พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    โห....สุดยอดมากเลยครับท่านปาทาน ผมไม่เคยเห็นรูปพระพิมพ์ที่ชัดเจนอย่างนี้มาก่อนเลยครับ มองไปคล้ายกับจุดฟุตสต๊อบเลยครับ 555 หุ หุ
     
  3. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    555 งานนี้ขอยอมแพ้ครับ ไม่ต้องคิดจะโหลดไปขยายเลยครับพี่
     
  4. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    ดูของมัวแล้ว มาดูของชัดบ้าง ดูสลับกันไปมา ท่าจะดีไม่น้อย องค์นี้ไปพบที่กองพระริมทาง เนื้อแบบนี้ มือผีหรือเปล่า...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    โมทนาบุญกับคุณเพชรด้วย ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 1 มีนาคม 2009
  6. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    จะดีมากเลยหากเอาคำว่า อาจารย์ ออกนะขอรับ ผมไม่คุ้นครับ..หุ..หุ..
     
  7. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    อนุโมทนาคะคุณพี่เพชร

    อนุโมทนาคะคุณ newcomer

    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ newcomer [​IMG]
    วันนี้ผมไปฝึกมโนฯ และทำบุญที่ บ้านสายลม ครับ
    ผมขอน้อมอุทิศ กุศลผลบุญ แก่กัลยาณมิตร ทุกท่าน ครับ
     
  8. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541

    เอ่อ เอ่อ เอ่อ....

    พูดไม่ออกบอกไม่ถูกคะ
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ก็เลยนำมาให้ชมกันครับ
    [​IMG]
    [​IMG] top.jpg
    ดาวน์โหลด 19 ครั้ง
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    พระสมเด็จ top of the top ครับ
    [​IMG]
    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    โห....สุดยอดมากเลยครับท่านปาทาน ผมไม่เคยเห็นรูปพระพิมพ์ที่ชัดเจนอย่างนี้มาก่อนเลยครับ มองไปคล้ายกับจุดฟุตสต๊อบเลยครับ 555 หุ หุ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ake7440 [​IMG]
    555 งานนี้ขอยอมแพ้ครับ ไม่ต้องคิดจะโหลดไปขยายเลยครับพี่
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    ในเมื่ออยากเห็นกันมาก ก็จะลองขยายภาพมาให้ชมกัน เผื่อท่านใดจะเห็นเค้าลางไปหากันในสนามได้...

    ป.ล. คราวหน้า ขอเล็ก และมัวกว่านี้นะ ...ว่าแต่มัว ๒ ตาหรือเปล่าครับ อิ...อิ...
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    ดูของมัวแล้ว มาดูของชัดบ้าง ดูสลับกันไปมา ท่าจะดีไม่น้อย องค์นี้ไปพบที่กองพระริมทาง เนื้อแบบนี้ มือผีหรือเปล่า...
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ dragonlord [​IMG]
    เอ่อ เอ่อ เอ่อ....

    พูดไม่ออกบอกไม่ถูกคะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไว้ไปชมองค์จริงๆ ในงานสรงน้ำครับ

    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>จักษุแพทย์เตือนโรคตาเสื่อม..ไม่ระวังอาจตาบอดได้
    http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9520000023228

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 มีนาคม 2552 07:17 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>จักษุแพทย์เตือนโรคตาเสื่อมในผู้สูงอายุไม่ธรรมดา หากไม่ระวังอาจตาบอดได้ แนะสังเกตอาการ หากมองเห็นจุดตรงกลางภาพเป็นสีดำ ภาพเบลอ บิดเบี้ยว อย่านิ่งนอนใจควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ ชี้ผู้ที่สูบบุหรี่เสี่ยงเพิ่มขึ้น 3 เท่า และมีโอกาสเกิดเร็วกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 ปี แนะผู้ทีมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรรับการตรวจสุขภาพตาทุก 1-2 ปี และรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลูทีน และซีแซนทีน ช่วยป้องกันได้ แต่ควรเลือกใช้อย่างระมัดระวัง อย่าตกเป็นเหยื่อโฆษณาชวนเชื่อ เพราะปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดังกล่าวออกมามากมาย ทางที่ดีควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือเภสัชกรใกล้บ้าน

    เมื่อตัวเลขอายุเพิ่มขึ้น หลายๆ คนคงรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย ทั้งความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระดูก รวมถึงความสมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ ซึ่งถือเป็นภาวะปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แต่สิ่งที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ นั่นคือความเสื่อมถอยที่จะนำไปสู่การสูญเสียอย่างถาวร เช่น โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคร้ายที่อาจนำไปสู่อาการตาบอดได้

    รศ.นพ.วิชัย ประสาทฤทธา หัวหน้าหน่วยจอประสาทตา ภาควิชาจักษุวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า โรคจอประสาทตาเสื่อม หรือ โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ (Age-related Macular Degeneration) เป็นโรคร้ายทางตาของผู้สูงอายุ พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุ สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ดังนั้น การทำความรู้จักโรคและหาวิธีการป้องกันไว้ตั้งแต่ต้น ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้

