พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
  2. gnip

    gnip สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +14
    เมื่อวานไปกับครอบครัวค่ะ พาคุณตากะคุณยายไปไหว้พระที่วัดหลวงพ่อโสธรมาค่ะ คนเยอะมากๆๆ แถวนั้นเล่นสงกรานต์กันคึกคักมากเลยค่ะ หลังจากนั้นเลยไปไหว้หลวงพ่อปากแดงค่ะ คนเยอะมากๆๆเลย การจราจรติดมากๆๆติดยาวไปถึงธัญบุรีเลย
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เยี่ยมมากครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ช่วง 3-4 วัน ที่ผ่านมารู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษ เพราะ มี สห. มาดูแลแถวบ้าน 5-6 นาย
    แถมช่วงเย็นวันนี้ ยังมีทหารชุดลายพรางอีก 10 กว่านาย มาดูแลเพิ่มเติมอีก ครับ

    หวังว่าพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน คงมีความสุขกับวันหยุดช่วงสงกรานต์ ครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    น่าอิจฉาครับ อิอิ

    .
     
  7. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    555 คุณหนุ่มรู้สึกอิจฉา จริงหรือ ? งั้นคุณหนุ่มจะลองแจ้ง สห. กับ
    ทหารชุดลายพราง ไปดูแลแถวบ้านบ้างมั๊ย ครับ หุุ หุ
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    มองไม่เห็นรูปครับ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    "เฟอร์กี" ยกสปิริต 3 แชมป์เร้าผี "ปอร์โต" หยันโด้แข้งธรรมดา

    เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กระตุ้นลูกทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด งัดสปิริตในฤดูกาล 1998-99 ที่บุกคว่ำ ยูเวนตุส มาใช้ในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ที่จะบุกรัง ปอร์โต ในคืนวันพุธที่ 15 เมษายนนี้ ขณะที่เจ้าถิ่นหยัน คริสเตียโน โรนัลโด ปีก "ผีแดง" ก็แค่แข้งธรรมดาๆ เท่านั้น

    นัดแรก "แชมป์เก่า" แมนฯยู เล่นในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำได้แค่เสมอ 2-2 ทำให้เกมนี้จะต้องบุกชนะ ปอร์โต ถึงถิ่น เอสตาดิโอ โด ดราเกา ให้ได้ หรือไม่ก็เสมอด้วยสกอร์ 3-3 ขึ้นไป ร้อนถึง เฟอร์กี ต้องออกมาเร้าลูกทีมเลียนแบบปี 1998-99 ที่บุกไปเอาชนะ ยูเวนตุส 3-2 ทั้งที่ออกสตาร์ทตามหลัง 0-2 เกมนั้น รอย คีน อดีตกองกลางเป็นคนโหม่งประตูตีไข่แตก แต่โดนใบเหลืองเลยไม่ได้เล่นนัดชิง

    "คือช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมของ คีน เขางัดฟอร์มสุดยอดออกมาให้กับเราในคืนนั้น สถานการณ์เวลานี้คล้ายกับตอนเจอ ยูเวนตุส และเราก็มีนักเตะฝีเท้าดีมากมายที่จะทำแบบนั้นอีกครั้ง ทุกคนพร้อมจะพาทีมชนะในโอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้และนี่คือสิ่งที่สำคัญมาก" นายใหญ่เลือดสกอตต์เผย

    เฟอร์กี ที่กำลังพา แมนฯยูไนเต็ด คั่ว 5 แชมป์ หลังได้ไปแล้ว 2 แชมป์คือ สโมสรโลก และ คาร์ลิง คัพ เปิดเผยอีกว่า "ผู้เล่น แมนฯยูไนเต็ด ทุกคนจำได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ปอร์โต มีสถิติที่ดีในถ้วยใบนี้และเล่นได้อย่างโดดเด่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาและรู้สึกว่าจะไม่แพ้ในรังมานานมากแล้ว"

    พร้อมกันนี้ อาลี ซิสโซโก แบ็กซ้าย ปอร์โต เป้าหมายของ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ออกมาเปิดศึก โรนัลโด คีย์แมนของ แมนฯยู ว่า "สำหรับผม โรนัลโด ก็เหมือนกับนักเตะคนอื่นๆ แต่ผมก็จะจับตาระวังเขาเป็นอย่างดี ผมมั่นใจในฝีเท้าของตัวเองดีและคงไม่เปลี่ยนแนวทางการเล่น รวมถึงมีสมาธิเหมือนกับทุกเกม"

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 เมษายน 2552 12:15 น
     
  12. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    "ปอร์โต"ชนะแน่ครับ คอนเฟิร์ม ฟันธง
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไม่เห็นด้วยแน่นอน

    ระวังธงหักน๊า
    ระวังคอนเฟิร์มมั่วน๊า

    อิอิ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD align=left width=10 bgColor=#deefff> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deefff></TD><TD vAlign=center align=left width=30 bgColor=#deefff>
    P
    </TD><TD vAlign=center width=30 bgColor=#deefff>
    Pts
    </TD><TD vAlign=center align=middle width=10 bgColor=#deefff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>แมนฯยูไนเต็ด </TD><TD vAlign=center align=right width=30>31</TD><TD vAlign=center align=right width=30>71</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>ลิเวอร์พูล </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>70</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>เชลซี </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>67</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>อาร์เซนอล </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>61</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>แอสตัน วิลล่า </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>53</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>เอฟเวอร์ตัน </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>52</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>เวสต์แฮม ยูไนเต็ด </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>44</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>ฟูแล่ม </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>43</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>สเปอร์ส </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>41</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>วีแกน </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>41</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>แมนฯซิตี้ </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>38</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>โบลตัน </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>37</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>สโต๊ค ซิตี </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>36</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>ปอร์ทสมัธ </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>31</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>34</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>ฮัลล์ ซิตี </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>34</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>แบล็คเบิร์น </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>34</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>ซันเดอร์แลนด์ </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>นิวคาสเซิล </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>30</TD><TD vAlign=center align=middle bgColor=#deecff> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD width=10> </TD><TD vAlign=center align=left height=24>มิดเดิลสโบรห์ </TD><TD vAlign=center align=right width=30>32</TD><TD vAlign=center align=right width=30>30</TD><TD vAlign=center align=middle width=10> </TD></TR><TR class=list2 vAlign=top align=left><TD bgColor=#deecff height=24> </TD><TD vAlign=center align=left bgColor=#deecff>เวสต์ บรอม </TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>32</TD><TD vAlign=center align=right bgColor=#deecff>25</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2009
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เคล็ดลับดูแลผิวในหน้าร้อน
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000042309
    / เอมอร คชเสนี
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย เอมอร คชเสนี</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 เมษายน 2552 14:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=324 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=324>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> คนส่วนใหญ่มักจะพิถีพิถันดูแลผิวพรรณเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว ซึ่งมักพบปัญหาผิวแห้งแตกระแหง แต่ความจริงแล้ว ในฤดูร้อน ผิวก็มีปัญหาได้เช่นกันค่ะ วันนี้นำเคล็ดลับดูแลผิวในช่วงหน้าร้อนมาฝากค่ะ

    1. ทำความสะอาดผิว
    ในแต่ละวันเราต้องสัมผัสฝุ่น ควัน และมลภาวะจากสิ่งแวดล้อม บวกกับคราบเหงื่อไคลเหนียวเหนอะหนะ ดังนั้น ควรทำความสะอาดผิวให้สะอาดหมดจด

    สำหรับผู้หญิงที่แต่งหน้า อาจต้องแต่งหน้าบางลง หรือใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับฤดูร้อน หมั่นเปลี่ยนฟองน้ำที่ใช้กับแป้งรองพื้น หรือล้างทำความสะอาดบ้าง เพราะฟองน้ำที่ผ่านการใช้งานมานานจะเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียซึ่งอาจทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะใครที่เติมหน้าทั้งวัน ฤดูร้อนเหงื่อออก หน้ามัน ยิ่งทำให้ฟองน้ำสกปรกมากขึ้น

    2.บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
    อากาศในฤดูร้อนทำให้หลายคนไม่อยากจะใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวกันสักเท่าไร ทั้งๆ ที่ปกติเคยทำเป็นกิจวัตรในเวลาเช้าและกลางคืน โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่ผิวจะซ่อมแซมตัวเอง

    เราสามารถบำรุงผิวในฤดูร้อนได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องหาครีมหรือโลชั่นที่เหมาะสำหรับหน้าร้อน ควรทาครีมหรือโลชั่นทันทีหลังอาบน้ำขณะที่ผิวยังหมาดๆ เลือกโลชั่นเนื้อบางเบาและซึมซาบเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้ไม่รู้สึกเหนียวเหนอะหนะเกินไปนัก อาจทาแป้งฝุ่นทับจะช่วยให้รู้สึกสบายตัวขึ้น

    3.ปกป้องผิวด้วยครีมกันแดด
    นอกจากมอยส์เจอไรเซอร์แล้ว ครีมกันแดดก็เป็นสิ่งสำคัญในหน้าร้อน ผิวที่เผชิญแสงแดดแรงๆ บ่อยๆ ไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นมะเร็งผิวหนังเท่านั้น แต่ยังทำให้ผิวหยาบกร้าน หมองคล้ำ เหี่ยวย่น ทำให้เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ

    ดังนั้น ควรทาครีมกันแดดทุกวัน โดยเลือกครีมกันแดดที่มี SPF15 ขึ้นไป แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ SPF สูงๆ ซึ่งเกินจำเป็นสำหรับผิวของคนเอเชีย เพราะยิ่ง SPF สูงมากเท่าไร ก็เท่ากับว่าเราต้องสัมผัสสารเคมีมากขึ้นเท่านั้น ใช้วิธีทาซ้ำจะดีกว่า ควรเลือกครีมกันแดดที่ป้องกันได้ทั้ง UVA และ UVB หรือหากจะลงเล่นน้ำก็ควรเลือกชนิดกันน้ำ และเลือกชนิดที่ไม่เหนียวเหนอะหนะสำหรับหน้าร้อนเช่นกัน

    หากผิวแสบร้อนจากการโดนแดดเป็นเวลานาน บำรุงผิวด้วยโลชั่นที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ และหลีกเลี่ยงแดดในวันถัดไป

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 4. อาหารบำรุงผิว
    ดื่มน้ำบริสุทธิ์ให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว หรือมากกว่านั้น โดยเฉพาะวันที่ต้องออกจากบ้านไปเผชิญกับความร้อน เพื่อชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปกับเหงื่อ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่เซลล์ผิวหนัง

    รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ซึ่งนอกจากจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวของคุณแล้ว เส้นใยจากผักและผลไม้ยังช่วยให้ขับถ่ายสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้นด้วย

    5. ลดการทำลายผิว
    ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ ซึ่งจะดึงน้ำออกจากผิว หรือหากคุณดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ ก็ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์เพื่อคืนความชุ่มชื่นให้กับผิวด้วย

    นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด และมลภาวะ ยังเป็นตัวการทำลายผิวของคนเรา โดยเพิ่มอนุมูลอิสระ หรือลดตัวต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหยาบกร้าน หมองคล้ำ และเหี่ยวย่น
    พยายามงดสูบบุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดความเครียด และหาโอกาสไปสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง

    6. ออกกำลังกาย
    การออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ผิวสวยใส เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ระบบการไหลเวียนและการสูบฉีดโลหิตดีขึ้น ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารต่างๆ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ร่างกายยังได้ขับถ่ายของเสียไปกับเหงื่อที่ออกมาระหว่างการออกกำลังกายอีกด้วย

    7. อุปกรณ์เสริมช่วยปกป้องผิว
    พกแว่นกันแดด หมวกหรือร่มติดตัวไว้ จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้มากทีเดียว นอกจากนี้สวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดมิดชิด แต่ต้องเลือกให้เหมาะกับฤดูร้อน เช่น เสื้อผ้าที่ทอจากเส้นใยธรรมชาติซึ่งจะสวมใส่สบาย

    เคล็ดลับดังที่กล่าวมา นอกจากจะช่วยให้คุณมีผิวสวยสดใสตลอดฤดูร้อนนี้แล้ว ยังสามารถนำไปปรับใช้ในทุกๆ ฤดู เพื่อให้ผิวพรรณที่ดีอยู่คู่กับคุณตลอดไปค่ะ

    ติดตามฟังรายการ “Happy & Healthy”
    ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-12.00 น.
    ทางคลื่นของประชาชน FM 97.75 MHz
    และ
    www.managerradio.com

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    คู่หลังมาครบแล้วนะครับ ทั้งเฟอร์ดินานด์ และวิดิช

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ริโอ" ฟิตเต็มที่พร้อมลงช่วยผีบุกปอร์โต
    http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000042156
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 เมษายน 2552 06:41 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=201 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=201>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"เฟอร์ดินานด์"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยืนยันว่า ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังตัวเก่งฟิตสมบูรณ์เต็มที่พร้อมลงสนามช่วยทีมที่เตรียมจะฟาดแข้งกับ เอฟซี ปอร์โต ในศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง วันพุธนี้ (15 เม.ย.)

