พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
  2. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    โมทนาบุญด้วยครับ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  4. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    สำหรับงานบุญแผ่นสแตนเลส ที่จะแกะบทสวดของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,บทลบผงองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ,บทสวดอิติปิโส พาหุง และพระคาถาชินบัญชร

    ผมขออาสาสมัครในการตรวจปรู๊พ ว่าผมพิมพ์ถูกต้องหรือไม่ ผมไม่จำกัดจำนวนของท่านที่ต้องการปรู๊พคำผิดนะครับ

    ส่วนบทสวดของหลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,บทลบผงองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี คงต้องให้ท่านที่มีหนังสือของท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร เป็นผู้ที่สามารถตรวจปรู๊พได้ครับ

    ขอเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ชาวคณะพระวังหน้าทุกๆท่านด้วยนะครับ

    หากท่านใดสนใจ PM มาแจ้งผมด้วย และขอให้แจ้ง email ด้วย แต่สำหรับทุกๆท่านที่ผมมี email แล้ว ก็ไม่ต้องแจ้ง email มาครับ

    ผมจะส่งข้อมูลให้ในวันอังคาร เนื่องจากข้อมูลที่จะพิมพ์อยู่ที่ทำงานครับ

    โมทนาสาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    โมทนาบุญกับคุณลุงทั้งสองด้วยครับ
     
  5. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    ท่านปาทานได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ ปริ๊นรูปแล้วใส่กระเป๋าเสื้อ (จะทำให้รูปนี้แนบกับหัวใจเราพอดี..คิคิ) แล้วคืนนี้ก็ไปเวียนเทียนได้เลยครับ อ้อ..ระวังอาซ้อเห็นนาก๊า
    ;aa8
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446



    อ่า ท่านตั้งใจนี่นานๆมาที มีมุขเด็ดชีพเรื่อยเลยครับ หุ หุ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    โอ้ ลืมไป
    งั้นขอถอนสิทธิ์ดีกว่า

    .
     
  8. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต [​IMG]
    ท่านปาทานได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ ปริ๊นรูปแล้วใส่กระเป๋าเสื้อ (จะทำให้รูปนี้แนบกับหัวใจเราพอดี..คิคิ) แล้วคืนนี้ก็ไปเวียนเทียนได้เลยครับ อ้อ..ระวังอาซ้อเห็นนาก๊า
    ;aa8
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ลุงน้องหนูไม่ลงชื่อบ้างหรือคร๊า......อ๋อลืมปายลงในใจก็ได้ น้องโดเค้าคอยเช็คชื่ออยู่:z3
     
  9. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ตั้งจิต [​IMG]
    ท่านปาทานได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ ปริ๊นรูปแล้วใส่กระเป๋าเสื้อ (จะทำให้รูปนี้แนบกับหัวใจเราพอดี..คิคิ) แล้วคืนนี้ก็ไปเวียนเทียนได้เลยครับ อ้อ..ระวังอาซ้อเห็นนาก๊า
    ;aa8
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ไม่ทันแล้วนะครับ ผมลงไปหลายโพสต์แล้ว ลบไม่ทันแล้วคัก
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    4 วิธีแก้คอเคล็ด เพราะตกหมอน
    http://women.kapook.com/health00126/

    [​IMG]
    4 วิธีแก้คอเคล็ด เพราะตกหมอน (ชีวจิต)
    “โอ๊ย… ช่วยด้วยหันคอไม่ได้”
    …คุณล่ะเคยไหมคะ ที่บางครั้งหลังตื่นนอนไม่สามารถหันคอหรือเอียงคอได้ เพราะคอเคล็ดหรือคอแข็ง อย่างที่เราเรียกว่า “ตกหมอน” นั่นเอง
    เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ไว้ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยจากการตกหมอนมาฝากค่ะ
    1. อย่าพยายามเคลื่อนไหวคอและให้อยู่นิ่งๆ โดยการนอนราบชั่วคราว เพื่อให้กล้ามเนื้อคอได้พัก
    2. ประคบร้อน ด้วยกระเป๋าน้ำร้อนหรือผ้าชุบน้ำอุ่นบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอที่เจ็บประมาณ 20-30 นาที และกดนวดบริเวณคอเพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น
    3. ดัดยืดคอด้วยตนเอง โดยใช้มือช่วยดันศีรษะไปในทิศทางที่เกิดอาการตึงช้าๆ จนรู้สึกตึงเล็กน้อยแต่ไม่เจ็บ ดันค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที แล้วทำซ้ำ 5-10 ครั้ง จนเริ่มรู้สึกทุเลาลง
    4. นวดเบาๆ โดยใช้มือบีบลงบนแนวของกล้ามเนื้อที่รู้สึกปวดเมื่อย ให้แรงบีบพอประมาณที่ทำให้รู้สึกแน่นตึงและไม่เจ็บ บีบและคลายเป็นจังหวะ การประคบร้อนก่อนการนวดจะช่วยให้นวดได้ง่ายขึ้น และผ่อนคลายกล้ามเนื้อได้เร็วขึ้น

    ข้อควรระวัง ไม่ควรกดบีบหรือยืดกล้ามเนื้อจนรู้สึกเจ็บ เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวมากขึ้น และไม่ควรให้ผู้อื่นดัดคอหรือจับเส้นเด็ดขาด เพราะจะทำให้อักเสบและเรื้อรังได้ ถ้ายังไม่หายค่อยๆ ฝึกออกกำลังกล้ามเนื้อหรือปรึกษานักกายภาพบำบัด
    ปกติอาการปวดคอมักจะหายภายใน 1-2 วัน ถ้าอาการรุนแรงขึ้นหรือยังไม่หายสนิท ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรักษาให้ถูกต้องค่ะ

    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก ชีวจิต
    [​IMG]
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แกะรอยเส้นทางแชร์น้ำมันอาชญากรเศรษฐกิจรูปแบบใหม่
    http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000014641
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ทีมข่าวอาชญากรรม</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 กุมภาพันธ์ 2552 10:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ตรายางบริษัท ซี เอ็น อี รีซอร์ส จำกัด ที่ทำขึ้นสร้างความน่าเชื่อถือ</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าตรวจค้นบริษัทเป้าหมาย หาหลักฐานแชร์น้ำมัน </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>พบร่องรอยการรื้อถอน</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>ตรวจค้นคอมพิวเตอร์หาข้อมูล</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ดีเอสไอ ปราบแชร์น้ำมัน อาชญากรรมภัยทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ทลาย 3 บริษัท หมายจับ 10 ผู้ต้องหา พฤติกรรมแสบ อ้างว่าบริษัทเป็นโบรกเกอร์หรือตัวแทนซื้อขายสินค้าประเภทน้ำมันล่วงหน้า ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยอ้างอิงราคาซื้อขายน้ำมันจากตลาดต่างประเทศ เข้าข่ายผิดกฎหมายอันเป็นการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน ขณะที่ผลปราบคดีแชร์มี 33 คดี ส่งฟ้อง 15 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล และจะสรุปสำนวนภายในเร็วๆนี้ อีกประมาณ 4 -5 คดี มูลค่าความเสียหาย 1,300 ล้านบาทเศษ จับกุมผู้ต้องหา 126 ราย มีผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวนแล้วประมาณกว่า 6,000 คน

    จากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพงและวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยที่กลุ่มอาชญากรรมทางเศรษฐกิจกลุ่มหนึ่งที่แสวงหาผลประโยชน์อย่างผิดกฎหมาย ถือเป็นภัยทางเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ เป็นการอาศัยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันทันสมัย เข้ามาใช้ในการกระทำความผิด

    ย้อนไปเมื่อประมาณต้นปี 2550 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันทั้งในประเทศไทยและตลาดโลกขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มมิจฉาชีพตั้งบริษัทประกอบธุรกิจลักษณะแชร์น้ำมัน ขึ้นมา 3 บริษัทเกี่ยวข้องกัน ชื่อ "บริษัท แฟคซิลิตี้ เอวิเอชั่น ซัพพอร์ท (แห่งประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอฟเอเอสที จำกัด และบริษัท ซี เอ็น อี รีซอร์ส จำกัด จำกัด" ตั้งอยู่เลขที่ 170-171 อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ ชั้น 11 ถ.รัชดาภิเษก แขวงคลองเตย นอกจากนี้ยังมีบริษัทสาขาที่ตั้งอยู่อาคารเออาร์ ชั้น 8 ถ.มนตรี อ.เมือง จ.ภูเก็ต อีกด้วย

    จากข้อมูลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พบว่าทั้ง 3 บริษัทดังกล่าวมีนางกัญญา ยุชมพู อายุ 37 ปี เป็นกรรมการบริหารผู้มีอำนาจลงนามคนเดียวกัน นอกจากนั้นมีนายปฐม ศิริสิน อายุ 53 ปี เป็นกรรมการบริหารทำหน้าที่บริหารประสานงานลูกค้า และกรรมการอื่นๆ อีกประมาณ 10 ราย

    โดยจากการแกะรอย สืบสวนของ ดีเอสไอ พบว่าบริษัทที่ตั้งขึ้นเป็นโบรกเกอร์หรือตัวแทนซื้อขายสินค้าประเภทน้ำมันล่วงหน้า ในตลาดซื้อขายล่วงหน้า โดยอ้างอิงราคาซื้อขายน้ำมันจากตลาดต่างประเทศเช่นไนเม็กซ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตลาดดาวโจนส์ และตลาดฮั่งเส็ง จึงเข้าข่ายผิดกฎหมายอันเป็นการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชน

    เนื่องจากประการแรก บริษัทไม่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ให้ประกอบธุรกิจหรือลงทุนซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า และดีเอสไอ ตรวจสอบแล้วพบว่าบริษัทไม่ได้ประกอบธุรกิจซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าตามที่แจ้งไว้กับประชาชน

    ประการที่สองพบว่าบริษัทดังกล่าวไม่ได้เป็นสมาชิก บริษัทตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ Thailand Futures Exchange (TFEX) ซึ่งเป็นหน่วยงานเอกชนที่ทำหน้าที่ศูนย์กลางการซื้อขายสัญญา ซื้อขายล่วงหน้ากับตลาดต่างประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และปัจจุบันประเทศไทยไม่มีบริษัทใดได้รับอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า มีเพียงการซื้อขายล่วงหน้าทองคำและซื้อขายดัชนีเงินตราเท่านั้น ซึ่งได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องประมาณ 30 กว่าบริษัท สำหรับประเทศไทยนั้นตามกฎหมาย การลงทุนซื้อขายล่วงหน้าแบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ การซื้อขายล่วงหน้าสินค้า
    ประเภทน้ำมัน ทองคำและดัชนีเงินตรา อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.และการซื้อขายล่วงหน้าสินค้าเกษตร ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.)

    และประการที่สามจากการตรวจสอบฐานข้อมูลและธุรกรรมการเงินแล้วไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวเคยโอนเงินเพื่อซื้อขายหรือเก็งกำไรหุ้นหรือตลาดหุ้นใดๆไปต่างประเทศแม้แต่ครั้งเดียว หรือกรณีที่อ้างว่าบริษัทเป็นสมาชิกตลาดอนุพันธ์ของบริษัทโบรกเกอร์ ไพรม์ ฮิลล์ (Prime Hill) ประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นสมาชิกซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าของตลาดไนเม็กซ์ (Nymex)สหรัฐอเมริกา แต่ดีเอสไอ กลับพบว่าบริษัทโบรกเกอร์ไพรม์ ฮิลล์ (Prime Hill)ไม่ได้ทำธุรกิจ
    ซื้อขายน้ำมันดิบ ในฮ่องกง อีกทั้งไปชื่อจดทะเบียนอยู่ที่หมู่เกาะบริทิช เวอร์จิ้น ไอร์แลนด์ ประเทศแถบหมู่เกาะอเมริกาใต้

    แก๊งแชร์น้ำมันหลอกเหยื่อไฮโซ

    อย่างไรก็ตาม พบว่าช่วงแรกที่บริษัทแชร์น้ำมันเริ่มเปิดดำเนินการประมาณต้นปี 2550 ปรากฏมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงฉ้อโกง ประมาณ 10 กว่าราย มูลค่าความเสียหาย 20 ล้านบาท จากนั้นได้ไปร้องเรียนกับหน่วยงาน ก.ล.ต.และหลังเจ้าหน้าที่ ก.ล.ต.ได้เข้าไปตรวจสอบแล้ว พบว่าบริษัทดังกล่าวเปิดดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง แต่ก็เอาผิดได้เพียงข้อหาดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นเพียงโทษปรับเท่านั้น ทำให้บริษัทแชร์น้ำมันยังเปิดดำเนินกิจการอยู่ เพียงยอมเสียค่าปรับวันละ 1 หมื่นบาท ก่อนส่งเรื่องให้ตำรวจกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ปศท.)ดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกเพียงไม่กี่ปี

    อย่างไรก็ตามภายหลังสอบปากคำพยานแล้วเห็นว่าคดีมีผู้เสียหายจำนวนมากและเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ความผิดมีอัตราโทษสูง คือจำคุก 5-10 ปี ปรับ 5 แสน-1 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอำนาจการสอบสวนดีเอสไอ จากนั้นทาง ปศท.จึงโอนมาให้ดีเอสไอ ดำเนินคดีต่อไป