    "ปัญหาของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมจากอายุก็คือ โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะไม่รู้ตัวว่ามีอาการของโรคดังกล่าวเกิดขึ้น จนกว่าจะสังเกตได้ว่าการมองเห็นผิดปกติไปจากเดิม เช่น ตาพร่ามัว ความชัดเจนในการมองเห็นลดลง มองเห็นภาพบิดเบี้ยว มองเห็นตรงกลางของภาพไม่ชัดเจน ดังนั้นหากรู้สึกว่าเกิดอาการผิดปกติเหล่านี้ขึ้นกับดวงตา ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะดวงตาเป็นอวัยวะที่ซับซ้อน ควรต้องใส่ใจและระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่ทางที่ดีผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจสุขภาพตาทุก 1-2 ปี แม้ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ก็เริ่มจะมีปัญหาเรื่องสายตาเปลี่ยนแปลง หรืออาจมีความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตาที่ไม่แสดงอาการ เช่น ต้อหิน ต้อกระจก การตรวจพบและให้การรักษาโรคตั้งแต่ระยะแรก จะสามารถเยียวยาให้ดวงตาสามารถใช้งานได้ต่อไป"รศ.นพ. วิชัย กล่าว


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>อย่างไรก็ดี โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุนี้สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ขบวนการเสื่อมสภาพของร่างกาย พันธุกรรม การติดเชื้อ สายตาสั้นมากๆ การสูบบุหรี่ ซึ่งมีหลักฐานการศึกษาทางการแพทย์พบว่าผู้ที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า และมีโอกาสเกิดโรคนี้เร็วกว่าผู้ไม่สูบถึง 10 ปี นอกจากนี้ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและมีระดับไขมันในเลือดสูง รวมถึงผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานฮอร์โมนทดแทน ก็พบว่ามีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้เช่นกัน

    ทั้งนี้ โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อมจากอายุ แบ่งได้ออกเป็น 2 รูปแบบ คือ แบบแห้ง (Dry AMD) และ แบบเปียก (Wet AMD) ซึ่งรูปแบบที่พบได้มากที่สุด คือ แบบแห้ง เกิดจากการเสื่อมสลายและบางลงของบริเวณศูนย์กลางรับภาพของจอประสาทตา (Macula) จะทำให้การมองเห็นค่อยๆ ลดลง และเป็นไปอย่างช้าๆ ส่วนแบบเปียกนั้น แม้จะพบได้ประมาณ 15-20% ของผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมทั้งหมด แต่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดตาบอดอย่างรวดเร็ว เกิดจากการที่มีเส้นเลือดผิดปกติงอกขึ้นมา หากเส้นเลือดที่เปราะบางเกิดการรั่วซึม จะทำให้จุดรับภาพบวม ภาพเริ่มพร่ามัว และตาบอดในที่สุด

    สำหรับการรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมจากอายุนั้นมีหลายวิธี ทั้งการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ การฉีดยาเพื่อยับยั้งเส้นเลือดใหม่ที่งอกขึ้นมา หรือแม้กระทั่งการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม รศ.นพ.วิชัย แนะนำว่า การดูแลสุขภาพดวงตา และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของโรคตั้งแต่ยังหนุ่มสาว นับว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุด โดยควรปฏิบัติตนดังนี้
    1)งดการสูบบุหรี่
    2)หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด โดยเฉพาะในวัยอายุน้อยๆ
    3)ควบคุมน้ำหนักตัว ไม่ทานอาหารที่มีไขมันสูง และรับประทานผักใบเขียวและผลไม้ทุกวัน


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วิธีแยกเพชรแท้ กับเพชรเลียนแบบ

    http://hilight.kapook.com/view/34329


    [​IMG]


    วิธีแยกเพชรแท้กับเพชรเลียนแบบ (เดลินิวส์)

    คราวก่อนเคยนำเสนอ วิธีการเลือกซื้อเพชรมาแล้ว วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์ จึงขอเสนอวิธีการแยกระหว่างเพชรแท้กับเพชรเลียนแบบ

    [​IMG]วิธีที่ 1

    ดูด้วยตาเปล่า ต้องดูอย่างพิถีพิถันให้สังเกตเหลี่ยมมุมของเพชร ฝึกดูบ่อยๆ จะเห็นความแตกต่างได้ว่าเหลี่ยมมุมของเพชรจะเรียบคมชัดกว่าเพชรเลียนแบบมาก เพราะเพชรมีความแข็งเป็นเลิศ เพราะฉะนั้นเหลี่ยมมุมที่เจียระไนจะคมกว่าพลอยอื่นซึ่งมีความแข็งน้อยกว่า

    [​IMG]วิธีที่ 2

    ใช้ได้เฉพาะดูเพชรรูปกลมเหลี่ยมเกสรที่เป็นเม็ดๆ ไม่อยู่ในตัวเรือน ที่สำคัญต้องได้สัดส่วนที่ดีด้วย วิธีนี้เรียกว่า วิธีมองทะลุ คือ วางเพชรหรือเพชรเลียนแบบที่ต้องการทดสอบบนเส้นตรงหรือตัวหนังสือสีดำ แล้วมองผ่านจากด้านบนของเพชร (เพชรจะไม่สามารถมองทะลุได้ ในขณะที่เพชรเลียนแบบส่วนใหญ่จะมองทะลุได้ หมายถึงมองเห็นเส้นดำข้างใต้)

