป »

    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 18 คน ( เป็นสมาชิก 5 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน )
    [ แนะนำเรื่องเด่น ]

    katicat, ayamoto+, sithiphong+, nongnooo+, dragonlord+


    หวัดดีค่ะน้องนุ้ย
     
  7. ayamoto

    ayamoto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +230
    สวัสด่ค่ะ พี่กระทิ (เหมืยว อิอิ ) พี่อุ้ม และ ทุกๆ คน ค่ะ ขอถือ โอกาส แวะมาทักทายหน่อยน่ะ
     
  8. ayamoto

    ayamoto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +230
    ดอกซากุระ สวยจังค่ะ พี่อุ้ม ของจิงคงงดงาม มากน่ะ กลับมาเมืองไทย ตอนนี้พักอยู่ที่ไหนค่ะ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. พรสว่าง_2008

    พรสว่าง_2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2008
    โพสต์:
    356
    ค่าพลัง:
    +402
    **-**

    ...มีเยอะมากครับ...จะต้องไปเห็นเองครับ..แล้วค่อยคอนเฟิร์ม...
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    6 วิธีพิชิตร้อน

    http://hilight.kapook.com/view/35941


    [​IMG]



    6 วิธีพิชิตร้อน (modernmom)

    สวัสดีหน้าร้อน ร้อนแล้วอย่าเฝ้าแต่บ่นๆ กับอากาศร้อน เรามาหาอะไรทำให้ดับร้อนกันดีกว่า....

    [​IMG] 1. ขึ้นเขาลงห้วย

    ไม่ว่าร้อนไหนคนส่วนใหญ่ต้องไปทะเล อย่างนั้นก็ได้เลย แต่จะลองเปลี่ยนไปรสชาติไปขึ้นเขาดูบ้างก็ดีนะคะ เพราะอากาศบนเขาจะเย็นกว่าพื้นราบ(ซึ่งก็ยังดี) เลือกเขาที่มีน้ำตกลำเนาไพรที่มีน้ำตกอยู่ด้วย แช่เท้าเย็นๆ มองต้นไม้สีเขียวขจี ก็ช่วยคลายความร้อนลงไปได้บ้าง แต่ไม่แนะนำให้ค้างอ้างแรมนะคะ เพราะช่วงฤดูร้อนเกิดไฟป่าได้ง่าย​

    [​IMG] 2. เล่นว่าวให้ติดลมบน

    หน้าร้อนมีหนึ่งสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้และเป็นกิจกรรมที่สนุกได้คือ การเล่นว่าว ลมว่าวจะมาช่วงเดียวคือหน้าร้อน ยิ่งบ้านไหนมีลูกวัยคิดส์จะวิ่งกันมันมาก สายลมพัดเอื่อยกับความสำเร็จที่ได้เห็นว่าวตัวเองโลดแล่นบนฟ้า นี่อาจจะเป็นหนึ่งความสำเร็จเล็กๆ ที่ทำให้ลูกคุณภาคภูมิใจไปตลอดหน้าร้อนนี้ ไม่เชื่อลองดู​

    [​IMG] 3. Matching ชุดว่ายน้ำ

    ถือโอกาสถอยชุดว่ายน้ำที่มีสีสัน Match กันยกครอบครัว อย่าลืมถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย ช่วงนี้เองที่เด็กๆ จะปรีเปรมมากกว่าใครอื่น เพราะแม่พ่อจะปล่อยให้เล่นน้ำนานกว่าปกติ ไม่ต้องกลัวหนาวหรือปอดบวมจะถามหาทีหลัง (แต่กับลูกเล็กไม่ควรเล่นน้ำนานเกิน 1ชั่วโมงนะคะ) แต่ก่อนลงน้ำอย่าลืมทากันแดดแบบ water resistance ด้วยนะคะ ป้องกันไม่ให้ผิวบางๆ ถูกแดดเผา​

    [​IMG] 4. คูลๆ ไปกับแป้งเย็น

    ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าแป้งเย็น ดังนั้นหน้าร้อนจึงเหมาะสุด หลังอาบน้ำเสร็จทาแป้งเย็นให้ทั่วตัว (ระวังอย่าเข้าตา ส่วนเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปีไม่แนะนำให้ใช้นะคะ) ปิดแอร์เป่าพัดลมให้สบายกาย หรือระหว่างวันอาจจะพกใส่กระปุกเล็กๆ ติดตัวไปทำงานด้วยก็ได้ นั่งในห้องแอร์ควักแป้งเย็นมาทา แน่นอนว่าเราต้องเย็นกว่าใครๆ​