    เฟอร์ดินานด์ พลาดการลงสนามช่วย "ผีแดง" ทำศึกมาใน 3 นัดหลังสุดของทุกรายการเนื่องจากมีปัญหาอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบที่ได้รับมาจากการรับใช้ทีมชาติอังกฤษในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนยุโรป เมื่อช่วงต้นเดือน แต่ปราการหลังวัย 30 ปีเริ่มกลับมาซ้อมตั้งแต่สัปดาห์ก่อนและพร้อมลงสนามในเกมยุโรปวันนี้

    แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องบุกไปคว้าชัยชนะเหนือ ปอร์โต เพื่อการันตีการผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก หลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อนถูกทีมจากแดนฝอยทองบุกมาตีเสมอ 2-2 ที่สนามโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

    ด้าน เฟอร์กูสัน ยินดีที่ลูกทีมคนเก่งสามารถกลับมาลงสนามช่วยทีมได้ "เราคิดว่า ริโอ ฟิตสมบูรณ์แล้ว เขาฝึกซ้อมมาตั้งแต่วันศุกร์และจะลงสนามเป็นตัวจริงเลยในเกมวันนี้"

    "การเล่นของ ริโอ เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ เขาจะทำให้ทีมเกิดความแตกต่าง ทำให้คู่กองหลังเป็นการจับคู่กันระหว่าง ริโอ และ เนมานยา วิดิช อีกครั้ง เขาทั้งสองเป็นเหมือนภูผาของเกมรับที่ยอดเยี่ยมของทีมในฤดูกาลนี้" กุนซือวัย 67 ปีกล่าว
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"โด้" ส่องชัย! "ผี"เฉือน 1-0 ลิ่วตัดเชือก "ปืน" ศึกชปล.
    http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000042514
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 เมษายน 2552 03:36 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> คริสเตียโน โรนัลโด ดาวเตะชาวโปรตุกีส ซัลโวประตูชัยพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเฉือน ปอร์โต 1-0 ประตูรวมชนะ 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกไปพบกับ อาร์เซนอล ที่ไล่ต้อน บียาร์รีล 3-0 ประตูรวมชนะ 4-1 ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

    ผลการแข่งขันฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง
    เอฟซี ปอร์โต 0 - 1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (รวมผลสองนัด แมนฯ ยูไนเต็ด เข้ารอบด้วยประตูรวม 3-2)


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=349 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=349>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>จังหวะ "โรนัลโด" ส่องประตูชัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ปอร์โต ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับผู้เล่นตัวหลัก มี บรูโน อัลเวส และ โรลันโด ประจำการแดนหลังเช่นเหมือน ส่วนเกมรุกเป็นการประสานงานกันระหว่าง ฮัลค และ ลิซานโดร โลเปซ ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีข่าวดีเมื่อ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ฟิตเต็มร้อยลงมาจับคู่กับ เนมานยา วิดิช เช่นเดียวกับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ หายเจ็บเข่ามาเพิ่มประสิทธิ์ภาพในเกมบุก

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"รูนีย์" แย่งโหม่งกับ "โรดริเกซ"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เกมครึ่งแรกผ่านมา 3 นาที เจ้าถิ่นได้ลุ้นฟรีคิกระยะประมาณ 25 หลา ฮัลค อาสายิงบอลเต็มข้อ แต่ถูก ฟาน เดอร์ ซาร์ ทุบทิ้งไป จากนั้นอีก 3 นาที "ผีแดง" มาทำประตูออกนำอย่างรวดเร็ว เมื่อ โรนัลโด รับบอลได้ตรงบริเวณเลยกึ่งกลางสนาม ก่อนตัดสินใจยิงไกล บอลพุ่งแรงผ่านมือ เอลตัน เข้าตุงตาข่าย สกอร์ขยับเป็น 1-0

    ทีมเยือนบุกมาอีกในนาที 12 จากจังหวะที่ โอเชีย เติมเกมรุกขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวา ก่อนจ่ายบอลให้ รูนีย์ แตะย้อนเข้ากลาง คาร์ริก สับไกหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดเสาประตูออกไป ด้าน ปอร์โต อาศัยลูกตั้งเตะเพื่อสร้างโอกาสลุ้นทำประตู มาถึงนาที 20 ทีมมาได้ฟรีคิกบริเวณหน้าเขตโทษอีกครั้ง คราวนี้ อัลเวส ขออาสายิง แต่บอลไม่ตรงกรอบ

    เจ้าถิ่นเริ่มครองบอลดีขึ้น อีก 4 นาทีต่อมามีโอกาสลุ้นตีเสมอ เมื่อ ลิซานโดร พักบอลลงในเขตโทษและพยายามกลับตัวยิง แต่เบาเกินไปถูกนายทวารชาวดัตช์ป้องกันได้อย่างไม่มีปัญหา เกมผ่านครึ่งชั่วโมงแรก เบอร์บาตอฟ กระชากบอลขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้ากลาง บอลลอยข้ามหัว โรนัลโด เลยไปทางเสาสองเข้าทาง กิกส์ ง้างเท้ายิง แต่ เอลตัน ยินปิดมุมอยู่ป้องกันไว้ทัน

    ด้าน ซาปูนารู ของเจ้าถิ่นเติมเกมรุกขึ้นมายิงไกลบริเวณหน้าเขตโทษในนาที 37 แต่บอลเหินข้ามคานออกไปอย่างไม่ได้ลุ้น อีก 4 นาทีต่อมาเจ้าบ้านมาได้ลูกตั้งเตะทางริมเส้นด้านซ้าย ไมเรเลส โยนบอลมาเข้าหัว อัลเวส ได้โหม่งแต่หลุดกรอบประตูออกไป

    ช่วงก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด น่าทำประตูหนีห่างออกไปจากจังหวะเตะมุม กิกส์ เปิดบอลเข้ามา กองหลังเจ้าถิ่นโหม่งพลาด บอลลอยมาตกใส่เท้า วิดิช พยายามแหย่เปลี่ยนทางให้เข้าประตู แต่โดนไม่ดีบอลเหินข้ามคานออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ สุดท้ายไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ จบ 45 นาทีแรกทีมเยือนนำ 1-0

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>"โรดริเกซ" ตามมาแซะ "เอฟรา"</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เกมครึ่งหลัง ปอร์โต มีลุ้นก่อนหลังผ่านมา 5 นาที เมื่อ ลิซานโดร แย่งบอลได้จาก เอฟรา ก่อนจ่ายให้ ไมเรเลส ลองสับไกหน้าเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป ก่อนมีโอกาสอีกครั้งในนาที 60 เมื่อทีมมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ฮัลค ลองปั่นด้วยซ้าย แต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ล้มตัวรับไว้ได้

    แมนฯ ยูไนเต็ด เน้นการครองบอลและความแน่นอนทำให้มีโอกาสบุกไม่มากนัก แต่เกมรุกของเจ้าถิ่นยังไม่เด็ดขาดพอที่จะสร้างความกดดันแผงหลังของแชมป์เก่าเช่นกัน รูปเกมช่วงนี้เป็นไปอย่างสูสีอาศัยการชิงจังหวะกันในแดนกลางทำให้ทั้งสองทีมมีลุ้นทำประตูไม่มากนัก

    เกมกลับมาสนุกในช่วงท้าย ปอร์โต พยายามกดดันอย่างหนัก นาที 80 ไมเรเลส เปิดลูกเตะมุม กลายเป็น ฟาน เดอร์ ซาร์ ของทีมเยือนออกมาตัดพลาด บอลเลยไปทางเสาสองเข้าหัว โรลันโด กองหลังที่เติมเกมขึ้นมาลุ้นทำประตู แต่ตั้งศีรษะไม่ดีพอโหม่งบอลออกหลังไป

    เข้าสู่ช่วง 5 นาทีสุดท้ายเจ้าถิ่นมีโอกาสดีที่สุดต่อการทำประตูตีเสมอจากจังหวะที่ มาเรียโน เลี้ยงบอลหนี นานี ทางด้านขวา ก่อนตบกลับเข้าในมาถึง ลิซานโดร ได้วางเท้ายิง แต่บอลไปตรงตัว ฟาน เดอร์ ซาร์ รับเข้าซอง มาถึงนาทีสุดท้าย โรนัลโด เกือบส่องประตูฝังชัยชนะหลังได้ยิงจากนอกเขตโทษ แต่ถูก เอลตัน ปัดทิ้งออกไป ทำให้สุดท้ายจบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด บุกมาชนะ 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 3-2

    ผลการแข่งขันอีกคู่ อาร์เซนอล เปิดสนามเอมิเรตส์ สเตเดียม ไล่ถล่มเอาชนะ บียาร์รีล ไปอย่างขาดลอย 3-0 จากการทำประตูของ ธีโอ วัลคอตต์ (น.10), เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ (น.60) และลูกจุดโทษของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี (น.69) รวมผลสองนัด "ปืนโต" ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 4-1

    รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
    ปอร์โต : เอลตัน, บรูโน อัลเวส, โรลันโด, อลี ซิสโซโก, คริสเตียน ซาปูนารู, เฟอร์นานโด, ราอูล ไมเรเลส, ลูโช กอนซาเลส, คริสเตียน โรดริเกซ, ฮัลค, ลิซานโดร โลเปซ
    แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, เนมานยา วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟรา, จอห์น โอเชีย, อันแดร์สัน, ไมเคิล คาร์ริก, ไรอัน กิกส์, คริสเตียโน โรนัลโด, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ, เวย์น รูนีย์
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ย้อนตำนาน ข้าวแช่ 3 ตำรับชาววัง
    http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9520000041106

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 เมษายน 2552 10:02 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=186 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=186>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>พออย่างเข้าหน้าร้อนทีไร คนโบราณจะนึกถึง “ข้าวแช่” ขึ้นมาทันที ข้าวเม็ดสวย ๆ แช่มาในน้ำเย็นลอยดอกมะลิ เคียงคู่มากับ “กับข้าว”ข้าวแช่ 5 – 6 อย่างล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งสิ้น แถมด้วยผักแกะสลักอย่างประณีตสวยงาม เป็นอาหารดับร้อนที่ให้คุณค่าทางโภชนาสูง เมื่อสมัยก่อนแต่ละวังรวมไปถึงบ้านตระกูลใหญ่จะนิยมทำข้าวแช่กินกับในวันสงกรานต์ จนกลายเป็นสูตรประจำบ้านที่ขึ้นหน้าขึ้นตาเอาไว้อวดแขกได้

    แต่พอถึงยุคนี้ข้าวแช่เต็มสำรับดูจะเลือนหายไปจากโต๊ะอาหารคนไทยแล้ว วันนี้ลองไปเปิดสำรับย้อนตำนานข้าวแช่ชาววังจาก 3 ตระกูลดังกันดู เพราะข้าวแช่มิใช่เป็นเพียงอาหารดับร้อนเท่านั้นแต่ยังซ่อนความละเมียดทางศิลปะการทำอาหารและถือเป็นการเชื่อมความรักสามัคคีระหว่างคนในครอบครัวได้อีกด้วย



