พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  2. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    <TABLE id=post1997201 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>sithiphong<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1997201", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2005
    ข้อความ: 29,950
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 108
    Groaned at 106 Times in 58 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 19,002
    ได้รับอนุโมทนา 196,266 ครั้ง ใน 24,602 โพส
    พลังการให้คะแนน: 14593 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1997201 class=alt1><!-- message --><!-- ads code --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 250x250, created 31/01/09 */google_ad_slot = "7252767143";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><IFRAME height=250 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&dt=1238066325484&lmt=1238066325&output=html&slotname=7252767143&correlator=1238066325484&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fshowthread.php%3Ft%3D22445%26page%3D1478&ea=0&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fshowthread.php%3Ft%3D22445%26page%3D1479&frm=0&ga_vid=758348348.1237959663&ga_sid=1238065835&ga_hid=1444519249&ga_fc=true&flash=10.0.22.87&u_h=800&u_w=1280&u_ah=770&u_aw=1280&u_cd=32&u_tz=420&u_his=3&u_java=true&dtd=16" frameBorder=0 width=250 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ตอนนี้ lord of the ring อยู่บนอากาศแน่เลยครับ นอนสูงด้วยเนี่ย เราทุกๆคนนอนบนพื้นดิน แต่lord of the ring นอนกลางอากาศ น่าอิจฉานะเนี่ย

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยครับ

    เอ่อ แต่อย่าพึ่งกรี๊ดสลบ รอองค์หินเขียวโขงก่อนครับ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE id=post1997245 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175>nongnooo<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1997245", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Nov 2006
    ข้อความ: 2,712
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 17
    Groaned at 4 Times in 3 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 14,527
    ได้รับอนุโมทนา 20,487 ครั้ง ใน 2,458 โพส
    พลังการให้คะแนน: 914 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]



    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1997245 class=alt1><!-- message -->อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทยครับ

    เอ่อ แต่อย่าพึ่งกรี๊ดสลบ รอองค์หินเขียวโขงก่อนครับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    เห็นน้องเค้าแจ้งผมว่าหลังจากที่เค้านิมนต์ มาที่บ้าน 1เดือน แล้วจะส่งมอบให้ผมต่อนะครับ ถ้าได้ยินไม่ผิดครับ หุ หุ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เอ ที่คุยกันไม่ใช่ คุณพี่น้องหนูจะไปหาพระมามอบเป็นของรับขวัญกลับไทยเหรอคะ อิอิ


    ตะลึงจริงๆคะ เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจสุดๆ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    มาไม่ทันเฉลยคะ ไม่งั้นจะตอบ แมลงสาปชนิดหนึ่ง
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เตือนรถติด เลี่ยง 5 งานใหญ่

    http://hilight.kapook.com/view/35224


    [​IMG]


    เตือนรถติด เลี่ยง 5 งานใหญ่ (ข่าวสด)

    วันที่ 25 มีนาคม พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผบช.น. เปิดเผยว่า เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบงานจราจร ระดับรองผบก. รองผกก. และสว.จร.ทุกสน.และบก.จร. โดยแจ้งให้ทุกสน.ทราบว่า ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-เมษายน จะมีการจัดงานใหญ่ในกทม.ถึง 5 งานคือ

    [​IMG] งาน otop festival in the city 2009 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 5 เมษายน ที่สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิลด์ มาบุญครอง สยามดิสคัฟเวอรี่ สยามเซ็นเตอร์ ดิ เอ็มโพเรียม อัมรินทร์พลาซ่า และสนามศุภชลาศัย ซึ่งวันอาทิตย์ที่ 29 มีนาคม จะมีการประกวดขบวนพาเหรดวัฒนธรรม 76 จังหวัด (18 กลุ่มจังหวัด) โดยมีรถเข้าร่วมขบวนจำนวนมาก ผู้เข้าร่วมขบวนกว่า 3,000 คน โดยใช้ถนนสุขุมวิทมายังสนามศุภฯ ซึ่งจะต้องใช้ช่องทางการจราจรขาเข้า 2 ช่องทางให้ขบวนพาเหรดเดินผ่านไปยังสนามศุภฯ เพื่อทำพิธีเปิดงานโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในเวลา 11.00 น.

    [​IMG] งานที่สองเป็นงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 37 เริ่มวันที่ 27 มีนาคม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีประชาชนไปเที่ยวหาซื้อหนังสือจำนวนมาก

    [​IMG] งานที่สามเป็นงานบางกอกมอเตอร์โชว์ วันที่ 26 มีนาคม ถึง 6 เมษายน ที่ไบเทค บางนา

    [​IMG] งานที่สี่คือ งานกาชาดประจำปี 2552 บริเวณลานพระราชวังดุสิต พระบรมรูปทรงม้าและสวนอัมพร วันที่ 30 มีนาคม ถึง 6 เมษายน

    [​IMG] และงานที่ห้าเป็นการจัดงานของทีวีช่อง 3 มหกรรมฟุตบอลฉลอง 39 ปี ทีวีรักษ์โลก ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 มีนาคม สนามราชมังคลากีฬาสถาน เป็นการแข่งฟุตบอลนัดพิเศษที่มีนักแสดงของช่อง 3 มาปะทะแข้งแข่งกัน อาทิ แจ๊บ เพ็ญเพ็ชร, เคน ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี, โฬม พัชฏะ, ตุ้ย เกียรติกมล, กิตติ สิงหาปัด ซึ่งงานนี้จะมีประชาชนที่สนใจดารานักร้องไปชมการแข่งขันจำนวนมาก


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ระวัง . . . อากาศร้อนทำให้ป่วย

    http://hilight.kapook.com/view/35225

    [​IMG]


    ระวัง . . . อากาศร้อนทำให้ป่วย (Lisa)

    อากาศร้อนจัด ร่างกายขาดน้ำ และความเครียดทำให้เป็นลมง่าย บางโรคอาจมีอาการมากขึ้น เช่น โรคไต โรคหัวใจ ไมเกรน หรือลมชัก

    ดาราสาว เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์ มีภาวะฮีตสโตรก (Heat Stroke) ถึงสองครั้งระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "The Kingdom" ทั้งนี้ ในช่วงอากาศร้อนจัดและร่างกายปรับตัวไม่ทันก็จะเกิดอาการเป็นลม หน้ามืดวิงเวียน ส่วนฮีตสโตรกมักเกิดกับฝรั่งมากกว่าคนไทย ดังนั้น นพ.อภิชัย พงศ์พัฒนานุรักษ์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท จึงได้ไขความกระจ่างเกี่ยวกับโรคที่เกิดขึ้นได้เมื่ออากาศร้อนจัดเพื่อที่เราจะได้เตรียมรับมือกันค่ะ​

    [​IMG]Q : อากาศร้อนจัดมีผลกับร่างกายเราอย่างไร

    A : ที่พบบ่อยคือ การเป็นลมอันเนื่องมาจากอุณหภูมิสูง ซึ่งเป็นอาการธรรมดาที่เราเห็นๆ กัน เช่น ยืนกลางแดดจ้าแล้วเป็นลม หรืออีกอาการหนึ่งที่มักพบในฝรั่งก็คือฮีตสโตรก ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่าลมแดด​

    [​IMG]Q : สัญญาณที่บอกว่าจะเป็นลมมีอาการอย่างไร

    A : เริ่มด้วยอาการหน้ามืด ตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียน และก็เป็นลม ตื่นขึ้นมาก็จำความได้ แขนขาไม่อ่อนแรงไม่มีอุจจาระหรือปัสสาวะราด นี่คืออาการเป็นลมทั่วๆ ไป ไม่มีอันตราย​