    [​IMG] 5. เย็นลิ้นกับของเย็นๆ

    ช่วงบ่ายๆ อากาศร้อนนักเชียว ขอแนะนำอาหารคลายร้อน อย่างน้ำแข็งใสที่หากินได้ง่ายเพราะขึ้นห้างกันหมดแล้ว และถ้าอยากทำเองก็ย่อมได้ เพราะขั้นตอนไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก แถมเจ้าตัวเล็กคงถูกใจที่ได้สนุกสนานกับผลงานฝีมือตัวเอง หรือไอศกรีม(ผลไม้) สักแท่ง และที่พลาดไม่ได้ในช่วงหน้าร้อน เพราะเข้ากั้นเข้ากันกับช่วงนี้อย่างดีคือ ข้าวแช่ สำหรับเจ้าตัวเล็กถ้าไม่อยากให้ติดรสหวานมาก ลองนำผลไม้สดไปแช่เย็นให้น้ำแข็งเกาะ อร่อยลิ้น แถมประหยัดและดีต่อสุขภาพอีกด้วย​

    [​IMG] 6. ปลูกต้นไม้

    วันหยุดสุดสัปดาห์แทนที่จะเปิดแอร์ดูทีวีทั้งวัน ตัดใจเดินไปปิดแอร์ วางแผนช่วยกันลดโลกร้อนในอีก 3 ปีข้างหน้า ขอแนะนำไม้ล้มลุกที่อายุสั้น แต่โตเร็ว เช่น มะละกอ ด้วยความที่เป็นพืชเมืองร้อน มีคุณสมบัติตายยากและโตเร็ว 1 เดือนรับรองเห็นผลว่าต้นจะโตขึ้นผิดหูผิดตา แบบนี้แล้วเจ้าตัวเล็กจะได้ใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง​

    และอีกที่ที่ไม่อยากให้พลาดคือ เล่นน้ำสงกรานต์ (ถ้าอยากเล่นแบบหนำใจให้ไปที่เชียงใหม่) แต่ถ้าแบบพองามก็รดเบาๆ ในบ้านของเรา ปะแป้งบนหน้าด้วยดินสอพอง ชวนกันครีเอทลวดลายบนหน้า แล้วสุดท้ายอย่าลืมรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ด้วยนะคะ และสุดท้ายก่อนสุดท้าย...อากาศร้อนใจอย่าร้อนตามนะคะ

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    http://www.momypedia.com/moms_essen...e=6%20%C7%D4%B8%D5%BE%D4%AA%D4%B5%C3%E9%CD%B9

    [​IMG]
    ฉบับที่ 162 เดือนเมษายน พ.ศ.2552
    โดย: ดอลลี่​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01_436.jpg
      01_436.jpg
      ขนาดไฟล์:
      10.7 KB
      เปิดดู:
      457
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    แก้อาการแสบกระเพาะ

    http://hilight.kapook.com/view/35927



    [​IMG]



    แก้อาการแสบกระเพาะ (เดลินิวส์)

    ใครที่มีอาการแสบกระเพาะ แล้วไม่รู้จะแก้ยังไง วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีแก้มาฝาก...

    โรคกระเพาะอาหารนั้น มีอาการปวดท้องและแสบกระเพาะซึ่งจะทำให้ทรมานวิธีง่ายๆ ที่สามารถบำบัดเยียวยาอาการปวดแสบนั้นให้หายไปได้ คือ รับประทานอาหารแต่ละมื้อแต่ละวันเพียงเล็กน้อยพออิ่ม อย่ารับประทานมากๆ เพียงเพื่อความอร่อย โดยเฉพาะอาหารเปรี้ยวจัด เค็มจัด เผ็ดจัด ควรงดเด็ดขาด​

    การรับประทานกล้วยกับน้ำผึ้ง หรือรับประทานเนยถั่ว ก็เป็นเมนูพิเศษที่ดีสำหรับป้องกันอาการปวดแสบเกี่ยวกับแผลในกระเพาะ แต่ไม่จำเป็นต้องรับประทานมากๆ เพียงครั้งคราวก็พอ

    หัวใจสำคัญอยู่ที่การรับประทานอาหารน้อยๆ เท่านั้นเอง และมีอีกประการหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการแสบกระเพาะได้ด้วย คือ การสูบบุหรี่ ซึ่งควรเลิกทันทีตั้งแต่เริ่มเป็นโรคกระเพาะ​

    ถ้าอยากหายจากการอาการแสบกระเพาะ ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้



    ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก tcmcentral.com
     
  13. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ระวังตัวกันอย่างไร เมื่อเป็นผู้หญิงเดินทาง


    http://hilight.kapook.com/view/35945


    [​IMG]



    ระวังตัวกันอย่างไร เมื่อเป็นผู้หญิงเดินทาง (modernmom)