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>**ข้าวแช่-ลูกชุบ บ้านบุนนาค**
    เพียงแค่เริ่มบทสนทนากับหม่อมปริม บุนนาคในวัย 86 ปี เบื้องหลังข้าวแช่อันเลื่องชื่อแห่งสกุลบุนนาค ก็ทำให้ทราบว่าในรั้วรอบขอบประตูของบ้านบุนนาคที่หม่อมปริมวิ่งเล่นเมื่อยังเยาว์นั้น การทานข้าวแช่ของผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นเรื่องที่เห็นจนชินตา
    “ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นผู้ใหญ่ทานข้าวแช่แล้ว” หม่อมปริม บุนนาค หม่อมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ย้อนรำลึกถึงวัยเด็กที่เห็นการรับประทานข้าวแช่ในช่วงเมษายนซึ่งเป็นเทศกาลปีใหม่ของคนไทยในยุคก่อน ที่มักจะเลี้ยงพระในงานทำบุญกระดูกของบรรพบุรุษและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานมาอย่างคุ้นเคย
    “สมัยที่เป็นเด็กนั้น คุณแม่ (คุณหญิงเปลื้อง บุนนาค ภรรยาพระยานิพัทธ์กุลพงศ์) ท่านลองให้ไปเข้าครัวทำอาหารเป็นครั้งคราว ระหว่างทำถ้าไปถามก็โดนดุว่าทำไมเวลาท่านทำแล้วไม่ดูหรือสังเกต ถ้าทำเสร็จแล้วไม่อร่อยถูกปากก็โดนว่าซ้ำอีก จึงทำให้เรากลายเป็นคนไม่ชอบงานครัวเลย แต่ทุกวันนี้ ที่ทำอาหารได้เพราะมีโอกาสได้เห็นได้ช่วยอยู่เสมอ ถ้าตั้งใจทำอย่างจริงจังก็จะได้อะไรดีๆ จากผู้ใหญ่อีกมาก”
    ตระกูลบุนนาคของหม่อมปริม เป็นครอบครัวใหญ่ อาศัยรวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน ที่เมื่อยามว่างผู้ใหญ่ก็มักกจะเรียกใช้ลูกหลานให้ไปช่วยงานครัว หม่อมปริม บอกว่า คนสมัยก่อนไม่มีห้างสรรพสินค้าเหมือนในรุ่นนี้ เวลาที่เหลือก็จะอยู่กันตามก้นครัว แบ่งงานในครัวช่วยผู้ใหญ่ครอบครัวตามที่ตนเองถนัด อย่างเช่นเวลาเตรียมข้าวแช่ที่ต้องอาศัยคนจำนวนมาก เพราะมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ลูกหลานในรุ่นหม่อมปริมทุกคนก็ต้องมารวมตัวกัน เรียกว่ารุ่นเล็กถึงรุ่นใหญ่ของบ้านต่างมีส่วนร่วมในการทำข้าวแช่กันถ้วนหน้า


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=212 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=212>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“เมื่อหน้าร้อนใกล้เข้ามาถึงแต่ละบ้านก็จะทำข้าวแช่เลี้ยงกัน พอทำเสร็จก็จะทำมาแจกหรือแลกกันตามบ้าน สูตรข้าวแช่ของแต่ละบ้านก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ชอบ ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องข้าวแช่ต้องออกหวาน เพราะรสหวานเมื่อนำมาทานกับน้ำอบดอกมะลิแล้วเข้ากันเป็นอย่างดี ทานแล้วชื่นใจ”
    สำหรับที่มาของข้าวแช่บ้านหม่อมปริมนี้ เป็นสูตรที่หม่อมได้มาจากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมปัทมา(ปลั่ง) จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ในหม่อมเจ้าประดิษฐาน จักรพันธุ์ พระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเสรฐวงศ์วราวัตร กรมหมื่นอนุพงษ์จักรพรรดิ์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2540 ซึ่งเป็นช่วงที่ตัวหม่อมปริมกำลังนึกอยากทำข้าวแช่ด้วยตัวเองพอดี จึงนำสูตรที่ได้รับมาใช้เป็นหลักในการปรุง เริ่มประเดิมทำตามสูตรกันครั้งแรกที่ทำหม่อมบอกว่า “หน้าตาออกพอใช้ได้ แต่ต้องมาปรับปรุงเรื่องรสชาติกันในภายหลัง ถึงจะถูกปาก”
    เครื่องข้าวแช่ของบ้านหม่อมมีทั้งหมด 6 อย่าง แทบไม่ต่างจากข้าวแช่บ้านอื่นๆ มี พริกหยวกสอดไส้หมู ลูกกะปิ ปลาหวาน ไชโป๊ผัด หมูฝอย และที่ดูแตกต่างจากที่อื่นคือ ลูกปลาเค็ม ที่ทำจากหมูผสมปลาเค็มเนื้อดีอย่างปลากุเลา แล้วนำไปทอด นอกจากนั้นวัตถุดิบส่วนใหญ่จะใช้หมูเป็นส่วนประกอบหลัก หม่อมบอกว่า “ในสมัยโบราณเครื่องบางอย่างจะใช้เนื้อ อย่างหมูฝอยก็จะเป็นเนื้อฝอย ซึ่งก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ปัจจุบันคนไม่นิยมทานเนื้อจึงเปลี่ยนใช้หมูแทน”
    ส่วน พริกหยวกสอดไส้ หนึ่งในเครื่องข้าวแช่สำคัญที่พิสูจน์ถึงความประณีตในการคว้านไส้พริกหยวก และการโรยไข่เพื่อนำมาห่อให้สวยงาม ความพิเศษจะอยู่ที่ไส้ข้างในที่ทำจากหมูสับผสมกุ้ง รากผักชี กระเทียม พริกไทยดำ ส่วนปลาหวานที่เม็ดเล็กพอคำ หม่อมปริม ลงทุนสั่งตรงมาจากเพชรบุรีเมืองข้าวแช่เลยทีเดียว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=173 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=173>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในบรรดาเครื่องต่างๆที่ห้อมล้อมข้าวเม็ดเรียว จะเป็นที่ทราบดีของทุกบ้านว่า ลูกกะปิ เป็นเครื่องที่ทำยากที่สุด หม่อมปริมบอกว่าสูตรที่บ้านไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากเป็นเครื่องที่ใช้เวลาทำนานที่สุด สำหรับการทำเครื่อง แต่ในเชิงคุณค่าทางอาหารแล้ว ลูกกะปิ เป็นเครื่องที่อุดมประโยชน์มากที่สุด ที่ทั้ง กระชาย ตะไคร้ หอมแดง รากผักชี ข่า ผิวมะกรูด เป็นส่วนประกอบ ที่เกิดจากขั้นตอนการทำโดยนำทุกอย่างมาตำรวมกันใส่เครื่องปรุง แล้วนำไปผัด ใส่กะทิ จากนั้นผัดให้แห้งจนสามารถนำมาปั้นขนาดเท่าปลายนิ้วได้ เสร็จแล้วนำไปชุบไข่ทอดให้เหลือง
    นอกจากข้าวแช่สูตรเด็ด ของโปรดในยามคลายร้อนของคนโบราณแล้ว ลูกชุบ ขนมไทยที่มีรูปร่างและสีสันชวนลิ้มลอง ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ปลายจวักที่ได้ตกทอดสูตรเด็ดรวมทั้งฝีมือในการปั้นให้เป็นรูปต่างๆตกทอดมาจากคุณย่า (แฝด บุนนาค) ผู้เคยอาศัยอยู่ในวังเทวะเวสม์ เมื่อครั้งที่หม่อมปริมอายุ14-15 ยังวิ่งเล่นซนและช่วยสานตะกร้าใส่ลูกชุบเม็ดอร่อย
    หม่อมปริมย้อนเล่าว่า “ลูกชุบเป็นขนมที่ชอบมากเพราะมีสีสันสวยงาม ส่วนเทคนิคการปั้นให้เป็นรูปต่างๆ ก็ล้วนแต่ตกทอดมาจากคุณย่าทั้งนั้น เรื่องปั้นครั้งแรกเป็นทับทิม ลำไย เป็นผลไม้ที่ต้องอาศัยความประณีตบรรจง จากนั้นก็นำมาเข้าช่อให้สวยงาม เป็นขนมที่นิยมนำไปฝากผู้ใหญ่ ส่วนขั้นตอนการทำรวมแล้วมีทั้งหมด 6 ขั้นตอน หม่อมสรุปให้ฟังสั้นๆ ว่า เริ่มด้วยการนึ่งถั่วเขียวปอกเปลือกให้สุกร่วน แล้วนำไปกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ต่อด้วยการนำไปปั้นเป็นรูปต่างๆ ตามใจชอบ จากนั้นนำไปแต่งสีแล้วชุบวุ้น พร้อมทั้งแต่งก้านเป็นขั้นตอนสุดท้าย



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“สมัยนี้ดีทำอะไรก็สะดวกไปหมด ถั่วที่ใช้ก็ทำมาสำเร็จรูปแล้ว ไม่ต้องปลอกเปลือกเหมือนแต่ก่อน หรือแม้แต่การกวนถั่ว ถ้าเป็นแต่ก่อนต้องอาศัยแรงผู้ชายกวน สมัยนี้ก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องบดไฟฟ้า เพียงไม่นานถั่วก็ละเอียดร่วนอย่างที่ต้องการ ที่นี่เราใส่ใจกับขั้นตอนการปั้นมาก ลูกชุบทุกเม็ดปั้นด้วยมือทั้งหมด เป็นวิชาที่ได้ตกทอดมา กว่าจะได้แต่ละลูกต้องใช้เวลาพอสมควร ปั้นได้ทุกอย่าง ถ้าเป็นลูกชุบรูปผลไม้ขายกันมาตั้งแต่เม็ดละ 10 สลึง จนตอนนี้ขายเม็ดละ 4 บาท ถ้าเป็นรูปผักปั้นยากกว่า ขายเม็ดละ 6 บาท นอกจากนี้ก็ยังรับสั่งทำลูกชุบเป็นรูปอื่นๆ ตามออเดอร์ด้วย แต่จะให้ปั้นเป็นรูปขนาดใหญ่มาก คงไม่ได้ เพราะเนื้อถั่วจะหนักเกินไป”
    ความประณีตอย่างที่หม่อมสาธยายมาทั้งหมดเกี่ยวกับลูกชุบฝีมือตัวเอง คงไม่น่าแปลกใจนักที่ลูกชุบจากบ้านบุนนาคจะคว้ารางวัลชนะเลิศ ในงานเคหะสงเคราะห์ ณ สวนอัมพรเมื่อ พ.ศ. 2496 ซึ่งจัดขึ้นโดยการเคหะแห่งชาติ เคล็ดลับที่สามารถเอาชนะใจกรรมการได้ หม่อมบอกว่า เป็นเพราะ ลูกชุบของเราสวยใสเป็นเงา รสชาติดี ไม่หวานจัด รูปทรงเหมือนของจริงที่ย่อส่วนมา โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นของขนม ถ้าเป็นลูกชุบที่มาจากบ้านนี้ของแท้ ต้องไม่อบควันเทียน เพราะกลิ่นควันเทียนที่ว่าหอม สำหรับบางคนอาฉุนจนไม่ชวนกินก็ได้
    นอกจากนี้ หม่อมผู้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการกินของคนโบราณ ยังได้ฝากถึงคนรุ่นใหม่ด้วยว่า อาหารไทยแม้จะไม่แต่งตัวให้ดูโก้ อย่างเมนูจานด่วนแบบอาหารฝรั่ง แต่ทุกเมนูล้วนแต่ดีต่อสุขภาพ อย่างที่หม่อมเองก็นิยมทานผักน้ำพริกมาตลอด จนกลายเป็นหนึ่งในเมนูไทยๆ ที่อยู่เคียงข้างอายุที่ยืนยาวของหม่อมปริมมาจนทุกวันนี้

    หมายเหตุ : ใครสนใจอยากทานข้าวแช่-ลูกชุบฝีมือหม่อมปริม บุนนาค โทรสั่งได้ที่ 02-216-6467 ในราคาข้าวแช่ชุดละ 160 บาท