    [​IMG]วิธีที่ 3

    ใช้น้ำยาสำหรับหาความถ่วงจำเพาะของพลอย ปกติน้ำยานี้มีความถ่วงจำเพาะเท่ากับ 3.32 เพชรมีความถ่วงจำเพาะ 3.52 ส่วนเพชรเลียนแบบอื่นๆ มีความถ่วงจำเพาะหนักกว่าเพชรทั้งหมด (เกิน 4) เมื่อนำเพชรหรือเพชรเลียนแบบนั้นมาจุ่มน้ำยา เพื่อหาค่าความถ่วงจำเพาะ เพชรจะค่อยๆ จมลงในน้ำยา ในขณะที่เพชรเลียนแบบจะจมลงอย่างรวดเร็ว เทียบกับทับทิมก็ได้ ทับทับจะมีความถ่วงจำเพาะเท่ากับ 4 ดังนั้น เพชรจะจมช้ากว่าทับทิม ในขณะที่เพชรเลียนแบบจะจมเร็วกว่าทับทิม

    [​IMG]วิธีที่ 4

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ ใช้เครื่องมือจี้เพชร ตรวจได้ทั้งเพชรที่อยู่ในตัวเรือนและเพชรร่วง เครื่องมือนี้ใช้หลักการนำความร้อน เพราะเพชรเป็นสารที่นำความร้อนได้ดีกว่าพลอยชนิดอื่นที่นำมาเลียนแบบ จึงนำเครื่องนี้มาใช้แยกเพชรได้ วิธีคือ เพียงแค่ใช้ปลายเข็มทองแดงจี้กดลงบนหน้าเพชร กระแสไฟฟ้าจะผ่านจากปลายเข็มไปที่เพชร ถ้าเป็นเพชรจริงเข็มวัดจะเคลื่อนไปที่ส่วนของไดมอน แต่ถ้าเป็นเพชรปลอมเข็มจะเคลื่อนที่ไปไม่ถึง


    รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหามนะจ๊ะ


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=70536&NewsType=2&Template=1

    [​IMG]
    ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำอย่างไรเมื่อขับรถตกน้ำ
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=70537&NewsType=2&Template=1

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีปฏิบัติเมื่อขับรถตกน้ำมาบอก...
    เมื่อรถยนต์ตกลงไปในแม่น้ำ ลำคลอง หรือแหล่งน้ำใด ๆ ก็ตาม รถจะไม่ตกลงไปในน้ำแล้วจมทันที แต่จะค่อย ๆ จมลงทีละน้อย ๆ จนกว่าจะถึงพื้นล่างและในช่วงเวลานี้ ควรตั้งสติให้ดีและปฏิบัติดังต่อไปนี้
    1. ปลดเซฟตี้เบล ของทุกคนที่อยู่ในรถออก
    2. งดออกแรงใด เพื่อใช้อากาศภายในรถที่มีอยู่อย่างจำกัดไว้เพื่อหายใจ
    3. ปลดล็อกประตูรถทุกบาน พร้อมหมุนกระจกให้น้ำไหลเข้าในรถ เพื่อปรับแรงดันในรถและนอกรถให้เท่ากัน ไม่อย่างนั้นจะเปิดประตูรถไม่ออกเพราะน้ำจากภายนอกตัวรถจะดันประตูไว้ และยกศีรษะให้สูงเหนือระดับน้ำที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในรถ
    4. เมื่อความดันทั้ง ภายในและภายนอกรถใกล้เคียงกันแล้ว ให้ผลักบานประตูออกให้กว้างที่สุด ให้สามารถออกจากห้องโดยสารของรถได้ ในกรณีนี้หากน้ำลึกมาก ๆ ให้ปล่อยตัวให้ลอยขึ้นตามธรรมชาติ หรือลองเป่าปากดูว่าฟองอากาศลอยไปทิศทางใด ให้ว่ายไปในทิศทางที่ฟองอากาศลอยไปก็จะไม่มีอาการหลงน้ำ
    เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ปลอดภัยในยามคับขัน เรียนรู้ไว้ไม่เสียหลาย.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "โรคปวดหลัง"ร้ายไม่ใช่เล่น!! เฉลี่ยอายุต่ำ...อาหารทำพิษ
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=192122&NewsType=1&Template=1

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>นพ.ธวัช ประสาทฤทธา</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20>เคล็ดลับสุขภาพดี : ล้างผักอย่างไรให้สดสะอาดปลอดสารพิษ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD class=message-normal style="HEIGHT: 10px" vAlign=top align=middle><SCRIPT type=text/javascript>// URLs of slidesvar slideurl = new Array('http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/variety/3/1/192122_94232.jpg','http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/variety/3/1/192122_94233.jpg','http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/variety/3/1/192122_94234.jpg','http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/variety/3/1/192122_94235.jpg','http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/variety/3/1/192122_94236.jpg','http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/variety/3/1/192122_94237.jpg') ;// Comments displayed below the slidesvar slidecomment = new Array('นพ.ธวัช ประสาทฤทธา','','','','','เคล็ดลับสุขภาพดี : ล้างผักอย่างไรให้สดสะอาดปลอดสารพิษ');var picNo = new Array('0','1','2','3','4','5');var i;var j;var picturecontent=''function poppic(ncId,NewsType,picNum){window.open('../../html/popup_news/popup_news_popuppic.htm?' + slideurl[picNum] + '?Daily News Online : Variety','','resizable=1,HEIGHT=200,WIDTH=200');}function createtable(){picturecontent ='<table width=100% cellSpacing=5 cellPadding=0 border=0>' ;for (i=0;i<=(slideurl.length-1);i++) {picturecontent +='<tr>' ;picturecontent +='<td vAlign=top align=center>' ;picturecontent += '';picturecontent += '[​IMG]' ;picturecontent += '</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;picturecontent +='<tr>' ;picturecontent += '<td class=messageblack vAlign=middle align=center height=20>' ;picturecontent+=slidecomment ;picturecontent +='</td>' ;picturecontent +='</tr>' ;}picturecontent+='</table>' ;document.getElementById("hlblTable").innerHTML=''+picturecontent+'';}createtable();</SCRIPT></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เคยไหม? ลุกนั่ง ก้มเงย ปวดสันหลังวาบ การใช้ชีวิตประจำวันดูเชื่องช้ากว่าปกติ โดยเฉพาะในชีวิตคนทำงานอาการปวดหลังเป็นเหมือนเครื่องบั่นทอนให้งานไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่จะทำเช่นไรเมื่ออาชีพที่ทำอยู่อาจมี ส่วนทำให้เกิดอาการเหล่านี้

