พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ถูกใจครับ กล่าวอ้างกันจริงว่า ในตำราของท่านตรียัมปวายไม่มี...555555 ก็ต้องปล่อยไป...
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    พระสมเด็จในมือขาใหญ่ยุคเปิดตัวสำเด็จพิมพ์ใหญ่นั้น ได้มาสิบกว่าปี๊บ จากบ้านเรือนไทยเก่าๆ ของสองตายาย แถวสมุทรปราการ ด้วยการเอาตู้เย็นเก่าๆ ไปแลก

    เมื่อได้มาก็นำมาเปิดตัว เท่าที่พบในปี๊บว่า อันไหนเปิดได้ดี


    ตอนเปิดตัวใหม่ๆ เซียนใหญ่บางรายยังไม่ยอมรับ เพราะไม่เคยเห็น ถึงขนาดพูดกับยายผีป่าว่า "พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ไม่มี สร้างภาพขึ้นมาใหม่ ถ้าขายได้ถึงสองหมื่นให้เอตีนมาลูบหน้าผมเลย"

    อิอิ...นี่ยังไม่หยาบพอที่จะไปลูบหน้าท่านหรอกค่ะ ยังนับถือท่านอยู่ เพราะท่านตอบตามความเชื่อที่ท่านเชื่อตามๆ กันมาตามหนังสือที่มั่นใจว่าอ่านแล้วใช่แค่นั้นเองค่ะ

    มีลูกชายคนดังที่พ่อตายไปนาน ต้องการเอาชื่อเสียงพ่อมาสร้างเสริม จึงจัดงานรำลึกถึงพ่อ แต่ไม่รู้จะหาเงินมาอย่างไรได้ไว จึงให้คนวิ่งพระให้เวียน(คนๆ นี้มาอยู่ใกล้ๆ บ้านยายผีป่า) ให้หาพระเครื่องที่ราคาดีให้มาเปิดงาน

    เขาคือคนที่พาเซียนไปเอาพระสมเด็จสิบกว่าปี๊บจากตายาย เลยได้แบ่งมาให้ลูกคนดังคนนี้มาเปิดตัว

    อ้างว่า

    "พระเก่าพ่อสะสมไว้"

    คนแห่ช่วยไปหลายทีเดียว

    ได้พระคนดังใส่นี่คะ
     
  3. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    มาดูองค์พิเศษกัน ว่านอกจากพระสมเด็จข้างทางริมถนนกันแล้ว ยังมีพระทราวดีเก่าโบราณมาให้เลือกหากันอีก มากมายจริงๆ เขาว่าปลอมทำไมคณะพระวังหน้าเราถึงพบเจอแต่ของจริงง่ะ เป็นงงมากๆ...

    มาดูว่าเนื้อสำริดสมัยนั้นเป็นยังไง ว่างๆก็ไปหาตามข้างทางริมถนนกันนะ อย่าหลบร้อนไปหาพระตามห้างเลย หาตามข้างทางริมถนน แล้วกลับบ้านเปิดแอร์ใช้อิริยาบถ ๔ ยืนดู เดินดู นั่งดู นอนดู กันไปเลย...55555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1010023.JPG
      P1010023.JPG
      ขนาดไฟล์:
      187 KB
      เปิดดู:
      48
    • P1010024.JPG
      P1010024.JPG
      ขนาดไฟล์:
      204.5 KB
      เปิดดู:
      51
    • P1010025.JPG
      P1010025.JPG
      ขนาดไฟล์:
      205.8 KB
      เปิดดู:
      53
    • P1010026.JPG
      P1010026.JPG
      ขนาดไฟล์:
      207.7 KB
      เปิดดู:
      59
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 12 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 11 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>:::เพชร::: </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ยายผีป่าล่องหนไปมา คิดไปพลางๆว่า ยายผีป่า นี่ต้องยืนไม่ติดพื้นแน่ๆ 55555
     
  5. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ขอตัวไปทานส้มตำ(อาหารเติมพลังประจำภพนี้)

    และขอตัวไปแปลงานให้แม่ชีณัฐทิพย์ค่ะ

    วันนี้งานเบาไปหน่อย คือ ลูกๆ ช่วยกันตากผ้า กวาดบ้าน(สงสัยจะเพิ่มงานให้แม่เสียมากกว่า)

    มีอาจารย์ท่านหนึ่งที่เชียงใหม่ เขียนวิเคราะห์พระเก่า พระกรุได้แจ่มชัด เป็นวิชาการ และน่าเชื่อถือ แม้จะอายุไม่มาก แต่ท่านใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ตรวจสอบเสริมความแน่ชัดด้วยค่ะ

    จำชื่อผู้วิจัยงานนี้ไม่ได้
     
  6. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    คุณพี่เพชรคะ สายตาไม่ค่อยดี มองไม่ค่อยเห็นคะ จะมองกันให้ชัดเจนคงต้องขอยืมระยะยาววววววววววววววววววว มาศึกษาที่บ้านคะ อิอิอิ

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    เอา"ของเก่า"มาขายอีกครั้ง ผมหมายถึง"เนื้อหา" ไม่ได้หมายถึงพระ

    มีความเห็นเป็นยังไงกันกับพระสมเด็จ ๒๐ องค์นี้..
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]<LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มีนาคม 2009
  7. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    ขอเข้ามากรี๊ดดดดดดดดดดดด แบบเงียบๆ แล้วก็จากไปหน่อยนะคะ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
     
  8. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    ๙. อารมณ์อัพยากฤต

    เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งได้กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า อารมณ์อัพยากฤต
    ไม่จำเป็นต้องมีได้เฉพาะพระอรหันต์ ใช่หรือไม่?

    ท่านตอบว่า "ใช่ แต่อารมณ์อัพยากฤตของพระอรหันต์ท่านทรงตลอด
    เวลา ไม่เหมือนปุถุชนที่มีเป็นครั้งคราวเท่านั้น"

    ท่านอุปมาอารมณ์ให้ฟังว่า เปรียบเสมือนคนไปยืนที่ตรงทางสองแพร่ง ทางหนึ่งไปทางดี
    (กุศล) อีกทางหนึ่งไปในทางที่ไม่ดี (อกุศล) ท่านว่า อัพยากฤตมี 3 ระดับคือ
    - ระดับหยาบ คือ อารมณ์ปุถุชนที่เฉยๆ ไม่คิดดี ไม่คิดชั่ว ซึ่งมีเป็นครั้งคราวเท่านั้น
    - ระดับกลาง มีในผู้ปฏิบัติสมาธิ มีสติ มีความสงบของจิต วางอารมณ์จากสิ่งที่ดี
    ที่ชั่ว ดังที่เรียกว่า อุเบกขารมณ์
    - ระดับละเอียด คือ อารมณ์ของพระอรหันต์ ซึ่งไม่มีทั้งอารมณ์ที่คิดปรุงไปใน
    ทางดี หรือในทางไม่ดี วางอารมณ์อยู่ได้ตลอดเวลา เป็นวิหารธรรมของท่าน