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=182 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=182>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>**ข้าวแช่บ้านประชาชื่น**
    ลึกเข้าไปในซอยประชาชื่น 33 เป็นที่รู้กันในหมู่คนรักข้าวแช่ว่าว่าใครที่นึกอยากกินข้าวแช่ตอนไหนก็ได้ ต้องแวะมากินที่ร้าน”บ้านประชาชื่น” ซึ่งจะมีข้าวแช่ขายตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอให้ถึงหน้าร้อน คุณพร้อมศรี พิบูลย์สงคราม ในวัย 83 ปีแต่ยังดูคล่องแคล่วจะเป็นผู้ดูแลขั้นตอนการทำข้าวแช่ทั้งหมด
    คนส่วนมากคิดว่าข้าวแช่ร้านนี้เป็นสูตรของ "สนิทวงศ์” ซึ่งเป็นสกุลเดิมของคุณพร้อมศรีก่อนที่จะตกแต่งมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม แต่คุณพร้อมศรีออกตัวว่าเป็นเพียงข้าวแช่บ้าน ๆ ของตระกูล”วัชราภัย” ซึ่งเป็นญาติข้างคุณตาพระยาศรีสังกร (ตาบ)จารุรัตน์ อดีตประธานศาลฎีกาและคุณยาย(คุณหญิงตาบ วัชราภัย ศรีสังกร) ด้วยเหตุผลที่คุณพร้อมศรีบอกว่า “ตอนเด็ก ๆ ดิฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านสนิทวงศ์ของคุณพ่อ แต่มาโตที่บ้านคุณตาคุณยายค่ะ”



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=187 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=187>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ในเรื่องที่มาของสูตรข้าวแช่นั้น คุณพร้อมศรีเล่าให้ฟังว่าเนื่องเพราะครอบครัวฝ่ายคุณพ่อไม่ชอบทานข้าวแช่ แต่สำหรับตัวคุณพร้อมศรีแล้วชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ “ตั้งแต่จำความได้ทุกหน้าร้อนพอเริ่มเข้าเดือนกุมภาพันธ์เรื่อยไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ทางบ้านคุณตาจะทำข้าวแช่กันกิน คือไม่ใช่กินเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น แต่คิดอยากจะกินตอนไหนก็ทำกินกันได้เลย”
    ความที่เป็นคุณหนูในครอบครัวใหญ่จึงไม่ต้องเข้าครัวแกะหอม-กระเทียมเพราะมีแม่ครัวคอยทำให้หมดทุกอย่าง แต่คุณพร้อมศรีก็ถูกเลี้ยงแบบกุลสตรีที่ต้องเรียนรู้เรื่องการเรือนการครัวเหมือนกัน ประกอบกับทั้งคุณตาและคุณยายเป็นคนชอบทานอาหาร ครัวบ้านนี้จึงมีฝีมือในการปรุงอาหารไม่น้อยหน้าที่อื่น ๆ
    ข้าวแช่ตำรับ”วัชราภัย”นั้นต้องมีเครื่องมากถึง 6 อย่างด้วยกัน คือลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ พริกแห้งสอดไส้ หมูฝอย หัวไชโป๊ว ปลายี่สนหวาน โดยจะให้ความสำคัญกับเครื่องหลัก 3 อย่างคือ ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้และที่ไม่เหมือนของใครคือพริกแห้งสอดไส้


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=187 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=187>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ลูกกะปิของที่นี่จะต้องมีกลิ่นกะปิกับกระชายโดดขึ้นมาจึงจะหอมอร่อย ลูกกะปินั้นจะใช้กะปิอย่างดี เนื้อปลาดุกย่าง หอม กระชาย หัวกะทิ มาเคี่ยวจนเหนียวเป็นทอฟฟี่ ปั้นเป็นลูกกลม ๆ แล้วชุบไข่ทอด”
    ส่วนพริกหยวกสอดไส้จะใช้ทั้งหมูและกุ้งสับรวมกับกระเทียม รากผักชี พริกไทย แล้วนมายัดไส้ในพริกหยวก จากนั้นจึงใช้ไข่มาโรยบนกระทะแห้งให้เป็นโสร่งเพื่อห่อพริกหยวกอีกชั้นหนึ่ง ถือเป็นความละเมียดในการทำอาหารไทยโบราณอย่างยิ่
    พริกแห้งสอดไส้ เป็นเครื่องข้าวแช่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งคุณพร้อมศรีบอกว่าเห็นมาตั้งแต่เล็ก ๆ เช่นกัน วิธีการทำก็ไม่ยากเพียงเลือกพริกแห้งเม็ดใหญ่มาคว้านไส้ออก ผัดปลาช่อนแห้ง หอม กระเทียมและเครื่องอื่น ๆ ให้เข้ากันแล้วสอดแทนไส้พริก จากนั้นจึงนำไปทอดให้กรอบหอม
    สำหรับตัวข้าวนั้นจะต้องหุงเกือบสุก ซึ่งต้องใช้ความชำนาญอย่างยิ่ง จากนั้นจึงนำข้าวมาขัดบนกระชอนให้เม็ดข้าวสวย สูตรของคุณพร้อมศรีจะใช้น้ำสุกลอยดอกมะลิที่ปลูกเองอย่างเดียว ด้วยเหตุผลว่ากลิ่นมะลินุ่มนวลที่สุด
    บ้านประชาชื่นเปิดขายอาหารมา 3 ปีแล้ว โดยจะยืนเมนูหลักคือข้าวแช่ ซึ่งมีบริการลูกค้าในราคาชุดละ 200 บาท ร้านเปิดบริการตั้งแต่ 11.00 – 15.00 น. ส่วนใครที่อยากกินข้าวแช่เวลาไหนก็สามารถโทรบอกได้ทุกเมื่อเพราะเจ้าของร้านบอกว่าต้องการให้ทุกคนเวลากินข้าวแช่แล้วต้องนึกถึงร้านคุณพร้อมศรีเป็นอันดับแรก



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=185 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=185>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>**ข้าวแช่วังเทวะเวสม์**
    ข้าวแช่ของวังเทวะเวสม์ก็เป็นอีกสำรับหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานเรื่องความอร่อย เนื่องเพราะเจ้าของวังเทวะเวสม์คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดี กระทรวงการต่างประเทศ ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ชื่อว่าเป็นนักชิมตัวยง
    คุณป้อม-หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ทายาทของวังแห่งนี้เป็นผู้ที่สืบทอดตำรับข้าวแช่ของวังเทวะเวสม์อย่างครบถ้วน โดยย้อนอดีตกลับไปในวัยเด็กที่ยังวิ่งเล่นอยู่ในวังนี้ก่อนที่จะถูกขายให้กับกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2493 ว่า
    “คุณย่า(ม.ร.ว.สอางค์ เทวกุล )ทำกับข้าวเก่ง และคุณแม่(ประเทือง เทวกุล ณ อยุธยา )ก็เป็นคนชอบทำอาหาร ป้อมจึงซึมซับความรู้เรื่องอาหารมาจาก 2 ท่าน”
    ธรรมเนียมการกินข้าวแช่ของวังเทวะเวสม์นั้นจะเริ่มในช่วงสงกรานต์เช่นกัน แต่เนื่องจาก “กับข้าว” ของข้าวแช่นั้นมีหลายอย่างและแต่ละอย่างทางวังจะต้องทำเองหมด ดังนั้นในครัวจึงต้องเริ่มเตรียมเครื่องตั้งแต่ย่างเข้าเดือนมกราคมทีเดียว



    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ สมัยก่อนพอเดือนมกราคม พวกเราจะต้องทำเนื้อตากแห้งแล้วนำมาฉีกฝอย ปลาช่อนก็ตากเองเหมือนกัน ทำไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงสงกรานต์ถึงจะกิน เพราะเครื่องเหล่านี้เป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้”
    แม้จะเตรียมการมาหลายเดือนแล้ว แต่พอถึงวันสงกรานต์จริง ๆ ภายในครัวของวังเทวะเวสม์ก็เริ่มโกลาหลตั้งแต่เช้ามืด โดยมี “แม่ประยูร” ซึ่งเป็นแม่ครัวประจำวังคุมเด็ก ๆ ตื่นแต่เช้ามาหุงข้าว ขัดข้าวให้เป็นเม็ดสวยเพื่อเตรียมสำหรับทำข้าวแช่

    และกว่าจะมาเป็น”กับข้าว”ของข้าวแช่แต่ละอย่างที่หยิบเข้าไปแล้วอร่อยนั้น เบื้องหลังการทำช่างยากลำบากต้องอาศัยทั้งรสมือและความอดทนทีเดียว อย่างเช่นลูกกะปิสูตรวังนี้จะใช้เนื้อปลาดุกผัดกับเครื่องสมุนไพรสดและหัวกะทิ โดยต้องใช้แรงผู้ชายจึงจะกวนลูกกะปิกระทะใหญ่จนงวดแถมยังต้องผจญกับเครื่องในกระทะที่คอยกระเด็นใส่มือคนกวนอีกด้วย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=185 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=185>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>จากนั้นยังต้องเติมความละเมียดในการทำเพิ่มไปอีก “ พอกะปิแข็งและเหนียวแล้ว ยังต้องนำมาปั้นให้ลูกกลมขนาดเท่าปลายนิ้วนางแล้วกดให้แบนลงหน่อย ขั้นตอนนี้เด็ก ๆ จะถูกเกณฑ์มาปั้นกันทุกคน พวกเราห่วงเล่นก็ปั้นลูกใหญ่ ๆ แต่พอผู้ใหญ่มาดูก็บอกว่าไม่ได้เลยต้องปั้นกันใหม่ จากลูกกะปิเล็ก ๆ ดำ ๆ ยังต้องนำมาชุบไข่ทอดเพื่อให้ดูสวยงามขึ้น “
    ข้าวแช่ตำรับวังเทวะเวสม์จะให้ความสำคัญแม้กระทั่งเรื่องการ ”อบน้ำ” ซึ่งเมื่อก่อนจะต้องต้มน้ำ 1 วัน ปล่อยให้น้ำเย็นสนิทอีก 1 วันแล้วค่อยนำมาอบน้ำลอยดอกมะลิอีก 1 วันจึงจะได้น้ำกลิ่นดอกมะลิที่หอมเย็นชื่นใจ
    ส่วนผักที่จัดเคียงคู่มากับข้าวแช่นั้นจะต้องแกะสลักมิใช่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่เป็นเคล็ดว่าจะต้องกินลูกกะปิกับกระชายที่แกะเป็นรูปดอกจำปี เมื่อ 2 รส 2 กลิ่นนี้มาพบกันกระชายก็ดับกลิ่นคาวของกะปิและปลาย่างกลายเป็นรสชาติของความกลมกล่อม
    “พอถึงวันที่ 13 เมษายน ลูกของคุณปู่คุณย่าจะมารวมตัวกัน เพื่อกินข้าวแช่ แล้วก็ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง แต่พอคุณปู่(พลตรีหม่อมเจ้า ปรีดิเทพยพงษ์ เทวกุล )สิ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม ตอนนี้พวกเราจึงย้ายมากินข้าวแช่ในวันทำบุญคุณปู่”
    และทุกปีตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ไปจนถึง31 พฤษภาคม คุณป้อมจะต้องบรรจุสำรับข้าวแช่ตำรับวังเทวะเวสม์เป็นเมนูพิเศษของร้านเดวา บาย หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล สุขุมวิท 39 เพื่อหวังสืบทอดวัฒนธรรมข้าวแช่ให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสถึงความละเมียดในการทำอาหารของคนไทยโบราณ


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    -------------------------------------------------------------------

    ย้อนตำนาน ข้าวแช่ 3 ตำรับชาววัง
    http://www.manager.co.th/MetroLife/V...=9520000041106
    [​IMG]โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
    15 เมษายน 2552 10:02 น.

