พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ้าวไหนบอกให้พาไปสวรรค์กันไงครับ หุ หุ
     
  3. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    คุยอะไรกัน - -" ผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลยครับ 77 เหรอครับ งง
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เหอๆๆ จำไว้ครับ ผมจำไว้แม่นเลย

    .
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ


    ตั้งแต่วันนี้( ศุกร์ที่ 23 มกราคม) ผมขอมอบพระวังหน้า บุเงิน จำนวน 6 องค์ (มีพิมพ์หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน 1 องค์) นอกนั้นเป็นพิมพ์วังหน้า(หลายพิมพ์) และผมจะเป็นผู้ที่เลือกพิมพ์ให้เอง

    สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิในคร้งนี้ จำนวนเงินที่ร่วมทำบุญ 1,500 บาท ผมมอบให้ 1 องค์(สำหรับท่านที่เคยร่วมทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิมาแล้ว

    แต่สำหรับท่านที่ไม่เคยร่วมทำบุญมาก่อน ต้องทำบุญ 15,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    องค์ที่ 1 คุณ drmetta
    องค์ที่ 2 คุณ drmetta
    องค์ที่ 3 คุณ dragonlord<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1824240", true); </SCRIPT>
    องค์ที่ 4 คุณ เทพารักษ์ มอบพระพิมพ์แล้ว
    องค์ที่ 5 คุณ เทพารักษ์<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1824426", true); </SCRIPT> มอบพระพิมพ์แล้ว
    องค์ที่ 6 (หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน) คุณ teerachaik<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1825141", true); </SCRIPT> จอง

    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890.1/3128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    ผมมีพระวังหน้า มอบให้กับทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญ ตามรายละเอียดดังนี้

    1.พระพิมพ์วังหน้า(พิมพ์เจ้าสัว) บุเงิน จำนวน 12 องค์ หมดแล้ว

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 700 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 2,100 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 5 องค์
    2.คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15.2/-52) มอบพระพิมพ์แล้ว
    3.คุณdrmetta<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1869258", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และยังไม่ได้โอนเงินร่วมทำบุญ) มอบพระพิมพ์แล้ว
    4.คุณnarin96 ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.16.252/)

    5.คุณพรสว่าง_2008<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1871468", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 700 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.17.252/)
    6.คุณbamby ร่วมทำบุญ 2,100 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว)
    7.คุณtanutda ร่วมทำบุญ 2,100 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.11.252/) มอบพระพิมพ์แล้ว
    8.คุณpsombat<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1896487", true); </SCRIPT> (psombat ) ร่วมทำบุญ 2,111 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.11.252/)

    2.พระพิมพ์วังหน้า(พิมพ์พระสังกัจจายน์ปิดตา) บุนาค จำนวน 4 องค์ หมดแล้ว

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 3,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 1 องค์
    2.คุณdragonlord<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1867800", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 10.2/-52)
    3.คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15.2/-52) มอบพระพิมพ์แล้ว
    4.คุณdrmetta<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1869258", true); </SCRIPT> ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และยังไม่ได้โอนเงินร่วมทำบุญ)


    3.พระสมเด็จ (วังหน้า อกครุฑ อาบน้ำว่าน) จำนวน 15 องค์ คงเหลือ 10 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 3,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 3 องค์
    2.คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15.2/-52) มอบพระพิมพ์แล้ว
    3.คุณjirautes ร่วมทำบุญ 1,000 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.17.252/)


    4.พระสมเด็จ อรหัง (วัดระฆัง) จำนวน 9 องค์ คงเหลือ 6 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,500 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 5,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์


    รายนามท่านที่ร่วมทำบุญ
    1.คุณkaticat ร่วมทำบุญ 11,001.11 บาท ผมมอบให้ 2 องค์
    คุณเทพารักษ์ ร่วมทำบุญ 1,500 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมบุญแล้ว 15.2/-52) มอบพระพิมพ์แล้ว
    3.คุณWirakร่วมทำบุญ 1,500 บาท (จองแล้ว 1 องค์ และโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ลว.11.252/) มอบพระพิมพ์แล้ว


    โมทนาบุญทุกประการครับ
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1410
    http://palungjit.org/showthrea...2445&page=1411
    http://palungjit.org/showthread.php?p=1875613#post1875613

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ

    หมายเหตุ 3 ท่านใดจองและร่วมทำบุญก่อน มีสิทธิ์ได้ก่อน

    โดยท่านที่ร่วมทำบุญ ต้องสแกนหรือถ่ายรูปใบอนุโมทนาบัตรหรือสลิปการโอนเงินที่เป็นชื่อของท่านให้ผมทราบก่อน แล้วผมจะส่งพระพิมพ์ให้ ส่วนค่าจัดส่ง,ค่ากล่องและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผมเป็นผู้จ่ายให้เองครับ
    ----------------------------------------------


    หมายเหตุ หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    หมายเหตุ 1 พระวังหน้า ที่ผมนำมามอบให้กับผู้ที่ทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ และผมได้บอกบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ เป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ

    http://palungjit.org/showthrea...39#post1888539
    http:.179//palungjit.org/showthrea...2445&page=1424


    http://palungjit.org/showthread.php?p=1899802&posted=1#post1899802
    หน้า 1429 กระทู้พระวังหน้าฯ

    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    วันนี้ ( 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 10.06 น.) ผมได้ดำเนินการจัดส่งพระพิมพ์ให้แล้วนะครับ