    ยิ่งในคนที่มีอาการเรื้อรัง เมื่อทำงานยิ่งซ้ำเติมความเจ็บปวดให้มากขึ้น...

    แต่ใช่ว่าเราจะอยู่กับอาการเจ็บปวดนั้นไม่ได้ โดย นพ.ธวัช ประสาทฤทธา ผู้เชี่ยวชาญ สาขาเวชกรรม ด้านออร์โธปิดิกส์ รพ.เลิดสิน กล่าวถึงที่มาของอาการปวดหลังว่า 90% อาการเหล่านี้ไม่สามารถตัดสินได้ว่ามาจากสาเหตุใด แต่อาจมีหลายปัจจัยรวม ๆ กัน ส่วนสถานการณ์ของผู้ป่วยที่เป็นโรคปวดหลังขณะนี้ในแต่ละวันมีผู้มาพบแพทย์ไม่ต่ำกว่า 300 คน และมีแนวโน้มอนาคตคนไข้จะมีอายุต่ำลง เนื่องจากสภาพสังคมปัจจุบันมีส่วนช่วยให้ประสบกับภาวะเหล่านี้มากขึ้น

    สาเหตุของอาการเกิดจาก 1.กล้ามเนื้อบริเวณแผ่นหลังมีอาการอักเสบ 2.หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวหรือได้รับการกระทบกระเทือน 3.กระดูกที่ลึกลงไปใต้ผิวหนังมีอาการผิดปกติ

    หากมีอาการปวดเมื่อยบริเวณแผ่นหลังโดยไม่มีไข้เข้ามาแทรกซ้อนเพียง 1 อาทิตย์ ก็จะหายเป็นปกติ โดยแพทย์ไม่ต้องให้ยา แต่ควรลดกิจกรรมที่กระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น ยกของหนัก เล่นกีฬา

    ส่วนผู้ที่มีอาการปวดติดต่อกันมากกว่า 1 อาทิตย์ ควรไปพบแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข เนื่องจากอาจเป็นโรคที่ร้ายแรง เช่น ติดเชื้อบริเวณกระดูกสันหลังหรือมะเร็งกระดูกที่หลายคนนึกว่าเป็นอาการปวดหลังธรรมดา แต่กลับมีอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยการรักษาแพทย์จะให้ยาแก้ปวด แก้อักเสบ หรือยากล่อมประสาทเพื่อลดอาการเจ็บปวด ด้านรายที่มีอาการหนักถึงขั้นผ่าตัดแพทย์ต้องตรวจให้ชัดเจนว่าสาเหตุเกิดจากส่วนใดแล้วจึงทำการผ่าตัด

    “หากเป็นอาการปวดที่ไม่รุนแรงเพียง 5 วันก็หายเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นอาการร้ายแรงคือ หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจะต้องใช้เวลาในการรักษานานกว่าจะหายเป็นปกติ ส่วนอายุเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้อาการปวดหายช้ากว่าปกติ”

    ปัจจุบันหลายคนทำงานเกินเวลาเพื่อให้ได้เงินเพิ่มมากขึ้น แต่ นพ.ธวัช มองว่า การทำงานบางอย่าง ซึ่งต้องอยู่กับที่เกิน 8 ชั่วโมงจะทำให้เกิดโรคปวดหลัง ซึ่งอาชีพที่เสี่ยง เช่น พนัก งานขับรถ, คนยกของ, พนักงานเย็บผ้า ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้ควรพักให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย

    เดิมคนที่มีอายุเกิน 30 ปี จะมีอาการปวดหลัง แต่ ขณะนี้พบว่า มีเด็กที่อายุเพิ่ง 20 ปี ก็มีอาการปวดหลังมากขึ้นเนื่องจากสภาพสังคมตอนนี้เด็กส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่หน้าคอม พิวเตอร์นานทำให้เกิดอาการปวดหลัง ขณะเดียวกัน อาหารส่วนใหญ่มีสารพิษเจือปนทำให้คนแก่เร็วขึ้น เช่น ผงชูรสที่ผสมในอาหารส่งผลให้กระดูกผุเร็วขึ้น หรือบรรดาสารสีต่าง ๆ ที่จะเป็นตัวบั่นทอนความแข็งแรงของกระดูก