    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG][​IMG]

    พออย่างเข้าหน้าร้อนทีไร คนโบราณจะนึกถึง “ข้าวแช่” ขึ้นมาทันที ข้าวเม็ดสวย ๆ แช่มาในน้ำเย็นลอยดอกมะลิ เคียงคู่มากับ “กับข้าว”ข้าวแช่ 5 – 6 อย่างล้วนแล้วแต่น่ากินทั้งสิ้น แถมด้วยผักแกะสลักอย่างประณีตสวยงาม เป็นอาหารดับร้อนที่ให้คุณค่าทางโภชนาสูง เมื่อสมัยก่อนแต่ละวังรวมไปถึงบ้านตระกูลใหญ่จะนิยมทำข้าวแช่กินกับในวันสงกรานต์ จนกลายเป็นสูตรประจำบ้านที่ขึ้นหน้าขึ้นตาเอาไว้อวดแขกได้

    แต่พอถึงยุคนี้ข้าวแช่เต็มสำรับดูจะเลือนหายไปจากโต๊ะอาหารคนไทยแล้ว วันนี้ลองไปเปิดสำรับย้อนตำนานข้าวแช่ชาววังจาก 3 ตระกูลดังกันดู เพราะข้าวแช่มิใช่เป็นเพียงอาหารดับร้อนเท่านั้นแต่ยังซ่อนความละเมียดทางศิลปะการทำอาหารและถือเป็นการเชื่อมความรักสามัคคีระหว่างคนในครอบครัวได้อีกด้วย


    [​IMG] [​IMG]

    **ข้าวแช่-ลูกชุบ บ้านบุนนาค**
    เพียงแค่เริ่มบทสนทนากับหม่อมปริม บุนนาคในวัย 86 ปี เบื้องหลังข้าวแช่อันเลื่องชื่อแห่งสกุลบุนนาค ก็ทำให้ทราบว่าในรั้วรอบขอบประตูของบ้านบุนนาคที่หม่อมปริมวิ่งเล่นเมื่อยังเยาว์นั้น การทานข้าวแช่ของผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นเรื่องที่เห็นจนชินตา
    “ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นผู้ใหญ่ทานข้าวแช่แล้ว” หม่อมปริม บุนนาค หม่อมในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ยุคล ย้อนรำลึกถึงวัยเด็กที่เห็นการรับประทานข้าวแช่ในช่วงเมษายนซึ่งเป็นเทศกาลปีใหม่ของคนไทยในยุคก่อน ที่มักจะเลี้ยงพระในงานทำบุญกระดูกของบรรพบุรุษและแขกเหรื่อที่มาร่วมงานมาอย่างคุ้นเคย
    “สมัยที่เป็นเด็กนั้น คุณแม่ (คุณหญิงเปลื้อง บุนนาค ภรรยาพระยานิพัทธ์กุลพงศ์) ท่านลองให้ไปเข้าครัวทำอาหารเป็นครั้งคราว ระหว่างทำถ้าไปถามก็โดนดุว่าทำไมเวลาท่านทำแล้วไม่ดูหรือสังเกต ถ้าทำเสร็จแล้วไม่อร่อยถูกปากก็โดนว่าซ้ำอีก จึงทำให้เรากลายเป็นคนไม่ชอบงานครัวเลย แต่ทุกวันนี้ ที่ทำอาหารได้เพราะมีโอกาสได้เห็นได้ช่วยอยู่เสมอ ถ้าตั้งใจทำอย่างจริงจังก็จะได้อะไรดีๆ จากผู้ใหญ่อีกมาก”
    ตระกูลบุนนาคของหม่อมปริม เป็นครอบครัวใหญ่ อาศัยรวมอยู่ในบริเวณเดียวกัน ที่เมื่อยามว่างผู้ใหญ่ก็มักกจะเรียกใช้ลูกหลานให้ไปช่วยงานครัว หม่อมปริม บอกว่า คนสมัยก่อนไม่มีห้างสรรพสินค้าเหมือนในรุ่นนี้ เวลาที่เหลือก็จะอยู่กันตามก้นครัว แบ่งงานในครัวช่วยผู้ใหญ่ครอบครัวตามที่ตนเองถนัด อย่างเช่นเวลาเตรียมข้าวแช่ที่ต้องอาศัยคนจำนวนมาก เพราะมีขั้นตอนที่ซับซ้อน ลูกหลานในรุ่นหม่อมปริมทุกคนก็ต้องมารวมตัวกัน เรียกว่ารุ่นเล็กถึงรุ่นใหญ่ของบ้านต่างมีส่วนร่วมในการทำข้าวแช่กันถ้วนหน้า


    [​IMG]

    [​IMG]“เมื่อหน้าร้อนใกล้เข้ามาถึงแต่ละบ้านก็จะทำข้าวแช่เลี้ยงกัน พอทำเสร็จก็จะทำมาแจกหรือแลกกันตามบ้าน สูตรข้าวแช่ของแต่ละบ้านก็แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ชอบ ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องข้าวแช่ต้องออกหวาน เพราะรสหวานเมื่อนำมาทานกับน้ำอบดอกมะลิแล้วเข้ากันเป็นอย่างดี ทานแล้วชื่นใจ”
    สำหรับที่มาของข้าวแช่บ้านหม่อมปริมนี้ เป็นสูตรที่หม่อมได้มาจากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมปัทมา(ปลั่ง) จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ในหม่อมเจ้าประดิษฐาน จักรพันธุ์ พระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเสรฐวงศ์วราวัตร กรมหมื่นอนุพงษ์จักรพรรดิ์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2540 ซึ่งเป็นช่วงที่ตัวหม่อมปริมกำลังนึกอยากทำข้าวแช่ด้วยตัวเองพอดี จึงนำสูตรที่ได้รับมาใช้เป็นหลักในการปรุง เริ่มประเดิมทำตามสูตรกันครั้งแรกที่ทำหม่อมบอกว่า “หน้าตาออกพอใช้ได้ แต่ต้องมาปรับปรุงเรื่องรสชาติกันในภายหลัง ถึงจะถูกปาก”
    เครื่องข้าวแช่ของบ้านหม่อมมีทั้งหมด 6 อย่าง แทบไม่ต่างจากข้าวแช่บ้านอื่นๆ มี พริกหยวกสอดไส้หมู ลูกกะปิ ปลาหวาน ไชโป๊ผัด หมูฝอย และที่ดูแตกต่างจากที่อื่นคือ ลูกปลาเค็ม ที่ทำจากหมูผสมปลาเค็มเนื้อดีอย่างปลากุเลา แล้วนำไปทอด นอกจากนั้นวัตถุดิบส่วนใหญ่จะใช้หมูเป็นส่วนประกอบหลัก หม่อมบอกว่า “ในสมัยโบราณเครื่องบางอย่างจะใช้เนื้อ อย่างหมูฝอยก็จะเป็นเนื้อฝอย ซึ่งก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ปัจจุบันคนไม่นิยมทานเนื้อจึงเปลี่ยนใช้หมูแทน”
    ส่วน พริกหยวกสอดไส้ หนึ่งในเครื่องข้าวแช่สำคัญที่พิสูจน์ถึงความประณีตในการคว้านไส้พริกหยวก และการโรยไข่เพื่อนำมาห่อให้สวยงาม ความพิเศษจะอยู่ที่ไส้ข้างในที่ทำจากหมูสับผสมกุ้ง รากผักชี กระเทียม พริกไทยดำ ส่วนปลาหวานที่เม็ดเล็กพอคำ หม่อมปริม ลงทุนสั่งตรงมาจากเพชรบุรีเมืองข้าวแช่เลยทีเดียว

    [​IMG][​IMG] [​IMG]

    ในบรรดาเครื่องต่างๆที่ห้อมล้อมข้าวเม็ดเรียว จะเป็นที่ทราบดีของทุกบ้านว่า ลูกกะปิ เป็นเครื่องที่ทำยากที่สุด หม่อมปริมบอกว่าสูตรที่บ้านไม่มีอะไรเป็นพิเศษ นอกจากเป็นเครื่องที่ใช้เวลาทำนานที่สุด สำหรับการทำเครื่อง แต่ในเชิงคุณค่าทางอาหารแล้ว ลูกกะปิ เป็นเครื่องที่อุดมประโยชน์มากที่สุด ที่ทั้ง กระชาย ตะไคร้ หอมแดง รากผักชี ข่า ผิวมะกรูด เป็นส่วนประกอบ ที่เกิดจากขั้นตอนการทำโดยนำทุกอย่างมาตำรวมกันใส่เครื่องปรุง แล้วนำไปผัด ใส่กะทิ จากนั้นผัดให้แห้งจนสามารถนำมาปั้นขนาดเท่าปลายนิ้วได้ เสร็จแล้วนำไปชุบไข่ทอดให้เหลือง
    นอกจากข้าวแช่สูตรเด็ด ของโปรดในยามคลายร้อนของคนโบราณแล้ว ลูกชุบ ขนมไทยที่มีรูปร่างและสีสันชวนลิ้มลอง ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ปลายจวักที่ได้ตกทอดสูตรเด็ดรวมทั้งฝีมือในการปั้นให้เป็นรูปต่างๆตกทอดมาจากคุณย่า (แฝด บุนนาค) ผู้เคยอาศัยอยู่ในวังเทวะเวสม์ เมื่อครั้งที่หม่อมปริมอายุ14-15 ยังวิ่งเล่นซนและช่วยสานตะกร้าใส่ลูกชุบเม็ดอร่อย
    หม่อมปริมย้อนเล่าว่า “ลูกชุบเป็นขนมที่ชอบมากเพราะมีสีสันสวยงาม ส่วนเทคนิคการปั้นให้เป็นรูปต่างๆ ก็ล้วนแต่ตกทอดมาจากคุณย่าทั้งนั้น เรื่องปั้นครั้งแรกเป็นทับทิม ลำไย เป็นผลไม้ที่ต้องอาศัยความประณีตบรรจง จากนั้นก็นำมาเข้าช่อให้สวยงาม เป็นขนมที่นิยมนำไปฝากผู้ใหญ่ ส่วนขั้นตอนการทำรวมแล้วมีทั้งหมด 6 ขั้นตอน หม่อมสรุปให้ฟังสั้นๆ ว่า เริ่มด้วยการนึ่งถั่วเขียวปอกเปลือกให้สุกร่วน แล้วนำไปกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน ต่อด้วยการนำไปปั้นเป็นรูปต่างๆ ตามใจชอบ จากนั้นนำไปแต่งสีแล้วชุบวุ้น พร้อมทั้งแต่งก้านเป็นขั้นตอนสุดท้าย



    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]“สมัยนี้ดีทำอะไรก็สะดวกไปหมด ถั่วที่ใช้ก็ทำมาสำเร็จรูปแล้ว ไม่ต้องปลอกเปลือกเหมือนแต่ก่อน หรือแม้แต่การกวนถั่ว ถ้าเป็นแต่ก่อนต้องอาศัยแรงผู้ชายกวน สมัยนี้ก็เปลี่ยนมาใช้เครื่องบดไฟฟ้า เพียงไม่นานถั่วก็ละเอียดร่วนอย่างที่ต้องการ ที่นี่เราใส่ใจกับขั้นตอนการปั้นมาก ลูกชุบทุกเม็ดปั้นด้วยมือทั้งหมด เป็นวิชาที่ได้ตกทอดมา กว่าจะได้แต่ละลูกต้องใช้เวลาพอสมควร ปั้นได้ทุกอย่าง ถ้าเป็นลูกชุบรูปผลไม้ขายกันมาตั้งแต่เม็ดละ 10 สลึง จนตอนนี้ขายเม็ดละ 4 บาท ถ้าเป็นรูปผักปั้นยากกว่า ขายเม็ดละ 6 บาท นอกจากนี้ก็ยังรับสั่งทำลูกชุบเป็นรูปอื่นๆ ตามออเดอร์ด้วย แต่จะให้ปั้นเป็นรูปขนาดใหญ่มาก คงไม่ได้ เพราะเนื้อถั่วจะหนักเกินไป”
    ความประณีตอย่างที่หม่อมสาธยายมาทั้งหมดเกี่ยวกับลูกชุบฝีมือตัวเอง คงไม่น่าแปลกใจนักที่ลูกชุบจากบ้านบุนนาคจะคว้ารางวัลชนะเลิศ ในงานเคหะสงเคราะห์ ณ สวนอัมพรเมื่อ พ.ศ. 2496 ซึ่งจัดขึ้นโดยการเคหะแห่งชาติ เคล็ดลับที่สามารถเอาชนะใจกรรมการได้ หม่อมบอกว่า เป็นเพราะ ลูกชุบของเราสวยใสเป็นเงา รสชาติดี ไม่หวานจัด รูปทรงเหมือนของจริงที่ย่อส่วนมา โดยเฉพาะเรื่องกลิ่นของขนม ถ้าเป็นลูกชุบที่มาจากบ้านนี้ของแท้ ต้องไม่อบควันเทียน เพราะกลิ่นควันเทียนที่ว่าหอม สำหรับบางคนอาฉุนจนไม่ชวนกินก็ได้
    นอกจากนี้ หม่อมผู้คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการกินของคนโบราณ ยังได้ฝากถึงคนรุ่นใหม่ด้วยว่า อาหารไทยแม้จะไม่แต่งตัวให้ดูโก้ อย่างเมนูจานด่วนแบบอาหารฝรั่ง แต่ทุกเมนูล้วนแต่ดีต่อสุขภาพ อย่างที่หม่อมเองก็นิยมทานผักน้ำพริกมาตลอด จนกลายเป็นหนึ่งในเมนูไทยๆ ที่อยู่เคียงข้างอายุที่ยืนยาวของหม่อมปริมมาจนทุกวันนี้