    สาวมั่นอย่างเราแม้จะสามารถเดินทางไปไหนๆ ได้อย่างไม่หวั่น แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรลืมก็คือ การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยยามเดินทาง เพราะยุคสมัยนี้ไว้ใจใครไม่ได้ค่ะ ต้องดูแลตัวเองกันให้ดีหากเกิดอะไรขึ้นมาไม่คุ้มแน่ๆ ค่ะ

    [​IMG] 1. เดินด้วยท่าทีที่มั่นใจ ไม่อย่างนั้นคนอื่นจะรู้ว่าคุณเป็นคนแปลกถิ่น ทำให้เป็นเป้าสายตากับผู้ไม่หวังดีได้ง่าย​

    [​IMG] 2. แต่งกายให้เหมาะสม ควรเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับโอกาสและสถานที่ที่ไป ไม่เปิดหรือโป๊จนเกินไปและไม่ควรใส่ของมีค่ามากนัก อันตรายค่ะ​

    [​IMG]3. พยายามอยู่ในกลุ่มเพื่อน ไปหลายคนจะได้ช่วยเหลือกันได้ยามคับขัน​

    [​IMG] 4. อย่ารับของจากคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นการฝากเพียงชั่วคราวก็ตาม เพราะเป็นของผิดกฎหมายและทำให้คุณเดือนร้อนได้ หากอยู่ในงานปาร์ตี้ ไม่ควรรับแก้วจากคนแปลกหน้าหรือวางแก้วทิ้งไว้บนโต๊ะ​

    [​IMG] 5. ควรแยกเก็บเงินและของมีค่าไว้หลายๆที่ เพื่อลดความเสี่ยงในการสูญหาย และให้กระเป๋าสะพายอยู่ในสายตาหรือติดตัวไว้ตลอดเวลา​

    [​IMG] 6. ถ้ามีใครมาชน ถามทาง ถามเวลาหรือทำอะไรหกใส่คุณ ให้ระวังตัวไว้เพราะนั่นอาจเป็นเล่ห์เหลี่ยมของพวกมิจฉาชีพ​

    [​IMG] 7. เรียนรู้วัฒนธรรมของแต่ละที่ที่คุณไป เพราะวัฒนธรรมแต่ละที่มีความแตกต่างกัน โดยเฉพาะภาษาท่าทางซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดขึ้นได้​

    [​IMG] 8. หากรู้สึกแปลกๆ หรือไม่ชอบมาพากล ให้รีบออกมาจากบริเวณนั้นให้เร็วที่สุด เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นได้​



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
    [​IMG]
    โดย : Miss J.P.​
     
  15. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า...มาแล้วครับผลการสอบทานจากผู้ที่สามารถตรวจพระพิมพ์ได้ ในรุ่น top of the top เพื่อนผมแจ้งว่าทุกรุ่นที่เป็น tott ล้วนสร้างและเสกพร้อมกัน โดยมีส่วนผสมเป็นผงพิเศษที่ได้รับมอบมาจาก สมเด็จพระสังฆราชในสมัยนั้น เพื่อนผมลืมถามว่าใครเป็นผู้เสก แต่บรรยายอิทธิคุณซะ ตามคาดเลยครับ มีเมตตานำสูงมากครับส่วนอื่นๆไม่บรรยาย เดี๋ยวหาว่าโปรโมทเพียงแต่ผมนำมาจากแหล่งที่ผมนับถือมาแจ้งให้ทราบครับ ใครยังไม่มีท่านก้อแสดงความเสียใจด้วยครับ หุ หุ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มายืนยันครับ

    ยืนยันว่า ทุกๆท่านในคณะพระวังหน้า ต้องมีพระสมเด็จ (top of the top) กันทุกๆท่าน

    ในงาน(ใหญ่)ครั้งต่อไป ในช่วงปลายปีนี้ ชาวคณะพระวังหน้าทุกๆท่าน ห้ามพลาดนะครับ ท่านใดที่มีแล้วไปรับแจกเพิ่มได้ ส่วนท่านใดที่ยังไม่มีไปรับได้ที่งาน และเท่าที่คิดไว้ ผมจะแจก(ฟรี) ท่านละ 2 องค์

    ผมเองมีรายชื่อสำหรับท่านที่ผมต้องให้อยู่ในใจแล้ว

    ส่วนท่านอื่นๆ ก็ให้เข้ามาร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ และพูดคุยกันในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ก่อน เมื่อถึงเวลา ,วาระ และโอกาส ผมจะติดต่อกลับไปหาท่านเองครับ

    ยืนยัน ฟันธง และ คอนเฟิร์มครับ

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ใครเอ่ย อยู่ภาคอีสาน 2 ท่าน อย่าลืมนะครับ ต้องมาให้ได้ ขับรถมาเองก็ได้ครับ นัดกันมา
    ;aa8
    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้ทัน-ป้องกันมะเร็งร้าย แนะผู้หญิงอย่ากลัวอย่าอาย