    <link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5Cxp%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:UseFELayout/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:SimSun; panose-1:2 1 6 0 3 1 1 1 1 1; mso-font-alt:宋体; mso-font-charset:134; mso-generic-font-family:auto; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:3 135135232 16 0 262145 0;} @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:"\@SimSun"; panose-1:2 1 6 0 3 1 1 1 1 1; mso-font-charset:134; mso-generic-font-family:auto; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:3 135135232 16 0 262145 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:SimSun; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:595.3pt 841.9pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:35.4pt; mso-footer-margin:35.4pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:"Table Normal"; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman";} </style> <![endif]--> ที่มา : คติธรรมจากหนังสือ 101 ปีหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ
     
  9. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    ไม่เคยคิดเลยว่าคนที่บอกว่าตัวเองมีความรู้เรื่องพระเครื่องดีเช่นคุณมันตรัยจะดูถูกศีลห้าถึงเพียงนี้ แถมยังภาคภูมิใจในความผิดนี้อีกด้วย

    การดื่มสุราและของมึนเมานี้เป็นการผิดศีลข้อห้าที่นับได้ว่าบาปที่สุดในศีลห้าข้อเลยก็ว่าได้

    หลวงปู่ขาว อนาลโย “… การกินเหล้าหรือของมึนเมา ตลอดสิ่งเสพติดและเสียคนนั้น มันจะเป็นบุญพาคนให้ดีและพาไปสวรรค์นิพพานอย่างไรกัน นอกจากเป็นบาปหาบหามไฟนรกมาเผาตนและครอบครัวตลอดผู้เกี่ยวข้องโดยลำดับเท่านั้น ยังจะพากันนึก และรอคอยให้สุรายาเมาพาเป็นคนดีและพาไปสวรรค์นิพพานอยู่หรือ...”

    จาก : หนังสือ สุดยอดธรรมะ ฉบับ พินัยกรรม

    พระอรหันต์ท่านยังกล่าวไว้แบบนี้ก็หวังว่าคนทั่วไปจะเชื่อพระอรหันต์มากว่าทำตามคนคนนึงที่แม้แต่ศีลห้าข้อยังรักษาไม่ได้เลย

    แต่ความผิดที่หนักที่สุดคงเป็นการพยายามที่จะบิดเบือนและท้าทายคำสอนของพระพุทธองค์ในเรื่องของนรกและสวรรค์ ซึ่งต่อให้มีพระเครื่องดีที่สุดในโลกนี้ก็คงช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะคะ
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ด้วยรักและห่วงใจนะครับ
    โมทนาสาธุครับคุณยาย

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้าว เอาเข้าไปคุณเพชร ยิ่งห้ามยิ่งยุน๊ะเนี่ย

    ให้พวกเสี้ยนดูทำไม ปล่อยไปครับ

    ปล่อยให้คนที่เชื่อพวกเสี้ยน ไปโดยพวกเสี้ยนฟันซ๊ะให้หนำใจ เงินก็ไม่ใช่เงินในกระเป๋าคณะพระวังหน้า ชีวิตก็ไม่ใช่ชีวิตในคณะพระวังหน้า

    ในคณะพระวังหน้า ต้องมีแต่สิ่งที่ดีเท่านั้นครับ

    .
     
  12. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    </TD></TR></TBODY></TABLE>[/quote]


    <CENTER>แจกยาฟรีผู้ป่วยลูคิเมียเรื้อรังและ มะเร็งกระเพาะอาหาร

    </CENTER>

    <HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><!-- ads code --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 250x250, created 31/01/09 */google_ad_slot = "7252767143";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    ขอประชาสัมพันธ์ค่ะ สำหรับผู้ป่วย หรือมีคนใกล้ตัว คนข้างบ้าน หรือคนรู้จัก เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) และ มะเร็งกระเพาะอาหาร จะได้ช่วยกันบอกต่อ...

    แจกยาฟรีผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งกระเพาะอาหาร โรคร้ายที่นำมาซึ่งความทุกข์ทรมานและคร่าชีวิตผู้คนในอันดับต้นๆ ในทุกวันนี้ คงต้องนับรวมมะเร็งเม็ดเลือดขาวและ มะเร็งกระเพาะอาหารไว้ด้วย

    โดยผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดโลหิตขาวเรื้อรังและโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของเลือดนี้ ส่วนใหญ่นอกจากจะต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายค่ ายาสูงลิบ ก็ยังประสบปัญหาเรื่องการท ำงานการใช้ชีวิตที่มีข้อจำกัดอย่างยิ่ง ภาวะของโรคจะบั่นทอนลงไปเรื่อยๆ สร้างความหดหู่ทั้งต่อผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิด

    ล่าสุด บริษัทยาข้ามชาติโนวาร์ตีส ได้จัดตั้งโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยนานาชาติจีแพป (GIPAP:Glivec InternationalPatient Assistance Program) ซึ่งเป็นโครงการให้ความ ช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง ( Chronic Myeloid Leukemia) ที่มีผลฟิลาเดเฟียโครโมโซม ( philadephia chromosome) เป็นบวก ผู้ป่วยมีอาการในระยะรุนแรง ของโรค หรือผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารชนิดจีสต์ ( GIST-Grstro-Intesinal Stromal Tumor) ที่ผ่าตัดไม่ได้ และอยู่ใน ระยะลุกลาม (มี c-Kill หรือ CD117 เป็นบวก)

    โดยโครงการจะจัดมอบยาของบริษัทให้แก่ผู้ป่วยโดยไม่คิดมูลค่า รวมทั้งจะ มอบให้ต่อเนื่องจนกว่าจะมี ยาอื่นที่เป็นทางเลือกของผู้ป่วยได้ต่อไป

    ดร.แดเนียล วาเซลลา ผู้บริหารระดับสูงของโนวาร์ตีส (สหรัฐอเมริกา) กล่าวว่าประเทศไทย เป็นหนึ่งใน 80 ประเทศทั่วโลก ที่ได้ร ับอนุมัติในโครงการดังกล่าว ปัจจุบันจีนพบมีผู้ป่วยมากกว่า 1.8หมื่นราย โดย มีผู้ป่วยจากประเทศไทยประมาณ 800 คนซึ่งนับว่ายังน้อยมาก


    จึงต้องการประชาสัมพันธ์เพื่อผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวอาจจะสนใจเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้ ได้จัดตั้งมูลนิธิแมกซ์ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลนานาชาติ
    ในการประเมินและอนุมัติผู้ป่วยที่มีสิทธิได้รับยาฟรีดังกล่าวทั้งนี้ สำนักงานมูลนิธิแมกซ์ ตั้งอยู่ที่ซีแอตเติล ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2540 โดย ' เพโดร ริวาโรลา ' ( Pedro Rivarola) เพื่อเป็นเกียรติแก่บุตรชาย ' แม็กซิมิเลียโน ริวาโรลา ' (Maximilliano Rivarola) ซึ่งเสีย ชีวิตจากโรคมะเร็งเม็ดโลหิตด้วยวัยเพียง 17 ปี