    สืบสวน 1 ปี "ดีเอสไอ-ก.ล.ต.-ปปง."บุกทลาย

    ช่วงระยะเวลาเพียง 1 ปี ที่ดีเอสไอ เข้าไปการสืบสวนหาหลักฐานทำให้ทราบว่าบริษัทดังกล่าวตั้งขึ้น โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมมยและบริษัทไม่มีการซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด เมื่อได้หลักฐานแน่ชัดเพียงพอแล้ว เมื่อวันที่ 12 ม.ค.2552 พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ พร้อมเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)และเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.)จึงนำหมายค้นของศาลแขวงพระโขนงเข้าตรวจค้นพร้อมกัน 2 จุด คือจุดแรกที่สำนักงานใหญ่ที่อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ ชั้น 11 และจุดที่สอง บริษัท ซี เอ็น อี รีซอร์ส อาคารเออาร์ ชั้น 8 ถ.มนตรี อ.เมือง จ.ภูเก็ต สำหรับการตรวจค้นสำนักงานใหญ่ อาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์ชั้น 11 นั้น ปรากฎว่ามีการโต้เถียงกันเรื่องหมายค้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่บริษัทไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เข้าตรวจค้น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเจรจาและยืนยันหมายค้นของศาล เจ้าหน้าที่บริษัทจึงยินยอมให้ตรวจค้น โดยพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ทำประตูลับเชื่อมถึงกันระหว่างห้องเลขที่ 170 และ171 ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่พบนายณรงค์ฤทธิ์ เขียวหวาน อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเดินอยู่ภายในสำนักงาน จึงจับกุมไว้ได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นห้องของนายปฐม ศิริสิน กรรมการบริษัท พบเอกสารการโอนเงินของธนาคารกสิกรไทย สาขาธนบุรี จำนวน 200,000 บาท และตรวจค้นลิ้นชักโต๊ะทำงานยังพบหมายเรียกคดีฉ้อโกงประชาชนของ สน.ทองหล่อ โทรศัพท์มือถือพร้อมซิมการ์ด 1 เครื่อง เอกสารข่าวการจับกุมบริษัทและตารางเวลาการติดต่อลูกค้า

    ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปยังห้องเก็บของ ซึ่งอยู่ติดกับห้องของนายปฐม ก็พบว่าเป็นห้องควบคุมระบบคอมพิวเตอร์ มีสายโทรศัพท์ถูกตัดทิ้งกว่า 20 เส้น และตู้เซฟซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเปิดได้ เนื่องจากไม่มีรหัสและกุญแจ จากนั้นจึงอายัดไว้ตรวจสอบ ขณะเดียวกันดีเอสไอได้ส่งผู้เชี่ยวชาญระบบไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์เข้าตรวจสอบสายไฟและสายโทรศัพท์ภายในบริษัทเพื่อตรวจสอบว่ามีการเชื่อมโยงไปยังจุดใดในอาคารโอเชี่ยนทาวเวอร์อีกหรือไม่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจอายัดคอมพิวเตอร์ ซีพียูและเอกสารสำคัญที่พบภายบริษัทไปตรวจสอบอีกด้วย

    อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าก่อนหน้านี้ดีเอสไอ เคยพยายามเข้าตรวจค้นบริษัทดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปลายปี 2551 แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากทางผู้บริหารบริษัทไหวตัวทัน กระทั่งการตรวจค้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังและเฝ้าติดตามตั้งแต่ช่วงปีใหม่ จนสามารถขอหมายศาลเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้

    วันเดียวกันที่ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อีกชุดหนึ่งได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบริษัทซี เอ็น อี รีซอร์ส จำกัด สาขาจ.ภูเก็ต สามารถจับกุมนายพรชัย ไวศยากูลกิจ อายุ 45 ปี กรรมการบริษัทไว้ พร้อมดำเนินคดีผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ข้อหาร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก จากนั้นจึงควบคุมตัวไปยื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขัง

    นอกจากนี้ยังได้ออกหมายจับผู้ต้องหาอีก 6 ราย ประกอบด้วย 1.นายปฐม ศิริสิน อายุ 53 ปี 2.น.ส.พินิจนันท์ หมื่นโฮ้ง อายุ 26 ปี 3. นายวรศักดิ์ อัศวฤทธิกุล อายุ 35 ปี 4. นายอนุศักดิ์ หรือญาณวรุตต์ ทองอุบล อายุ 37 ปี 5.น.ส.พิชญารัศมิ์ คงชัยยุทธ อายุ 25 ปี 6. นางกัญญา ยุชมพู อายุ 37 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยของดีเอสไอ กำลังเร่งติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป และคาดว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย ส่งผลให้ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับคดีนี้มีทั้งหมดประมาณ 10 ราย นอกจากนี้พนักงานสอบสวนจะเร่งสอบปากคำผู้เสียหายทั้งในกทม.และต่างจังหวัดให้เสร็จสิ้นและสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาประมาณเดือนมีนาคม

    เปิดขั้นตอนการฉ้อโกงประชาชน

    สำหรับพฤติการณ์ฉ้อโกงประชาชนของแชร์น้ำมัน บริษัทแฟคซิลิตี้ เอวิเอชั่น ซัพพอร์ท (แห่งประเทศไทย) จำกัด,และบริษัทในเครือ เริ่มจากการจดทะเบียนบริษัทขึ้นมาด้วยทุนเพียง 1 ล้านบาทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แทนที่จะจดทะเบียนธุรกิจขายตรงกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแผนการระดมทุน รูปแบบการขายสินค้า รวมถึงรูปแบบการประกอบธุรกิจ ที่ธุรกิจขายตรงมักจะถูกตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่(สคบ.)อย่างเข้มงวด นอกจากนี้การจดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า มีข้อดีคือกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากำหนดทุนจดทะเบียนจำนวนไม่มากนัก ก็สามารถจดทะเบียนได้แล้ว

    ต่อมาหลังจากตั้งบริษัทแล้วก็จะมีการจัดทำเว็บไซต์และว่าจ้างพนักงานบริษัท ซึ่งว่าจ้างหมุนเวียนไม่แน่นอน มีทั้งที่เป็นพนักงานประจำและชั่วคราว จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่บริษัทโทรศัพท์ไปชักชวนลูกค้า ที่มีฐานะทางการเงินค่อนข้างดี มีหน้ามีตาในสังคม เนื่องจากการลงทุนในการซื้อขายล่วงหน้าใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง การชำระเงินต้องจ่ายเป็นเงินสด เช็คธนาคาร หรือโอนเงินเข้าบัญชีของบริษัท ตามธนาคารที่กำหนดไว้และหากลูกค้ารายใดหลงเชื่อก็จะโอนเงินเข้าบัญชีขั้นต่ำ 3 แสนบาท เป็นที่น่าสังเกตว่าที่ผ่านมามีบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ได้รับการชักชวนให้ลงทุนแชร์น้ำมันด้วยเช่นกัน แต่โชคดีที่ไม่หลงเชื่อนำเงินไปลงทุนแชร์น้ำมัน