    หมายเหตุ : ใครสนใจอยากทานข้าวแช่-ลูกชุบฝีมือหม่อมปริม บุนนาค โทรสั่งได้ที่ 02-216-6467 ในราคาข้าวแช่ชุดละ 160 บาท


    [​IMG][​IMG] [​IMG]

    **ข้าวแช่บ้านประชาชื่น**
    ลึกเข้าไปในซอยประชาชื่น 33 เป็นที่รู้กันในหมู่คนรักข้าวแช่ว่าว่าใครที่นึกอยากกินข้าวแช่ตอนไหนก็ได้ ต้องแวะมากินที่ร้าน”บ้านประชาชื่น” ซึ่งจะมีข้าวแช่ขายตลอดทั้งปีโดยไม่ต้องรอให้ถึงหน้าร้อน คุณพร้อมศรี พิบูลย์สงคราม ในวัย 83 ปีแต่ยังดูคล่องแคล่วจะเป็นผู้ดูแลขั้นตอนการทำข้าวแช่ทั้งหมด
    คนส่วนมากคิดว่าข้าวแช่ร้านนี้เป็นสูตรของ "สนิทวงศ์” ซึ่งเป็นสกุลเดิมของคุณพร้อมศรีก่อนที่จะตกแต่งมาเป็นสะใภ้ใหญ่ของจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม แต่คุณพร้อมศรีออกตัวว่าเป็นเพียงข้าวแช่บ้าน ๆ ของตระกูล”วัชราภัย” ซึ่งเป็นญาติข้างคุณตาพระยาศรีสังกร (ตาบ)จารุรัตน์ อดีตประธานศาลฎีกาและคุณยาย(คุณหญิงตาบ วัชราภัย ศรีสังกร) ด้วยเหตุผลที่คุณพร้อมศรีบอกว่า “ตอนเด็ก ๆ ดิฉันไม่ได้อยู่ที่บ้านสนิทวงศ์ของคุณพ่อ แต่มาโตที่บ้านคุณตาคุณยายค่ะ”



    [​IMG] [​IMG][​IMG]

    ในเรื่องที่มาของสูตรข้าวแช่นั้น คุณพร้อมศรีเล่าให้ฟังว่าเนื่องเพราะครอบครัวฝ่ายคุณพ่อไม่ชอบทานข้าวแช่ แต่สำหรับตัวคุณพร้อมศรีแล้วชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ “ตั้งแต่จำความได้ทุกหน้าร้อนพอเริ่มเข้าเดือนกุมภาพันธ์เรื่อยไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ทางบ้านคุณตาจะทำข้าวแช่กันกิน คือไม่ใช่กินเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้น แต่คิดอยากจะกินตอนไหนก็ทำกินกันได้เลย”
    ความที่เป็นคุณหนูในครอบครัวใหญ่จึงไม่ต้องเข้าครัวแกะหอม-กระเทียมเพราะมีแม่ครัวคอยทำให้หมดทุกอย่าง แต่คุณพร้อมศรีก็ถูกเลี้ยงแบบกุลสตรีที่ต้องเรียนรู้เรื่องการเรือนการครัวเหมือนกัน ประกอบกับทั้งคุณตาและคุณยายเป็นคนชอบทานอาหาร ครัวบ้านนี้จึงมีฝีมือในการปรุงอาหารไม่น้อยหน้าที่อื่น ๆ
    ข้าวแช่ตำรับ”วัชราภัย”นั้นต้องมีเครื่องมากถึง 6 อย่างด้วยกัน คือลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้ พริกแห้งสอดไส้ หมูฝอย หัวไชโป๊ว ปลายี่สนหวาน โดยจะให้ความสำคัญกับเครื่องหลัก 3 อย่างคือ ลูกกะปิ พริกหยวกสอดไส้และที่ไม่เหมือนของใครคือพริกแห้งสอดไส้


    [​IMG][​IMG] [​IMG]

    “ลูกกะปิของที่นี่จะต้องมีกลิ่นกะปิกับกระชายโดดขึ้นมาจึงจะหอมอร่อย ลูกกะปินั้นจะใช้กะปิอย่างดี เนื้อปลาดุกย่าง หอม กระชาย หัวกะทิ มาเคี่ยวจนเหนียวเป็นทอฟฟี่ ปั้นเป็นลูกกลม ๆ แล้วชุบไข่ทอด”
    ส่วนพริกหยวกสอดไส้จะใช้ทั้งหมูและกุ้งสับรวมกับกระเทียม รากผักชี พริกไทย แล้วนมายัดไส้ในพริกหยวก จากนั้นจึงใช้ไข่มาโรยบนกระทะแห้งให้เป็นโสร่งเพื่อห่อพริกหยวกอีกชั้นหนึ่ง ถือเป็นความละเมียดในการทำอาหารไทยโบราณอย่างยิ่
    พริกแห้งสอดไส้ เป็นเครื่องข้าวแช่ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งคุณพร้อมศรีบอกว่าเห็นมาตั้งแต่เล็ก ๆ เช่นกัน วิธีการทำก็ไม่ยากเพียงเลือกพริกแห้งเม็ดใหญ่มาคว้านไส้ออก ผัดปลาช่อนแห้ง หอม กระเทียมและเครื่องอื่น ๆ ให้เข้ากันแล้วสอดแทนไส้พริก จากนั้นจึงนำไปทอดให้กรอบหอม
    สำหรับตัวข้าวนั้นจะต้องหุงเกือบสุก ซึ่งต้องใช้ความชำนาญอย่างยิ่ง จากนั้นจึงนำข้าวมาขัดบนกระชอนให้เม็ดข้าวสวย สูตรของคุณพร้อมศรีจะใช้น้ำสุกลอยดอกมะลิที่ปลูกเองอย่างเดียว ด้วยเหตุผลว่ากลิ่นมะลินุ่มนวลที่สุด
    บ้านประชาชื่นเปิดขายอาหารมา 3 ปีแล้ว โดยจะยืนเมนูหลักคือข้าวแช่ ซึ่งมีบริการลูกค้าในราคาชุดละ 200 บาท ร้านเปิดบริการตั้งแต่ 11.00 – 15.00 น. ส่วนใครที่อยากกินข้าวแช่เวลาไหนก็สามารถโทรบอกได้ทุกเมื่อเพราะเจ้าของร้านบอกว่าต้องการให้ทุกคนเวลากินข้าวแช่แล้วต้องนึกถึงร้านคุณพร้อมศรีเป็นอันดับแรก



    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]**ข้าวแช่วังเทวะเวสม์**
    ข้าวแช่ของวังเทวะเวสม์ก็เป็นอีกสำรับหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานเรื่องความอร่อย เนื่องเพราะเจ้าของวังเทวะเวสม์คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดี กระทรวงการต่างประเทศ ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ชื่อว่าเป็นนักชิมตัวยง
    คุณป้อม-หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ทายาทของวังแห่งนี้เป็นผู้ที่สืบทอดตำรับข้าวแช่ของวังเทวะเวสม์อย่างครบถ้วน โดยย้อนอดีตกลับไปในวัยเด็กที่ยังวิ่งเล่นอยู่ในวังนี้ก่อนที่จะถูกขายให้กับกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2493 ว่า
    “คุณย่า(ม.ร.ว.สอางค์ เทวกุล )ทำกับข้าวเก่ง และคุณแม่(ประเทือง เทวกุล ณ อยุธยา )ก็เป็นคนชอบทำอาหาร ป้อมจึงซึมซับความรู้เรื่องอาหารมาจาก 2 ท่าน”
    ธรรมเนียมการกินข้าวแช่ของวังเทวะเวสม์นั้นจะเริ่มในช่วงสงกรานต์เช่นกัน แต่เนื่องจาก “กับข้าว” ของข้าวแช่นั้นมีหลายอย่างและแต่ละอย่างทางวังจะต้องทำเองหมด ดังนั้นในครัวจึงต้องเริ่มเตรียมเครื่องตั้งแต่ย่างเข้าเดือนมกราคมทีเดียว


    [​IMG] [​IMG]

    “ สมัยก่อนพอเดือนมกราคม พวกเราจะต้องทำเนื้อตากแห้งแล้วนำมาฉีกฝอย ปลาช่อนก็ตากเองเหมือนกัน ทำไปเรื่อย ๆ จนถึงช่วงสงกรานต์ถึงจะกิน เพราะเครื่องเหล่านี้เป็นของแห้งที่เก็บไว้ได้”
    แม้จะเตรียมการมาหลายเดือนแล้ว แต่พอถึงวันสงกรานต์จริง ๆ ภายในครัวของวังเทวะเวสม์ก็เริ่มโกลาหลตั้งแต่เช้ามืด โดยมี “แม่ประยูร” ซึ่งเป็นแม่ครัวประจำวังคุมเด็ก ๆ ตื่นแต่เช้ามาหุงข้าว ขัดข้าวให้เป็นเม็ดสวยเพื่อเตรียมสำหรับทำข้าวแช่

    และกว่าจะมาเป็น”กับข้าว”ของข้าวแช่แต่ละอย่างที่หยิบเข้าไปแล้วอร่อยนั้น เบื้องหลังการทำช่างยากลำบากต้องอาศัยทั้งรสมือและความอดทนทีเดียว อย่างเช่นลูกกะปิสูตรวังนี้จะใช้เนื้อปลาดุกผัดกับเครื่องสมุนไพรสดและหัวกะทิ โดยต้องใช้แรงผู้ชายจึงจะกวนลูกกะปิกระทะใหญ่จนงวดแถมยังต้องผจญกับเครื่องในกระทะที่คอยกระเด็นใส่มือคนกวนอีกด้วย


    [​IMG][​IMG]

    จากนั้นยังต้องเติมความละเมียดในการทำเพิ่มไปอีก “ พอกะปิแข็งและเหนียวแล้ว ยังต้องนำมาปั้นให้ลูกกลมขนาดเท่าปลายนิ้วนางแล้วกดให้แบนลงหน่อย ขั้นตอนนี้เด็ก ๆ จะถูกเกณฑ์มาปั้นกันทุกคน พวกเราห่วงเล่นก็ปั้นลูกใหญ่ ๆ แต่พอผู้ใหญ่มาดูก็บอกว่าไม่ได้เลยต้องปั้นกันใหม่ จากลูกกะปิเล็ก ๆ ดำ ๆ ยังต้องนำมาชุบไข่ทอดเพื่อให้ดูสวยงามขึ้น “
    ข้าวแช่ตำรับวังเทวะเวสม์จะให้ความสำคัญแม้กระทั่งเรื่องการ ”อบน้ำ” ซึ่งเมื่อก่อนจะต้องต้มน้ำ 1 วัน ปล่อยให้น้ำเย็นสนิทอีก 1 วันแล้วค่อยนำมาอบน้ำลอยดอกมะลิอีก 1 วันจึงจะได้น้ำกลิ่นดอกมะลิที่หอมเย็นชื่นใจ
    ส่วนผักที่จัดเคียงคู่มากับข้าวแช่นั้นจะต้องแกะสลักมิใช่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่เป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่เป็นเคล็ดว่าจะต้องกินลูกกะปิกับกระชายที่แกะเป็นรูปดอกจำปี เมื่อ 2 รส 2 กลิ่นนี้มาพบกันกระชายก็ดับกลิ่นคาวของกะปิและปลาย่างกลายเป็นรสชาติของความกลมกล่อม
    “พอถึงวันที่ 13 เมษายน ลูกของคุณปู่คุณย่าจะมารวมตัวกัน เพื่อกินข้าวแช่ แล้วก็ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวมะม่วง แต่พอคุณปู่(พลตรีหม่อมเจ้า ปรีดิเทพยพงษ์ เทวกุล )สิ้นในวันที่ 11 พฤษภาคม ตอนนี้พวกเราจึงย้ายมากินข้าวแช่ในวันทำบุญคุณปู่”
    และทุกปีตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ไปจนถึง31 พฤษภาคม คุณป้อมจะต้องบรรจุสำรับข้าวแช่ตำรับวังเทวะเวสม์เป็นเมนูพิเศษของร้านเดวา บาย หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล สุขุมวิท 39 เพื่อหวังสืบทอดวัฒนธรรมข้าวแช่ให้คนรุ่นใหม่ได้สัมผัสถึงความละเมียดในการทำอาหารของคนไทยโบราณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 เมษายน 2009
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>5 วิธีสร้างสุข ฝ่าวิกฤติ
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000042325
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>15 เมษายน 2552 15:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แม้วิกฤติของประเทศกำลังคลี่คลายไปด้วยดี แต่ไม่ทว่ามวลความสุขของคนไทยยังคงไม่มีวี่แววจะเพิ่มขึ้น เพราะความเครียดที่มีอยู่เป็นทุนเดิมบวกกับความเซ็งจากคนรอบข้าง