    สำหรับมูลนิธิแมกซ์ในประเทศไทยได้จัดตั้งมูลนิธิสาขา ได้แก่ แมกซ์(ประเทศไทย) ซึ่งจะเป็นผู้ทำ การพิจารณาอนุมัติอย่างอิสระ

    สำหรับผู้ป่วยที่จะขอความช่วยเหลือจากจีแพปได้ ต้องมีคุณสมบัติดังนี้

    1.ผู้ป่วยจะต้องได้รับการวินิจฉัยโรคโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (CML-Chronic Myeloid Leukemia) หรือ มะเร็งกระเพาะอาหาร ( GIST)
    ซึ่งได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า มีผล CD 117 เป็นบวก
    2. ผู้ป่วยเป็นผู้มีสัญชาติไทยและมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย
    3. ไม่สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้
    4.ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองได้ และไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากที่ใดทั้งสิ้น

    หากมีคุณสมบัติครบให้ปฏิบัติดังนี้

    1. แจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการรับยาฟรีจากจีแพปกับแพทย์ผู้รักษา
    แพทย์ของท่านจะดำเนินการจัดส่งใบ สมัครในนามของท่านออนไลน์ไปที่
    www.themaxfoundation
    2. ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวเอง ที่อยู่
    เบอร์โทรศัพท์และชื่อของแพทย์ผู้รักษา
    3. ภายหลังจากที่แพทย์ของท่านส่งใบสมัครมาที่มูลนิธิแมกซ์แล้ว
    เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับไปหาท่านเพื่อนัดสัมภาษณ์
    4. กรณีที่ได้รับการอนุมัติ มูลนิธิจะแจ้งผลไปยังบริษัท โนวาร์ตีส
    (ประเทศไทย) เพื่อจัดส่งยาผ่านแพทย์ผู้รักษาตัวท่าน
    5. แพทย์จะเป็นผู้แจ้งผลการพิจารณาผลการอนุมัติให้ท่านทราบเอง

    ส่วนโรงพยาบาลที่เข้าร่วมในโครงการมี 16 แห่ง คือ
    1. สถาบันมะเร็งแห่งชาติ
    2. โรงพยาบาลรามาธิบดี
    3. ศิริราชพยาบาล
    4. โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    5. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
    6. โรงพยาบาลราชวิถี
    7. โรงพยาบาลวชิรพยาบาล
    8. โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
    9. โรงพยาบาลตำรวจ
    10. โรงพยาบาลภูมิพล
    11. โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ 12. สถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยนเรศวร 13.โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
    14. โรงพยาบาลหาดใหญ่
    15. โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี
    16. โรงพยาบาลสระบุรี


    ผู้ป่วยหรือมีคนใกล้ชิดป่วยด้วยโรคดังกล่าว
    สามารถติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนศักดิ์ อุทิศชลานนท์ และบุษกร สนธิกรหมายเลขโทรศัพท์ 02-439-4600 ต่อ 8202
    หรือจะเข้าไปดูรายละเอียดในเว็บไซต์ที่ www.gipapthailand.org หรือ
    www.themaxfoundation.com



    <!-- / message -->
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><IFRAME marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1236436591437&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1236436591437&ea=0&frm=1&ga_vid=1438833569.1236336297&ga_sid=1236431826&ga_hid=961462888&ga_fc=true&flash=10.0.22.87&u_h=800&u_w=1280&u_ah=770&u_aw=1280&u_cd=32&u_tz=420&u_his=97&u_java=true&dtd=16" frameBorder=0 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
  13. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    อ่า...ช่วงนี้ยุ่งๆไม่ค่อยได้เข้ามาคุณเพชรมาเป็นชุดๆเลยนะครับ
     
  14. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    23. อุเบกขาธรรม

    เรามักจะเห็นการกระทำที่เป็นคำพูดและการแสดงออกอยู่บ่อยๆ ส่วนการกระทำที่เป็นการนิ่ง ที่เรียกว่ามีอุเบกขานั้น มักไม่ค่อยได้เห็นกัน

    ในเรื่องการสร้างอุเบกขาธรรมขึ้นในใจนั้น ผู้ปฏิบัติใหม่เมื่อได้เข้ามารู้ธรรม เห็นธรรม ได้พบเห็นสิ่งแปลกๆ และคุณค่าของพุทธศาสนา มันเกิดอารมณ์ความรู้สึกว่าอยากชวนคนมาวัด มาปฏิบัติให้มากๆ โดยลืมดูพื้นฐานจิตใจของบุคคลที่กำลังจะชวนว่าเขามีความสนใจมากน้อยเพียงใด

    หลวงพ่อท่านบอกว่า

    "ให้ระวังให้ดีจะเป็นบาป เปรียบเสมือนกับการจุดไฟไว้ตรงกลางระหว่างคนสองคน ถ้าเราเอาธรรมะไปชวนเขา เขาไม่เห็นด้วย ปรามาสธรรมนี้ซึ่งเป็นธรรมของพระพุทธเจ้าก็เท่ากับเราเป็นคนก่อ แล้วเขาเป็นคนจุดไฟ... บาปทั้งคู่ เรียกว่า เมตตาจะพาตกเหว"

    แล้วท่านยกอุทาหรณ์สอนต่อว่า

    "เหมือนกับมีชายคนหนึ่งตกอยู่ในเหวลึก มีผู้จะมาช่วยคนที่ 1 มีเมตตาจะมาช่วย เอาเชือกดึงขึ้นจากเหว ดึงไม่ไหวจึงตกลงไปในเหวเหมือนกัน คนที่ 2 มีกรุณามาช่วยดึงอีก ก็ตกเหวอีก คนที่ 3 มีมุทิตามาช่วยดึงอีก ก็พลาดตกเหวอีกเช่นกัน

    คนที่ 4 สุดท้าย เป็นผู้มีอุเบกขาธรรม เห็นว่าเหวนี้ลึกเกินกว่ากำลังของตนที่จะช่วย ก็มิได้ทำประการใดทั้งๆ ที่จิตใจก็มีเมตตาธรรม ที่จะช่วยเหลืออยู่ คนสุดท้ายนี้จึงรอดชีวิตจากการตกเหวตาม เพราะอุเบกขาธรรมนี้แล"

    ที่มา : คติธรรมจากหนังสือ 101 ปีหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมมาขอโชว์พระบูชาให้น้องหมอ และน้องอุ้มชมก่อน องค์ที่น้องหมอ ,น้องอุ้ม และพี่ท่านนึง นิมนต์ไปครับ
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.6 KB
      เปิดดู:
      401
    • 2.jpg
      2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.6 KB
      เปิดดู:
      382
    • 3.jpg
      3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.7 KB
      เปิดดู:
      385
    • 4.jpg
      4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      3.6 KB
      เปิดดู:
      391
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหตุมียุงมากขึ้น ไข้ปวดข้อระบาด

    http://hilight.kapook.com/view/34608



    [​IMG]


    เหตุมียุงมากขึ้น ไข้ปวดข้อระบาด (ไทยรัฐ)