    หากท่านใดได้รับพระพิมพ์แล้ว ผมรบกวนแจ้งให้ทราบในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... และหรือกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ ด้วยนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    รู้จักเลือก…รู้จักเลี่ยง ไม่เสี่ยงเป็นความดันโลหิตสูง

    http://women.kapook.com/health00133/

    [​IMG]



    [​IMG]






    รู้จักเลือก…รู้จักเลี่ยง ไม่เสี่ยงเป็น”ความดันโลหิตสูง”(เดลินิวส์)

    ชีวิตของผู้คนในยุคสมัยนี้ ต้องเผชิญกับปัญหาหลากหลายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต สร้างความบั่นทอนร่างกายและจิตใจให้ถดถอยลง ส่งผลให้ความดันโลหิตในร่างกายสูงตามไปด้วย



    ภาวะความดันโลหิตสูง นับเป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขสำคัญที่กำลังคุกคามโลก โดยในปัจจุบันมีประชากรหลายร้อยล้านคนทั่วโลกมีภาวะความดันโลหิตสูง และมีการคาดการณ์ว่าในอีก 16 ปีข้างหน้า หรือในปี พ.ศ. 2568 ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 พันล้านคน

    สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขคาดว่า จะมีผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงประมาณ 10 ล้านคน ซึ่ง 70% ของคนกลุ่มนี้ไม่ทราบว่าตนเองมีภาวะดังกล่าว ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม อัน จะนำไปสู่การเกิดโรคแทรกซ้อนมากมาย อาทิ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ด้วย
    นพ.ธวัชชัย ภาสุรกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวาน ไทรอยด์และต่อมไร้ท่อ ให้ความรู้ว่า ความดันโลหิต หมายถึง แรงดันเลือดที่เกิดจากการ ที่หัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่ว ร่างกาย ซึ่งหัวใจคนเราจะเต้น 60-80 ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว ความดันโลหิตของคนเราไม่เท่ากันตลอดเวลาขึ้นอยู่กับท่าของผู้ถูกวัดด้วย โดย ท่านอนความดันโลหิตมักจะสูงกว่าท่ายืน นอกจากนั้นแล้ว ยังขึ้นกับสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น การออกกำลังกาย การทานอาหาร การนอนหลับ กิจกรรมที่ทำอยู่ รวมทั้งสภาพจิตใจด้วย
    โดยปกติคนจะมีระดับความดันโลหิต 120/80-139/89 มิลลิเมตรปรอท หากมีค่าความดันมากกว่านี้จัดว่าเป็นผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ส่วนสาเหตุของความดันโลหิตสูง 90% ของผู้ที่มีภาวะดังกล่าวไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน พบมากในกลุ่มคนอายุ 40 ปีขึ้นไป นอกจากนั้น เกิดจากอาการป่วยบางอย่าง เช่น อาการป่วยเกี่ยวกับสมอง ต่อมหมวกไต และต่อมไร้ท่อบางประเภท
    “ผู้มีภาวะความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่มักจะไม่ปรากฏอาการใด ๆ จึงไม่ได้เข้ารับการรักษาและไม่มีการควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งในรายที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมาก ๆ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตแบบเฉียบพลันได้ ดังนั้นความดันโลหิตสูงจึงเปรียบเสมือนเพชฌฆาตเงียบที่คร่าชีวิตคนจำนวนมากไปแบบไม่รู้ตัว”
    โรคความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับหนึ่งของโรคอัมพาตและยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจ โรคไต โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โดยผู้ที่ไม่ได้รักษาความดันโลหิตสูงจะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเพิ่มขึ้น 3 เท่า มีโอกาสเกิดโรคหัวใจวายเพิ่มขึ้น 6 เท่า และมีโอกาสเกิดโรคอัมพาตเพิ่มขึ้น 7 เท่า
    “ภาวะความดันโลหิตสูงจะค่อยๆ ทำให้หลอดเลือดภายในร่างกายค่อยๆ เสื่อมไป โดยเฉพาะ 3 อวัยวะสำคัญ คือ หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ รวมทั้งไต ซึ่งเมื่อมีการตีบหรือ แตกของหลอดเลือดในอวัยวะสำคัญเหล่านี้จะทำให้เสียชีวิตได้แบบเฉียบพลัน หรือทำให้เป็นอัมพาตได้ ดังนั้น แม้ในคนปกติ หรือผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ควรตรวจวัดความดันโลหิตสูงอยู่ อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากหากได้รับการรักษาหรือปรับการปฏิบัติตัวแต่เนิ่นๆ จะทำให้หลอดเลือดไม่ผิดปกติเร็วเกินไปนัก สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้วนั้น หากมิได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้”