    การดื่มเหล้าสูบบุหรี่ก็เป็นอีกตัวที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดหลัง เพราะในบุหรี่มีสารนิโคตินทำให้หลอดเลือดหดตัวส่งผลให้เลือดไปหล่อเลี้ยงเซลล์ไม่ดีเป็นผลให้เกิดอาการปวดหลังเรื้อรัง”

    การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ ควรเอาใจใส่ อาหารที่รับประทานให้มีความสะอาดปราศจากสารพิษให้มากที่สุด และต้องพักผ่อนเพียงพอ ไม่ทำงานหนักเกินไป และไม่ควรกินยาเอง แต่ควรกินยาตาม แพทย์สั่งเพราะบางครั้งกินยา เองก็จะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด อยากให้นึกว่าชีวิตเรามีค่ามาก กว่าราคายา ดังนั้นควรดูแลรักษากันให้ดี

    โรคปวดหลังอาจเป็นอีกหนึ่งบทสะท้อนถึงคุณภาพชีวิตของคนไทย ที่วันนี้ความป่วยไข้เริ่มเข้ามาใกล้เยาวชนมากขึ้น ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้คุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ในอนาคตก็จะต่ำลงไปด้วย.

    เคล็ดลับสุขภาพดี : ล้างผักอย่างไรให้สดสะอาดปลอดสารพิษ

    ผักชนิดต่าง ๆ ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกายเพราะอุดมไปด้วยเกลือแร่รวมทั้งยังช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือดและที่สำคัญคือ สามารถช่วยลดปัญหาท้องผูกอันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ด้วย

    อย่างไรก็ตาม แม้ผักจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหน แต่ก็มีอันตรายซ่อนอยู่ด้วย นั่นก็คือ “สารพิษ” ตกค้าง จากปุ๋ยและยาฆ่าแมลงที่ติดมากับผักซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผักที่มีการสะสมสารพิษไว้มาก อาทิ ผักกาดขาว กะหล่ำปลี คะน้า ต้นหอม ฯลฯ

    การเลือกซื้อผักมาบริโภค ควรเลือกผักที่มีแมลงรบกวนหรือใช้สารเคมีน้อยที่สุด เช่น ผักบุ้งนา ชะอม มะละกอ ตำลึง หัวปลี เผือก มัน และฟักทอง เป็นต้น เพราะสารพิษที่เราได้รับเข้าสู่ร่างกายแม้ในปริมาณน้อย แต่ถ้าได้รับบ่อยครั้งเป็นเวลานาน ก็สามารถเกิดการสะสมเพิ่มปริมาณมากขึ้นจนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์กลายเป็นเซลล์มะเร็งลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ เช่น มะเร็งตับ และมะเร็งลำไส้ เป็นต้น

    ดังนั้นเมื่อซื้อผักมาแล้วควรล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างน้อย 2 ครั้ง ผักที่มีหนอนเจาะอยู่ควรแช่ด้วยน้ำเกลือทิ้งไว้สักพัก หนอนและแมลงจะลอยขึ้นมา แล้วจึงนำไปล้างน้ำสะอาดอีกที หรือหากมีดินติดมาควรแช่น้ำไว้สักครู่ เพื่อให้ดินอ่อนตัวลงจะช่วยให้ล้างดินออกได้ง่ายขึ้น สำหรับเคล็ดลับการเลือกซื้อผักปลอดสารพิษควรเลือกดูใบผักที่มีรอยหนอนหรือแมลงกัดแทะบ้างเล็กน้อย แต่ถ้าหากผักที่สดสวยไม่มีริ้วรอยกัดแทะของสัตว์ให้พึงทราบไว้ว่าน่า จะใช้สารเคมีเพื่อกันแมลงในปริมาณค่อน ข้างมาก

    การให้ความใส่ใจต่อการล้างผักที่ซื้อมาจากตลาด หรือซูเปอร์มาร์เกตจะช่วยลดสารพิษที่ปนเปื้อนไปได้มาก แม้แต่ผักปลอดสารพิษ หากไม่มั่นใจก็ควรล้างก่อนทุกครั้ง การล้างผักช่วยลดสารพิษมีวิธีปฏิบัติง่าย ๆ ดังนี้

    1.ใช้โซเดียมไบคาร์บอเนต (ผงฟู) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1 กะละมัง (20 ลิตร) แช่นาน 15 นาที แล้วนำไปล้างน้ำอีกหลาย ๆ ครั้ง สามารถลดสารพิษได้ 90-95%

    2.ใช้น้ำส้มสายชู (5%) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10-15 นาที สามารถลดสารพิษได้ 60-84%

    3.ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน ใช้มือช่วยคลี่ใบผัก นาน 2 นาที สามารถลดสารพิษได้ 54-63%

    4.ลอกหรือปอกเปลือกชั้นนอกของผักออกทิ้ง เด็ดผักเป็นใบ ๆ แล้วแช่น้ำสะอาดนาน 10-15 นาที สามารถลดสารพิษได้ 27-72%

    5.ต้มหรือลวกผักด้วยน้ำร้อน สามารถลดสารพิษได้ 48-50%

    6.ใช้ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกที สามารถลดสารพิษได้ 35-43%

    7.ใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกที สามารถลดสารพิษได้ 29-38%

    ทั้งหมดเป็นวิธีการล้างผักที่คุณแม่บ้านสามารถเลือกนำไปใช้ได้ตามความถนัดเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนในครอบครัว นอกจากจะได้รับประโยชน์จากผักผลไม้อย่างเต็มที่แล้วยังช่วยลดปริมาณสารพิษตกค้างที่มีผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย.