    จากกรณีที่มีการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ถึงการระบาดของโรคชิคุนกุนยาอย่างหนักในพื้นที่ภาคใต้ ต่อมาเมื่อวันที่ 7 มีนาคม นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้นำทีมลงพื้นที่ดูสถานการณ์โรคไข้ชิคุนกุนยา ในพื้นที่ จ.ภาคใต้ พร้อมเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม-6 มีนาคมปีนี้ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคเขต 12 ได้รับรายงานผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาสะสมทั้งสิ้น 9,593 ราย และไม่มีรายงานผู้ป่วยเสียชีวิต โดยพบผู้ป่วยสูงสุดในเดือนมกราคม 2552 จำนวน 4,924 ราย และเดือนกุมภาพันธ์ 4,547 ราย โดยจังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุดคือ นราธิวาส มีผู้ป่วยทั้งสิ้น 4,950 ราย ขณะที่ปัตตานี มี 876 ราย ยะลา 200 ราย สงขลา 1,987 ราย พัทลุง 10 ราย และตรัง 1 ราย

    อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวด้วยว่า กรมควบคุมโรคไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์โรคชิคุนกุนยาที่เกิดขึ้น โดยตลอดระยะเวลาที่ได้รับรายงานผู้ป่วยได้มีการลงพื้นที่ถึง 5 ครั้ง เพื่อควบคุมโรค แต่สาเหตุที่ทำให้โรคมีการระบาดอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากปริมาณยุงที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งโรคนี้มีลักษณะอาการไม่เหมือนไข้เลือดออก โดยมีอาการเด่น คือ ไข้สูงเฉียบพลัน และอาการปวดข้อทำให้ผู้ป่วยไม่ค่อยรู้ว่าตนเองเป็นโรคนี้

    อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยด้วยโรคนี้ ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต แต่จะทรมานจากอาการปวดข้อซึ่งจะเป็นอยู่นานกว่า 2-3 เดือน แม้ว่าไข้ลดแล้วก็ตาม ล่าสุดได้สั่งให้ทีมเฝ้าระวังโรคดำเนินการเชิงรุก ประชาสัมพันธ์กับชาวบ้านว่า หากมีอาการไข้และปวดตามข้อ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือ อสม.ในหมู่บ้านทันที เพื่อดำเนินการควบคุมป้องกันโรคได้ทันท่วงที พร้อมยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ปกปิดข้อมูล และมีการรายงานสถานการณ์ให้กรรมาธิการสาธารณสุข ทั้งของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ทราบหลายครั้ง โดยโรคนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะรู้จักในชื่อ "ไข้ญี่ปุ่น" หรือ "โรคไข้ปวดข้อ" เกิดจากเชื้อไวรัสชื่อ "ชิคุนกุนยา" และติดต่อโดยยุงลายสวนและยุงลายบ้านเพศเมีย ซึ่งมักกัดในเวลากลางวัน

    ด้าน นพ.วิชัย สติมัย ผอ.สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กล่าวว่า ปัจจุบันยุงทุกชนิดมีวงจรชีวิตที่เปลี่ยนไป ซึ่งเดิมจากไข่เป็นลูกน้ำและเป็นยุงใช้เวลา 8-14 วัน แต่ปัจจุบันใช้เวลาเพียง 7-10 วัน และยุงจะตัวเล็ก ทำให้หิวบ่อย และดูดเลือดบ่อยขึ้น เป็นการเพิ่มโอกาสของการแพร่เชื้อโรคมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ การคมนาคมที่สะดวกก็ทำให้คนที่มีเชื้อแต่ไม่มีอาการ เดินทางจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง และเมื่อไปถูกยุงในพื้นที่อื่นกัดก็ยิ่งทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

    ส่วน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผอ.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัจจุบันการกำจัดยุงทำได้ง่าย โดยภูมิปัญญาพื้นบ้าน ซึ่งทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ศึกษาแล้วว่าได้ผลดี คือการใช้น้ำยาล้างจานหรือน้ำยาซักผ้า 1 ส่วน ผสมน้ำ 4 ส่วน ฉีดพ่นในบริเวณที่มืดทึบ ซึ่งยุงมักชอบอาศัยอยู่ในบริเวณบ้าน โดยน้ำยานี้จะเข้าไปอุดรูหายใจ ซึ่งอยู่ด้านข้างปีกของยุง ทำให้ยุงบินไม่ได้และตายในที่สุด ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงการใช้ยาฆ่าแมลง หรือสารเคมีที่จะเป็นอันตรายได้


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ
    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ ปลอดภัย...ห่างไกลโรค

    http://hilight.kapook.com/view/34614


    [​IMG]

    [​IMG]


    เลี่ยงบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ ปลอดภัย...ห่างไกลโรคร้าย (เดลินิวส์)

    อีกปัจจัยที่ช่วยสร้างเสริม สุขภาพแข็งแรงไกลห่างจากสารพัดโรคภัยได้นั้น การบริโภคอาหารหลากหลาย ถูกสุขลักษณะ สิ่งนี้แม้จะเป็นที่ทราบแต่มักมองข้ามละเลยกัน

    อาหารสุกๆ ดิบๆ หลากเมนูที่ชื่นชอบโปรดปราน บ่อยครั้งมีข่าวความเคลื่อนไหวให้ติดตามถึงความอันตรายการเจ็บป่วย ทั้งอาการอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย ท้องร่วง อีกทั้งการบริโภคอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ยังมีความเสี่ยงต่อโรคพยาธิต่างๆ ฯลฯ โดยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงชีวิตและยิ่งฤดูร้อนอากาศอบอ้าวที่เริ่มสัมผัสได้แล้วยังมีความเสี่ยงต่อโรคทางเดินอาหาร

    การบริโภคอาหารถูกสุขอนามัยปรุงสุกสะอาดสดใหม่ รู้เข้าใจในวิธีการเก็บรักษาอาหารยังมีส่วนสำคัญช่วยสร้างเสริมสุขภาพหลีกไกลจากความเจ็บป่วย อ.นพ.ปริย พรรณเชษฐ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ หน่วยโภชนวิทยาและชีวเคมีทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีให้ความรู้ว่า โรคที่มาจากการติดเชื้อทางอาหารมีทั้งพวกเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส รวมทั้งสารพิษที่สร้างจากเชื้อพวกนี้ อย่างที่พบบ่อยเชื้อแบคทีเรียซึ่งทำให้มีไข้ ท้องเสีย ปวดท้อง ฯลฯ เชื้อโรคพวกนี้มีอยู่ทั้งในลำไส้ของสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อีกทั้ง ในอาหารทะเลพวกหอยหลายชนิด ฯลฯ ดังนั้นหากนำมารับประทานนำไปทำอาหารโดยไม่สุก ไม่สะอาดก็จะมีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส

    "อาหารที่ปรุงไม่สุกแน่นอนว่าย่อมนำมาซึ่งความเจ็บป่วย ทีนี้พอเข้าไปในร่างกายก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลา รวมทั้ง จำนวนเชื้อโรคที่เข้าไปร่วมด้วย ส่วนใหญ่เชื้อจะเข้าไปฟักตัวเป็นชั่วโมงหรือทั้งวันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อที่ได้รับเข้าไป ความรุนแรงของเชื้อนั้นๆ ขึ้นอยู่กับสภาวะของคนไข้ที่รับเชื้อเข้าไป อย่างเช่น เด็ก ผู้สูงอายุ สตรีตั้งครรภ์ มีโอกาสเป็นรุนแรง มากกว่าคนปกติ อีกทั้งผู้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำ อย่าง ผู้ที่เป็นมะเร็งหรือเป็นโรคเลือด ก็มีโอกาสเป็นได้เยอะกว่า"

    อาการที่ปรากฏจะคล้าย กันคือ ปวดท้อง มีไข้ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย ส่วนใหญ่เชื้อพวกนี้มักจะหายเองได้ใน 2-3 วัน เว้นคนไข้ที่ภูมิคุ้มกันต่ำอาจจะเสียน้ำ เสียเกลือแร่ อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

    การดูแลสุขภาพจึงควรรับประทานอาหารที่สะอาดปรุงสุก หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ อย่างในต่างประเทศอาหารสุกจะมีแท่งวัดอุณหภูมิ ปักลงไปในเนื้ออุณหภูมิต้องเกิน 78 องศาเซลเซียสถึงจะปลอดภัย ขณะที่ด้านนอกต้องเกิน 100 องศาเซลเซียสและก่อนการปรุงอาหารต้องล้างให้สะอาด ทั้งเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ในการล้างก็ต้องล้างแยกกัน การใช้เขียง ใช้มีด ฯลฯ หั่นแล้วก็ต้องล้างทำความสะอาด เป็นต้น

    อาหารที่ปรุงสุกเมื่อตั้งให้เย็นแล้วควรเก็บใส่ตู้เย็นภายใน 4 ชม. หากตั้งวางไว้เชื้อโรคอาจจะเพิ่มจำนวนหรืออาจจะสร้างสารพิษขึ้นมาในช่วงนั้นได้ การเก็บควรแยกเป็นภาชนะเล็ก ๆ จะช่วยให้เย็นเร็วขึ้น การรับประทานก็ควรนำมาอุ่นซึ่งขณะการอุ่นอาหารควรทำให้เดือดไม่ใช่แค่ทำให้ร้อน ส่วนพวก ผัก ผลไม้ ควรล้างให้น้ำไหลผ่านชะล้างเชื้อโรค

    นอกจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสที่มากับอาหารที่ปรุงไม่สุก พยาธิ ที่อยู่ในดินที่ติดมากับผัก สัตว์รวมทั้งหากสัมผัสขุดจับดินที่มีพยาธิโดยไม่ล้างมือให้สะอาด ก็อาจจะติดเข้าไปในร่างกาย ติดกับอาหารที่รับประทาน อย่าง พยาธิกล้ามเนื้อ หากเข้าสู่ร่างกายจะไปฝังตามกล้ามเนื้อ พวกนี้ติดมากับพวกหมู กระรอก กระแต หนู

    นอกจากนี้ยังมีพยาธิตัวจี๊ด ซึ่งจะไชเข้าไปตามผิวหนัง ก็จะมีอาการคัน พวกนี้จะอยู่ในพวกไรน้ำซึ่งกุ้ง ปู ปลา พวกนี้จะกินไรน้ำและหากกินกุ้งสุกๆ ดิบๆ ปลาดุก ปลาช่อน ปลาไหล กบ เขียด ฯลฯ ที่ปรุงไม่สุกก็มีโอกาสพยาธิเข้าไปในร่างกายได้ พยาธิใบไม้ในตับ ส่วนใหญ่พบทางอีสานอยู่ในพวกหอย ปลาที่นำมาทำปลาร้า ปลาส้ม ปลาก้อย พอไม่สุกเมื่อนำมาทานพยาธิพวกนี้ก็จะไปอยู่ที่ทางเดินน้ำดี เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งทางท่อน้ำดี อาการที่พบ ก็จะมีตัวเหลือง ตาเหลือง ซึ่งถึงตอนนั้นอาจจะช้าเกินการรักษา

    "การทำให้สุกสะอาดจึงเป็นการตัดวงจรก่อนเกิดโรคซึ่งโดยมากมักละเลยมองข้ามกันไป บางคนอาจโชคดีก็ไม่เกิดอะไร แต่บางคนโชคร้ายหลีกไม่พ้นความเจ็บป่วยเกิดขึ้นมา ส่วนในความรุนแรงของเชื้อโรคตัวนั้นขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคนที่ได้รับเชื้อเข้าไป เชื้อแต่ละชนิดมีความรุนแรงแตกต่างกัน แต่ที่ดีที่สุดควรเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ"

    อย่างที่กล่าวมาการปรุงไม่สุกหากทิ้งไว้ข้างนอกนานเชื้อต่างๆ จะเจริญเติบโตในคำว่า สุก หากเป็นอาหารประเภท แกง ต้องเดือดอย่างน้อย 5 นาที ขณะที่อาหารปิ้งย่าง ไม่ควรที่จะมีเนื้อแดงและในการสังเกตดูแลตนเองหากเกิดการท้องเสีย อาเจียนต่อเนื่อง มีไข้ขึ้นควรรีบไปโรงพยาบาลพบแพทย์ แต่ที่เป็นอันตรายระยะยาวต่างจากพวกแบคทีเรีย ไวรัส หากเป็นพวกพยาธิส่วนใหญ่จะเข้าไปอยู่ในตัวจนกระทั่งแพร่กระจายรบกวน การทำงานของร่างกาย ส่วนพยาธิตัวกลมชนิดอื่นมักจะเข้าไปอาศัยอยู่ในลำไส้ทำให้เป็นโรคขาดอาหาร เป็นโรคท้องเสียเรื้อรังได้ ฯลฯ

    ก่อนสายเกินแก้ไขการรู้เข้าใจในการบริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญและเมื่อทราบอันตรายการบริโภคอาหารสุกๆ ดิบๆ จึงควรเพิ่มความระมัดระวัง และไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใดการปรุงสุกสะอาดเข้าไว้ ล้วนช่วยสร้างความปลอดภัยส่งผลดีต่อสุขภาพได้

    เคล็ดลับสุขภาพดี : ดื่มน้ำถูกหลักช่วยบำบัดโรค



    [​IMG]


    ธรรมชาติบำบัดกำลังเป็นที่กล่าวถึงมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะเป็นการใช้ชีวิตแบบใกล้ชิดธรรมชาติ เพื่อการใส่ใจสุขภาพแล้วยังสามารถทำให้โรคภัยต่างๆ ห่างหายจนแทบไม่ต้องพึ่งยารักษาโรค เช่นเดียวกับ "การดื่มน้ำ" ซึ่งเราควรดื่มน้ำตามธรรมชาติ นั่นคือ น้ำธรรมดา ไม่เย็นและไม่ใช่สุราหรือน้ำอัดลม