    [​IMG]Q : สาเหตุที่ทำให้เป็นลม

    A : เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายขาดน้ำอันเนื่องมาจากอากาศร้อน ร่างกายสูญเสียเหงื่อมาก แล้วมีสภาวะเครียดที่ไปกระตุ้นให้หัวใจต้องบีบตัวรุนแรงขึ้น มันก็จะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติบางอย่างในร่างกายเราส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัวทันที ก็เลยทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้เป็นลม หรือการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ กินไม่ได้ และมีเรื่องสะเทือนใจทันทีก็ทำให้เป็นลม หรืออยู่ในที่กลางแจ้งแล้วร่างกายขาดน้ำประกอบกับร่างกายเกิดความเครียดขึ้นมาก็ทำให้หัวใจบีบตัวแรง ก็เป็นลมได้เช่นกัน​

    [​IMG]Q : การเป็นลมมีอันตรายมากน้อยแค่ไหน

    A : การเป็นลมธรรมดาไม่อันตราย ยกเว้นแต่ว่าเป็นลมแล้วล้มหัวกระแทกพื้น อาจทำให้ศีรษะแตกหรือกระดูกคอแตกได้ คือเป็นลมแล้วเกิดอุบัติเหตุนั่นเอง​

    [​IMG]Q : เราจะป้องกันอุบัติเหตุจากการเป็นลมได้อย่างไร

    A : อาการนำของการเป็นลมก็คือ จะรู้สึกคลื่นไส้ตามมาด้วยตาพร่ามัว หากมีอาการดังกล่าวก็ให้ทรุดตัวลงนั่งทันที และหากอาการตาพร่ามัวยังไม่ดีขึ้นก็ให้นอนราบกับพื้นประมาณ 10-15 นาที ถ้าเป็นไปได้ควรให้คนพยุงไปในที่ร่ม หรือถ้ายังไม่หมดสติก็พยายามดื่มน้ำให้มาก อาการจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว​

    [​IMG]Q : แล้วภาวะฮีตสโตรกเกิดขึ้นได้อย่างไร

    A : เกิดจากภาวะอุณหภูมิในร่างกายสูงมากเกินไปและทำให้อุณหภูมิที่วัดจากปรอทสูงไปด้วย ซึ่งไม่ใช่อาการเป็นไข้ แต่มันเป็นภาวะที่ร่างกายเสียสมดุลอันเนื่องมาจากอุณหภูมิภายนอกสูงเกินไป แล้วร่างกายปรับตัวไม่ทัน คนไทยมักไม่เกิดภาวะฮีตสโตรกเพราะเราอยู่ในเขตร้อน ร่างกายชินกับอากาศร้อนและเรามีต่อมเหงื่อที่พัฒนาสำหรับอากาศแบบนี้โดยการระบายความร้อนได้ทันที แต่ฝรั่งที่ไม่คุ้นชินกับอากาศร้อนๆ เพราะอยู่ในประเทศที่มีอากาศหนาวและมีต่อมเหงื่อน้อยกว่า เมื่อมาอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนก็ส่งผลให้ร่างกายระบายความร้อนไม่ทัน ทำให้กล้ามเนื้อตาย ของเสียที่เกิดจากการตายของกล้ามเนื้อเป็นอันตรายกับไต จะทำให้ปัสสาวะเป็นเลือดทำให้เสียเลือดและไตวายฉับพลัน ความดันโลหิตตก อาจมีอาการชัก นอกจากนี้ ของเสียที่เกิดขึ้นก็จะทำให้คนไข้หมดสตินาน เข้าขั้นโคม่า ทำให้เสียชีวิตได้​

    [​IMG]Q : คนที่มีโรคประจำตัวประเภทไตต้องระวังในหน้าร้อน

    A : ที่พบบ่อยคือ โรคปวดหัวไมเกรน คือไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะอันเนื่องมาจากหลอดเลือดที่สมองขยายตัวมากกว่าปกติ เมื่ออากาศร้อนจะทำให้หลอดเลือดขยายตัวก็จะปวดศีรษะมากขึ้น นอกจากนี้ก็มีโรคลมชัก คือถ้าร่างกายไม่สบายมาก รวมทั้งอยู่ในที่ที่อุณหภูมิสูงมากๆ จะทำให้คนไข้ชักได้ หรือผู้ที่มีภาวะไตวายอยู่แล้ว นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายสูญเสียน้ำมาก ส่งผลให้ปริมาณของน้ำในเลือดลดลง เลือดไปเลี้ยงไตลดลง ส่งผลให้การทำงานของไตแย่ลงไปด้วย จึงต้องดื่มน้ำให้มากๆ ในหน้าร้อน​

    [​IMG]Q : ผู้ที่เป็นโรคไตวายสามารถดื่มน้ำได้มากหรือเปล่า

    A : ไตวายมีสองชนิด คือไตวายที่ปัสสาวะออกกับไตวายที่ปัสสาวะออกไม่ได้ คือถ้าเป็นไตวายที่ปัสสาวะออกไม่ได้แล้วต้องล้างไตด้วย ห้ามดื่มน้ำมาก แต่ในกลุ่มที่เป็นภาวะไตวายแบบที่มีปัสสาวะออกดีอยู่ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอในหน้าร้อน​

    [​IMG]Q : อากาศร้อนมากจะมีผลกระทบกับคนไข้โรคหัวใจมั้ยคะ

    A : ในกรณีของผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ถ้ามีการสูญเสียเหงื่อจะทำให้มีน้ำท่วมปอดน้อยลงซึ่งเป็นผลดี แต่ผลเสียก็คือ อากาศร้อนๆ อาจไปกระตุ้นให้ร่างกายอ่อนเพลียแล้วทำให้เป็นลมง่าย เมื่อเป็นลมก็ทำให้ความดันตกส่งผลให้เส้นเลือดตีบและมีอาการแย่ลงได้ ผู้ป่วยโรคหัวใจควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอากาศร้อนจัด​

    [​IMG]Q : แล้วอากาศร้อนทำให้คนเป็นตะคริวได้ง่ายมั้ย

    A : คนที่เป็นตะคริวมี 3 สาเหตุหลัก คือ มีโพแทสเซียมในเลือดต่ำ มีฮอร์โมนธัยรอยด์ต่ำ และมีการกดทับของเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมัดนั้นๆ โดยส่วนมากแล้วมักเกิดจากการมีโพแทสเซียมต่ำ หรือเกิดจากการสูญเสียเกลือแร่ในร่างกาย เช่น ท้องเสียมาก เสียเหงื่อมากเกินไป ก็จะเป็นตะคริวได้บ่อยขึ้นในช่วงหน้าร้อน​

    [​IMG]Q : คนวัยใดต้องระวังเรื่องสุขภาพในหน้าร้อนเป็นพิเศษ

    A : แน่นอนว่าต้องเป็นคนชรา เพราะระบบไม่เหมือนคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะคนชราที่มีปัญหาของสมอง เช่น โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคอัลไซเมอร์ หลอดเลือดในสมองตีบ คนกลุ่มนี้จะพูดบอกกับเราได้ไม่ตรงตามความต้องการ เมื่ออากาศร้อนมากเราก็ต้องดูแลคนชรากลุ่มนี้เป็นพิเศษ เช่น ให้บ้านมีที่ระบายลมออกได้เพียงพอ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องเป่าพัดลมเพื่อให้อากาศหมุนเวียน โดยไม่ต้องเป่าพัดลมไปที่คนไข้ หรือถ้ามีแอร์ควบคุมอุณหภูมิได้ก็จะดี คือคนที่เป็นโรคชราและเป็นโรคสมองด้วย เขาจะบอกเราไม่ได้ ฉะนั้น เราก็ต้องจัดเตรียมสถานที่ให้เหมาะสมในฤดูร้อน​

    [​IMG]Q : แล้วการออกกำลังกายในหน้าร้อนต้องระวังอย่างไร

    A : การออกกำลังกายในช่วงอุณหภูมิสูงก็มีโอกาสเป็นลมง่ายขึ้น ควรออกกำลังกายในยิมจะดีกว่าเพราะจะทำให้เราทนต่อการออกกำลังกายได้มากขึ้น หรือออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก็ได้ และควรพกน้ำแร่ไปดื่มเพื่อชดเชยกับการสูญเสียเหงื่อด้วย​