    ปัจจัยเสี่ยงต่อภาวะ ความดันโลหิตสูง นพ.ธวัชชัย กล่าวว่า ได้แก่ กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม โดยมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ ได้ประมาณ 30- 40% รวมทั้งสิ่งแวดล้อมที่เคร่งเครียด รีบเร่งมีผลต่อการก่อโรคได้เร็วขึ้น ด้าน อายุ มักพบในอายุตั้งแต่ 40-50 ปี ขึ้นไป เพศ ซึ่งมักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือน รูปร่าง พบมากในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนมากกว่าคนผอม ส่วน เชื้อชาติ พบมากที่สุดในคนอเมริกันเชื้อสายคนดำแอฟริกัน รวมไปถึงผู้ที่ทานเกลือสูงหรือชอบกินเค็มมีโอกาสเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้
    สำหรับการรักษาผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงมี 2 ทางเลือกด้วยกัน คือ การใช้ยา และ ไม่ใช้ยา ในผู้ป่วย ซึ่งในรายที่เริ่มรู้ตัวว่าเป็น แพทย์จะสามารถรักษาได้โดยป้องกัน ไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อน แต่สำหรับผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย แพทย์จะต้องให้ยาและพยายามควบคุมระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ
    ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น ทำให้ผู้ป่วยสามารถ ตรวจวัดความดันโลหิตได้ด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ได้ที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยทราบระดับความดันโลหิต ของตนเองตลอดเวลา หากมีระดับสูงผิดปกติก็สามารถรีบไปพบแพทย์หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม อันจะนำไปสู่การควบคุมระดับความดันโลหิตที่ดีขึ้น ตลอดจนลดปัญหาจากการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ ความดันโลหิต สูงเป็นเพชฌฆาตเงียบ เป็นแล้ว ไม่หายขาด ต้องดูแลรักษา ตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นจึงคุ้มที่จะป้องกันและรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้
    ทุกคนสามารถป้องกันการเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้ โดยการเลือกทานอาหารที่เหมาะสม หลีกเลี่ยง อาหารเค็มจัด เพราะเกลือทำให้ความตึงตัวของผนังหลอดโลหิตแดงเพิ่มขึ้น รวมทั้ง อาหารกลุ่มไขมัน ควรให้อยู่ในระดับกลางค่อนข้างต่ำ ควรหลีกเลี่ยงไขมันจากสัตว์และจำพวกกะทิ อีกทั้ง อาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลขัดขาวทุกชนิด เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวและระดับไขมันในเลือดเพิ่มขึ้น

    นอกจากนั้นควรหลีกเลี่ยง การสูบบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ หรือดื่มได้ในปริมาณที่พอเหมาะ (วิสกี้ 2 ออนซ์หรือ ไวน์ 8 ออนซ์) รวมทั้งพยายามควบคุมน้ำหนักตัว เพราะความอ้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรค และออกกำลังกาย ให้พอควรและสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด และมีการตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ
    “อยากให้ทุกคน ตระหนักและเข้าใจถึงความสำคัญของความดันโลหิตสูง ถ้าสามารถรักษา ควบคุมให้ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม อย่าละเลย อย่าประมาท ก็จะมีโอกาสลดการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ต่อหัวใจ สมอง และไตได้ แล้วคุณจะห่างไกลจากโรคความดันโลหิตสูง” นพ. ธวัชชัย กล่าวทิ้งท้าย
    สำหรับผู้ที่รักสุขภาพหรือต้องการตรวจวัดความดันโลหิตสามารถเข้ารับบริการตรวจวัดความดันโลหิตได้กับโครงการ “เช็คไลฟ์ เช็คความดัน เช็คสุขภาพ” ซึ่งจัดร่วมกับร้านขายยาชั้นนำทั่วไป เช่น แม็คโคร โลตัส ท็อปส์ซูเปอร์ มาร์เก็ต ร้าน P&F รวมถึงร้านขายยาทั่วไปที่ร่วมรายการกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ โดยจะมีการนำเครื่องวัดความดันไปตั้งไว้ที่จุดบริการเพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจวัดความดันได้ฟรีตลอดปี พ.ศ. 2552 นี้ จะได้รู้ว่าความดันโลหิตของเราตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง

    ไม่ใช่เรื่องยากที่จะดูแลรักษาระดับของความดันโลหิต… เพียงแค่คุณใส่ใจ


    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ทำงานแบบไหน เจ้านายถึงจะปลื้ม

    http://women.kapook.com/work00155/

    ทำงานแบบไหน เจ้านายถึงจะปลื้ม

    [​IMG]
    ทำงานแบบไหน เจ้านายถึงจะปลื้ม (สุดสัปดาห์)
    ไม่ได้แนะให้ทำตัวชะเลียเพื่อให้เจ้านายโปรดปราน หากแต่คือวิธีทำงานอย่างมือโปรที่สุด ส่งผลให้เจ้านายไว้ใจในผลงานของคุณทุกครั้ง ….และ 20 วิธีต่อไปนี้จะสะท้อนให้เจ้านายเห็นว่าคุณเป็นคนเอางานเอาการ สมควรเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานคุณภาพอย่างแท้จริง

    [​IMG] 1. รู้จักงานที่ทำอยู่ตรงหน้า</PRE>เริ่มตั้งแต่รู้จักปรัชญาของบริษัทที่ทำอยู่ตอนนี้เลยว่าคืออะไร จากนั้นก็ซอยย่อยๆ ลงมายังตำแหน่งที่คุณทำอยู่ เพื่อให้มองเห็นภาพกว้างและทำงานไปในทิศทางที่สอดคล้องกันมากที่สุด

    [​IMG] 2. ประเมินผลงานของตัวคุณเอง (จากมุมของเจ้านาย)</PRE>ทำงานมาถึงตอนนี้แล้วต้องชี้ให้ได้ว่า งานที่คุณทำอยู่ต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง ต้องทำตัวอย่างไรบ้างเพื่อให้งานบรรลุเป้าหมาย ฯลฯ จากนั้นก็ลุยประเด็นที่ลิสต์มาว่า ทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน (ย้ำว่าจากมุมของเจ้านาย) แล้วจัดการอุดช่องโหว่เสีย

    [​IMG] 3. พึ่งตัวเองได้</PRE>หัดเป็นพนักงานที่ผลักดันงานของตัวเองให้เดินหน้าไปได้โดยที่ไม่ต้องให้เจ้านายคอยชี้แนะอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญขายไอเดียอะไรไปก็ต้องทำให้สำเร็จตามที่ลั่นวาจาไว้ ไม่อย่างนั้นเสียเครดิตแย่