    ร่างกายของเรานั้นเปรียบเหมือนนาฬิกาอวัยวะ ที่อยู่กับตัวเราตลอดเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ อวัยวะในร่างกายของเราจะทำหน้าที่ตามเวลาอัตโนมัติ โดยช่วงที่ควรนอนหลับที่สุด คือ เวลา 21.00 น. ถ้าหากเข้านอนหลังจากนี้จะมีพลังงานไปช่วยเหลือกระบวนการสะสมพลังงานในร่างกายไม่เต็มที่ ผลก็คือจะทำให้ร่างกายมีพลังงานสะสมไม่เพียงพอในการฟื้นฟูอวัยวะต่างๆ ให้สะอาดและแข็งแรงสำหรับวันต่อไป

    การตื่นนอนขึ้นมาพบกับวันใหม่เราควรดื่มน้ำเพราะสาเหตุใด วีระชัย วาสิกดิลก หรือหมอแดง แพทย์แผนไทย ผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้เกี่ยวกับการดื่มน้ำว่า เราต้องดื่มน้ำให้สมดุลกับน้ำหนักตัว เพื่อให้เลือดไม่หนืดและข้นจะช่วยให้หัวใจที่เป็นตัวปั๊มเลือดไม่พัง ประการที่สองเมื่อตื่นมาเราควรดื่มน้ำเพื่อชำระล้าง เพราะตอนกลางคืนร่างกายจะขับสารพิษไปไว้ที่ลำไส้ ดังนั้นในช่วงเช้าเวลาประมาณ 07.00 น. เราควรตื่นนอนมาดื่มน้ำเพื่อขับของเสีย (อุจจาระ) ออกจากร่างกาย ถ้าหากไม่ดื่มจะมีผลเสียเพราะมันจะถูกดูดกลับไปใช้ใหม่ จึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าและเกิดไขมันที่เสียในร่างกาย

    ประการที่สาม แม้จะดื่มน้ำเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการแล้วก็ตามแต่ถ้าเราดื่มน้ำผิดวิธีก็ป่วยได้ เช่น อย่าดื่มน้ำเมื่อหิว แต่ให้หมั่นจิบน้ำบ่อยๆ ให้น้ำค่อยๆ ซึมเข้าร่างกาย และอย่าดื่มน้ำพรวดเดียวจนมากเกินไป เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักในการขับปัสสาวะออก ที่สำคัญควรดื่มน้ำก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างรับประทานอาหาร และหลังทานอาหารใหม่ๆ อย่าเพิ่งดื่มน้ำมากนัก

    ข้อแนะนำในการดื่มน้ำที่ถูกวิธีคือ

    [​IMG] 1. ดื่มน้ำให้เพียงพอกับน้ำหนักตัว โดยใช้วิธีคำนวณดังนี้

    [​IMG] 2. เมื่อตื่นนอนก่อนแปรงฟัน ควรดื่มน้ำประมาณ 2-5 แก้ว

    [​IMG] 3. หลีกเลี่ยง น้ำเย็น น้ำอัดลม สุรา เบียร์

    [​IMG] 4. ระหว่างทานอาหารและทานอาหารอิ่มใหม่ๆ ทั้ง 3 ช่วงเวลานี้ ควรดื่มน้ำรวมทั้งหมดไม่เกิน 1 แก้ว หลังจากทานอาหาร 40 นาที จึงดื่มน้ำได้ตามปกติ เพื่อให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเข้มข้นพอที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สุขภาพที่ดี สมบูรณ์และแข็งแรงจะอยู่คู่กับเราไปนานๆ หากเรารู้จักดูแลตัวเองในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การดื่มน้ำที่บริสุทธิ์จากธรรมชาติอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้เราลดความหิวกระหาย แต่ยังให้ความสดชื่นและช่วยบำบัดโรคต่างๆ ได้อีกด้วย


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
    โดย ทีมวาไรตี้
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตู้เอทีเอ็มป่วน กดเงินไม่ออก ยอดหาย 3 ล้าน

    http://hilight.kapook.com/view/34592


    [​IMG]


    ตู้เอทีเอ็มป่วน กดเงินไม่ออก ยอดหาย 3 ล้าน (ไทยรัฐ)

    เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 มีนาคม พ.ต.ท.ปัญญา ท้วมศรี พนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งจากพ่อค้าแม่ค้าหลายรายว่า ได้นำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ (มหาชน) จำกัด หน้าตลาดอวยชัย 3 ถนนเอเชีย 41 หมู่ที่ 4 ต.วังตะกอ อ.หลังสวน ปรากฏว่าเงินในบัญชีได้อันตรธานหายไปจากบัญชี ไม่สามารถกดออกมาได้ หลังรับแจ้งได้ไปตรวจสอบ พบพ่อค้าแม่ค้า 12 ราย ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม

    สอบถามทราบว่า ผู้เสียหายทั้งหมดมีอาชีพซื้อขายผลไม้และทุเรียนส่งออกต่างประเทศในตลาดอวยชัย 3 ให้การทำนองเดียวกันว่า ได้นำบัตรเอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ กดเบิกเงินจากตู้เอทีเอ็ม ปรากฏว่าไม่สามารถกดเงินออกมาได้ เนื่องจากเงินไม่พอจ่าย พอตรวจสอบเงินในบัญชีของผู้เสียหายทุกคนปรากฏเงินหายไปเกือบทั้งหมด ทั้งที่แต่ละคนมีเงินหมุนเวียนในบัญชีคนละหลายแสนบาท บางคนเหลือเพียงไม่กี่ร้อยบาท บางรายหายไปถึง 3 แสนบาท และบางราย 5-7 หมื่นบาท

    หลังจากแจ้งความไว้เป็นหลักฐานแล้ว นายอาหามะ มอลอ อายุ 37 ปี นายพลศักดิ์ สุวรรณโกศ อายุ 38 ปี และนางปราณี คงเจริญ อายุ 53 ปี เป็นแกนนำพาผู้เสียหายทั้งหมดเดินทางไปยังธนาคารกรุงเทพ สาขาห้างโลตัสหลังสวน และเป็นเพียงสาขาเดียวที่เปิดทำการในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ได้พบกับ น.ส.สุนิดา สร้างเกตุ ผู้จัดการสาขาห้างโลตัส หลังสวน

    จากนั้นผู้เสียหายทั้งหมดได้ยื่นเอกสารใบแจ้งความ และใบบันทึกข้อมูลยอดเงินคงเหลือจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงเทพ จำกัด หน้าตลาดอวยชัย 3 ให้ น.ส. สุนิดา เพื่อขอให้ธนาคารเร่งดำเนินการตรวจสอบถึงสาเหตุที่เงินหายไปจากบัญชีและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน น.ส.สุนิดาได้รับเรื่องไว้พร้อมแจ้งกับผู้เสียหายว่าจะรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้สำนักงานใหญ่ทราบโดยเร็วที่สุด

    ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงเทพ ได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียหายเบื้องต้นพบว่ามีการลักลอบโอนเงินจากตู้เอทีเอ็มดังกล่าวออกไป และเหตุการณ์ลักษณะนี้กำลังเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ชุมพร คาดว่าแก๊งคนร้ายน่าจะลงมือฉกเงินในพื้นที่ 2 จังหวัด เนื่องจากมีเงินหมุนเวียนจากกลุ่มพ่อค้า แม่ค้า ส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศจำนวนมาก โดยอาศัยเครื่องมือทางอิเล็กทรอนิกส์ดำเนินการ โดยเฉพาะตู้เอทีเอ็มที่เกิดเหตุเป็นตู้รุ่นเก่า มีช่องสอดบัตรขนาดใหญ่ทำให้คนร้ายสามารถสอดแถบบันทึกข้อมูลเข้าไปสแกนเอารหัสเอทีเอ็มและบันทึกข้อมูลจากบัตรเอทีเอ็มได้

    ระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูล ปรากฏว่ามีผู้เสียหายเดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หลังสวน และธนาคารกรุงเทพ สาขาโลตัสหลังสวน เพิ่มอีก 8 ราย รวมมีผู้เสียหายจากการกดเงินในตู้เอทีเอ็มทั้งหมด 20 ราย รวมยอดเงินกว่า 3 ล้านบาท

    ขณะเดียวกัน นายการัณย์ ศุภกิจวิเลขการ ผวจ.ชุมพร ทราบเรื่องได้สั่งการให้นายสุทิน พยัคฆ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดชุมพร ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและให้เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงเทพระงับการใช้ตู้ เอทีเอ็มดังกล่าวทันที เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก พร้อมประสานไปยังนายสถานีวิทยุ อสมท หลังสวน ประกาศให้ผู้ที่นำบัตรเอทีเอ็มไปใช้ที่ตู้เอทีเอ็มหน้าตลาดอวยชัย 3 ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ให้รีบไปตรวจสอบเงินบัญชีโดยเร็ว หากพบมีเงินสูญหายให้รีบไปแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานและแจ้งให้ธนาคารทราบทันที



    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ไทยรัฐ
    [​IMG]
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    จับ"เจ๊พร"ตุ๋นเหยื่อติดต่อกรมที่ดิน
    http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01jud01080352&sectionid=0117&day=2009-03-08

    นำเงินถลุงบ่อนเขมรหลายล้าน




    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    จอมตุ๋น - พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาท รอง ผบก.ป. แถลง พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุมนางสร้อนนภา มนูญศิริกุล หรือนางรัตน หรือเจ๊พร อายุ 52 ปี หลังก่อเหตุตุ้มตุ๋นประชาชนหลายรายเสียเงินนับล้านบาท ก่อนนำไปเล่นการพนัน เมื่อวันที่ 7 มีนาคม


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    จับ"เจ๊พร" ยึดสำนักงานที่ดินซุ่มหาเหยื่อ สบโอกาสตีสนิท อ้างตัวเป็นเศรษฐี-กว้างขวาง ช่วยเหลือได้ทุกเรื่อง ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงินหลายล้านบาท ก่อนนักตุ๋นแสบเข้าไปถลุงบ่อนเขมร

    เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 7 มีนาคม พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) พ.ต.อ.สุพิศาล ภักดีนฤนาท รอง ผบก.ป. แถลง พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ผกก.2บก.ป. พ.ต.ต.เมธา วงศ์อนันต์นนท์ สว.กก.2 บก.ป. นำกำลังจับกุมนางสร้อยนภา มนูญศิริกุล หรือนางรัตนา หรือเจ๊พร อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาฉ้อโกง และเรียกรับยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง หรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จูงใจเจ้าพนักงาน โดยจับกุมได้ที่ด่านเจ้าแม่เขาเกลือ ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ขณะกลับจากเล่นการพนันที่ประเทศกัมพูชา

    พล.ต.ต.ปัญญากล่าวว่า ผู้ต้องหาเป็นนักต้มตุ๋นรายสำคัญ จะทำทีเข้าไปติดต่อกับสำนักงานที่ดินต่างๆ จากนั้นจะนั่งเฝ้าเพื่อสังเกตเหยื่อที่มาทำธุรกรรม โดยเฉพาะเหยื่อขายที่ดิน เมื่อสบโอกาสจะเข้าไปตีสนิท อ้างตัวว่าเป็นเศรษฐี รู้จักข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หลายวงการ เพื่อหาข้อมูลจากเหยื่อ และพูดจาชักจูงจนเหยื่อหลงเชื่อเสียทรัพย์สินให้หลายล้านบาท เมื่อได้เงินผู้ต้องหาจะนำไปเล่นการพนันที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งตำรวจจะเร่งสอบสวนขยายผลหาผู้เสียหายที่เหลือ โดยผู้เสียหายสามารถมาดูตัวผู้ต้องหาได้ที่กองปราบปราม

    ด้านนางสร้อยนภารับสารภาพว่า ก่อเหตุต้มตุ๋นมาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่ และทำเพียงคนเดียว เนื่องจากไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และใช้วิธีนั่งตามสำนักงานที่ดิน สังเกตและแอบฟังคนที่มาติดต่อพูดคุยกัน จากนั้นหาจังหวะเข้าไปตีสนิทว่าสามารถช่วยเหลือได้ทุกเรื่อง เมื่อเหยื่อหลงเชื่อได้เงินมาจะนำไปเล่นการพนันบาคารา ที่ประเทศกัมพูชา โดยครั้งหนึ่งได้เงินมา 1 ล้านบาท นำไปเล่นการพนันแค่ 4 วันเงินก็หมด

    สำหรับคดีที่เกิดขึ้นมีดังนี้ เดือนกุมภาพันธ์ 2551 หลอกลวง นางเรณู พูลเกษม ขณะไปติดต่อที่สำนักงานที่ดินจังหวัดสระบุรี โดยนางสร้อยนภา อ้างว่าสามารถช่วยเหลือทางคดีได้เพราะมีญาติเป็นอัยการ เหยื่อหลงเชื่อจึงสูญเงินไป 400,000 บาท พื้นที่ สน.หัวหมาก, เดือนพฤศจิกายน 2551 หลอกลวงนางลัดดา ชัฎไพศาล ว่าสามารถช่วยเหลือฝากลูกไปเรียนต่อต่างประเทศได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อสูญเงิน 1 ล้านบาท พื้นที่ สน.บางมด, ปี 2547 หลอกลวงนางธิติมา สุขสมใจ ว่าสามารถฝากคนเข้าทำงานที่บริษัท การบินไทย ได้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ เสียเงิน 40,000 บาท พื้นที่ สน.อุดมสุข, วันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลอกลวง นางสาวจิดาภา บุญเขียน เข้าร่วมลงทุนซื้อขายที่ดิน ได้เงินไป 400,000 บาท พื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อื่นๆ อีกหลายคดี
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    'กบกระป๋อง' ทางเลือก 'เพิ่มมูลค่า'
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=70888&NewsType=2&Template=1

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    “ช่องทางทำกิน” วันนี้ทางทีมงานมีข้อมูลอาชีพการทำ “กบกระป๋อง” ขาย มาเล่าสู่ให้ลองพิจารณากัน ซึ่งก็เป็นทั้งการต่อยอดสินค้าทางการเกษตร และเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นด้วย...