    ข้อควรรู้ อากาศร้อน . . . ดูแลตัวเองอย่างไรดี

    การป้องกันไมเกรนกำเริบในหน้าร้อนก็คือหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการไมเกรนมากในช่วงหน้าร้อนก็ควรกินยาป้องกันเสียก่อน

    อากาศร้อนจัด ควรดื่มน้ำให้เพียงพอวันละประมาณ 2-3 ลิตร อาจเป็นน้ำเปล่า น้ำแร่ ชาสมุนไพร หรือน้ำผลไม้ผสมน้ำ แต่ไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัดเพราะจะทำให้เหงื่อออกมากขึ้น นอกจากนี้ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ในหน้าร้อนเพราะจะทำให้ร่ายกายสูญเสียน้ำมากยิ่งขึ้น และการที่ร่างกายขับเหงื่อออกไปมากก็มีแร่ธาตุต่างๆ ปนออกไปกับเหงื่อด้วย​

    รังสียูวีปริมาณสูงในหน้าร้อนจะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอลง ซึ่งจะทำให้เป็นโรคติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นจึงไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าชื้นเหงื่อเป็นเวลานาน ส่วนผู้ที่ออกกำลังกายก็ควรผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อหรือเชื้อราที่เกิดขึ้นได้ในที่อับชื้น​

    ข้อแนะนำจาก นพ.อภิชัย พงศ์พัฒนานุรักษ์

    อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปก็มีผลต่อสุขภาพโดยรวม อะไรก็ตามที่ไม่เหมาะสมหรือมีอาการมากๆ ก็ทำให้ร่างกายเสียสมดุลได้ เรื่องการออกกำลังกายควรออกกำลังในยิมที่มีอุณหภูมิเหมาะสมก็น่าจะดีกว่า แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็ออกกำลังกายในที่ที่แดดไม่จัดและพกน้ำไปด้วย ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็ควรใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น โดยการรับประทานผักและผลไม้ให้มากเพื่อเติมวิตามินและเกลือแร่ให้แก่ร่างกายในการต่อสู้กับอนุมูลอิสระ​

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    ประจำวันพุธที่ 4 เดือนมีนาคม 2552
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก pirun.ku.ac.th
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    3 วิธีรับเช็คช่วยชาติ
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02edi02260352&day=2009-03-26&sectionid=0212


    การแจกจ่ายเช็คช่วยชาติ 2,000 บาทให้กับผู้ประกันตน เริ่มดำเนินการวันที่ 26 มี.ค.-8 เมษายน 2552 โดยสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ดำเนินการจ่าย 3 รูปแบบ คือ 1.จ่ายให้กับสถานประกอบการจำนวน 7,500 แห่ง มีผู้ประกันตน 2,361,300 คน

    2.จ่าย ณ ที่ว่าการอำเภอ 800 แห่ง มีผู้ประกันตน 1,071,600 คน

    3.จ่าย ณ สำนักงานประกันสังคมพื้นที่และสำนักงานประกันสังคมจังหวัด รวมถึงศูนย์การค้า มีผู้ประกันตน 2,700,000 คน โดย สปส. เปิดบริการจ่ายเช็คให้กับผู้ประกันตนนอกเวลาราชการในวันเสาร์-อาทิตย์

    สำหรับวันจันทร์-ศุกร์ สปส.ขยายเวลาทำการในการรับเช็คถึงเวลา 20.00 น. โดยกระทรวงแรงงานจะมีการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 60 ชุด เพื่อจัดส่งเช็คให้ถึงมือผู้ประกันตนตามที่ร้องขอ เบื้องต้นต้องเป็นสถานประกอบการที่มีผู้มีสิทธิรับเช็คจำนวน 200 คนขึ้นไป สามารถแจ้งความจำนงได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2526-1959

    หลังได้รับเช็ค สามารถใช้เช็ค นำไปใช้จ่ายกับห้างร้านที่ร่วมโครงการได้เหมือนเงินสด แต่หากต้องการแลกเช็คเป็นเงินสด ให้นำไปขึ้นเงินได้กับธนาคารทุกแห่งที่ตนมีบัญชี ซึ่งกระบวนการนี้จะล่าช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะรายที่ไม่มีบัญชีกับธนาคารกรุงเทพ ที่อาจต้องใช้เวลาประมาณ 5 วันจึงจะถอนเงินได้ แต่หากขึ้นเงินกับธนาคารกรุงเทพจะสามารถถอนเงินได้ในวันถัดจากวันขึ้นเงิน

    อย่างไรก็ตาม เพื่ออำนวยความสะดวก ธนาคารกรุงเทพจะตั้งโต๊ะเป็นจุดรับเช็คและจ่ายเป็นเงินสด 2,000 บาทให้แก่ประชาชนในพื้นที่ที่ทางการแจกเช็ค

    ส่วนวิธีสังเกตเช็คปลอม มีจุดสำคัญให้สังเกต 3 จุด จุดแรกที่มุมบนด้านซ้านจะมีคำว่า "เช็คช่วยชาติ ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก" พิมพ์ 3 สี คือ น้ำเงิน ดำ และแดง ด้วยอักษรนูน จุดที่ 2 คือตัว B หน้าจำนวนเงิน 2,000 บาท หากมองตรงจะเป็น 2 สี คือ ทองและน้ำตาล หากเอียงจะเปลี่ยนสีเป็นสีใดสีหนึ่ง คล้ายธนบัตรใบละ 1,000 บาท และจุดที่ 3 จุดซ่อนสำหรับไฟแบล็กไลต์ เมื่อใช้ไฟส่องดูจะเห็นโครงร่างเป็นรูปดอกบัวพิมพ์ด้วยหมึกเรืองแสง
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เทคนิคเก่งอังกฤษ
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Columnid=71632&NewsType=2&Template=1

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>
    [​IMG]
    ใครที่มีปัญหาฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาอังกฤษ เชิญทางนี้ 'Edutainment Zone' มีเทคนิคเพิ่มทักษะด้านต่าง ๆ มาฝาก เรียนรู้ด้วยตัวเองง่าย ๆ จากสิ่งรอบตัวในชีวิตประจำวัน
    ขยันอ่าน ไม่ว่าจะเป็นบทความต่าง ๆ จากหนังสือหรือนิตยสาร อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้คุ้นเคยกับคำศัพท์และรูปประโยค ในช่วงแรกอาจหาแรงจูงใจในการอ่านจากหนังสือที่ชอบหรือสนใจ เช่น หนังสือการ์ตูนชื่อดังหลายเล่ม ที่ปัจจุบันมีเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษแบบง่าย
    ใช้ดิกชันนารีเป็นประจำ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการฝึกภาษาอังกฤษ ถ้าจะให้ดีควรใช้ดิกชันนารีภาษาอังกฤษเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความเข้าใจ ความคุ้นเคยกับคำศัพท์ และได้เห็นตัวอย่างการเรียบเรียงประโยค
    เรียนภาษาอังกฤษจากเกม เพลง และหนัง อาทิ เกมปริศนาอักษรไขว้ เกมเติมคำศัพท์ต่าง ๆ ที่ปัจจุบันมีรูปแบบหลากหลายน่าสนใจ นอกจากจะได้ความเพลิดเพลินแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้นึกหาคำศัพท์ ส่วนใครเป็นคอหนัง ควรเน้นดูหนังต่างประเทศเยอะ ๆ หากใครรักเสียงเพลงสามารถใช้ความชอบให้เป็นประโยชน์โดยการฟังเพื่อฝึกทักษะด้านสำเนียงการออกเสียง และปิดท้ายด้วยการหาความหมายของศัพท์ในบทเพลงด้วย
    หมั่นทบทวนและหาโอกาสใช้ภาษาอังกฤษ เริ่มจากจดบันทึกศัพท์หรือประโยคใหม่ ๆ ไว้ท่องจำ นอกจากนี้ ควรหาโอกาสสนทนากับคนพูดภาษาอังกฤษ ที่สำคัญอย่าอายที่จะพูด เพราะการเรียนจากตำราอย่างเดียวไม่พอ ต้องขยันหาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ
    ‘เทคนิคเก่งอังกฤษ’ นั้น แท้จริงแล้วไม่อยาก แต่ต้องอาศัยความต่อเนื่องในการเรียนรู้ ดังนั้น ต้องสร้างวินัยให้ตัวเองด้วย.
    ‘รัตติกาล’
    rattikarnt@dailynews.co.th
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. พุทธันดร

    พุทธันดร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    565
    ค่าพลัง:
    +3,969
    ไปคลิกแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ไปร่วมด้วยช่วยกันอีก 1 แรงแล้ว...
     