    [​IMG] 4. สร้างบรรยากาศการทำงานในทางบวก</PRE>อย่าเป็นพนักงานที่คอยเม้าท์เจ้านายหรือบริษัทลับหลัง ซึ่งอันที่จริงเม้าท์ไปอาจจะช่วยระบายความคับข้องใจได้บ้าง แต่ทางที่ดีควรเปลี่ยนมาใช้วิธีพูดจาโน้มน้าวให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทีนี้ตัวคุณก็จะอยู่เป็นสุข บริษัทก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย


    [​IMG] 5. ทำงานให้ได้ตามเป้าของเจ้านาย</PRE>การที่เราทำงานเสร็จตามเป้านอกจากจะช่วยให้เห็นว่าเจ้านายของเราบริหารลูกทีมได้ดี ยังพิสูจน์ได้ว่า คุณเป็นคนทำงานดี มีคุณภาพ และตรงต่อเวลา ซึ่งหมายถึงความเป็น “มืออาชีพ” เคล็ดลับที่ควรจำให้ขึ้นใจคือ ตอนนี้งานสำคัญของเจ้านายคืออะไร คุณก็ควรเพ่งความสนใจที่งานนั้นด้วย

    [​IMG] 6. ผิดเป็นครู</PRE>แอ่นอกยอมรับผิดในสิ่งที่ทำพลาดไป เร่งแก้ไข แล้วเก็บสิ่งที่พลั้งพลาดไปเป็นครู ดีกว่าจะมานั่งโทษตัวเองหรือโทษคนรอบข้าง

    [​IMG] 7. จัดระบบการทำงาน</PRE>ก่อนสะบัดก้นออกจากที่ทำงานเพราะได้เวลากลับบ้านแล้ว ให้จัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นของงานที่จะต้องทำในวันรุ่งขึ้นไว้เลยว่า มีอะไรบ้าง (ลิสต์มาอย่างน้อย 2-3 ข้อต่อวัน)

    [​IMG] 8. ตรงต่อเวลา</PRE>ไม่ว่าจะเวลารูดบัตรหรือตอกบัตร นัดหมาย การประชุม ฯลฯ ก็หมั่นไปให้ตรงเวลาทุกครั้ง และจะดีที่สุดหากคุณมาก่อนเวลาเพื่อเตรียมความพร้อม เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่าคุณเป็นคนกระตือรือร้นกับงาน

    [​IMG] 9. ช่างถามไปก็ไม่ดี</PRE>จริงอยู่การเป็นคนช่างซักถามแสดงถึงความใส่ใจ แต่ถ้ามีนิสัยช่างถามกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างนี้นิ่งไว้จะดีกว่า นึกไว้เสมอว่าคิดก่อนพูด พูดแล้วมีประโยชน์ค่อยพูด และถ้าจะต้องแจ้งปัญหาต่างๆแก่เจ้านาย ควรลิสต์ทางแก้อื่นๆ ไว้เสนอด้วยจะดีมาก

    [​IMG] 10. หมั่นเติมทักษะและความรู้ให้กับตัวเอง</PRE>บางบริษัทมีคอร์สอบรมพิเศษต่างๆเพื่อเติมความรู้และทักษะให้กับพนักงานไปต่อยอดความคิดปรับปรุงเนื้องานให้ดีขึ้น หรือแม้แต่กิจกรรมการกุศล เพื่อสังคม ฯลฯ นอกเหนือจากงานก็เถอะ ควรเข้าร่วมหากมีเวลา เพราะจะทำให้คุณกว้างขวางและมีทักษะด้านอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นอีก

    [​IMG] 11. ติดตามข้อมูลข่าวสาร</PRE>ความเคลื่อนไหวในแวดวงของงานที่ทำ เทรนด์ของโลก หรือเรื่องใหม่ๆที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้ เรื่องเหล่านี้คุณสามารถติดตามได้จากสื่อทุกประเภท รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นอยู่เป็นครั้งคราว นอกจากจะทำให้รู้ทันชาวบ้านเขาแล้ว ยังได้ไอเดียใหม่ๆมาขายเจ้านายอีกด้วย

    [​IMG] 12. เป็นคนไม่เชย</PRE>การเป็นคนทันสมัยทำได้หลายแบบ ตั้งแต่อัพเดทเรื่องเทคโนโลยี ข่าวสารความรู้เรื่องใกล้ตัว ไปจนถึงเรื่องบ้านเมือง แต่แค่รู้อย่างเดียวไม่พอ ต้องนำมาประยุกต์ใช้ในสังคมการทำงานที่คุณอยู่ให้ได้ด้วย

    [​IMG] 13. สุภาพนอบน้อม</PRE>ทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ให้ความเคารพเจ้านายในฐานะที่เป็นหัวหน้างาน เวลาจะพูดจาทั้งต่อหน้าและลับหลังก็ให้พูดแต่สิ่งดีๆ ถ้าทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ไม่ควรเม้าท์เจ้านายในทางเสียหาย เพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่คุณเม้าท์จะถูกขยายต่อไปถึงหูเจ้านายเมื่อไร ถึงตอนนั้นผลลัพธ์ที่ได้คงไม่สวยแน่ๆ

    [​IMG] 14. หัดยืดหยุ่นไว้บ้าง</PRE>ความเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ใครก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ และหลายบริษัทก็ต้องการคนทำงานที่พร้อมจะปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือวัฒนธรรมองค์กร