    วิธีโทรศัพท์ชักชวนลูกค้างนั้นเจ้าหน้าที่บริษัทจะโทรศัพท์วันละหลายๆ ครั้ง พูดจาหว่านล้อมให้ลูกค้าหลงเชื่อนำเงินเข้ามาลงทุนซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า อ้างว่าจะได้กำไรจำนวนมาก ในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่ต้องลงทุนด้วยการเปิดบัญชีขั้นต่ำ 3 แสนบาท หรือ 3 ยูนิต ซึ่งมีสูตรคำนวณกำไรโดยเฉพาะ

    ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่บริษัทแชร์น้ำมันโทรศัพท์ติดต่อลูกค้า ว่าเรียนคุณจงรัก (สมมุติเป็นลูกค้า) ดิฉันน.ส.มนฤดี จากบริษัท F.A.S.T(เอฟ เอ เอส ที) ค่ะ บริษัทเราทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร/ เป็นที่ปรึกษา การลงทุนเก็งกำไรราคาน้ำมัน

    แนวโน้มการกระทำผิดในอนาคต

    หลังเกิดแชร์แม่ชม้อยที่โด่งดังเมื่อ 20 กว่าปี( พ.ศ.2520-2523) เพื่อเก็งกำไรการซื้อขายน้ำมัน แต่ภายหลังแม่ชม้อย ก็ล้มวงแชร์และหอบเงินกว่า 5 พันล้านบาทหลบหนี แต่ก็ถูกจับได้ในเวลาต่อมา จากนั้นแชร์น้ำมันก็หายไป มาโผล่อีกครั้ง ประมาณช่วงปลายปี 2549-2550 เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจคล้ายกับช่วงที่เกิดแชร์แม่ชม้อยคือ มีอัตราค่าครองชีพสูง ราคาน้ำมันแพง ค่าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น เกิดการขาดแคลนน้ำมัน แต่เศรษฐกิจครั้งนี้ไม่ถึงกับขาดแคลนน้ำมัน ขณะที่อาชญากรทางเศรษฐกิจเองก็จะมองเห็นปัญหาว่าภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลงจะเกิดอาชญากรรมประเภท แชร์ลูกโซ่ เพราะรู้ว่าประชาชนมีเงินออมน้อย รายได้ไม่เพียงพอ ก็จะต้องนำเงินที่มีอยู่ไปลงทุนเพื่อให้เกิดผลประโยชน์ คือดอกเบี้ยงอกเงยขึ้นมา เพื่อนำมาใช้จ่ายดูแลครอบครัว

    ลักษณะของการทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่ผ่านมา เริ่มจากการประกอบธุรกิจขายตรงเป็นหลัก ซึ่งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.)รับผิดชอบควบคุมออกใบอนุญาต เมื่อออกใบอนุญาตแล้วผู้ประกอบธุรกิจบางรายไปปรับแผนการตลาด ปรับแผนการจ่ายผลตอบแทน ทำให้เข้าข่ายการกระทำความผิดลักษณะของแชร์ลูกโซ่ ต่อมามีการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบออกไป เช่น การนำเทคโนโลยีความก้าวหน้าของคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้กระทำความผิด เช่นวิธีการโฆษณาขายสินค้าผ่านเว็บไซต์ต่างๆ การโฆษณาหลอกลวงให้ลงทุนผ่านเว็บไซต์ ซึ่งดีเอสไอ จับกุมดำเนินคดีไปบ้างแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการอาศัยกฎหมายฉบับอื่นในการกระทำความผิด เช่นกฎหมายการซื้อขายล่วงหน้าเกี่ยวกับน้ำมัน ทองคำ ดัชนีเงินตรา และสินค้าเกษตรล่วงหน้า

    พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กล่าวว่า แชร์ลูกโซ่กลางปี 2550 เริ่มด้วยแชร์ข้าวสาร แชร์ก๋วยเตี๋ยว แชร์ยางพารา และอีกสารพัด ซึ่งดีเอสไอจับกุมดำเนินคดีเรื่อยมา ล่าสุดพบว่าคดีแชร์เกิดขึ้นทั้งหมดประมาณ 33 คดี ส่งฟ้องไปแล้วประมาณ 15 คดี อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล และจะสรุปสำนวนภายในเร็วๆนี้ อีกประมาณ 4-5 คดี นอกจากนี้ยังได้ประเมินมูลค่าความเสียหาย 1,300 ล้านบาทเศษ จับกุมผู้ต้องหา 126 ราย มีผู้เสีย หายมาพบพนักงานสอบสวนแล้วประมาณกว่า 6,000 คน
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ

    ผมมีพระวังหน้า มอบให้กับทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญ ตามรายละเอียดดังนี้

    1.พระพิมพ์วังหน้า(พิมพ์เจ้าสัว) บุเงิน จำนวน 12 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 700 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 2,100 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    2.พระพิมพ์วังหน้า(พิมพ์พระสังกัจจายน์ปิดตา) บุนาค จำนวน 4 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 3,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    3.พระสมเด็จ (วังหน้า อกครุฑ อาบน้ำว่าน) จำนวน 15 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 3,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    4.พระสมเด็จ อรหัง (วัดระฆัง) จำนวน 9 องค์

    ผมมอบให้กับท่านที่เคยร่วมทำบุญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้งตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2550 เวลา 09:36 PM จนถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2552 ร่วมทำบุญ 1,500 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    ส่วนท่านที่ไม่เคยร่วมทำร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ต้องร่วมทำบุญ 5,000 บาท ผมมอบให้ 1 องค์

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ 2 หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชา เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไปครับ

    หมายเหตุ 3 ท่านใดจองและร่วมทำบุญก่อน มีสิทธิ์ได้ก่อน

    โดยท่านที่ร่วมทำบุญ ต้องสแกนหรือถ่ายรูปใบอนุโมทนาบัตรหรือสลิปการโอนเงินที่เป็นชื่อของท่านให้ผมทราบก่อน แล้วผมจะส่งพระพิมพ์ให้ ส่วนค่าจัดส่ง,ค่ากล่องและเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ผมเป็นผู้จ่ายให้เองครับ
    ----------------------------------------------


    หมายเหตุ หากท่านที่มีประสงค์จะร่วมทำบุญ แต่ไม่มั่นใจว่า พระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่แท้หรือไม่เป็นที่นิยมของวงการพระเครื่องไทย(การซื้อ-ขาย) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป และเป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    หมายเหตุ 1 พระวังหน้า ที่ผมนำมามอบให้กับผู้ที่ทำบุญในกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่ 1890-13128-8 ชื่อบัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีชญา ,นายอุเทน งามศิริ ,นายสิรเชษฏ์ ลีละสุนทเลิศ และผมได้บอกบุญในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้ เป็นพระพิมพ์ที่ไม่สามารถที่จะนำไปซื้อ-ขายในวงการพระเครื่องของเมืองไทยได้