  12. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524

    ขอบคุณค่ะ ขาดอีกแสนกว่าคลิ๊ก จะทันไหมคะนี่
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อานิสงส์ของศีล
    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=21293
    โพสโดย ลูกโป่ง


    ครูบาศรีวิชัยท่านตอบเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2474 ว่า...

    พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ไว้ว่า
    ศาสนาจะตั้งอยู่ได้ก็เพราะพระมหากษัตริย์เป็นพุทธศาสนูปถัมภ์
    ท่านจึงได้ฝากศาสนาไว้กับพระมหากษัตริย์
    ถ้าพระมหากษัตริย์และเจ้าเมือง พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ราษฎรทั้งหลาย
    พากันไปรักษาศีล 5 และทำบุญใส่บาตร
    ฟังธรรมที่วัดทุกวันศีลเป็นลำดับไปแล้ว
    ก็จักได้อานิสงส์ คือ ความสุข ในปัจจุบันทันตา ดังจักกล่าวต่อไป

    1. เมื่อนอนหลับก็เป็นสุข

    2. เมื่อตื่นก็เป็นสุข

    3. เมื่อฝันก็ฝันดีไม่ร้าย

    4. มีชื่อเสียงเล่าลือไปทั่วทิศานุทิศว่าเป็นผู้มีเมตตาจิต ใจเป็นศีลใจบุญ

    5. เป็นที่รักแก่คนและเทวดาทั้งหลาย

    6. แม้นจักบ่ายหน้าไปสู่ทิศใด เทวดาตามรักษา บันดาลให้มีผู้อุปถัมภ์มิให้ลำบาก

    7. แม้นเข้าในที่ประชุมชนหมู่ใด ก็เป็นผู้มีความกล้าหาญองอาจในการเจรจา

    8. ไม่มีศัตรูคิดอาฆาตทำร้ายได้

    9. ไม่มีความสะดุ้งตกใจกลัวต่อภัยอันตรายสิ่งใด

    10. เป็นผู้ปราศจากทุกข์ ไม่มีคดีถ้อยคำเกิดขึ้นเลย

    11.เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ มีหน้าตาเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ทุกเมื่อ

    12. ไม่มีความเศร้าโศกเสียใจและมีอายุยืน

    13. มีปีติเอิบอิ่มอยู่ในใจว่า ได้ทำความดีไว้เป็นที่พึ่งแก่ตัวแล้ว

    14. เป็นผู้ที่ทำใจให้บริสุทธิ์ คือเป็นเทวดา หับ (ปิด) ประตูอบายไว้แล้ว

    15. ยามเมื่อจะตาย ก็มีสติดี ไม่มีความสะดุ้งตกใจเลย
    อันนี้เป็นอานิสงส์เฉพาะตัวอานิสงส์ ส่วนประเทศบ้านเมืองได้รับต่อไปอีกด้วยดังนี้

    16. ประชาชนพลเมืองทั้งหลายก็ได้เป็นสามัคคีกลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

    17. พวกอันธพาลสันดานหยาบ เห็นหมู่ประชาชนทั้งหลายเป็นผู้ใจศีลใจบุญ
    ไม่มีใครคนค้าสมาคมด้วย คิดละอายขวยเขินขึ้นในใจ
    ไม่อาจจะเป็นพาลต่อไป ก็จักกลับใจเป็นพลเมืองดี มีศีลธรรมต่อไป

    18. ความก้าวร้าวเบียดเบียนกันก็ไม่มี

    19. โจรผู้ร้ายก็สงบ

    20. ฝนตกชอบตามฤดูกาล

    21. พืชข้าวกล้าก็งอกงามบริบูรณ์

    22. ปราศจากภัยพิบัติ คือ น้ำไม่ท่วม ไฟก็ไม่ไหม้ โรคห่าทั้งหลายก็ไม่มี

    23. พลเมืองทั้งหลายก็มีความสุขสบาย

    24. เมื่อประเทศบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขแล้ว นานาชาติก็ไม่มาราวีรบกวนได้

    25. พระมหากษัตริย์และเจ้านาย ผู้ปกครองประเทศบ้านเมืองก็มีความสุขสบาย.....

    การปฏิบัติรักษาศีล 5 อันเป็นบันไดขั้นต่ำ เบื้องต้นของพระพุทธศาสนา
    มีอานิสงส์ให้ได้รับความสุขในปัจจุบัน ประจักษ์แจ้งแก่ตาดังนี้

    ครั้นตายแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดบนสวรรค์
    ครั้นจุติจากสวรรค์ก็ได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ มีรูปอันงาม
    มีปัญญาเฉลียวฉลาด มีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุยืน
    มีเมียมีลูกมีหลาน ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่มีศัตรูเบียดเบียนได้
    และเป็นปัจจัยให้มีความสุขไปตราบถึงพระนิพพาน

    ผู้ที่รักษาศีล 8 ได้ ก็ได้รับความสุขในปัจจุบันมากกว่าศีลข้อ 5 ขึ้นไปอีก
    คือ ไปนอนอยู่ที่วัด เป็นกายวิเวก จิตวิเวก สงบอารมณ์
    ปราศจากความพยาบาท จองเวร ถีนมิทธะ ปราศจากความง่วงเหงาหาวนอน
    อุทธัจจะ ปราศจากความฟุ้งซ่านรำคาญใจ ไม่มีสิ่งใดมารบกวน
    วิจิกิจฉา ปราศจากความสงสัยในพระธรรมคำสั่งสอนแล้ว
    คือ ไปอบรมทำใจให้บริสุทธิ์แยบคายเสมอดั่งพรหม
    ครั้นว่าตายก็ได้ขึ้นไปเกิดบนชั้นพรหม มีความสุขและอายุยืนยิ่งกว่าชั้นสวรรค์
    ครั้นจุติก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลสูง มีรูปโฉมอันเงางาม
    มีปัญญาเฉลียวฉลาด อายุยืน มียศ มีบริวาร มีอำนาจมาก

    มนุษย์ผู้ใดถือศีล 5 ได้มั่นเที่ยงแล้ว
    ผู้นั้นได้เป็นอุบาสก อุบาสิกาในพุทธศาสนา
    เป็นผู้มีปัญญา เกิดมามิเสียชาติ เป็นผู้ฉลาดนำความสุข มาใส่ตัว
    ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งมวล
    แก้วมณีโชติของพระยาจักพรรดิ์ ผู้เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ทั้งปวง
    และเครื่องของขัตติยนารีทั้งหลาย มีแก้วแหวนเงิน (ทอง) คำ เป็นต้น
    เป็นของบำรุงตัณหากามคุณ เหมือนดั่งน้ำผึ้งแช่ยาพิษ
    สำหรับนำความทุกข์มาใส่ตัว โดยไม่มีประโยชน์สิ่งใดเลย
    น้ำแม่คงคา ยมมุนา อจิรวดี มหิ มหาสรภู ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ทั้ง 5 แม่น้ำ
    แม้นจักเอามาอาบให้หมดสิ้นทั้ง 5 แม่นี้ ก็ไม่อาจจะล้างบาป
    คือ ความเดือดร้อนภายในให้หายได้ และฝนลูกเห็บ
    แม้นจะตกมาร้อยห่าให้เย็นและหนาวสักปานใดก็ดี
    ก็ไม่อาจจะเย็นเข้าไปถึงภายในให้หายความทุกขเวทนาได้.....