    ทั้งนี้เราลองมาดูวิธีสร้างสุข หลีกหนีความเซ็ง และแก้เบื่อจาก หนังสือวิธีแก้เซ็ง โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ประเวศ วะสี กันค่ะว่ามีอะไรกันบ้าง

    1.ต้องสู้

    คนที่เป็นโรคเซ็งและโรคไม่มีความสุข บางทีมันเป็นมานานเสียจนจิตใต้สำนึกมันบอกว่าไม่หายๆ จนเกิดเป็นบุคลิกของคนเซ็งหรือคนทุกข์ขึ้นมา และฝังใจว่ามันแก้ไม่ได้ ไม่สนใจที่จะแก้ ปิดใจตัวเองจากการแสวงหาหรือปฏิบัติเพื่อการแก้ไข บางคนประสบความทุกข์อย่างรุนแรงจากความผิดหวัง สูญเสีย หรือพลัดพราก ทำให้รู้สึกว่าไม่สามารถทนต่อความทุกข์นั้นได้

    แต่ความจริงก็คือว่า ไม่มีอะไรที่มนุษย์ทนไม่ได้ และไม่มีทุกข์อะไรที่ทรงตัวอยู่โดยไม่เปลี่ยนแปลง เพราะความจริงแท้แน่นอนตามธรรมชาติของทุกสิ่งทุกอย่างก็คือ ความเป็นอนิจจัง นั่นคือ “สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเปลี่ยนแปลง” ไม่มีอะไรหยุดนิ่งอยู่กับที่ ทุกข์ก็เปลี่ยนเป็นไม่ทุกข์ได้ เซ็งก็เปลี่ยนเป็นไม่เซ็งได้ มีปัญหาก็เปลี่ยนเป็นไม่มีปัญหาได้

    ฉะนั้น คนเซ็งคนทุกข์จะต้องปลุกใจตัวเองทุกวันว่า สภาพของเราแก้ไขได้และจะต้องแก้ไขได้ วันหนึ่งเราจะต้องไม่เซ็งเหมือนอย่างนี้ วันหนึ่งเราจะต้องเปลี่ยนจากคนขี้ทุกข์เป็นคนมีความสุขได้ และเป็นไปได้จริงๆ แน่นอนและเป็นในชาตินี้ด้วย ไม่ต้องรอไปชาติหน้า

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=280 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=280>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ถ้าคุณประสบความผิดหวัง ความสูญเสีย หรือความพลัดพรากอย่างรุนแรง จนกระทั่งคิดว่า คุณจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้ คุณจะต้องมีสติและทราบว่า ความทุกข์อย่างแรงที่คุณประสบอยู่นั้นจะไม่ดำรงทรงอยู่เช่นนั้นแน่ นอน คุณจะกลับเป็นคนมีความสุขใหม่ คนอื่นๆ ทั้งที่ผ่านไปแล้วและที่จะมีมาก็ล้วนต้องประสบความผิดหวัง ความสูญเสีย หรือความพลัดพราก ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    มนุษย์มีการทำลายตัวเองทางใจ หรือทางนามธรรมอีกด้วย ได้แก่การมีจิตใจชนิดเป็นพิษเป็นภัยหรือจิตใจที่ทำลายตัวเอง จิตใจที่ทำลายตัวเองนั้นคือ จิตใจที่มีปมด้อย ดูถูกดูหมิ่น ไม่พอใจสภาพของตัวเอง ด้วยประการใดประการหนึ่งหรือหลายประการ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อน เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงาน และโดยเฉพาะในสังคมที่ชอบซุบซิบสนใจเปรียบเทียบในเรื่องคับแคบเหล่านี้ยิ่งกว่าคุณธรรมที่มีลักษณเปิดกว้าง ซึ่งเป็นลักษณะของสังคมไทย

    ความรู้สึกมีปมด้อย ดูถูกดูหมิ่น ไม่พอใจในสภาวะ หรือภาวะหรือภพของตนเองอย่างนั้นๆ จะเป็นบ่อนทำลายความสุขของตนเองอย่างรุนแรง เกิดความไม่พอใจ คับแค้น หรือแค้นใจ ที่ตนเองอยู่ในภวะ หรือภพ อย่างนั้นๆ จะทำอะไรไปก็ไม่พออกพอใจตนเอง มีแต่ความรู้สึกไม่พอใจดูถูกตนเองเป็นนิสัย

    ทั้งนี้ คุณจะต้องจำไว้และเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจริงแท้แน่นอนคุณสามารถจะเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณจากหน้ามือเป็นหลังมือ ประดุจหงายของที่คว่ำ ประดุจจุดเทียนในที่มืด เปลี่ยนจากชีวิตที่พร่องเป็นชีวิตที่เต็ม เปลี่ยนจากที่ชีวิตที่ไร้ความหมายเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา มีพลังแห่งการสร้างสรรค์และความสุข สลัดจิตใจที่ทำลายตัวคุณเองเสีย ลุกขึ้นมาเถิด ลุกขึ้นมายิ้ม ยิ้มกับโลก ยิ้มกับตัวคุณเอง

    คุณพร้อมแล้วที่จะต่อสู้ ต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะกับจิตใจที่ทำลายตัวคุณเอง ต่อสู้เพื่อความเป็นไท ต่อสู้เพื่อความหลุดพ้นจากบาปกรรมทั้งปวงที่ครอบงำชีวิตคุณอยู่

    2. แก้ทุกข์ด้วยการเจริญเมตตา

    ทุกคนเคยรู้ฤทธิ์เดชของความโกรธกันมาแล้ว ว่าเมื่อเวลาโกรธนั้นใจสั่น ตัวสั่น ตาโปน อยากทำร้ายผู้ที่เราโกรธ ทั้งทางกาย วาจา และใจ เพราะขณะที่โกรธจะขาดสติ ยั้งคิด จึงทำการที่เกินเลย ซึ่งตามปกติแล้วไม่ทำ

    บางคนถึงไม่ทำร้ายบุคคล ก็ทำลายข้าวของ เช่น ขว้างปาทุบข้างของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ขวางหน้า ทุกคนเคยหงุดหงิด รำคาญใจกันมาแล้วทั้งนั้น แต่บางทีไม่ทรายว่าจะจัดอารมณ์ประเภทนี้ไว้ในพวกไหน ความหงุดหงิดรำคาญใจ ก็คือความโกรธอย่างอ่อนๆ

    ความโกรธ ความหงุดหงิด ความรำคาญใจ เป็นข้าศึกของความสุข ขณะที่มีความรู้สึกอย่างนี้เข้าครอบงำจิตใจจะไม่มีความสุขเลย และที่ถึงกับตัวสั่น ใจสั่น เหงื่อออกนั้นเพราะมีการหลั่งสารที่เรียกว่า อะดรีนาลิน ออกมามาก เที่ยวกระตุ้นอวัยวะต่างๆ อย่างรุนแรง ทำให้ความดันสูง ร่างกายทรุดโทรมและแก่เร็ว

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=195 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=195>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> อย่างไรก็ดี การบำบัดความโกรธนั้นต้องอาศัยการบริหารจิตใจหลายวิธีด้วยกัน หรือแท้ที่จริงทุกๆ วิธีที่จะกล่าวถึง แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะความเมตตา

    พระท่านกล่าวว่า เมตตาเป็นข้าศึกของความโกรธ คือถ้ามีเมตตาก็ไม่โกรธ ถ้าโกรธก็แปลว่าไม่มีเมตตา ลองทดสอบความจริงข้อนี้ดูด้วยตนเองก็ได้ คนเรานั้นปกติจะมีความเมตตาตัวเองมากกว่าเมตตาผู้อื่น ฉะนั้นจึงโกรธผู้อื่นมากกว่าโกรธตัวเอง มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แทนที่จะโกรธ เกลียดขึ้นสมอง เมตตาเข้าไว้ก่อนว่า “อ้อ! เขาคงจะลำบาก หรือมีปัญหาอย่างนั้นๆ ขอให้จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด”

    เราควรหัดแผ่เมตตาต่อทั้งมนุษย์ สัตว์ พืช และสรรพสิ่งทั้งหลายไปทั่วสากลโลกเสมอๆ จนเมตตาขึ้นสมอง หรือเป็นอัตโนมัติ จะทำให้จิตใจเยือกเย็น มีความโกรธน้อยลง มีความสุขขึ้น

    3. เดิน และหายใจอย่างมีความสุข

    ปกติเวลาคุณเดิน หรือคุณหายใจ คุณไม่รู้ว่าคุณกำลังเดินหรือกำลังหายใจ เพราะคุณจะคิดไปในเรื่องอื่นๆ กระแสความคิดวิ่งวนอยู่ในสมองตลอดเวลา คิดฟุ้งซ่านไปในเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต หรือคิดวิตกกังวลไปในเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดในอนาคต แต่ไม่รู้ตัวอยู่กับปัจจุบัน ถ้าจิตเรารู้เฉพาะอยู่กับการก้าวเดินซ้าย ขวา ซ้าย ขวา เรียกว่าจิตรู้อยู่กับปัจจุบัน

    ขณะที่จิตรู้อยู่กับปัจจุบัน ก็จะไม่คิดฟุ้งซ่านไปในเรื่องอดีตหรือวิตกกังวลไปในเรื่องอนาคต การที่จิตรู้ อยู่กับปัจจุบัน ท่านเรียกว่า สติ ทดลองเดินแบบ มีสติรู้อยู่กับปัจจุบันเสียวันนี้เลย ซ้าย ยก ย่าง เหยียบ ขวา ยก ย่าง เหยียบ ให้จิตรู้อยู่ทุกอิริยาบทของการเดิน เมื่อเดินไปสุดทางเดินแล้วหยุดก็ให้รู้ว่าหยุด อาจบริกรรมในใจว่า “หยุดหนอๆๆ” เพื่อเตือนให้รู้ตัวว่ากำลังหยุด เมื่อขณะที่กำลังหันกลับ ก็รู้ตัวว่ากำลังหันกลับ อาจบริกรรมกำกับว่า “กลับหนอๆๆ” เมื่อกลับหันหลังมาแล้ว หยุดอยู่ชั่วครู่ ก็รู้ตัวว่าหยุด อาจบริกรรมว่า “หยุดหนอๆๆ” แล้วออกเดิน ซ้าย ยก ย่าง เหยียบ ขวา ยก ย่าง เหยียบ.. ให้จิตกำหนดรู้เฉพาะอิริยาบทของการเดิน การหยุด การกลับ หรือการเลี้ยว

    เมื่อทำใหม่ๆ อย่าแปลกใจ ถ้าพบว่ารู้ตัวอยู่เพียงก้าวสองก้าว จิตหลุดไปคิดเรื่องอื่นแล้ว บางทีคิคสะระตะต่างๆ นานาเป็นเวลานานกว่าจะรู้ตัวว่าจิตไม่อยู่กับปัจจุบันเสียแล้ว