    ทีมวาไรตี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    "กสิกรไทย"แจ้งเตือนลูกค้าระว้ง"โทรจันตัวใหม่" ขโมยข้อมูลบัตรเครดิต/รหัส
    http://www.matichon.co.th/prachachat/news_detail.php?id=2912&catid=2

    กสิกรไทยแจ้งเตือนลูกค้าให้ระวัง โทรจันตัวใหม่"Pws.Sinowal.AU" ขโมยข้อมูลบัตรเครดิต/รหัสเอทีเอ็ม ระบุเป็นโปรแกรมที่ฝังตัวในเครื่องคอมฯเพื่อคัดลอกข้อมูล แถมยังสามารถติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานทางอินเทอร์เน็ตด้วย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>เรื่อง แจ้งเตือนระว้งโทรจันตัวใหม่ขโมยข้อมูลบัตรเครดิต/รหัสเอทีเอ็ม</TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD>ขณะนี้ มีโทรจันตัวใหม่ชื่อ "Pws.Sinowal.AU" ซึ่งนอกจากจะเป็นโปรแกรมที่ฝังตัวในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อคัดลอกข้อมูลการพิมพ์แล้ว ยังสามารถติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานทางอินเทอร์เน็ต โดยเมื่อพิมพ์คำว่า "bank" ที่ browser จะมี Pop-up ให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต รวมถึงรหัสเอทีเอ็ม ATM PIN โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย ดังภาพ
    หากพบ Pop-up ดังกล่าว โปรดอย่าตอบกลับหรือให้ข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ ธนาคารขอให้ท่านทำการตรวจสอบเว็บไซต์ก่อน submit ข้อมูลใดๆ โดยคลิกที่สัญลักษณ์ "รูปแม่กุญแจ" ที่มุมขวาล่างของ browser เพื่อตรวจสอบข้อมูล Certificate ให้แน่ใจว่าเป็นเว็บไซต์ของธนาคารจริง

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=790 border=0><TBODY><TR><TD align=middle width="50%">Pop-up ปลอม</TD><TD align=middle width="50%">Pop-up ของธนาคาร</TD></TR><TR><TD align=middle width="50%">[​IMG]</TD><TD align=middle width="50%">[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR><TR><TD>
    หากท่านมีข้อสงสัย หรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดติดต่อ K-Contact Center โทร. 0 2888 8888 กด 06 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง หรืออีเมล์ eBusinessSupport@kasikornbank.com

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>พลิกแฟ้มคดีดัง-ย้อนรอย "ล้มบนฟูก" ช่องกฎหมาย...หายนะรากหญ้า
    http://www.komchadluek.net/2009/03/01/x_sat_q010_339385.php?news_id=339385



    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    "ไทยต้องกลายเป็นลูกหนี้ของกองทุนไอเอ็มเอฟ ขณะที่ผู้บริหารสถาบันการเงินตัวปัญหาหลายคน กลับร่ำรวย เสพสุขอยู่ในต่างประเทศ โดยที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้"

    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";google_ad_slot = "8122705396";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    วิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังถาโถมเข้าใส่ประเทศไทยอยู่ในขณะนี้ ทำให้หลายฝ่ายอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า ประเทศไทยจะเดินซ้ำรอยวิกฤติเศรษฐกิจ “ต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 หรือไม่ เหตุการณ์ดังกล่าวแม้เวลาจะล่วงกว่า 10 ปี แต่หลายคนก็ยังจดจำความล้มเหลวของระบบการเงินเป็นอย่างดี

    สถาบันการเงินในประเทศไทยกว่าครึ่งต้องประสบภาวะล้มละลาย มีนักการเงินที่มีชื่อเสียงมากมายต้องกลายเป็นคนหนีคดี สาเหตุจากความสะเพร่าในการบริหารเงินของประชาชนที่นำไปลงทุน แต่จนถึงขณะนี้นักธุรกิจ ผู้บริหารสถาบันการเงิน ไม่เว้นแม้แต่บางคนที่ถูกเรียกว่า "พ่อมดทางการเงิน" อย่าง ราเกช สักเสนา ยังคงลอยนวลและมีสถานะทางสังคมดังเดิม <CENTER>[​IMG]</CENTER>


    วิกฤติทางการเงินครั้งนั้นหลายคนเรียกเปรียบเปรยคนเหล่านี้ว่า "ล้มบนฟูก"