    [​IMG] 15. ดูแลตัวเอง</PRE>ดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจอย่าให้บกพร่อง เพราะหากเรามีความสมบูรณ์ในตัวเองก็จะมีเรี่ยวแรงทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ

    [​IMG] 16. เพื่อนไม่ใช่กระโถน</PRE>เรื่องส่วนตัวต่างๆ เก็บไว้ที่บ้าน บางครั้งเพื่อร่วมงานก็ไม่ใช่นักจิตวิทยาที่จะคอยรับฟังคุณทุกเรื่อง ที่สำคัญไม่ควรอาศัยไหว้วานหรือกินแรงเพื่อนบ่อยนัก (แม้เขาจะไม่ว่าอะไร) บางครั้งแม้จะมีงานมาส่งเจ้านาย แต่ถ้าต้องอาศัยจมูกคนอื่นหายใจบ่อยๆ เจ้านายก็คงไม่ปลื้มคุณนักหรอก

    [​IMG] 17. เต็มที่กับงาน</PRE>นอกจากทำงานในส่วนของตัวเองให้สมบูรณ์แล้ว บางครั้งการได้งานใหม่ๆเพิ่มขึ้นมาก็เป็นโอกาสดีๆ ที่ท้าทายคุณไม่น้อย อย่าไปคิดว่านั่นไม่ใช่งานในความรับผิดชอบ แล้วมัวแต่ปฏิเสธหัวชนฝา “เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส” น่ะ เคยได้ยินไหม

    [​IMG] 18. ทำงานเป็นทีม</PRE>แสดงให้เจ้านายเห็นเลยว่า คุณกับเพื่อร่วมงานมีเป้าหมายในการทำงานร่วมกัน เวลาที่ใครติดขัดอะไรคุณก็พร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเพื่อให้ถึงเป้าหมายด้วยกันเร็วๆ นี่แหละการทำงานเป็นทีมที่ทุกบริษัทต้องการ

    [​IMG] 19. พักบ้าง</PRE>จริงอยู่ความมุ่งมั่นเป็นเรื่องดี แต่หากถึงขั้นหมกมุ่นก็ทำให้เสียสมองได้เหมือนกัน หาเวลาพักเติมพลังงานหรือมุมมองใหม่ๆให้ชีวิตเป็นเรื่องควรทำ เพราะคนเราไม่ใช่หุ่นยนต์

    [​IMG] 20. ทำงานเพราะ มีใจ และ มีไฟ</PRE>อย่าทำไปเพียงเพราะต้องการเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งหรือมีเงินใช้ไปวันๆ เพราะผลงานที่ออกมาสะท้อนตัวตนและสิ่งที่คุณคิดอยู่ดี แม้บางทีคุณอาจไม่รู้ตัวก็ตาม

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สุดสัปดาห์

    [​IMG]</PRE>
     
  9. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ้าวจำอะไรหรือครับ ผมไม่เห็นทราบอะไรเลยครับ เพียงแต่อยู่มันแว่บมาครับ หุ หุ
     
  10. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    คุณน้องนู๋ แค่แว่บ แต่อาจารย์หมอให้ 77 (7+2ตัว) เลย ครับ
     
  11. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ nongnooo [​IMG]
    ท่านปาทานครับ อดแซวไม่ได้ผมรู้แล้วครับ สงสัยงวดนี้ เลข 7 มาแรงครับ หุ หุ



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมก็อดตอบไม่ได้
    สรุปแล้ว งวดนี้ วิ่ง 7 ตัวเดียวหรือเปล่าครับ
    แต่ห้ามพากันลงเหว เหอๆๆๆๆ
    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ผมเห็นว่า น่าจะมี 8 นะ...อิ..อิ..

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ake7440 [​IMG]
    คุยอะไรกัน - -" ผมไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลยครับ 77 เหรอครับ งง

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    จ...จ.. ก็จ๋ามจ๋อง..นะ ไม่ใช่ เจ็ดเจ็ด
     
  12. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    Oil Pulling มีประโยชน์มากๆ


    มีเรื่องดีๆมาแนะนำจ๊ะ ทุกวันนี้เราดำเนินชีวิตอยู่เราทานอาหารต่างๆเข้าไปมากมายที่เป็นพิษกับร่าง
    กายเรา หรือการที่เราต้องติดต่อกับสังคมภายนอกก็อาจทำให้
    เราได้รับเชื้อโรคมาโดยไม่รู้ตัว เช่น ติดหวัดจากเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
    ประมาณ 3 เดือนก่อนมีเพื่อนคนหนึ่งได้แนะนำการทำ Oil Pulling กับเรา เราก็เลยลองทำดู
    ปรากฏว่า อาการไมเกรนก็หายไปเลย ฟันขาวขึ้น หินปูนก็ค่อยๆละ
    ลายจนหลุดหายไปหมด เดือนที่แล้วไปหาหมอฟันจะขูดหินปูนประจำปี หมอบอกไม่มีอะไรจะให้ขูด เลือด
    ที่ชอบออกเวลาแปรงฟันก็ไม่มีอีก รู้สึกว่าเหงือกมันแน่นขึ้น คน
    อื่นรอบตัวเราเป็นไข้หวัดใหญ่กัน เจ็บคอ เราก็ไม่เป็นอะไร รากผมก็แน่นขึ้นผมร่วงน้อยลง ตอนแรก
    แฟนเราเค้าก็ไม่ค่อยเชื่อ จนวันหนึ่งเค้าเริ่มเจ็บคอ คันคอ
    เค้าก็ลองทำ Oil Pulling ประมาณ 20 นาที พอทำเสร็จเค้าก็รู้สึกหายอาการเจ็บคอไปเลย หลัง
    จากวันนั้นเป็นต้นมาพี่เค้าก็ทำ Oil Pulling จากคนที่เคยฟัน
    เหลืองอยากไปทำให้ฟันขาว ก็กลายเป็นคนฟันขาว รอยคล้ำ! ที่ใต้ตาก็ค่อยๆหายไป ประโยชน์ของ
    Oil Pulling มีอีกมาก ถ้าหากเพื่อนๆสนใจไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่
    www.Oilpulling.com แต่เราจะบอกวิธีทำง่ายๆให้ก่อน