    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNeE5BPT0=&day=TWpBd09TMHdOQzB4Tmc9PQ==

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>เรื่องสุขภาพภายในสำหรับวัยสาว มักจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกนำมาพูดคุยมากนัก อาจเป็นเพราะหลายคนมองเป็นเรื่องส่วนตัว ทำให้เรา แทบจะไม่มีความรู้เรื่องระบบภายในของเราเลย จนบางทีเมื่อเกิดโรค เกี่ยวกับระบบภายในก็อาจสายเกินแก้ ทางโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล พหลโยธิน จึงจัดสัมมนาเพื่อคุณผู้หญิง เกี่ยวกับเรื่องภายในที่ใครๆ ก็อยากรู้ (แต่ไม่กล้าถาม) ในหัวข้อ "รู้ทัน...ป้องกัน...มะเร็งร้าย" เพื่อให้ทุกคนหันมาห่วงใยใส่ใจกับการดูแลสุขภาพตนเอง โดยมี ธัญญ่า-ธัญญาเรศ เองตระกูล นางเอกสาวคนดังจากละครสาปภูษา มาร่วมพูดคุยด้วย

    พ.ญ.ศศิลักษณ์ ทังสมบัติ สูตินรีแพทย์ประจำโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล พหลโยธิน กล่าวว่า เรื่องสุขภาพของระบบภายในเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะอวัยวะภายในระบบสืบพันธุ์ของสตรีมีโอกาสที่จะเกิดโรคจากการติดเชื้อ เนื้องอกและมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งปากมดลูกที่พบบ่อยเป็นอันดับหนึ่งในหญิงไทย <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    สาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ การติดเชื้อเอชพีวีไวรัส ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ปากมดลูก จนกลายเป็นมะเร็งในที่สุด ในผู้หญิงที่มีความผิดปกติของระบบภายใน มักจะมีอาการบ่งชี้ เช่น ปวดท้องน้อย ตกขาวผิดปกติ ปวดประจำเดือนรวมถึงประจำเดือนมาผิดปกติ หากมีอาการดังกล่าวควรมาพบแพทย์ตรวจภายใน พร้อมอัลตราซาวด์หาสาเหตุ เพื่อทำการรักษาอย่างถูกต้อง

    พ.ญ.ศศิลักษณ์ให้ข้อมูลสำหรับการรักษาเนื้องอกแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนหลักๆ ได้แก่ การเฝ้าติดตามอาการ ขนาดของเนื้องอก การใช้ยา และการผ่าตัด ส่วนการรักษามะเร็งขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง และระยะในการตรวจพบ หากตรวจพบในระยะแรกยังไม่ลุกลาม การรักษาย่อมได้ผลดีกว่า <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ในปัจจุบันการแพทย์ได้พัฒนาจนผลิตวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันมะเร็งปากมดลูกที่เกิดจากเอชพีวี ชนิด 16 และ 18 เป็นหลัก

    ในขณะเดียวกันก็ยังป้องกันการข้ามสายพันธุ์ด้วยเอชพีวี 45 และ 31 ด้วยการฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ กระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า ส่วนผู้ที่มีอายุมากกว่า 26 ปี การฉีดวัคซีนจะทำให้มีระดับภูมิคุ้มกันสูงกว่าการติดเชื้อตามธรรมชาติ รวมถึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

    สิ่งสำคัญสำหรับผู้หญิงทุกคน คือ การตรวจสุขภาพภายใน ไม่อยากให้มองว่าเป็นเรื่องน่าอาย หรือน่ากลัวอย่างที่คิด

    ปัจจุบันการป้องกันจึงเป็นทางเลือกที่ดี ที่สุด การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกช่วยให้ได้ผลการรักษาที่ดีและน่าพึงพอใจ ดังนั้น การตรวจสุขภาพจึงถือเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับเวลา และค่าใช้จ่าย

    ธัญญาเรศ เล่าถึงประสบการณ์โดยตรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ตั้งแต่เด็กเคยมีอาการปวดท้อง และมีประจำเดือนมาก และเคยมากสุดถึง 30 วัน ทำให้ตอนนั้นต้องพบแพทย์มาโดยตลอด แต่เมื่อเริ่มอายุมากขึ้น อาการก็ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ จึงหยุดและไม่ได้ไปพบแพทย์ ภายหลังมาตรวจอีกครั้งถึงพบว่าเป็นเนื้องอกในมดลูก แต่ก็ได้ผ่าตัดไปเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้ก็อยู่ในขั้นตอนของการกินยาเพิ่มเติมอยู่