    แต่หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่งเรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2009
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    พระพิมพ์ ที่ผมมามอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ พี่สมพร เป็นผู้ที่มอบให้กับผม เพื่อมามอบให้กับทุกๆท่านที่ร่วมทำบุญครับ

    โมทนาบุญกับพี่สมพรทุกประการครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2009
  15. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    เอาประวัติสมเด็จพระสังฆราชสุก ไก่เถื่อน ซึ่งเป็นต้นวงกรรมฐานของยุครัตนโกสินทร์ โดยเป็นพระอาจารย์ของรัชกาลที่1-4 และทั้ง4 พระองค์เคยเสด็จมาทรงกรรมฐานและทรงผนวชที่วัดพลับ สมเด็จพุฒาจารย์โตสมัยเป็นสามเณรก็ได้มาเรียนกับหลวงปู่สุกเช่นกัน(อ่านหน้า294)และได้รับประทานสมเด็จอรหังจากหลวงปู่ซึ่งเป็นต้นแบบของพระสมเด็จต่อมา (อ่านเรื่องกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ให้ช่างสิบหมู่สร้างสมเด็จอรหัง84000องค์ถวายหลวงปู่หน้า354ค่ะ)

    เปิดดูไฟล์ bio_somdechsuk_full.pdf
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2009
  16. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    ประวัติวัดราชสิทธาราม(วัดพลับ)

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=592 align=center border=0><TBODY><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left width=353 height=27>วัดราชสิทธาราม ราชวรวิหาร เป็นวัดโบราณ เดิมที่เดียวชื่อ</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>วัดพลับ มีมาแล้วตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตัววัดพลับเดิมนั้น</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>อยู่ต่อ วัดราชสิทธารามเดียวนี้ไปทางทิศตะวันตก ครั้นเมื่อสร้างวัดราช-</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>สิทธารามขึ้นในรัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯ ให้รวมวัดพลับเข้าไว้ในเขต</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>วัดราชสิทธารามด้วย ราษฎรจึงยังคงเรียกชื่อ วัดราชสิทธาราม ตาม</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>นามเดิมว่า วัดพลับกันทั่วไป ในบัดนี้ ประวัติราชสิทธาราม เริ่มปรากฎมี</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>เรื่องราวเป็นสำคัญขึ้นเมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง เหตุเนื่องมาจาก</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงอาราธนาพระอาจารย์สุก</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>วัดท่าหอย ริมคลองคูจามในแขวงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงมา</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>จำพรรษาในเขตพระนคร พระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left height=27>พระญาณลังวรเถรเรื่องทั้งนี้เป็นด้วยพระญาณสังวรเถร ทรงวิทยาคุณ</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left colSpan=2 height=27>ในทางวิปัสสนาธุระ อย่างเชี่ยวชาญสามารถเลืองชื่อลือชาเป็นที่นับถือของคนทั้งหลายในยุคนั้นเป็นอย่างยิ่งกล่าวกันว่า </TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left colSpan=2 height=27>ท่านทรงไว้ซึ่งพรหมวิหารธรรมอย่างแก่กล้า ถึงสามารถให้ไก่เถือนเชืองได้เหมือนไก่บ้าน มีลักษณะทำนองเดียวกับคำ</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted_con align=left colSpan=2 height=27>โบราณที่ยกย่องสรรเสริญพระสุวรรณสามโพธิสัตว์ ในเรื่องสุวรรณสามชาดก

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=590 align=left border=0><TBODY><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>พระตำหนักจันทร์ และ พระตำหนักเก๋งจีน สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ-</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>หล้านภาลัย ครั้งดำรงค์พระราชอิศริยยศเป็นกรมพระราชวังบวรสถาณมงคล กรมหลวงอิศรสุนทร ทรงสร้างถวายพระราช-</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>โอรสองค์ใหญ่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งดำรงค์พระราชอิศริยยศเป็นกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ เมื่อคราว</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>ทรงผนวชที่วัดราชสิทธารามนี ๑ พรรษา</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>พระตำหนักจันทร์ ใช้เป็นที่หลับพระเนตรเจริญพระวิปัสสนา ของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระบาท-</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้นทรงเสด็จมาศึกษา พระวิปัสสนาที่วัดราชสิทธาราม เดิมปลูกอยู่เกาะหนึ่งริมกุฎิพระญาณ-</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>โกศล(รุ่ง) ชั้นล่างก่อปูนวางคาน ชั้นบนเครื่องบนไม้จันทร์ ทั้งนั้น มีช่อฟ้าใบระกาประดับกระจก ครั้งแผ่นดินพระบาทสมเด็จ-</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฎิสังขรวัดราชสิทธาราม พระตำหนักจันจึงชำรุดมาก กรมพระพิพิธ เป็น</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>แม่งาน จึงได้รือ พระตำหนักจันทร์ รือมาปลูกเคียงตำหนักเก๋ง เปลี่ยนเสาเป็นไม้เต้งรังปักลงดิน และเครื่องบนก็เปลี่ยนบ้าง</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>เพดานแลพื้นไม้เปลี่ยนไม้สัก ยังคงไม้จันทร์แต่ฝารอบเชิดหน้า ต่อมาสมัยเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนีครองวัดจึงยกขึ้น เป็น</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>หอพระ</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>
    พระตำหนักเก๋งจีน เป็นตึก ๒ ชั้น แบบเก๋งจีนขนาดกว้าง ๖.๐๐ เมตร ยาว ๙.๕๐ เมตร ผนังก่ออิฐหนาประมาณ ๓๐


    </TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>เซนติเมตร ชั้นล่างใช้เป็นที่รับแขกชั้นบนใช้เป็นที่บรรทม ของ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ จ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จ-</TD></TR><TR><TD class=line-bottomgray1px-dotted align=left height=27>พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว</TD></TR></TBODY></TABLE>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    'ม้าหมู่' ร่องรอยอดีต ควรค่าแก่การรักษา
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=190346&NewsType=1&Template=1

    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=messageblack vAlign=center align=middle height=20></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top>"ม้าหมู่” เป็นชื่อโบราณของ โต๊ะหมู่บูชา ที่ในระยะเริ่มต้นชาวสยามต่างให้ความนิยมด้านการจัดตกแต่งเพราะเชื่อว่าเมื่อมีพิธีหรือวันสำคัญต่าง ๆ สิ่งนี้จะหลงลืมเสียไม่ได้ วันมาฆบูชา นี้ก็เช่นกัน เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประกาศ หลักธรรมคำสอนเพื่อให้พระอรหันต์ทั้งหลายที่มาประชุมกันนำไปเผยแพร่ ซึ่งวันนี้นิยมใช้ดอกบัวประดับโต๊ะหมู่เพื่อแสดงออกถึงพระภิกษุที่มาจากทุกสารทิศ เมื่อบวชควรปฏิบัติตนตามคำสอน

    สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธ์ไว้ในเรื่อง “อธิบายเครื่องบูชา” ว่า เครื่องบูชาชนิดนี้เป็นแบบไทยแกมจีน เพราะความคิดในการจัดเครื่องบูชาเป็นความคิดไทย แต่กระบวนการจัดเอาอย่างมาจากที่จีนเขาจัดตั้งเครื่องแต่งเรือน แต่ตามเรื่องตำนานปรากฏว่า เมื่อรัชกาลที่ 2 ทรงสร้างสวนขวาในพระบรมมหาราชวัง (ตรงสวนศิวาลัยบัดนี้) ครั้งนั้น ประจวบเวลาราชทูตไทยออกไปเมืองปักกิ่ง ได้เครื่องแต่งเรือนจากจีนมาจัดแต่งพระราชตำหนัก เป็นเหตุให้เกิดนิยมกันขึ้นเป็นที่แรก

    เริ่มนำ “ม้าหมู่” มาใช้เป็นเครื่องบูชาเมื่อ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) มีพระราชดำริให้สร้างม้าหมู่ใหญ่ 11 ตัว และมีพระราชดำริให้สร้างม้าหมู่ขนาดน้อย มีม้าสำหรับตั้งเครื่องบูชาหมู่ละ 4 ตัว เพื่อบูชาพระประธานในพระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร หรือ วัดโพธิ์

    ชวลิต ศิริภิรมย์ นักวิชาการศาสนา ระดับชำนาญการ ฝ่ายพิธีกองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา กล่าวว่า ยุคแรกของการจัดโต๊ะหมู่บูชาได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ก่อนที่จะเผยแพร่สู่ประชาชนทั่วไป เดิมทีไม่มีการนำโต๊ะหมู่ตัวฐานมาจัดวาง แต่เพื่อความสะดวกจึงมีการนำโต๊ะตัวฐานมารองเนื่องจากบางพื้นที่พื้นมีความสูงต่ำไม่เท่ากัน

    การจัดโต๊ะหมู่บูชาหลายคนอาจมองว่า จัดอย่างไรก็ได้ แท้จริงแล้วมีข้อกำหนดมาตั้งแต่โบราณดังนี้ 1.ต้องคำนึงถึงความสะอาด 2.ตัวม้าหมู่ควรทำในประเทศด้วยลายไทยวิจิตรตระการตา 3.เครื่องบูชาควรเป็นเครื่องแก้ว หรือโลหะ ไม่ควรนำสิ่งของ ที่น่ารังเกียจมาวางรวม 4.กระบวนการจัดตั้งต้องให้เป็นไปอย่างสง่าได้ช่องไฟ แลเห็นความโดดเด่นของพระพุทธรูป 5.เครื่องบูชาที่ขาดไม่ได้ คือ เทียน ธูป ดอกไม้ ซึ่ง ข้อห้ามตามตำราหลวง ไม่ให้ใช้ดอกไม้หรือผลไม้ที่ผู้คนรังเกียจ เช่น ผลฝรั่ง ผลมะม่วง ผลจันทน์ที่สุกงอม

    ภาวะปัจจุบันคนเริ่มห่างวัด โต๊ะหมู่บูชาก็เป็นเหมือนเครื่องเตือนสติให้พุทธศาสนิก ชนตระหนักถึงคำสอนทางพระพุทธศาสนา และเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความภักดี ความเคารพบูชาในพระมหากษัตริย์ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ดังเช่น การจัดโต๊ะหมู่บูชาในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ขณะเดียวกันก็เป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีที่มีมาแต่โบราณ

    สำหรับโต๊ะหมู่ก็มีจำนวนโต๊ะต่อหมู่ที่แตกต่างกันคือ โต๊ะถวายพระพร, โต๊ะหมู่สัมมนา, โต๊ะหมู่พิธีส่วนตัว, โต๊ะหมู่ 3, โต๊ะหมู่ 4, โต๊ะหมู่ 5, หมู่ 6, หมู่ 7, หมู่ 9, หมู่ 12, หมู่ 14, หมู่ 15

    การจัดโต๊ะหมู่บูชาควรคำนึงถึงพื้นที่อย่างเหมาะสม โดยหากมีเนื้อที่น้อยควรจัดวางเพียงหมู่ 7 ที่ได้รับความนิยม ที่ผ่านมาหลายแห่งจัดผิดไม่ถูกต้องตามประเพณีโบราณ ที่ถูกต้องประกอบด้วย โต๊ะตัวบนประดิษฐานพระพุทธรูป วางพานพุ่มบนโต๊ะตัวรองด้าน ข้างข้างละ 2 พาน และตัว รองตรงกลางอีก 1 พาน วางแจกันดอกไม้ที่โต๊ะด้านข้างตัวสูงหลังพานพุ่มอีกข้างละ 1 แจกัน ตัวล่างสุดวางกระถางธูปและเชิงเทียน

    “หลายคนมักจัดผิดโดยการนำเชิงเทียนและกระถางธูปไว้คนละแห่งกัน ซึ่งแท้จริงแล้วควรนำมาไว้ที่เดียวกันในโต๊ะตัวสุดท้ายถึงจะถูกต้อง”

    นอกจากนี้ยังมี การจัดโต๊ะหมู่ถวายพระพรหรือรับเสด็จ ประกอบด้วยเครื่อง สักการะแจกัน พุ่มดอกไม้ เทียนแพ และกรวยดอกไม้ (ไม่นิยมใช้เชิงเทียนและกระถางธูป) โดยวางกรวยดอกไม้ไว้บนเทียนแพแล้วตั้งเทียนแพไว้ที่โต๊ะหมู่บูชาตัวต่ำสุด หากจัดในพิธีที่เชิญแขกมาในงานด้วยไม่ควรตั้งไว้ต่ำกว่าที่แขกนั่ง ปริมาณเครื่องสักการะมีมากน้อยแล้วแต่เจ้าภาพ

    ขณะเดียวกัน การจัดโต๊ะหมู่ในพิธีประชุมสัมมนา ที่ไม่เกี่ยวกับการประชุมนานาชาติ นิยมตั้งธงกับโต๊ะหมู่บูชาและพระบรมฉายาลักษณ์หรือพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ควรจัดวางตำแหน่งโดยตั้งโต๊ะหมู่บูชาไว้ตรงกลาง ตั้งธงชาติไว้ด้านขวาโต๊ะหมู่บูชา ตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ด้านซ้ายของโต๊ะหมู่บูชา

    “ตอนนี้มีนักสะสมหลายคนพยายามหาซื้อโต๊ะหมู่แบบโบราณเพื่อเก็บไว้ในครอบครองโดยส่วนตัวมองว่า ควรจะนำสิ่งมีค่าเหล่านั้นมาอนุรักษ์ไว้ในพิพิธภัณฑ์ให้ คนรุ่นใหม่ได้ศึกษาถึงขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ” ชวลิต ย้ำ

    สำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังสามารถไปที่พิพิธภัณฑ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ซึ่งมีการเก็บรวบรวมรักษาตั้งแต่อดีต ตลอดจนได้ศึกษาลวดลายอันวิจิตรตระการตา จึงอยากขอให้ทุกคนช่วยกันสืบสานประเพณีเหล่านี้ให้อยู่กับประเทศไทยต่อไป

    ถึงวันนี้ “ม้าหมู่” ได้รับการเรียกขานในชื่อ “โต๊ะหมู่บูชา” แต่ความงดงามก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงหากคนไทยช่วยกันรักษาสืบต่อกัน.
    ข้อควรรู้การจัดโต๊ะหมู่บูชา

    1.หากไม่มีโต๊ะหมู่อาจใช้โต๊ะอื่น ๆ ที่พอเหมาะ ลักษณะไม่สูงไม่ต่ำและไม่ใหญ่เกินไป

    2.ชุบน้ำมันยางที่ใส่เทียนและที่ปลายธูปเล็กน้อยก่อนจุดไฟ จะช่วยให้จุดง่ายขึ้น

    3.การตั้งเครื่องบูชานั้น ควรจัดให้เรียบร้อยงามตา อย่าให้มีสิ่งใดบังพระพุทธรูป ไม่ควรเอาเครื่องบูชาตั้งเสมอพระพุทธรูป

    4.ตั้งโต๊ะหมู่ ควรตั้งเบื้องขวาของพระสงฆ์เสมอ โดยเรียงเป็นแถวแนวเดียวกัน หากพื้นที่มีจำกัดก็ให้พระพุทธรูปผินพระพักตร์มาทางพระสงฆ์ โดยไม่ตรงแถวเดียวกันก็ได้.
    ศราวุธ ดีหมื่นไวย์
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    9 เทคนิคฝึกสมองไบรท์
    http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=69583&NewsType=2&Template=1


    <TABLE style="WIDTH: 480px"><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ใครอยากสมองไบรท์ฟังทางนี้ เดลินิวส์ออนไลน์มี 9 เทคนิคฝึกสมองไบรท์มาบอก...
    1. จิบน้ำบ่อย ๆ (Drink water very often) สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมอง ก็เหมือนต้นไม้ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เหี่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ
    2. กินไขมันดี (Enjoy good Omega 3) คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วยปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำ ส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น
    3. นั่งสมาธิวันละ 12 นาที (Meditation 12 min a day) หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆ ทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ( ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ) ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน
    4. ใส่ความตั้งใจ (Program the brain: have specific intention) การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้น ทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน
    5. หัวเราะและยิ้มบ่อย ๆ (Laugh and Smile) ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟินซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้น ให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อย ๆ
    6. เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน (Learn new thing everyday) สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่ คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟิน และโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และ สร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

    7. ให้อภัยตัวเองทุกวัน (Forgive yourself, reduce brain stress) ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง
    8. เขียนบันทึก Graceful Journal (Write graceful journal, good things in life every day) ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มี ครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดี ขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมา ช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์
    9. ฝึกหายใจลึก ๆ (Deep breath) สมองใช้ออกซิเจน 20 25% ของออกซิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมอง ควรนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่ สามารถหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 % การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้ แต่จะเก่งหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม

    รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากมีสมองไบร์ท ลองนำไปฝึกกันได้.
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ของกินหลายอย่างที่ไม่ค่อยเจอ

    http://www.posttoday.com/magazine.php?id=31586

    วันก่อนกินอาหารตามสั่ง ขนาดเป็นเจ้าที่เคยกินๆ อยู่ อยากกินอะไร ให้ทำแบบไหนก็สั่งได้ เกิดวางใจสั่งผัดเปรี้ยวหวาน


    ซึ่งเป็นของที่แสนจะธรรมดา ท่านเล่นใส่ข้าวโพดอ่อน มะเขือเทศ พริกหวาน แถมใส่ซอสพริกมา ผักนั้นรับไม่ได้อยู่แล้ว ดันทะลึ่งใส่ซอสพริก คงจะเอาเปรี้ยวปนเผ็ดจากซอส แล้วใส่น้ำตาล น้ำปลา

    [​IMG]