    ศีล 5 เป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นของความบริสุทธิ์ เป็นน้ำทิพย์สำหรับล้างบาป
    คือความเดือดร้อนภายในให้หายได้ เป็นบันไดแก้ว
    สำหรับก่ายขึ้นไปอยู่สวรรค์ สมดั่งพระบาลีว่า

    "สีเลนะ สุคติงยันติ"....ศีลให้เป็นที่จำเริญไปด้วยความสุข...

    "สีเลนะ โภคะสัมปทา"....ศีลให้เป็นที่จำเริญไปด้วยโภคทรัพย์ทั้งมวล

    "สีเลนะ นิพพุติงยันติ"...ศีลทำประโยชน์ให้มีความสุขไปตราบถึงนิพพาน
    อันเป็นความสุขอย่างยิ่งได้แท้จริง.....

    "ตัสสมา สีลัง วิโสทะเย"....เหตุนั้นศีลเป็นของดีวิเศษยิ่งนัก หาอันใดจักเปรียบไม่ได้

    สมดั่งพุทธภาษิตว่า..."อัพพยา ปัชชัง สุขัง โลเก"....
    ความไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เป็นความสุขในโลก....

    พระธรรมคำสั่งสอนคือ ศีล 5 เป็นธงไชยเฉลิมโลก
    ถ้ามนุษย์ทั้งหลายพากันถือศีล 5 ได้ทั้งโลก มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
    ซึ่งมีในโลกก็มีความสุข ธรรมก็มีความจำเริญ
    โลกกับธรรมถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน......

    ดังนี้แล้ว แผ่นดินโลกก็จักได้กลายเป็นแผ่นดินเมืองสวรรค์ (แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง)
    น้ำตาของมนุษย์อันเป็นทะเลนองท่วมโลกมาแล้วแต่ก่อน ก็จักเหือดแห้งหายไป
    สมดั่งภาษิตว่า ให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    ประเทศบ้านเมืองจะมีความสุข ความจำเริญ

    อันความรักชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์
    ก็คือผู้ที่มั่นอยู่ในศีล 5 นี้แล ถ้าผู้ไม่มีศีล 5 กับตนแล้ว
    ก็แปลว่า เป็นผู้ล้มชาติ ขุดขุมฝังตัวไว้ในชาตินี้เสียแล้ว จะไปติโทษผู้ใด

    ปุถุชนทั้งหลาย อย่าได้สงสัยว่า พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว
    จะบำเพ็ญอย่างใด ก็ไม่ได้ถึงมรรคผลและนิพพานนั้น
    ความจริงพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว จึงได้เป็นพระพุทธเจ้า
    เมื่อท่านถึงนิพพานไปแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมคำสั่งสอน
    ก็ได้เป็นอรหันต์ ได้ถึงนิพพานเหมือนกัน

    ถ้าผู้ใดเล็งเห็นว่า พระธรรมคำสั่งสอนเป็นความจริงบริสุทธิ์
    ผู้นั้นย่อมเล็งเห็นพระพุทธเจ้าได้ทุกเมื่อ
    แม้นว่าท่านยังทรมานอยู่ก็ดี ผู้ใดมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องธรรม
    ก็ไม่อาจจะพ้นจากทุกข์ได้

    ข้อปฏิบัติที่จะให้พ้นทุกข์ได้ ก็คือ รักษาศีลบริสุทธิ์เสียก่อน ความตั้งมั่นก็จะมีขึ้น

    เพราะฉะนั้น ปุถุชนทั้งหลาย ผู้แสวงหาความสุขใส่ตัว
    จงพากันรักษาศีลให้บริสุทธิ์เถิด
    เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว สมาธิความตั้งมั่นก็จักเกิดมีมาแล้ว
    ให้ปลูกปัญญาๆ ก็หากจักเกิดมีขึ้น ให้หมั่นระลึกถึงตนอยู่บ่อยๆ ว่ามิใช่ตัวตน
    เป็นธาตุทั้ง 4 ขันธ์ 5 ทั้งอาการ 32 โสโครก
    เป็นตัวทุกข์ตัวแก่ ตัวเจ็บ ตัวตาย มิใช่ตัวอันจักตามไปในโลกหน้า
    ให้เห็นแจ้งด้วยปัญญาของตนเองแน่นอนลงไปแล้ว
    จึงเป็นสมุจเฉทปหาน กิเลสหมดแล้ว
    จักเป็นวิมุติ หลุดพ้นจากความทุกข์ได้เป็นอรหันต์จริง

    อเสวนา จ พาลานํ สภาวะอันได้รู้จักพาลภายใน คือ โลภ โกรธ หลง
    ซึ่งเป็นต้นแห่งความทุกข์แล้ว ไม่ได้ซ่อมเสพคบหากับมันก็ดี
    บัณฑิตา นัญจะ เสวนา สภาวะอันไปเสพไปคบหากับบัณฑิตนักปราชญ์
    คือ ให้ฟังธรรม คำสั่งสอนแห่งพระพุทธเจ้า
    จนได้รู้จักพาลภายในอันเป็นต้นเหตุแห่งบาปก็ดี
    ปูชา จ ปูชนิยานํ กิริยาอันได้ไหว้และบูชายังพระพุทธเจ้าก็ดี
    เอตํติวิทะ กัมมํ อันว่ากรรม 3 ประการนี้ มังคละ ก็ป็นมงคล อุตตะมํ อันอุดมดี

    ความดังกล่าวมานี้....
    พระพุทธเจ้าไปบำเพ็ญสร้างบารมีมาได้ 4 อสงไขยหลายแสนมหากัปป์
    จึงได้ตรัสรู้ธรรมวิเศษ รู้ต้นเหตุที่เกิดทุกข์ รู้เหตุที่บรรเทาทุกข์
    รู้เหตุที่ดับทุกข์ รู้ทางปฏิบัติที่สู่ที่ดับทุกข์แล้ว
    ได้นำมาเทศนาให้มนุษย์ทั้งหลายได้รู้ถี่เห็นแจ้งดังนี้
    มิใช่ของที่จะพบได้ด้วยง่ายๆ
    เมื่อใดผู้ที่ไม่มีบุญ ไม่เคยได้บำเพ็ญมาแต่ชาติก่อนแล้ว ก็บ่ห่อนว่าจะพบได้เลย
    เมื่อได้เกิดมาพบคำสั่งสอนอันเป็นความจริงบริสุทธิ์
    ที่จะนำตนให้พ้นทุกข์ได้ดังนี้ ก็เป็นมหาลาภอันประเสริฐแล้ว

    เพราะว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายอันเป็นทรัพย์ภายนอกที่จะเอาไปไม่ได้นั้น
    ยังพากันเร่งขวนขวายหาทั้งกลางวัยกลางคืนนี้
    ได้มาพบพระธรรมคำสั่งสอนที่แนะนำให้ผู้ปฏิบัติตาม ได้พ้นจากทุกข์
    ในบัดนี้ไปตราบถึงนิพพานเป็นอริยทรัพย์ สำหรับติดตามไปทุกชาติ
    ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติอันมีในโลกนี้หมื่นเท่าแสนเท่า ดังนี้
    ก็เป็นโอกาสอันดีวิเศษสำหรับในชั่วชีวิตนี้
    ซึ่งจะหาโอกาสดีอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว

    เมื่อเวลายังอยู่สบายนี้ ไม่ควรจะถือว่ายังเป็นเด็กหนุ่มน้อย
    ถ้าแก่มาแล้วจึงค่อยทำบุญนั้น เป็นผู้มีความประมาทคิดผิด
    เพราะตามีหน้าดูหน้าไม่เห็น พญามัจจุราชไม่มีความกรุณาใคร
    ไม่ว่าหนุ่มแก่ แม้อยู่ในห้อง มันก็เอา หนุ่มมันก็เอา แก่มันก็เอา
    ไม่ประมาทลาสา เพราะตนรู้สึกว่าจะต้องตาย หนีความตายไม่พ้นแล้ว
    มีปัญหาว่าจะป้องกันอย่างไร ไม่ให้มีความเศร้าโศกเสียใจ
    เมื่อความตายจะมีถึง ควรจะพากันรักษาศีล
    ทำบุญให้ทานเป็นที่พึ่งแก่ตนไว้เสียเมื่อก่อนเฒ่า
    เพื่อไม่ให้เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาที่ดีแล้ว
    ไม่ให้มีความแคล้วคลาดกินแหนงใจ เมื่อภายหลังนั้นเกิด
    กล่าวด้วยอานิสงส์ศีลสำเร็จแต่เท่านี้แล ฯ......