    แม้คำว่า "มะเร็ง" จะน่ากลัวสำหรับทุกคน "การตรวจภายใน" อาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่น่าอาย แต่เมื่อทั้ง 2 คำนี้ต้องมาอยู่ด้วยกัน ความกลัวและความอายอาจมีอันตรายกับชีวิตได้ ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงทุกคนควรต้องใส่ใจ และกล้าที่จะเปิดเผยด้วยเช่นกัน
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    [​IMG] สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี
    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน พระอาจารย์ของสมเด็จโต พรหมรังสี
    <O>

    สมัยเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (พระอาจารย์โต พรหมรังสี) ท่านบวชเป็นพระภิกษุใหม่ ๆ ยังไม่มีสมณศักดิ์ใดๆ นั้น ท่านเรียนพระปริยัติจนแตกฉานที่วัดมหาธาตุ สนามหลวง โดยมีพระสังฆราชสุกไก่เถื่อน เป็นพระอาจารย์ วิธีการเรียนของท่านก็แปลกกว่าวิธีของพระภิกษุรูปใด ๆ นั่นคือ ท่านจะกำหนดล่วงหน้ามาว่า วันนี้ท่านจะเรียนจากหน้าไหนถึงหน้าไหนในหนังสือ พอมาถึงสำนักเรียน ก็จะเปิดหนังสือออกแล้วแปลไปเรื่อยโดยไม่ติดขัดจนจบหน้าที่กำหนดไว้ ต่อหน้าพระพักตร์สมเด็จพระสังฆราชสุกฯ พอจบท่านก็กราบแล้วกลับวัดระฆัง จนกระทั่งวันหนึ่ง สมเด็จพระสังฆราชสุก ฯ มีรับสั่งว่า


    <O></O>พอแล้ว หยุดเรียนเสียที คุณแตกฉานพอแล้ว เจ้าอาวาสวัดระฆัง คือสมเด็จพระพุทธโกษาจารย์ (นาค) สงสัยเห็นภิกษุโต ไม่ข้ามไปเรียนที่วัดมหาธาตุอีก ท่านก็ร้อนใจข้ามฝั่งมาเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชสุกฯ เพื่อถามสาเหตุ สมเด็จพระสังฆราชสุกฯ มีรับสั่งว่า
    <O></O>
    <O></O>
    ขรัวโต ลูกศิษย์เธอ เขามาแปลหนังสือให้ฉันฟัง เขาไม่ได้มาเรียนหนังสือกับฉันหรอก
    <O></O>
    <O></O>
    นี่แสดงถึงภูมิปัญญาของสมเด็จโตฯ ว่าเลิศเพียงใด และเมื่อไม่ได้ข้ามฝั่งไปเรียนพระปริยัติแล้ว ท่านก็เรียนด้วยตัวเองของท่านเองโดยวิธีพิศดารคือ ตอนสายของทุกวัน หลังจากเสร็จกิจทำวัตรแล้ว ท่านจะถือหนังสือเข้าไปในพระอุโบสถวัดระฆัง ไปถึงก็วางหนังสือกับพื้น แล้วกราบพระประธาน ๓ ครั้ง จากนั้นก็หยิบหนังสือออกมากาง เปิดหน้าที่กำหนดไว้แล้วแปลเรื่อยไปจนจบ ท่านก็ปิดหนังสือก้มกราบพระประธาน ๓ ครั้ง แล้วกลับขึ้นกุฏิ ท่านแตกฉานในพระปริยัติอย่างยิ่ง แต่ท่านไม่เคยคิดเข้าสอบเอาเปรียญ แต่กลับมุ่งศึกษาทางด้านวิปัสสนาธุระ ซึ่งสมัยก่อนผู้ที่ศึกษาทางด้านนี้ก็มักจะมีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนาธุระ ที่เต็มไปด้วยคาถาอาคม มีอภินิหารมหัศจรรย์ที่แสดงออกด้วยอิทธิวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ที่ท่านได้สร้างกันขึ้น

    ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีสมเด็จพระสังฆราชฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวาสถิตที่วัดมหาธาตุ จะแตกฉานทางด้านคันถธุระหรือทางด้านปริยัติ ส่วนฝ่ายซ้ายจะสถิต ณ วัดป่าแก้ว ซึ่งเชี่ยวชาญทางวิทยาคม มีเวทมนต์คาถาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสมัยนั้น มีเกจิอาจารย์สำคัญที่มีชื่อจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ อาทิ หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด สมเด็จพระวันรัต (วัดป่าแก้ว) ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น