    อย่างไรก็ตาม ท่านว่าจิตมันหลุกหลิกมาก เหมือนลูกลิง มันไม่เคยกับการที่จะให้อยู่กับที่ที่ปัจจุบัน มันคอยจะซอกแซกไปทางโน้นมาทางนี้ตลอดเวลา พอรู้ตัวว่าจิตเตลิดไปทางอื่น ก็จับมาใหม่ให้รู้อยู่กับอิริยาบถ ปัจจุบัน ซ้าย ขวา ซ้าย ขวา… ถ้าหลุดอีกก็จับมาใหม่อีก ๆๆ

    เมื่อเดินกำหนดไปเรื่อยๆ จิตจะค่อยๆ สงบเข้าๆๆ จนกระทั่งจิตรู้อยู่เฉพาะอิริยาบถปัจจุบันแห่งการก้าวเดิน ไม่วอกแวกไปทางไหน ท่านจะพบกับความสงบและความเบาสบายแห่งจิตอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน

    "หายใจออกยาวก็ให้รู้ว่าหายใจออกยาว ให้สติตามรู้ อยู่ที่ลมหายใจเข้าลมหายใจออก"

    เมื่อทำใหม่ๆ จิตจะหลุดไปคิดเรื่องอื่นๆ เหมือนกัน แต่เมื่อนึกได้ก็จะกลับมากำหนดรู้ใหม่ ขณะที่ตามลมหายใจให้รู้ตลอดนั้นเป็นการอยู่กับปัจจุบันจึงเรียกว่า สติ ขณะที่จิตเพ่งอยู่ที่จุดใดจุดเดียวนั้นเรียกว่าสมาธิ เริ่มด้วยสติ ลงท้ายด้วยสมาธิ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ขณะที่จิตสงบจะพบความสุขอย่างที่ท่านไม่เคยพบมาก่อน เป็นสภาพที่เบาสบายเพราะปราศจากเครื่องรบกวนใจที่เรียกว่า นิวรณ์ 5 อันได้แก่ กามฉันทะ พยาบาท ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ความง่วงเหงามึนซึม และความสงสัยลังเลใจ

    ซึ่งวัตถุประสงค์ของการฝึกสมาธิคือให้จิตสงบ ถ้ามันเกิดเห็นอะไรบ้างก็อย่าไปตื่นเต้นหรืองมงาย ในขณะนี้ฝึกขั้นต้นอย่างหยาบๆ ก่อน โดยการเดินอย่างมีสติ หายใจอย่างมีสติ ต้องตั้งใจจริง จึงจะฝึกได้ อุปสรรคที่สำคัญที่สุดคือความขี้เกียจ

    4. ปาฎิหาริย์แห่งการบริหารจิต

    การทำสมาธิหรือสมถกรรมฐานนั้นคือ การทำให้จิตใจสงบ เป็นของที่มีในทุกศาสนา และมีมาก่อนพุทธกาล ดังที่พระพุทธเจ้าไปเรียนกับอาฬารดาบสและอุทกดาบสจนได้ฌานสมาบัติ แต่ทรงพบว่าไม่ทำให้พ้นทุกข์ คือขณะที่ทำสมาธิก็ไม่มีทุกข์ แต่เมื่อออกจากสมาธิก็มีทุกข์อีก

    เพราะสมาธิทำให้สงบเงียบ ยังไม่เกิดปัญญา ปัญญาทำให้พ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง ตรงนี้เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ การเจริญให้เกิดปัญญาเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน

    5. ศิลปะการทำงานให้มีความสุข

    ถ้าใครทำงานไปแล้วทุกข์ไป เบื่อไป ก็เป็นชีวิตที่ขาดทุน ขอให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ฟุ้งซ่านไปในอดีต และวิตกกังวลไปใน อนาตค และชื่นชมกับผลสำเร็จของงานนั้นๆ ไม่ว่าผลสำเร็จนั้นจะเป็นอะไร เช่น พิมพ์หนังสือได้หนึ่งหน้า ตักน้ำได้ครึ่งตุ่ม ทำก๋วยเตี๋ยวเสร็จหนึ่งชาม ตัดผมให้ลูกค้าได้หนึ่งหัว ฯลฯ ล้วนเป็นความสำเร็จที่ควรชื่นชมยินดี หัดไว้มากๆ เข้า ไม่ว่าจะทำอะไรดูมันสุขไปหมด! เรียกว่าทุกๆ อณูที่มาสัมผัสกับเรา ล้วนกลายเป็นความสุขไปหมด! นี้แลเรียกว่า สุขนิยม หรือการมองในแง่ดี

    เมื่อเรามีสุขนิยมหรือการมองในแง่ดี เมื่อสัมผัสกับอะไรก็กลายเป็นดีไปหมด ถ้าเรามีทุกขนิยมหรือการมองในแง่ร้าย เมื่อสัมผัสกับอะไรก็กลายเป็นร้ายกลายเป็นซวยไปหมด

    คงจะดีไม่น้อย หากมวลความสุขของคนในครอบครัวมีเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อวานด้วยวิธีเหล่านี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ประโยชน์ของเห็ดหอม


    http://hilight.kapook.com/view/35911

    [​IMG]

    ประโยชน์ของเห็ดหอม (เดลินิวส์)

    ทราบหรือไม่ว่า เห็ดหอมมีประโยชน์มากมาย วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์ออนมีเรื่องนี้มาฝาก...​

    ประโยชน์ของเห็ดหอม คือ บำรุงสมอง เพิ่มความสดชื่น คึกคัก ลดคอเลสเตอรอล ช่วยในระบบย่อยอาหาร ป้องกันหลอดเลือดแดง แข็งตัว ต้านมะเร็ง รักษาหอบหืด ลดความเครียด ต้านไวรัส บำรุงระบบประสาท ช่วยให้หลับง่าย บำรุงปอด บำรุงหลอดลม ชะลอความชรา ฯลฯ

    ควรบำรุงสุขภาพด้วยการนำเห็ดหอมมาปรุงอาหารทุกๆ สัปดาห์เป็นประจำ โดยนำมาปรุงเป็นอาหารจานผัดๆ ต้มๆ แต่ไม่ควรรับประทานในปริมาณมากจนเกินไป

    รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีสุขภาพดี อย่าลืมหาเห็ดหอมมารับประทานกัน​




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สวัสดีตอนเช้าครับ

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><THEAD><TR><TD class=tcat colSpan=2>[​IMG] (View-All) เฉพาะคนที่เป็นสมาชิก ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว ในช่วงเวลา 180 วัน จำนวณ 326 คน (Set) </TD></TR></THEAD><TBODY id=collapseobj_thread_readers><TR><TD class=alt1 colSpan=2>-_-Sumate-_-, .sittiporn., 2zani, 5047, 9046, :::เพชร:::, a Boy, ackarapol, Addsakorn, adiosnkid, adis., ADSAMIN, ae_di_yae, ake7440, Akkra1978, Anurak_Pokun, ANUWART, ARAYAN, aries2947, กระดิ่งน้อย, กัมมสัทธา, กัลย์, กำธร นครปฐม, คนกรุงศรี, คนดีเมืองหาดใหญ, คนเมืองลุง, งูขาว, จารุรัส สุขใจ, จิตภาวนา, จิตสะอาดใจสงบ, ชวภณ ศ., ชัยพร เถาว์อั้น, ชาญกิจ, ชาตรี ช้างน้อย, ชาย2550, ชาลีดา, ด้วยคน, ตรีนิสิงเห, ตะวันออก, ตั้งจิต, ตั้งชื่อยากจัง, ทนันท์ธยาน์, ทรงกลด, ทรงกลด999, ท่านพงษ์, ธ.เธียรไท, ธรรมสถิต, ธัญญ์นิธิ, นักพรตเหมา, นัฐพงษ์, นาย บุญน้อย, นายธรรมนูญ, นายสติ, นิติชัย, น้าหมู, บอมม์, บัวบาน02, บัวรองพุทธบาท, ประเสริฐ, ปัญจ, ปาทะครูบา, ปู นครนายก, ผู้ป่วยทางจิตวิญญาณ, พรสว่าง_2008, พระกุลวัฒน์ธนะ, พระที่12, พระภูวดล, พระสันทัด, พระสุพิน, พิมพาภรณ์, พุทธศาสน์, พุทธันดร, พ้น, ภาณุกร, ภูวิชครับ, มหาวีโร, มะขามป้อม, มาโนช, มินมิน~*, มุทิตา2525, มูริญโญ่, รักจงเจริญ, รุทธรักษะ, ลัก...ยิ้ม, ลาดพร้าว, ลิงเมืองละโว้, ลูกปลาใหญ่, ลูกมะตูม, ลูกลพ.เขาสาริกา, ล่าวิญญาณ, วิมุติมรรค, ศ.รุ่งเรือง, ศิษย์นักพรตไป๋, ศิษย์ฤษีใหญ่, สกุลตลา, สันตุฎฐี, สายครูบา, สาวปีใหม่, สำรวจโลก, สีกาอร, ส้มฟัก, หงส์สุภี, หนึ่ง99999, หนูส้ม, หน้าใสใส, หม่อง, หัสดาพร, อดุลย์ เมธีกุล, อภิญญ์, อภิโรจโน, ีudomsak, เงินทองเต็มบ้าน, เฉลิมรัฐ, เชน, เทพารักษ์, เน๊มเนม, เปลี่ยนกรรม, เยี่ยมยงชัย, เล่งอ๋อง, เสียงตามสาย, เอ๋เชียงใหม่, แม่หมออ้อ, โดเรมอนมหาลาภ, โลกิยะ, โลกียธรรม, โสระ, ใกล้ธรรม, BaByUltraMan, bamby, banlue, Beer1469, beveramulet, bhuddameesuk, casper64, chai wong, chaiwat13, chakarin, channarong_wo, chansit, chantasakuldecha, chantima, Chatchaic, chattrg, chatwat_kan, cheingb, dekdelta2, dl3c1912, Doctor_P, doggy_demon, dragonlord, drmetta, eak35000, earthed, engporn, foundman, Ga_t, Gerard, gij, glassbuddha2009, gnip, guawn, hanada9, happyhub, hongsanart, hongsri7, ILoveBle, infinityboon, innovex, it.teelek, ixy, Jantip, jirautes, joni_buddhist, jpo, jsung, jukka, juksawat, jupiter13, justgolf, kamkling, kamlert_ch, kanpirom, karatekung, katicat, kato_king, keh, Kijpongchai, kokokp, kontee2449, kriengkripob, KRITA, ksriuta, kwok, ladycrying, lagunaram, lertde, littlelucky, Liverpat, love997, LungToy, m07, maeraka, Mahavate, manop123, marketer, MarkZilla, ming1627, mol, mongkonchai, moo noi, morinaka, Mr.Kim, Mrs.Kim, mssoda, Mungkud, myammyaa, naikaew, nanodent, narin96, NARONGTANYAKOOL, Na_mo_, neap123, newcomer, non901, nongnooo, nong_enter, num_mon, omkanez, ommplay, onimaru_u, originalpray, palm96, panandpuff, PatJudTang, pawidtra, peag, peang25, pea_man, peerapmo, peterpan2511, phoch, phon007, Phuhu, Pichet-m, pichetmaneerat, pjo2517, plamp256, ploeauer, poacmu, poh, pon98, pongtera24p, ppoonsuk, prawitlee, psombat, rabbit45, racha008, rangsan2508, rattiya, rawat873, Readome, Ream, redstar, Roj_56, r_alongkorn, sakmalai, saksiam, Satanina, sayank, sc431137, sekisan_y, setontan, Shinray01, sira, sithiphong, sitprogpo, sittiporn.s, sriaraya5, startrek1234, Stradale, sunglass, Sunny, sunny_sky, supornchai2525, suwat.su, Tackled, tanarerg.v, tatumabcd, tawatd, tg22070, thai_bbgun, theerasak, thepanom, thipataytung, thongdee1, tiger-king, TO-9198, to2504, TOEFL_iBT, Tum_is, Unique_Angel, Vilaiwanna, vinter, visutto, wangwang, wishbone, wkomson, XZODIA, yote5049, yukon.vi, zunwu </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

แชร์หน้านี้

Loading...