    คัดลอกจาก...
    <!-- m -->http://www.dharma-gateway.com/<!-- m -->
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ ผมต้องไปทำงานที่จังหวัดปทุมธานี ไม่แน่ใจว่า จะได้กลับมาถึงสำนักงานผมกี่โมง ช่วงนี้การใช้จ่ายเงินต่างๆ ให้ระวังกันนะครับ

    ความแน่นอน ก็คือ ความไม่แน่นอน

    เรายังต้องเจอวิกฤตของเศรษฐกิจอยู่อีกมาก คนที่มีเงินจริงๆ มีมากๆ ประเภทที่มีกันเป็นร้อยล้านหรือพันล้าน เขาเหล่านี้ไม่นำเงินออกมาใช้จ่ายกัน ดูอย่างง่ายเช่นนักการเมือง หรืออย่างลูกค้าผม มีเงินมาก(ไม่น้อยกว่า 200 ล้าน) แต่เขายิ่งประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทมากขึ้น หรือลูกค้าของหัวหน้าผม ก็ยิ่งมีเงินมาก(ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้าน คิดแค่เฉพาะเงินสดในบัญชี) เขาก็ยิ่งประหยัดค่าใช้จ่ายของบริษัทเช่นกัน แต่เขาจะพยายามให้ผู้ที่มีรายได้น้อย นำเงิน(ที่ไม่ค่อยจะมี)ออกมาใช้จ่าย ควรระวังเรื่องการใช้จ่ายเงินนะครับ

    .
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>5 โรคยอดฮิตของมนุษย์งาน
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000034482
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>26 มีนาคม 2552 13:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=250>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจาก www.foodsafety.bangkok.go.th</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> สำหรับมนุษย์งาน เกือบทั้งหมดของชีวิตมีแต่คำว่า “งาน ประชุม อีเมล์ ลูกค้า” คงไม่ผิดหรอกที่หลายคนภาคภูมิใจกับความสำเร็จของงานที่เกิดจากความทุ่มเทของตัวเอง แต่อย่าลืมว่าแม้ใจยังสู้ แต่ร่างกายเราไม่ใช่เครื่องจักร ย่อมมีวันที่เหนื่อยและอ่อนล้า ถ้ามัวแต่เลือกงานแล้วมองข้ามตัวเอง เชื่อแน่ว่าร่างกายไปก่อนแน่ๆ แต่ถ้ายังอยากสนุกกับงานไปได้อีกนานๆ ก็ลองให้เวลาตัวเองสักนิดหันกลับมาสำรวจความผิดปกติของร่างกาย จะได้รู้ว่า ร่างกายของเราส่งสัญญาณเตือนภัยแล้ว ให้หันมาใส่ใจดูแลตัวเองได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไข

    คุณประเสริฐ ศรีอุฬารพงศ์ ผู้บริหาร “ไลฟ์เซ็นเตอร์” กล่าวว่า กว่า 10% ของคนเมือง มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็น ’โรคออฟฟิศ ซินโดรม – Office Syndrome’ ซึ่งมีสาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้นและมลพิษต่างๆ ที่สำคัญ ‘พฤติกรรมการทำงาน’ ก็นับว่าเป็นปัจจัยให้เกิดความเสี่ยงสูงที่สุด ด้วยสภาพการทำงานที่ต้องรีบเร่ง ล้วนมีส่วนทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไป ทั้งการใช้คอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง การอดอาหาร อดหลับอดนอนเพื่อทำงานให้เสร็จ ทำให้ร่างกายของเราก็ต้องแบกรับภาวะความตึงเครียด ปราศจากการผ่อนคลาย ซึ่งจะส่งผลร้ายต่อร่างกายโดยไม่รู้ตัว

    5 อันดับโรคยอดฮิต เกาะติดชีวิตคนเมือง

    1.‘ไมเกรน’ โรคปวดศีรษะเรื้อรัง
    เคยรู้สึกไหมว่าเวลานั่งทำงานเครียดเราจะรู้สึกปวดหัว บริเวณขมับ ด้านหน้าศีรษะหรือหลังต้นคอ นั่นคือ สัญญาณเตือนให้คุณรู้ล่วงหน้าว่า สภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรค ‘ไมเกรน’ ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการเกร็งตัวสะสมของกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ จนจับตัวเป็นก้อนที่เรียกว่า จุด ‘Trigger Point’ และจุดดังกล่าวไปกดทับบริเวณเส้นเลือดที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงศีรษะ ทำให้เส้นเลือดหลังจุด‘Trigger Point’ เกิดการขยายตัวผิดปกติ ส่งผลให้เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอจึงทำให้เกิดอาการปวดศีรษะขึ้น นอกจากนี้ แสงแดด ความร้อน การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ และการขาดฮอร์โมนบางชนิด ก็เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิด ‘ไมเกรน’ ได้เช่นกัน

    “ไมเกรน” มักจะพบในช่วงอายุ 10-50 ปี อัตราเฉลี่ยเพศหญิง ร้อยละ 18 และเพศชาย ร้อยละ 6 วิธีการดูแลให้ห่างไกลจาก “ไมเกรน” ก็สามารถทำได้ง่ายๆ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่ร้อนจนเกินไป บริหารกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอให้มีการยืดหยุ่นอยู่เสมอเพื่อเลี่ยงการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ เปลี่ยนอิริยาบถในการนั่งทำงานเพื่อลดการเกร็งตัวสะสมของกล้ามเนื้อ หรือปรึกษาแพทย์อายุรเวท (แผนไทยประยุกต์) เพื่อทำการกดจุดสลาย ‘Trigger Point’ บริเวณกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกาย

    2.สภาวะเสียสมดุล
    ปกติร่างกายของมนุษย์ถูกออกแบบขึ้น เพื่อรองรับภาวะรบกวนต่างๆ จากสิ่งแวดล้อม พร้อมขจัดและปรับระบบให้สามารถทำงานได้อย่างปกติมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมี “สมอง” เป็นจุดศูนย์รวมของการทำงานของร่างกาย

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจาก www.kahkai.com</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “สมอง” จะทำหน้าที่ออกคำสั่งและส่งคำสั่งนั้นไปตามเส้นประสาทเพื่อไปควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในร่างกายทุกระบบ รวมทั้งกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ ซึ่งระบบรากประสาททั้งหมดออกมาตามแนวกระดูกสันหลัง แต่หากแนวกระดูกสันหลังเสียสมดุล ไม่อยู่ในแนวความโค้งที่ปกติ (เช่น ค่อม งอ คด แอ่น) โดยมีสาเหตุหลักมาจากการนั่งทำงานในออฟฟิศที่ผิดวิธี หรือทำงานในลักษณะซ้ำๆตลอดทั้งวัน ทำให้กล้ามเนื้อทานไม่ไหว ร่างกายก็จะฟ้องออกมาในรูปแบบของความเจ็บปวดต่างๆ เช่น ปวดหลังเรื้อรัง ปวดคอ ชาหรือแขนขาไม่มีแรงเป็นต้น ในระยะแรกอาจไม่แสดงผลอย่างชัดเจน แต่ถ้าละเลยอาจรุนแรงถึงขั้นทับเส้นประสาท อาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ หรือแม้แต่ส่งผลให้เป็นโรคภัย, ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ผิดปกติได้ด้วย