    ซึ่งการศึกษาด้านวิปัสสนาธุระของพระภิกษุสงฆ์ไทยนั้น ได้สืบทอดมาจนถึงรัชกาลที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงโปรดส่งเสริมการศึกษาทางด้านนี้มาก (สายวิชชากรรมฐานมัชฌิมา แบบลำดับ) ได้เจริญรุ่งเรื่องที่สุดในสมัยรัชกาลที่ ๒ สมเด็จโตฯ ผู้สร้างพระเครื่องพระสมเด็จอันเลื่องลือยิ่งนักนั้น ท่านก็ได้ศึกษาด้านวิปัสสนาธุระมาอย่างเชี่ยวชาญ ท่านเก่งทั้งทางคันถธุระและวิปัสสนาธุระ เรียนพระปริยัติจนไม่มีอาจารย์สอนได้ และเก่งวิปัสสนา ซึ่งหาได้ยากยิ่งในพระภิกษุรูปเดียวกัน เพราะปกติทั่วไป มักจะเก่งคนละอย่าง ไม่มีพระภิกษุรูปใดที่เก่งทั้ง ๒ ด้านเฉกท่าน
    <O></O>
    <O></O>
    พระอาจารย์ที่สอนวิทยาคมให้แก่สมเด็จโตฯ องค์แรก ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเป็นสามเณรอยู่ก็คือ พระอริญญิก (แก้ว) เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร พระอาจารย์องค์ต่อมาคือ สมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ที่ท่านได้สมญานามนี้ เพราะท่านสามารถแผ่เมตตาจนกระทั่งไก่ป่าที่เปรียวและตื่นง่าย เชื่องเป็นไก่บ้านเข้ามาจิกข้าวที่ท่านเสกให้กินได้ สมัยนั้นสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน มีชื่อเสียงเลื่องลือมาก ท่านทรงเป็นพระกรรมวาจารย์ของ รัชกาลที่ ๒ และเป็นอุปัชฌาจารย์ของ รัชกาลที่ ๓ และรัชกาลที่ ๔ เมื่อทรงผนวชเป็นสามเณรด้วย

    <O></O>
    <O></O>
    คัดจาก : หนังสือ ประวัติสมเด็จโตฯ จากบันทึกของมหาอำมาตย์ตรี พระยาทิพโยธา (สอน โลหนันท์) และหนังสือ อภินิหาร สมเด็จโตฯ โดย ฟ้า วงศ์มหา, ปราโมทย์ ทัศนาสุวรรณ<O></O>
    <O></O>


    ผมขออนุญาตคัดลอกมาจากกระทู้หนึ่งในวัดถ้ำเมืองนะครับ
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จลาจลซ้ำเติมสภาพคล่องธุรกิจ แบงก์จัดชั้น 7 กลุ่มเสี่ยงปล่อยกู้
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01eco01160452&sectionid=0103&day=2009-04-16


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>ลำพังปัจจัยภายนอกจากวิกฤตการเงินยังส่งให้เศรษฐกิจไทยปี 2552 ต้องเผชิญกับแรงกระแทกหนักหนาสาหัสอยู่แล้ว เมื่อมาเจอแรงบวกของปัญหาการเมืองภายในประเทศ บานปลายเป็นการจลาจลเมื่อ 3-4 วันที่ผ่านมา ยิ่งทำให้วิกฤตประเทศรุนแรงมากขึ้นเป็นทวีคูณ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต้องถูกลากยาวเนิ่นนานออกไป

    เหตุการณ์จลาจลยังกลายเป็นน้ำหนักกดทับนักลงทุนและผู้ประกอบการให้ปัญหาสภาพคล่องที่เกิดขึ้นก่อนนี้ ต้องเลวร้ายลงไปอีก และสิ่งที่หลายฝ่ายกำลังจับตาดูในระยะต่อไปคือ การทำงานของธนาคารพาณิชย์หลังจากพยายามป้องกันตัวเองจากเศรษฐกิจทรุดตัวในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการชะลอการปล่อยสินเชื่อเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการปล่อยกู้ โดยเฉพาะมีการจัด 7 กลุ่มธุรกิจเสี่ยง จะมีการดูแลการปล่อยสินเชื่อเข้มงวดมากขึ้นหรือไม่

    ธุรกิจท่องเที่ยว

    นับตั้งแต่เหตุการณ์ปิดสนามบินเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้นักท่องเที่ยวติดค้าง ไม่สามารถเดินทางได้ เป็นประสบการณ์เลวร้ายที่ยากจะลืมเลือน ส่งผลกระทบต่อความไม่เชื่อมั่นที่จะกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก

    แม้เหตุการณ์ทางการเมืองในช่วงต้นปีเริ่มสงบลง และเห็นสัญญาณว่าเริ่มมียอดจองห้องพักกลับเข้ามาบ้างในช่วง 1-2 เดือนแรก