    เมื่อปี 2540 สถาบันการเงินหลายแห่งในประเทศไทยเกิดการโกงกันครั้งมโหฬาร เม็ดเงินหลายหมื่นล้านบาท ถูกถ่ายเทออกนอกประเทศ โดยฝีมือคนเพียงไม่กี่คน แต่การกระทำดังกล่าวส่งผลร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศในเวลานั้น
    ไทยต้องกลายเป็นลูกหนี้ของกองทุนไอเอ็มเอฟ ขณะที่ผู้บริหารสถาบันการเงินตัวปัญหาหลายคน กลับร่ำรวย เสพสุขอยู่ในต่างประเทศ โดยที่กฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ นอกจากไม่ได้รับโทษแล้วหลายคนยังได้ดิบได้ดี บางรายยังคงวนเวียนอยู่ในแวดวงการเงินของประเทศ และหลายคนวนเวียนอยู่ในแวดวงการเมือง ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมอย่างปกติสุข
    ย้อนหลังไปเมื่อปี 2540 นับตั้งแต่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นสั่งปิดสถาบันการเงินรวม 56 แห่ง เพราะพบความไม่ชอบมาพากลในการทำธุรกรรมทางการเงิน กระบวนการตรวจสอบต่างๆ จึงเริ่มขึ้น โดยรัฐบาลมอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นแม่งานในการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำความผิด โดยมีตำรวจกองบังคับการเศรษฐกิจ เป็นเจ้าพนักงานทางคดีรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี
    หลังกระบวนการตรวจสอบเริ่มขึ้นไม่นาน ผู้ประกอบการสถาบันการเงินถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดเกี่ยวกับทรัพย์หลายราย แต่ส่วนใหญ่กฎหมายไทยก็ยังไม่สามารถที่จะนำคนเหล่านี้มาลงโทษได้
    อย่างนายราเกซ สักเสนา พ่อมดทางการเงินชาวอินเดีย อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ หรือบีบีซี ปัจจุบันเขายังอาศัยอยู่ในประเทศแคนาดา แม้ทางการไทยจะพยายามขอให้ทางการแคนาดาส่งพ่อมดทางการเงินรายนี้ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนมารับโทษในไทย ในความผิดข้อหาร่วมกันทุจริตและยักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ไปกว่า 75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราวกว่า 3,000 ล้านบาท
    นายราเกซ หนีออกจากประเทศไทยไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถูกออกหมายจับ พนักงานอัยการของไทยใช้ความพยายามมาแล้วกว่า 10 ปีในการประสานเพื่อขอตัวนายราเกซ กลับมารับโทษในประเทศไทย แต่นายราเกซก็อาศัยความสลับซับซ้อนของกฎหมายระหว่างประเทศ ยื้อเวลา จนหลายคดีหมดอายุความในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ขณะที่อีกหลายคดีจะหมดอายุความในปี พ.ศ.2553
    เมื่อเร็วๆ นี้ประเทศไทยได้รับข่าวดี ศาลแคนาดา พิพากษาให้ส่งตัวนายราเกซ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษในประเทศไทยภายในเดือนมีนาคม 2552 แต่นายราเกซ ยื่นเรื่องต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมแคนาดาให้พิจารณาทบทวนอีกครั้ง โดยอ้างเหตุผลความไม่ปลอดภัย เพราะประเทศไทยเกิดความวุ่นวายทางการเมือง
    ทั้งนี้ นายราเกซ ถูกชักนำจากนายเกริกเกียรติให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษา ก่อนที่จะร่วมกันยักยอกทรัพย์ของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ โดยเปิดบริษัทหลายแห่งแล้วเข้ามาขอกู้จากธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ เพื่อโอนถ่ายเงิน โดยไม่ได้ทำธุรกิจจริง แถมยังใช้หลักทรัพย์ที่ตีราคาสูงเกินจริงค้ำประกัน ซึ่งธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การเสียหายอย่างรุนแรง จนต้องล้มละลาย และธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเข้ายึดกิจการไปบริหารจัดการแทน
    หลังจากธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การล้มละลาย นายราเกซก็หลบหนีออกนอกประเทศ ขณะที่นายเกริกเกียรติ พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงหลายคนของธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ ถูกจับกุมดำเนินคดีฐานฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ รวมถึงความผิดตาม พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ และพ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ หลายคดี ซึ่งจนถึงขณะนี้นายเกริกเกียรติและพวก ถูกศาลพิพากษาให้จำคุกรวมกันแล้วเป็นเวลากว่า 100 ปี พร้อมกับต้องชดใช้เงินคืนธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ อีกหลายพันล้านบาท ซึ่งนายเกริกเกียรติและพวกอยู่ระหว่างสู้คดีในชั้นอุทธรณ์
    นอกจากนายราเกซ ที่ยังคงหลบหนีความผิดอยู่ในแคนาดาแล้ว นายปิ่น จักกะพาก “พ่อมดทางการเงิน”ในยุคนั้นอีกคนก็ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศอังกฤษ และดูเหมือนว่านายปิ่นอาจจะไม่ได้รับโทษแต่อย่างใด เพราะคดีความส่วนใหญ่ของนายปิ่นหมดอายุความไปแล้ว