    หลังจากตื่นนอน แปรงฟันเรียบร้อย ให้อมน้ำมันงา หรือน้ำมันดอกทานตะวันหนึ่งช้อนโต๊ะ แต่น้ำมันนี้
    ต้องเป็นน้ำมันชนิดกลั่นเย็น ( Cold Pressed ) ระหว่างที่อม
    น้ำมันให้กลั้วไปมาให้ทั่วปาก โดยทำประมาณ 15-20 นาที ทำจนน้ำมันเริ่มเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นน้ำ
    สีขาว น้ำมันจะดูดสารพิษที่อยู่ในร่างกายเราออกมา หลังจาก
    ที่ทำเสร็จให้บ้ว! นลงถังขยะ หรือกระดาษทิชชู ห้ามบ้วนลงอ่างล้างหน้า เพราะมิฉะนั้น สารพิษที่ถูก
    ดูดออกมาจะอยู่ในอ่างล้างหน้าของเรา หลังจากนั้นให้เราบ้วน
    ปากด้วนน้ำเปล่า ใช้นิ้วถูฟันเล็กน้อยก็เรียบร้อย นอกจากทำตอนเช้าแล้ว ช่วงที่ท้องว่างระหว่างวัน ก็
    ทำได้สามเวลาเลย น้ำมันที่เราบ้วนออกมาจะดูดสารพิษออก
    มา ถ้านำไปขยายด้วยกล้อง Microscope 600 เท่า ก็จะเห็นเชื้อ Bacteria ทดสอบได้ด้วยตัวเองเลยจ๊ะ
    สิ่งทีห้ามทำคือการกลืนน้ำมันที่อมไว้ลงไป เพราะก็เหมือนการกลืนสารพิษ เชื้อโรคกลับลงไปใหม่ และ
    หากว่าเราแพ้น้ำมันตัวใดตัวหนึ่งก็ให้เปลี่ยนไปใช้น้ำมันชนิดอื่นแทน
    ประโยชน์ของการทำ Oilpulling มีเยอะมาก คนที่เป็นความดัน เส้นเลือดขอด Leukemia โรค
    ไต bronchitis ฯลฯ ทำแล้วเห็นผลกันมามาก ถ้าใครอยาก
    ทราบข้อมูลเพิ่มเติมเข้าไปดูในเวปที่แนะนำนะจ๊ะ แล้วจะติดใจ

    ร่างกายเราถูกใช้งานหนัก เราจะใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีนี้ทำประโยชน์ให้ตัวเองไม่ได้เชียวหรือ
    จะทำระหว่างที่อาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้าก็ยังทำได้
    เค้าบอกว่าถ้าทำทุกวันๆสามารถมีอายุยืนอยู่ได้ถึง 150 ปีเชียวนะจ๊ะ ที่สำคัญใครอยากหน้าใส
    หน้าเด็กลง ทำแล้วเห็นผลจริงๆนะ เพราะเจอเพื่อนที่ทำมาประมาณ 6
    เดือน เธอหน้าใสตึงดูสาวขึ้น สดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญวิธีนี้ไม่ได้สิ้นเปลืองค่าใชจ่ายอะไรมาก
    มายเลย เป็นวิธีธรรมชาติจริงๆ
    โชคดีนะคะ แล้วก็ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทุกคน

    ===================================================================

    ที่มา Forward email
     
  13. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    <TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 4:58:15 น.-->การล้างพิษ โดย oil pulling
    <!-- Main -->[SIZE=-1]การดูแลรักษาสุขภาพโดยทางธรรมชาติในปัจจุบันนี้ เป็นที่นิยมมากกว่าสมัยก่อนผู้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพร่างกายกันเพิ่มมากขึ้น โดยการแพทย์แผนปัจจุบันเองก็เริ่มให้ความสำคัญในการรักษาโดยธรรมชาติบำบัดมากขึ้นกว่าการใช้เคมีบำบัด

    จึงให้มีการทำ Detox กันอย่างแผ่หลาย ทั้งๆ ที่เป็นศาสตร์จากยุคก่อน การล้างสารพิษก็มีอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ คือ การทำ Oil Pulling Therapy วิธีการดูดสารพิษจากน้ำมัน

    เป็นวิธีธรรมชาติจากสมัยก่อนซึ่งมีต้นกำเนิดมากจากอินเดีย คือ การกลั้วน้ำมันกลั่นเย็น (กรรมวิธีในการสกัดน้ำมันโดยไม่ผ่านความร้อน) ไปมาในปากอย่างน้อยเป็นเวลา 15-20 นาที โดยให้น้ำมันผ่านช่องระหว่างฟันไปมา เข้าออก จนกระทั่งน้ำมันที่ข้นเหนียวผสมกับน้ำลาย จนเจือจางความข้น จึงบ้วนทิ้ง บางคนสงสัยว่า แค่การกลั้วปากจะใช้ได้ผลแค่ไหน