    การดูแลและป้องกันนั้น มีวิธีง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเองทุกวัน โดยคืนความสมดุลให้กับโครงสร้างร่างกาย เช่น การยืดหยุ่นร่างกายไม่อยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป เพื่อลดอัตราการเกร็งกล้ามเนื้อ หรือไม่ทำให้กล้ามเนื้อต้องทำงานหนักมากเกินไป หรือเพิ่มการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อบริเวณกระดูกสันหลัง ทั้งเดิน ยืน นั่ง นอน เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ เพราะกล้ามเนื้อเป็นตัวยึดให้กระดูกอยู่ในแนวปกติถือเป็นการคงสภาพให้โครงสร้างร่างกายอยู่ในภาวะที่สมดุล เป็นต้น นอกจากนี้ ยังสามารถทำการปรึกษากับนักกายภาพบำบัดเพื่อทำการปรับโครงสร้างร่างกาย พร้อมปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินไลฟ์สไตล์ใหม่ได้เช่นกัน

    3.กระดูกสันหลังคดงอ ‘อาการปวดหลังเรื้อรัง’
    หนุ่มสาวชาวออฟฟิศสมัยใหม่ ที่ทำงานนั่งอยู่กับโต๊ะ ใช้ชีวิตคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เกือบวันละ 8 ชั่วโมง ใส่ร้องเท้าส้นสูงบ่อยๆ เคยลองสังเกตไหมว่าร่างกายสะสมความอ่อนเพลียและเมื่อยล้าไว้มากขนาดไหน และรู้หรือเปล่าว่านั้นคือสาเหตุเริ่มต้นของโรคปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งโดยค่าเฉลี่ย 80% มักจะเคยมีอาการปวดหลังสักครั้งในชีวิต และกว่า 20% จะพบว่ามีอาการปวดหลังแบบเรื้อรัง มาจาก ‘กระดูกสันหลังคดงอ’

    วิธีการรักษาที่นิยมทำกันโดยทั่วไปในปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธี คือ การรักษาด้วยการให้ยาและกายภาพบำบัดแบบ Passive ซึ่งช่วยลดอาการปวดได้ดี แต่ไม่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างพอเพียงที่จะป้องกันอาการปวดซ้ำซากในอนาคตได้ ส่วนวิธีการรักษาแบบ ‘Active Rehabilitation’ นั้นเป็นแนวทางใหม่ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถระงับปัญหาอาการปวดเรื้อรังได้อย่างถาวร ดีกว่าการรักษาแบบเดิมๆ และการออกกำลังกายที่เน้นตรงกล้ามเนื้อในส่วนที่มีปัญหา โดยออกแบบโปรแกรมให้เข้ากับเฉพาะตัวบุคคล และมีผู้ดูแลควบคุมใกล้ชิดนั้นได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายตามลำพังตัวคนเดียวอย่างชัดเจน

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจาก www.amulet.in.th</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> 4.ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เอ็นกล้ามเนื้อต้นคออักเสบ
    อีกโรคที่คุกคามอย่างเงียบๆ คงจะหนีไม่พ้น ‘ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ เอ็นกล้ามเนื้อต้นคออักเสบ’ หรือ ‘Carpal Tunnel Syndrome (CTS)’ ที่กำลังขยายวงกว้างในกลุ่มคนที่ต้องนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยสาเหตุหลักเกิดจากการการใช้ข้อมือในการยึดจับสิ่งของ หรือเม้าส์คอมพิวเตอร์ในท่าเดิมๆ เป็นระยะเวลานาน ทำให้กล้ามเนื้อกดทับเส้นประสาทและเส้นเอ็นจนอักเสบและเกิดพังผืดยึดจับบริเวณนั้นเป็นจำนวนมาก หรืออาจเกิดจากการทำงานของเส้นประสาทที่ส่งสัญญาณผ่านท่อนแขนจากข้อศอกไปยังบริเวณข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดอาการปวดของปลายประสาท หรือเส้นเอ็นบริเวณต้นคอเกิดการอักเสบนั้นก็เกิดจากสาเหตุเดียวกัน

    ทั้งนี้ หากอยากห่างไกลความเสี่ยง ควรเลือกวิธีปฎิบัติง่ายๆ ในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณมือและข้อมือทุก 15-20 นาที แต่ในกรณีที่มีอาการอักเสบรุนแรงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อป้องกันการเกิดภาวการณ์บาดเจ็บที่รุนแรง และลดอัตราการผ่าตัดลง

    5.‘หูดับ’ โรคประสาทหูเสื่อม
    อีกหนึ่งภัยคุกคามที่คนเมืองควรรู้กับปัญหา ‘หูดับ’ หรือโรคประสาทหูเสื่อม ซึ่งส่วนมากเกิดจากปัจจัยหลายสาเหตุ อาทิ กรรมพันธุ์ โรคบางชนิด หรือปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เป็นต้น ส่งผลให้ระดับการได้ยินเสียงลดลง โดยปกติประสาทหูจะเริ่มเสื่อมทีละน้อยๆ ในช่วงอายุประมาณ 30-50 ปีขึ้นไป แต่ในปัจจุบันความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในไลฟ์สไตล์ของคนเมืองมากขึ้น สังเกตได้จากค่านิยมในการใช้มิวสิคโฟนผ่านทางมือถือและเครื่อง MP3 การใช้โทรศัพท์มือถือนานๆ ก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคประสาทหูเสื่อมได้

    อย่างไรก็ตาม อาการของประสาทหูเสื่อมสภาพนั้น ในขั้นต้นหากรู้สึกว่าได้ยินเสียงลดลง ได้ยินเสียงไม่ชัดเจนต้องตั้งใจฟังหรือให้คู่สนทนาต้องพูดซ้ำบ่อยๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อตรวจหาสาเหตุความบกพร่องทางการได้ยินพร้อมรับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ หรือปรึกษาศูนย์ฯบริการด้านการได้ยิน เพื่อตรวจวัดระดับของการได้ยินพร้อมรับคำปรึกษา และแนวทางฟื้นฟูการฟัง เพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างปกติ

    แม้ว่าทั้งหมดนี้คือ 5 อันดับโรคยอดฮิตสำหรับคนทำงาน แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีโรคภัยอีกมากมายที่คืบคลานเข้ามาหาตัวเรา ถ้าเรายังเลือกทำแต่งาน แล้วมองข้ามสุขภาพตัวเอง ดังนั้นเราควรใส่ใจตัวเองและหาความสมดุลให้กับชีวิตกันดีกว่า
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เมื่อมีการตาย และต้องจัดการมรดก(1)/ทนายข้างบ้าน
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000033879
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 มีนาคม 2552 11:55 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ขอหยิบยกคำพระ "อนิจจา วต สังขารา อุปปาทวยธัมมิโน อุปปัชชิตวา นิรุชชันติ เตสัง วูปสโม สุโข - สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป การเข้าไประงับสังขารเหล่านั้นเสียได้เป็นความสุข...” ขึ้นกล่าวไว้ก่อนครับ

    เหตุที่หยิบคำพระดังกล่าวขึ้นมาก็เพราะเราทุกคนหลีกเลี่ยงความตายไม่พ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ตายได้วายชนม์มรดกของผู้ตายย่อมตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมาย ซึ่งกองมรดกได้แก่ "ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายที่มีอยู่ก่อนถึงแก่ความตาย รวมทั้งสิทธิ หน้าที่และความรับผิดต่างๆ" เช่น กรรมสิทธิ์ในที่ดิน บ้าน ห้องชุด รถยนต์ เงินฝากในบัญชีธนาคาร เงินสะสมที่นายจ้างหักไว้ เป็นต้น ส่วนสิทธิของผู้ตาย เช่น สิทธิการเช่าซื้อ สิทธิตามสัญญากู้ยืมเงิน ทายาทก็ย่อมได้รับสิทธิของผู้ตายที่จะติดตามทวงหนี้เงินกู้ยืมเช่นกัน