    แต่ในที่สุดสถานการณ์การเมืองก็ยังไม่วายรุมเร้ารอบใหม่ เมื่อกลุ่มเสื้อแดงกลับมาเป็นผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลแทนเสื้อเหลือง ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวขณะนี้น่าเป็นห่วงมากกว่าเดิม เมื่อการชุมนุมถูกยกระดับความรุนแรงถึงขึ้นจลาจลทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มหลักอาทิ จีน ญี่ป่น เกาหลี ยกเลิกเที่ยวบิน ยกเลิกห้องพัก กระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกมากมาย

    ประเมินกันว่าเม็ดเงินที่หายไปจากเหตุการณ์ครั้งนี้จะมีกว่า 1 แสนล้านบาท จากรายได้ท่องเที่ยวปกติปีละ 5-6 แสนล้านบาท และหากยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวได้กลับคืนมา ความสูญเสียจะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ซ้ำเติมสภาพคล่องของภาคธุรกิจในกลุ่มนี้ทรุดหนักลงไปอีก

    อุตสาหกรรมรถยนต์

    อุตสาหกรรมรถยนต์ถูกจัดให้เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสูงสุดในขณะนี้ เห็นได้จากสัญญาณการชะลอตัวอย่างรุนแรงของยอดขายรถยนต์มาตั้งแต่ปี 2551 ผลพวงจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้กำลังซื้อทั่วโลกชะลอลง หนำซ้ำบริษัทรถยนต์ชั้นนำของสหรัฐอเมริกา คือ บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องจากภาวะเศรษฐกิจอเมริกาถดถอย จนต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ตามด้วยบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ในเอเชีย ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า ต้องประสบปัญหายอดขายติดลบเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี

    บริษัทรถยนต์ในไทยก็คงมีชะตากรรมที่ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก เพราะไทยถือเป็นฐานการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออกที่สำคัญในเอเชีย โดยคาดว่าในปีนี้ธุรกิจรถยนต์ในไทยจะขยายตัวลดลงมากกว่า 30%

    จัดเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในสายตาแบงก์!!

    ธุรกิจส่งออก

    วิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้ แตกต่างจากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ที่ครั้งนั้นผลกระทบเกิดขึ้นอย่างรุนแรงกับภาคสถาบันการเงิน และอสังหาริมทรัพย์ แต่วิกฤตครั้งนี้ เริ่มต้นจากวิกฤตซับไพรม์ที่ส่งผลให้สถาบันการเงินในสหรัฐอเมริกาและยุโรปได้รับผลกระทบโดยตรง ก่อนที่จะลุกลามไปสู่ภูมิภาคอื่น เมื่อกำลังซื้อของโลกหดตัวอย่างรุนแรง ส่งผลต่อผู้ส่งออกหรือผู้ผลิตสินค้าหลักจากเอเชีย ได้รับผลกระทบเป็นลูกโซ่

    เช่นเดียวกับผู้ส่งออกไทย เมื่อยอดการสั่งซื้อสินค้าเริ่มชะลอตัวลงตั้งแต่ปลายปี 2551 ส่งผลให้การส่งออกลดลงอย่างรวดเร็ว จนเข้าขั้นติดลบต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว เป็นเหตุให้แบงก์จัดให้ธุรกิจส่งออกกลายเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นหนี้เสีย จำเป็นต้องระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อไปโดยปริยาย

    ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

    ภาคธุรกิจที่ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ ในยามที่ภาวะเศรษฐกิจไม่ปกติ ต้องมีชื่อของอสังหาริมทรัพย์เข้าไปร่วมในดันดับต้นด้วยทุกครั้ง เนื่องจากบทเรียนคราวก่อนเมื่อวิกฤติปี 2540 อสังหาริมทรัพย์ถูกมองว่ากลายเป็นตัวร้าย ทำให้วิกฤติคราวนี้อสังหาริมทรัพย์จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลายโครงการที่ค้างตั้งแต่ปลายปีที่แล้วไปต่อไม่ได้ เพราะแบงก์ชะงักการปล่อยกู้ไป โครงการที่ไม่ใช่โครงการของบริษัทที่มีชื่อเสียงมากนัก อาจลำบากหน่อย ยิ่งถ้าทำเลไม่ดี ไม่ใช่แนวรถไฟฟ้า หรือในเมือง อนาคตที่จะไปต่อได้ยากกว่าเดิม

    ขณะเดียวกันผ่านมา 1 ไตรมาสแล้ว อสังหาริมทรัพย์ยังสามารถยืนอยู่ในสถานะที่ไม่เลวร้ายมากนัก โดยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันว่า

    "อสังหาถือว่ายังไม่มีอะไรเลวร้ายในตอนนี้ คงยังไม่ถึงคิวของอสังหาฯ แต่ต้องดูต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร บทเรียนจากวิกฤตคราวก่อนถือว่าเป็นภูมิต้านทานที่ผู้ประกอบสามารถพยุงธุรกิจไปต่อได้ แต่ปัญหาที่บอกว่าธนาคารไม่ปล่อยกู้นั้น ในยามนี้ธนาคารต้องพิจาณาความเป็นไปได้มากกว่า หากปล่อยให้ขึ้นโครงการแล้วขายไม่ได้ ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการอย่างเดียวที่จะแย่ แต่แบงก์ก็จะแย่ตามไปด้วย" นายอภิศักดิ์กล่าว

    ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)

    ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเป็นอีกภาคธุรกิจที่มีการให้ความเป็นห่วง เนื่องจากเป็นธุรกิจขนาดเล็ก สายป่านทางธุรกิจอาจไม่ยาวมากพอที่จะช่วยพยุงตัวเองได้ แต่ช่วงที่ผ่านมา 3 เดือนแรก ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถปรับตัวเองได้ดี ประกอบกับมาตรการของรัฐที่เพิ่มทุนให้บรรษัทค้ำประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) ทำให้ช่วยผ่อนคลายความเสี่ยงของเอสเอ็มอีให้กับแบงก์ได้ส่วนหนึ่ง จึงทำให้แบงก์มีความมั่นใจที่จะปล่อยกู้ได้มากขึ้น ทั้งนี้ธุรกิจเอสเอ็มอีที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมหลักๆ อย่างส่งออกอาจต้องระวังตัวเองมากขึ้น เพราะถือว่ายังมีความเสี่ยงในสายตาของแบงก์อยู่

    "ธุรกิจที่จะสามารถอยู่และผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้ไปได้ สายป่านต้องยาว หากใครสายป่านยาวก็จะได้เปรียบ ซึ่งวิกฤติในครั้งนี้ไม่ได้มาอย่างฉับพลันแต่ค่อยๆ มามีเวลาได้ปรับตัว ซึ่งต้องพยายามอย่าก่อหนี้สูญ และลดต้นทุนการผลิต ธนาคารอยากปล่อยให้อยู่แล้ว แต่เมื่อมีความเสี่ยงก็ต้องระวังมากขึ้น" นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทยกล่าว

    นอกจากกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เหล่านี้แล้วธุรกิจที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ธนาคารต่างเฝ้าระวัง และจับตามองไม่แพ้กัน คือธุรกิจที่อยู่ในข่ายสินค้าฟุ่มเฟือย เนื่องจากภาวะด้านกำลังซื้อที่ลดลง รายจ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งก็คือสินค้าเหล่านี้จึงถูกตัดออกไป โดยธุรกิจที่พึ่งพาการใช้วัตถุดิบการผลิตในประเทศเป็นหลัก เช่น อัญมณีเฟอร์นิเจอร์ จึงมีความเสี่ยงในระดับสูงอยู่

    อุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณี

    เครื่องประดับและอัญมณีเป็นสินค้าที่ประเทศไทยสามารถส่งออกได้ค่อนข้างมาก และมีการใช้วัตถุดิบภายในประเทศค่อนข้างมาก ดังนั้นเมื่อกำลังซื้อต่างประเทศลดประกอบกับค่าเงินบาทผันผวน ส่งผลให้รายได้ของผู้ประกอบการพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

    อุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์

    กลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกและเป็นหนึ่งในสินค้าฟุ่มเฟือย แต่กลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีการนำเข้าวัตถุดิบการผลิตด้วยไม่ใช่การพึ่งพาวัตถุดิบภายในประเทศอย่างอัญมณี จึงพอได้รับประโยนช์จากการแข็งค่าของค่าเงิบบาทที่อยู่ในช่วงผันผวนบ้าง ซึ่งทำให้นำเข้าวัตถุดิบในการผลิตถูกลง ซึ่งอุตสากรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีฐานกำลังการผลิตในประเทศไทย และมีการส่งออกในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก เมื่อการส่งออกถูกกระทบอุตสาหกรรมนี้จึงได้รับผลกระทบไปด้วย

    อย่างไรก็ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ขณะนี้ผ่านมา 1 ไตรมาสแล้วก็ยังมองไม่เห็นจุดต่ำสุด ในเมื่อไม่รู้ว่าจุดต่ำสุดอยุ่ตรงไหนก็สามารถระบุได้ว่าเศรษฐกิจจะสามารถกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อใด ดังนั้นยามนี้ทุกฝ่ายต่างต้องช่วยกันประคับประคองให้สามารถฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ไปให้ได้

    นิยามที่ว่า "ยามแดดออกแบงก์จะกางร่มให้ แต่ถ้าฝนตกแบงก์จะหุบร่มทันที" ท่ามกลางพายุที่กระหน่ำประเทศขณะนี้ธนาคารจะหุบร่มตอนนี้แล้วปล่อยให้ธุรกิจเดินฝ่าฝนไปนั้น

    สมควรแล้วหรือ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...