    ลองสังเกตอย่างง่ายๆ คือ ในปากของเรามีเนื้อเยื่อที่อ่อนที่สุดตามเหงือก และเยื่อบุช่องปาก ซึ่งอณูของเซลล์เม็ดเลือดสามารถผ่านและดูดซึมได้ง่าย โมเลกุลเล็กๆ อาจถูกดูดซึมเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดขาวของร่างกายทางช่องปาก ผ่านเนื้อเยื่อ และโมเลกุลของน้ำมันอาจผ่านเข้าไปทางเซลล์

    ในช่องปาก และดูดซึมเชื้อแบคทีเรีย ที่ไม่มีประโยนช์ต่อร่างกายกลับขึ้นมา โดยมีน้ำลายเป็นตัวกระตุ้น เชื้อแบคทีเรียเหล่านั้นอาจจะรวมถึงสารพิษต่างๆ ที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายกลับขึ้นมา

    ในกรณีที่เยื่อบุภายในช่องปากและเหงือกเป็นแผล ก็จะทำให้เชื้อโรค ซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น กรณีนี้เป็นทฤษฏีที่สังเกตได้ง่ายอย่างถ้าช่องปากเป็นแผล เอาอะไรใส่ปากหรือการมีปฏิสัมพันธ์กับคนไม่สบายทางปากหรือลมหายใจยังสามารถป่วยได้และทางปากติดเชื้อโรคได้ง่ายกว่าทางลมหายใจ

    อย่างเช่นเด็กที่อมนิ้วเมื่อนิ้วไปสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย มันไม่ได้ผ่านเข้าไปในช่องท้องโดยทันทีแต่จะถูกดูดซึมเข้าไปตามเซลล์ในช่องปาก นั่นเอง เด็กบางคนกินอาหารไม่สะอาดก็แค่ปวดท้องเพราะลงผ่านช่องท้องแต่เด็กบางคน เยื่ออ่อนในปากกลับติดเชื้อรา หรือในกรณีที่สภาวะร่างกายไม่สบาย อาจจะแสดงผลทางช่องปากคือเกิดการร้อนใน เป็นตุ่มใส ในปาก หรือปากเปื่อยเป็นแผล โดยที่ไม่ได้เกิดจากบาดแผลจากการแปรงฟัน หรือกัดลิ้นหรือ กัดริมฝีปากแต่อย่างไร และแผลในปากก็หายได้ง่ายกว่าแผลภายนอก ทั้งๆ ที่มีความชื้นและเปียกด้วยน้ำลายอยู่ตลอดเวลา

    วิธี The Oil-therapy นี้ ยังสามารถบำบัดรักษาอาการเหล่านี้อย่างเห็นผลได้ชัดคือ อาการปวดศีรษะ, ปวดฟัน, โรคเกี่ยวกับหัวใจ และ ไต,โรคหลอดลมอักเสบ,เลือดตีบหรือคั่ง,โรคเรื้อนกวาง หรือ แผลเปื่อย, ฝี แผลมีหนอง,โรคเกี่ยวกับลำไส้ การย่อย รวมทั้งโรคในผู้หญิง และยังสามารถป้องกันการเติบโตขึ้นใหม่ของเนื้องอกที่เป็นอันตรายหลังจากการรักษา,โรคเรื้อรังจากเลือด,อัมพาต,โรคเกี่ยวกับเส้นประสาท,ช่องท้อง,ปอดและ ตับ หรือโรคนอนไม่หลับ

    จริงๆ แล้วสามารถบำบัดได้เกือบทุกโรคก็ว่าได้ รวมทั้งผู้ที่ถูกสารพิษ หรือ สารเสพติด


    กรรมวิธีในการบำบัด ในตอนเช้าก่อนมื้ออาหารให้ บ้วนปากด้วยน้ำมันหนึ่งช้อนโต๊ะ จะเป็นน้ำมัน ดอกทานตะวัน หรือ น้ำมันงา น้ำมันถั่วเหลือง หรืออื่นๆ ที่ผ่านการกลั่นเย็น โดยพยายามอย่ากลืนน้ำมัน ค่อยๆ ทำโดยอย่าฝืน หรือเร่ง โดยให้น้ำมันผ่านช่องฟัน อาจจะทำการเคี้ยวน้ำมัน หรือ กลั้วผ่านไปมาระหว่างซี่ฟัน จนน้ำลายหลั่งออกมาเป็นจำนวนมากนั้นคือ การที่สารพิษต่างๆ ได้ผ่านเซลล์เม็ดเลือดออกมาทางเมือก ในเนื้อเยื่อ จากช่องปาก ดังนั้นจึงไม่ควรกลืนน้ำมันเพราะน้ำมันได้เปลี่ยนเป็นสารพิษ ในตอนแรกน้ำมันจะข้นเหนียว เมื่อผสมเป็นเวลานานกับเมือกในช่องปากและน้ำลาย จะเปลี่ยนสถานะเหลวขึ้นและจะเป็นสีขาวขุ่นขึ้นคล้ายๆ ขนแกะถ้าน้ำมันยังคงเป็นสีเหลืองอยู่แสดงว่า ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการนานเท่าที่ควร

    หลังจากที่บ้วนทิ้งแล้ว ควรล้างช่องปากด้วยน้ำเปล่าอย่างน้อย 4-5 ครั้ง และ จึงทำการแปรงฟัน หลังจากนั้นให้ล้างอ่างล้างหน้าให้สะอาด เพราะจะเต็มไปด้วยเชื้อ