    ในทางกลับกัน หาก "ผู้ตาย" ได้เคยไปกระทำละเมิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย ทายาทก็มีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายนั้นด้วย แต่มันก็มีเงินบางตัว ทรัพย์สินบางชนิดที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ว่าไม่เป็น "กองมรดก" ที่จะตกทอดแก่ทายาทตามกฎหมายครับ เช่น เงินบำเหน็จบำนาญ เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ เงินประกันชีวิตของผู้ตาย สิทธิในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สิทธิการเช่าทรัพย์ ยกตัวอย่างเช่น เงินประกัน เนื่องจากเวลาทำประกัน จะมีการระบุว่าใครคือผู้รับประโยชน์ เงินที่ได้จากการทำประกัน จึงไม่ใช่ทรัพย์มรดกที่จะตกทอดแก่ทายาท แต่เป็นเงินที่ได้แก่ผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย แม้ผู้รับประโยชน์จะเป็นลูกก็ตามครับ

    ครับ จะเห็นได้ว่าทายาทมิใช่เพียงแต่เป็นผู้ที่มีสิทธิจะได้รับทรัพย์สินหรือสิทธิใด ๆ ของผู้ตายแต่เพียงประการเดียว แต่ทายาทยังมีหน้าที่ที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายในเรื่องอื่น ๆ อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทายาทไม่จำต้องรับผิดเกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดได้แก่ตน นั่นหมายความว่า หากมีบรรดา "เจ้าหนี้" ทั้งหลายมาฟ้องร้องให้ทายาทรับผิดในมูลหนี้ใดมูลหนี้หนึ่งตามกฎหมาย เจ้าหนี้ก็สามารถบังคับชำระหนี้ได้แค่มรดกที่ทายาทคนนั้นได้รับทรัพย์มาเท่านั้นครับ

    มีอยู่คดีหนึ่งที่เห็นว่าน่าสนใจ และขอหยิบมาเล่าให้ฟังกันครับ เรื่องก็มีอยู่ว่า คุณพ่อท่านหนึ่งได้เสียชีวิตลง และมีลูก ๆ สี่คน ได้แก่ สมชาย สมศักดิ์ สมชาติ และสมศรี (นามสมมติ) ซึ่งทั้งสี่คนต่างเป็นทายาทโดยธรรม ก็มีสิทธิได้รับมรดกของพ่อคนละหนึ่งส่วนเท่า ๆ กัน แต่ก่อนจะเสียชีวิต คุณพ่อไม่ได้แต่งตั้งให้ใครทำหน้าที่เป็นผู้จัดการมรดก หรือผู้จัดการศพเลย พอคุณพ่อเสียชีวิต พี่สมชาย ในฐานะลูกคนโตก็เข้ามาจัดการทำศพทุกอย่าง ปรากฏว่า พอถึงเวลาร่วมด้วยช่วยกันจ่าย พี่น้องอีก 3 ชีวิตกลับไม่ยอมให้นำเงินจากกองมรดกของพ่อ (ที่กำลังจะกลายเป็นส่วนของตัวเอง) ไปจ่ายเสียนี่ สุดท้ายพี่ชายเลยต้องไปฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งศาลเห็นว่า การจัดการงานศพที่พี่คนโตกระทำไปนั้น พี่สมชายมีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมาย และเมื่อจัดการศพไปแล้ว ก็ย่อมมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการทำศพจากกองมรดกได้ สุดท้าย น้อง ๆ ทั้งสาม ก็ต้องร่วมรับผิดชอบในเงินดังกล่าวตามส่วน (แต่ต้องไม่เกินจากทรัพย์มรดกที่ทั้งสามได้รับครับ)

    คดีนี้อาจเป็นคดีเล็ก ๆ ไม่สลักสำคัญนัก แต่ผมมองว่าเป็นคดีที่น่าเศร้าคดีหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับครอบครัวทุกครอบครัว หากละเลยที่จะปลูกฝังความกตัญญูกตเวทีให้กับทายาทครับ

    ขึ้นชื่อว่าทายาท ทายาทอาจแบ่งออกได้เป็นสองประเภทคือ ทายาทที่มีสิทธิตามกฎหมายหรือที่เรียกว่า “ทายาทโดยธรรม” กับทายาทที่มีสิทธิตามพินัยกรรมหรือที่เรียกว่า “ผู้รับพินัยกรรม” ซึ่งจะได้แก่ใคร และมีวิธีการขั้นตอนในการร้องขอจัดการมรดกอย่างไรนั้นจะได้กล่าวในคราวถัดไปครับ

    ทนายข้างบ้าน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ไปไหนกันหมดครับเนี่ย

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 7 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 6 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->
    <!-- Who Has Read a Thread. -->
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><THEAD><TR><TD class=tcat colSpan=2>[​IMG] (View-All) เฉพาะคนที่เป็นสมาชิก ได้อ่านกระทู้นี้แล้ว ในช่วงเวลา 180 วัน จำนวณ 161 คน (Set) </TD></TR></THEAD><TBODY id=collapseobj_thread_readers><TR><TD class=alt1 colSpan=2>9046, :::เพชร:::, แม่หมออ้อ, Addsakorn, adis., มะขามป้อม, โสระ, ake7440, Anurak_Pokun, aries2947, มูริญโญ่, เฉลิมรัฐ, เชน, เทพารักษ์, เน๊มเนม, เปลี่ยนกรรม, มุทิตา2525, BaByUltraMan, bamby, banlue, bhuddameesuk, chai wong, chantasakuldecha, chattrg, cheingb, dekdelta2, dl3c1912, dragonlord, drmetta, ส้มฟัก, สายครูบา, สีกาอร, หน้าใสใส, หนูส้ม, foundman, Gerard, gij, glassbuddha2009, gnip, guawn, hanada9, happyhub, hongsanart, อภิโรจโน, ILoveBle, infinityboon, ixy, อดุลย์ เมธีกุล, Jantip, jirautes, jsung, justgolf, kamkling, kanpirom, katicat, kato_king, keh, Kijpongchai, kokokp, kontee2449, ksriuta, kwok, ladycrying, littlelucky, m07, maeraka, Mahavate, ming1627, mongkonchai, moo noi, morinaka, mssoda, narin96, newcomer, non901, nongnooo, nong_enter, num_mon, omkanez, originalpray, PatJudTang, pawidtra, peag, peang25, peterpan2511, phoch, Pichet-m, pichetmaneerat, plamp256, ploeauer, poacmu, pon98, pongtera24p, ppoonsuk, prawitlee, psombat, racha008, rawat873, Readome, Ream, r_alongkorn, sc431137, sekisan_y, setontan, Shinray01, sira, sithiphong, Sunny, Tackled, tanarerg.v, theerasak, thongdee1, tiger-king, TO-9198, Unique_Angel, Vilaiwanna, wangwang, wishbone, wkomson, yote5049, ล่าวิญญาณ, ลาดพร้าว, กัลย์, กำธร นครปฐม, คนกรุงศรี, คนดีเมืองหาดใหญ, ชวภณ ศ., ชัยพร เถาว์อั้น, ชาญกิจ, ตรีนิสิงเห, ตั้งชื่อยากจัง, ทรงกลด, ทรงกลด999, ท่านพงษ์, ทนันท์ธยาน์, ธ.เธียรไท, ธัญญ์นิธิ, น้าหมู, นาย บุญน้อย, นายสติ, นิติชัย, บอมม์, บัวรองพุทธบาท, พระภูวดล, พระสุพิน, พระกุลวัฒน์ธนะ, พรสว่าง_2008, พ้น, พิมพาภรณ์, พุทธศาสน์, พุทธันดร </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    วันนี้วันเกิด ท่านโดครับ สุขสันต์ สุขสันต์ หุ หุ
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ลืมครับเมื่อวานมีสาวจากแดนไกลจะมาหอมแก้มเป็นของขวัญ แล้วเรียกคุณน้องขา ที ตัวแข็งเลย ครับ 555555555หุ หุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...