    ก่อนที่จะหนีไปพำนักในประเทศอังกฤษ นายปิ่น เป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทเงินทุนเอกธนกิจ หรือ ฟินวัน (FIN-1) และยังเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี
    รูปแบบการกระทำผิดของนายปิ่น ไม่แตกต่างจากกรณีของนายราเกซ และนายเกริกเกียรติ โดยนายปิ่นอาศัยธุรกิจบริษัทเงินทุนเอกธนกิจ ซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ปั่นหุ้นระดมทุน และปล่อยกู้ในเครือญาติโดยไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือใช้หลักทรัพย์ราคาต่ำกว่าประเมินโยกย้ายเงินไปเก็บไว้ในบัญชีธนาคารต่างประเทศ ทำให้เกิดความเสียหายหลายพันล้านบาท
    ซึ่งหลังรัฐบาลสั่งปิดกิจการบริษัทเงินทุนเอกธนกิจ นายปิ่นได้หนีไปประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 แม้ในปี พ.ศ. 2542 ทางการอังกฤษจะจับกุมนายปิ่นได้ในกรุงลอนดอน แต่เมื่อทางการไทยร้องขอให้ทางการอังกฤษส่งตัวนายปิ่นกลับมาเมืองไทย นายปิ่นก็ต่อสู้ในทางคดี จนศาลอังกฤษมีคำพิพากษาไม่ให้ส่งตัวนายปิ่นกลับประเทศไทย เพราะความผิดตาม พ.ร.บ.เงินทุนบริษัทหลักทรัพย์และธุรกิจฟองซิเอร์ ในกฎหมายไทยนั้น ไม่มีบังคับใช้ในประเทศอังกฤษ จึงถือว่านายปิ่นไม่มีความผิด
    นอกจากไม่ต้องรับโทษแล้ว ปัจจุบันนายปิ่นยังได้รับการยอมรับในแวดวงการเงินในประเทศแถบยุโรป ได้รับการว่าจ้างจากสถาบันการเงินชั้นนำในประเทศเหล่านี้ให้เป็นที่ปรึกษาทางด้านการเงินมาจนถึงทุกวันนี้
    ++++
    ล้อมกรอบ
    อำนาจแทรกแซงเอาผิดคนโกงยาก
    “คดีล้มบนฟูกอุปสรรคไม่ใช่อยู่ที่กฎหมายไม่พอ หรือพนักงานสอบสวนไม่มีความรู้ แต่เพราะคนทำคดีขาดความต่อเนื่อง ถูกปรับเปลี่ยนโยกย้ายบ่อย จึงต้องทิ้งคดีไปทำให้ต้องใช้เวลาในการทำคดีนาน” พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ อดีตพนักงานสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงินช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง กล่าว
    เขา บอกด้วยว่า คดีที่เกี่ยวกับความผิดทางเศรษฐกิจในยุคนั้น สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศอย่างมาก มีผู้ทำผิดหลายคน แต่สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ไม่กี่คน เฉลี่ยแล้วเพียงร้อยละ 10 เท่านั้น ปัจจุบันยังมีคนโกงอีกหลายคนยังลอยนวลอยู่ในสังคมโดยไม่ถูกลงโทษ
    พ.ต.อ.ชนะชัย กล่าวด้วยว่า การโกงของนักการเงินมีกลวิธีแยบยล โยกย้ายทรัพย์สินโดยไม่มีใครรู้ ปัจจุบันก็ยังทำกันอยู่ อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2552 อาจเกิดคดีในลักษณะเดียวกับวิกฤติ “ต้มยำกุ้ง” ขึ้นอีก
    “การเอาผิดทำได้ยากโดยเฉพาะรายที่หนีไปต่างประเทศ อย่างนายปิ่น จักกะพาก คดีขาดอายุความ กฎหมายเรากับกฎหมายอังกฤษแตกต่างกัน นายปิ่นจึงไม่ถูกส่งตัวกลับมาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ขณะที่นายราเกซ ยังพอมีหวัง แต่ขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก เกรงว่าคดีอาจขาดอายุความเช่นกัน” พ.ต.อ.ชนะชัย กล่าว พ.ต.อ.ชนะชัย กล่าวด้วยว่า คดีเศรษฐกิจสร้างความเสียหายร้ายแรงให้แก่ประเทศชาติ ซึ่งควรแก้กฎหมายให้คดีประเภทนี้ไม่มีอายุความ เพราะการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ต้องใช้เวลานาน หากมีการกำหนดระยะเวลาไว้จะเป็นช่องให้ผู้กระทำผิดหลุดพ้นโทษ ขณะที่อดีตพนักงานสอบสวนในคดีดังกล่าวอีกคน บอกว่า สาเหตุหลักที่ทำให้คนโกงในคดีล้มบนฟูกลอยนวล เพราะกระบวนการตรวจสอบไม่เข้มข้น พนักงานสอบสวนถูกผู้มีอำนาจแทรกแซงทำคดีได้ไม่เต็มที่ เพราะนักการเงินมีฐานะร่ำรวย บางรายให้การสนับสนุนพรรคการเมือง หรือไม่ก็เข้าไปเรียนหลักสูตรต่างๆ ที่หน่วยงานในสายยุติธรรมจัดขึ้นเพื่อสร้างความสนิทสนม หลังจากนั้นก็จะช่วยเหลือกันทางคดี คดีไหนเคลียร์ได้ก็เคลียร์ แต่หากไม่ได้ก็ใช้วิธีฟ้องร้องพนักงานสอบสวนเพื่อขัดขวางการทำงาน ขณะที่บางคนใช้นักการเมืองหรือผู้มีอำนาจโยกย้ายพนักงานสอบสวนที่ไม่ใช่พวกพ้องพ้นคดีไปเสีย



    </TD></TR></TBODY></TABLE><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
    <SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT><SCRIPT>window.google_render_ad();</SCRIPT>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    [​IMG] [​IMG] top.jpg
    ดาวน์โหลด 26 ครั้ง
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  19. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    แล้วคุณน้องโดจิทำอะไรคะ คุณพี่คอยเป็นกำลังใจให้คุณน้องอยู่นะคะ


     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

แชร์หน้านี้

Loading...