    ยุพา สังข์เนตร หรือ “ซิ้ม” ประธานกลุ่มอาชีพสตรีแปรรูปผลิตภัณฑ์บรรจุกระป๋อง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มซึ่งผลิตกบกระป๋องแปรรูป “บิ๊ก ฟร๊อก” เล่าว่า เดิมทียึดอาชีพเลี้ยงกบขาย พอเกิดช่วง ที่กบล้นตลาดจึงคิดว่าจะแก้ปัญหาการล้นตลาดอย่างไรดี เพราะเลี้ยงไปก็ขาดทุน ก็เลยคิดที่จะทำกบแปรรูป โดยเริ่มลงมือทดลองทำตั้งแต่ปี 2543 ทำเป็น “กบทอดกรอบน้ำแดง” และ “กบผัดเผ็ด” และภายหลังเมื่อผลิตภัณฑ์ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว จึงเริ่มผลิตจำหน่ายจริงจังมาเรื่อยๆ และตอนนี้นอกจากในประเทศแล้วก็ยังมีออเดอร์ส่งไปขายที่ประเทศจีนด้วย

    กระบวนการคัดเลือกกบมาทำนั้น จะใช้กบอายุ 3-4 เดือน ซึ่งชั่งเป็นน้ำหนักคือ 6-7 ตัวต่อ 1 กก. เมื่อได้กบแล้วก็นำมาตัดส่วนหัวออก ลอกหนัง แล้วผ่าท้อง หั่นส่วนต่าง ๆ แยกออกจากกัน ซึ่งแต่ละส่วนนั้นคือ น่อง, ขา, โคนแขน, หน้าอก และส่วนหลัง จากนั้นก็ล้างด้วยน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปใช้งาน

    ขั้นแรกคือการทอดกรอบ ทอดกบเป็นส่วน ๆ ด้วยน้ำมันบัว ขั้นตอนการทำคือตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันบัว หรือน้ำมันมะพร้าวผสมกับน้ำมันปาล์ม จากนั้นนำกบที่หั่นแล้วมาทอด โดยทอดส่วนต่าง ๆ แยกกัน เหตุที่ต้องทอดแยกส่วนเพราะแต่ละส่วนของกบจะสุกไม่พร้อมกัน ส่วนที่จะสุกยากที่สุดคือส่วนน่อง เพราะเนื้อเยอะ และการทอดก็จะแบ่งทอดเป็น 2 กระทะ โดยกระทะแรกจะทอดเพื่อให้พอสุก ส่วนกระทะที่ 2 ทอดเพื่อให้กรอบ เมื่อทอดกบทุกส่วนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จึงค่อยนำทุกส่วนของกบมารวมกันในขั้นตอนการคลุกเคล้า
    จะคลุกเคล้าทุกส่วน เพื่อที่แต่ละกระป๋องจะได้ทุกส่วนของกบ
    ขั้นตอนต่อมาคือ การปรุงน้ำซอส ซึ่งเป็นสูตรของ “กบทอดกรอบน้ำแดง” โดยการทำกบทอดกรอบ น้ำแดงสูตรนี้จะใช้เนื้อกบสด 3 กก. (ทอดกรอบแล้วจะเหลือประมาณ 500 กรัม) ต่อน้ำซอสมะเขือเทศ 300 กรัม, น้ำตาลทราย 50 กรัม, เกลือ 10 กรัม วิธีทำคือตั้งกระทะ นำส่วนผสมมาคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว แล้วจึงนำเนื้อกบทอดกรอบลงคลุกเคล้าเข้าด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นก็นำใส่กระป๋อง โดยชั่งน้ำหนักรวม 90 กรัม (รวมน้ำหนักกระป๋อง โดยจะใส่เนื้อกบประมาณ 45 กรัม)
    นำไปเข้าตู้อบไอร้อนแห้ง ประมาณ 30 นาที ใช้อุณหภูมิ 80 องศาฯ จากนั้นนำมาปิดฝากระป๋องด้วยเครื่องปิดทันที
    สำหรับสูตร “กบผัดเผ็ด” ก็ใช้กบทอดกรอบเช่นเดียวกันกับการทำกบทอดกรอบน้ำแดง แต่สูตรของน้ำซอสจะแตกต่างกัน โดยสูตรนี้จะใช้เนื้อกบสด 40 กก. (ทอดแล้วเหลือประมาณ 4 กก.) ต่อพริกขี้หนูแห้งกับพริกบางช้าง 1 กก., กระเทียม 3 กก. ผัดน้ำมัน และปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย 400 กรัม, เกลือ 40 กรัม รวมถึงใช้เครื่องเทศคือ พริกไทย 300 กรัม, ข่า 100 กรัม, ตะไคร้ 500 กรัม, ผิวมะกรูด 200 กรัม และรากผักชีพอประมาณ นำทุกอย่างโขลกรวมกัน แล้วนำลงไปผัดรวมกัน
    เนื้อกบทอดกรอบผัดเผ็ด บรรจุใส่กระป๋อง 90 กรัม (น้ำหนักรวมน้ำหนักกระป๋องด้วย) แล้วนำเข้าตู้อบไอร้อนใช้อุณหภูมิที่ 80 องศาฯ อบประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นนำมาปิดฝาด้วยเครื่องทันที
    ทั้ง “กบทอดกรอบน้ำแดง” และ “กบผัดเผ็ด” ราคาขายกระป๋องละ 30 บาทขึ้นไป

    ยุพาบอกว่า กบกระป๋องทั้ง 2 สูตรนี้ ขายในราคากระป๋องละ 30 บาท จึงควรจะทำในช่วงที่เนื้อกบสดราคาไม่เกิน 45 บาท ซึ่งถ้าต้นทุนในส่วนของเนื้อกบอยู่ที่ 45 บาท หักลบต้นทุนทุกอย่างแล้วจะเหลือกำไรกระป๋องละประมาณ 1 บาทขึ้นไป ซึ่งกำไรจะมากกว่านี้แค่ไหนอย่างไรก็ขึ้นกับทุนวัตถุดิบ
    วิธีนี้เป็นการแปรรูปเนื้อกบด้วยวิธีที่ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม การจะมีรายได้มากพอ หรือได้กำไรมาก ๆ ก็ต้องอยู่ที่การมีตลาดรองรับ การขายได้ในปริมาณมาก ๆ

    ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มอาชีพสตรีฯกลุ่มนี้เป็นผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ด้วย ใครสนใจติดต่อ ยุพา สังข์เนตร ก็ติดต่อได้ที่ 103 หมู่ 9 ต.บ่อตาโล่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โทร.08-1258-7705


    สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล / ภัทราภรณ์ พลายเถื่อน :รายงาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...