    แบคทีเและเรียและสารปนเปื้อนที่เราบ้วนออกมาจากปากของเรานั่นเอง

    สิ่งที่จะเห็นได้ชัดขึ้นคือ ช่องปากของเราจะสะอาด และ ลมหายใจจะสะอาดขึ้น โดยฟันก็จะขาวขึ้นด้วย ปัญหาในช่องปากก็จะลดลง รวมทั้งปัญหาขอบตาคล้ำ และอาการนอนหลับไม่สนิท

    เวลาที่ดีที่สุดในการบำบัด คือตอนเช้าก่อนอาหาร และสามารถ ทำซ้ำได้ สามเวลา คือก่อนมื้อแต่ต้องเป็นในช่วงท้องว่าง
    เป็นที่น่าสนใจและเสียเวลาเพียงเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายเพียงน้อยนิดแต่อาจได้ผลอย่างน่าทึ่งเชียวค่ะ

    เรียบเรียงข้อมูลโดย Nicky

    ข้อมูลเพิ่มเติม :
    Dr.Karach at a conference of the All Ukranische-Union of the Oncologists (speciallists for Tumor disease) and

    Bacteriologists, a part of the Academy of Sciences of UDSSR
    http://www.oilpulling.com/PULLING OIL_karacharticle.pdf[/SIZE]<!-- End main-->

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. guawn

    guawn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    10,642
    ค่าพลัง:
    +42,113
    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD class=contentheading width="100%">Oil Pulling (OP)--ออยพูลลิ่ง </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD><TD class=buttonheading align=right width="100%">[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD vAlign=top colSpan=2><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=730 align=center bgColor=#ffffff><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%" height=168><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=8 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=104>[​IMG]
    </TD><TD width=552>[​IMG] ออยล์พูลลิ่ง (Oil Pulling) แปลโดย หมอแดง ดิ อโรคยา
    Dr. F. Karach, M.D., ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสัมนาบัณฑิตย์ทางด้านวิทยาศาสตร์ ที่ประเทศ USSR ปี 2534-2535
    การประชุมนั้นมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องเนื้องอก และแบคทีเรีย
    ซึ่ง Dr.Karach ได้อธิบายถึงการบำบัดรักษาโรค ที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้ น้ำมันสกัดเย็น หรือ หีบเย็น (สกัดน้ำมันออกมาโดยใช้ความร้อนต่ำ หรือไม่ใช้ความร้อนเลย)
    ผลลัพธ์ของการบำบัดด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้คนตะลึง ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความสงสัย ในรายงานของเขาเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการอธิบาย ซักถามกันถึงการรักษาด้วยน้ำมันสกัดเย็น มีการทดสอบ ทดลองใช้ ทดลองทำพิสูจน์หาความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น ต่างก็ยิ่งประหลาดใจถึงผลที่ได้รับจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆด้วย เป็นการรักษาทางด้านชีววิทยาโดยแท้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยรักษาโรคได้มากมายหลายโรค
    ในบางกรณี บางรายที่ไม่ต้องการรักษาโรคด้วยการผ่าตัดหรือการกินยา ก็ได้ใช้วิธีการนี้บำบัด ซึ่งก็เป็นผล อีกทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยาเคมี
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=730 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%" height=7337>กระบวนการบำบัด และผลที่ได้รับที่น่าตื่นเต้นตามทฤษฎีนี้ กลับแสนง่าย โดยเริ่มต้นที่ใส่น้ำมันสกัดเย็นเข้าไปในปาก (น้ำมันทานตะวัน น้ำมันงา หรือน้ำมันสกัดเย็นอื่น ไม่จำเป็นต้องกลั่นโดยวิธีธรรมชาติเสมอไป น้ำมันทานตะวันที่ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ตก็พอใช้ได้แล้ว)

    กระบวนการบำบัดจะบรรลุผลสำเร็จด้วยระบบบำบัดของผู้นั้นเอง ในกรณีนี้อาจจะไปบำบัดเซลล์ เนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ ในเวลาเดียวกัน ร่างกายเองก็จะขับสารพิษออกทิ้งไม่ให้รบกวนระบบต่างๆ ของร่างกาย
    Dr.Karach กล่าวว่า คนเราส่วนใหญ่จะมีชีวิตอยู่แค่ครึ่งหนึ่งของชีวิตที่น่าจะเป็น ความจริงแล้วถ้าสุขภาพที่ดีจะมีอายุได้ถึง 140- 150 ปี

    วิธีการทำ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เลียนแบบท่าปาทานไงครับ ถ่ายรูปพระพิมพ์ไม่ค่อยชัด แต่ถ้าถ่ายภาพคนชัวร์อ่ะครับ หุ หุ
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ แวบไปวัดเล่งเน่ยยี่ 2 มา แล้วผมจะนำมาให้ชมกันอีกครั้งนะครับ

    รับรองว่า รูปชัดครับ

    .
     
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน

    [​IMG]

    กราบ กราบ กราบ กราบ กราบ
    sithiphong
    และคณะพระวังหน้า

    .
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    สำหรับคำพูดผมที่พูดว่า "หลวงปู่อภิญญาใหญ่" หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ท่านก็เป็นหลวงปู่ที่อยู่ในกลุ่มหลวงปู่อภิญญาใหญ่เช่นกันครับ

    แต่เร็วมากครับ เริ่มโหลดกันไปแล้ว

    [​IMG]
    42.8 KB, ดาวน์โหลด 12 ครั้ง

    ผมลงไปวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552
    เวลา 09:31 AM
    <!-- / message --><!-- sig -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...