    เท่าที่ผมเคยกินมาตั้งแต่สมัยก่อนไม่อย่างนี้ ถึงจะเป็นหมู เป็นไก่ เป็นกุ้ง อะไรก็ได้ทั้งนั้น ส่วนผักหลักๆ ก็มี แตงกวาหรือแตงร้าน หอมใหญ่ มะเขือเทศ สับปะรด พริกหยวก ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู น้ำตาล น้ำปลา แต่ถ้าจะเอาสีให้มันดูไม่ซีดเซียวไปก็ใช้น้ำส้มมะขาม ใส่แป้งนิดหนึ่ง ก็เป็นเปรี้ยวหวานสมบูรณ์แบบ ได้ทั้งเปรี้ยวหวานจากผักและทั้งการปรุงรส
    ไม่นึกว่าเปรี้ยวหวานสมัยนี้จะโลดโผนถึงขนาด เห็นว่าตอนนี้มีผงสำเร็จผัดเปรี้ยวหวานดิจิตอลขายแล้ว ต้องเรียกว่าดิจิตอลเพราะคงใช้ระบบชั่งตวงวัดคำนวณรสเปรี้ยว เค็ม หวาน เบ็ดเสร็จ รวมกับการบรรจุภัณฑ์เป็นเครื่องจักรที่สมัยนี้เป็นดิจิตอลไปหมดแล้ว และผักอีกหน่อยก็คงจะใส่ คะน้าฮ่องกง บรอกโคลี มะเขือม่วง เดาไม่ได้ทั้งนั้น
    เรื่องของกินยังไม่หยุดแค่เปรี้ยวหวาน วันต่อมาสั่งไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ท่านเจ้าประคุณ เล่นเอาไก่ผัดกับเครื่องแกงแล้วใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ใส่ต้นหอมมา ผมเลยจ๋อยสนิท มายังไงก็กินๆ ไปอย่างนั้น กินเพื่อให้ตอนเช้ามีเหตุของการเข้าส้วมเท่านั้น
    เมื่อเห็นของกินที่กำลังไปโลกหน้า ก็คิดถึงของกินหลายอย่างที่ไม่ค่อยเจอแล้ว จริงอยู่ว่าต้องยอมรับว่าโลกสมัยมันเปลี่ยน อาจจะด้วยเหตุของความจำเป็นในเรื่องวัตถุดิบอาหารสดอาหารแห้ง เวลาที่ต้องรีบ และต้องทำเอาปริมาณ หรือเรียกง่ายๆ ทำมากกำไรมาก เป็นยุคสมัยของคนซื้อกินอะไรทำนองนี้
    การกินสมัยก่อนเป็นยุคของคนทำกิน จะเอาสิ่งที่ใกล้ตัวมากิน ตอนไหนฤดูไหนมีอะไรก็เอามาทำกิน และทำกินทีเดียวให้คุ้มไม่ให้เหลือ แต่ถ้าได้มามาก ก็ต้องหาวิธีเก็บไว้กินในวันหน้า หรือจะเรียกว่าการถนอมอาหารก็ได้ แต่เป็นการถนอมอาหารที่หลักแหลม เพราะยังไม่มีตู้เย็น
    มีหลายตัวอย่างครับ เช่นอยู่ริมน้ำวางข่ายวางอวนได้ปลาเบญจพรรณตัวเล็กตัวน้อยมาเยอะแยะส่วนใหญ่จะเป็นปลาสร้อย ปลากระดี่ (เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว) ก็แบ่งปลากระดี่ส่วนหนึ่งขอดเกล็ดบั้งทาเกลือตากแห้งเก็บไว้ทอดกินในวันหน้า และปลาที่เหลือก็เอามาแกง โดยจะเอามาสับทั้งกระดูก สับนานและสับละเอียดมาก เสร็จแล้วก็ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ทำเป็นแกงแดงหรือแกงเผ็ดแบบทั่วไป แกงนี้เรียกว่าแกงสับนก ผมเคยกินบ่อย แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยชอบเพราะถึงเนื้อปลาจะละเอียดอย่างไรก็มีเศษก้างแข็งๆ อยู่ดี
    และเมื่อก่อนอีกเช่นกันถ้าได้ปลากรายมาถือว่าสุดยอด เรียกว่าวันนั้นได้กินทอดมันแล้ว ทอดมันสมัยก่อนใส่ถั่วพูครับ มาใส่ถั่วฝักยาวเอาสมัยหลังนี่เอง ยังไงผมก็ยังชอบอย่างใส่ถั่วพูอยู่ดี ผมว่าหอมกว่า และปกติปลากรายที่ขนาดเอามาขูดเนื้อทำทอดมันได้นั้นมักตัวจะโต ซึ่งครีบจะใหญ่พอสมควร เขาจะเอาครีบหรือที่เรียกว่าเชิงนั้นเอง เอามาชุปแป้งทอด แป้งก็จะผสมเกลือกะทินิดหน่อย กินกับน้ำจิ้มอาจาดอย่างเดียวกับที่กินกับทอดมันนั่นเอง เชิงปลากรายเดี๋ยวนี้หากินยากจริงๆ ทั้งๆ ที่เดี๋ยวนี้ไม่ว่าไปทางไหนก็จะมีทอดมันปลากราย แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ลูกชิ้นปลากรายผัดฉ่า แต่ไม่มีเชิงปลากรายทอด
    ก็เลยทำให้สงสัยว่าปลากรายที่กินๆ กันอยู่นี่เป็นปลากรายแท้หรือเปล่าไม่รู้ ก็มันมีมากจนเหลือเชื่อครับ
    แกงอย่างหนึ่งที่เคยกินเป็นแกงต้มเปรอะ หรือบางคนเรียกว่าแกงหน่อไม้ต้มปลาร้า เมื่อบ้านไหนได้พวกปลาแดง ปลาม้า หรือปลาเค้า แม้กระทั่งปลาเทโพมา ก็เดินเข้าดงป่าหลังบ้านซึ่งส่วนใหญ่จะมีไผ่ตงบ้าง ไผ่ลวก หรือไผ่สีสุกบ้าง ไปเดี๋ยวเดียวก็เอาหน่อไม้มา ฝานเป็นชิ้นบางๆ ถ้าหน่อไม้ใหญ่หน่อยก็ลวกน้ำร้อนครั้งหนึ่งเพื่อลดความขม ถ้าหน่ออ่อนและเล็กๆ ก็ไม่จำเป็นต้องลวก ต้มใส่น้ำปลาร้า ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา เอารสหวานนำหน้า พอหน่อไม้สุกดีแล้วก็ใส่ปลา แค่นั้นเอง มีน้ำพริกง่ายๆ อีกถ้วยหนึ่ง กินข้าวระเบิดเถิดเทิงแล้ว
    แกงบอน เป็นแกงเผ็ดอีกอย่างนี่ก็ไม่ค่อยเจอครับ บอนนั้นเมื่อเป็นแกงแล้วจะนิ่มและอมน้ำแกงได้ชุ่มดี ไม่ค่อยแกงกันครับ อย่าว่าแต่เดี๋ยวนี้เลยเมื่อก่อนจะแกงทีหนึ่งก็เรื่องมากเหมือนกัน บ้างก็ว่าเวลาปอกบอนต้องระวังปากให้ดีอย่าบ่นอย่าต่อว่านินทาใคร ไม่อย่างนั้นจะคัน (สงสัยคำว่าปากบอนคงเอามาจากนี่เองที่เรียกว่าคันปากหรือปากหาเรื่อง) บ้างก็ว่าผู้หญิงมีฤดูหรือท้อง ปอกบอนไม่ได้ ซึ่งเรื่องอย่างนี้อาจจะมีเหตุผลอื่นแอบแฝงอยู่ก็ได้ อาจจะไม่อยากให้ผู้หญิงซึ่งกำลังอยู่ในช่วงอ่อนแอไม่อยากให้ทำอะไรก็เป็นไปได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อะไรหรอก บอนนั้นถ้าตัดมาใหม่ๆ หรือยางยังสดๆ อยู่จะคัน ต้องทิ้งไว้สักหนึ่งคืน ให้ยางมันแห้งก่อนมันจึงจะไม่คัน เรื่องไม่ได้เห็นแกงบอนนั้น ก็เอาง่ายๆ แม้กระทั่งตามตลาดสดยังไม่ค่อยมีบอนขายเลย แล้วจะมีใครลงทุนไปหากอบอนแล้วแหวกตัดมาแกงกิน
    แกงบวน นี่ก็ไม่ค่อยได้เห็นแล้ว คนจีนนั้นมีตือฮวน มีกวยจั๊บ มีเลือดหมู เพราะเอาเครื่องในซึ่งเป็นของด้อยน้อยค่ากว่าเนื้อหมู มันหมู กระดูกหมู พูดง่ายๆ เอาของราคาถูกมาทำกินนั่นเอง
    คนไทยก็มีแกงซึ่งเอาของด้อยค่าราคาถูกมาแกงเหมือนกันที่เรียกว่า แกงบวน เป็นแกงเผ็ดที่ใส่เครื่องในทุกอย่าง เป็นแกงพิถีพิถันมาก แม้กระทั่งน้ำแกงยังใช้น้ำใบมะตูมกับน้ำตะไคร้ คั้นเอาแต่น้ำ เป็นแกงโบราณ และส่วนใหญ่เป็นบ้านเจ้านายครับ
    แกงคั่วเชิงปลากระเบนย่าง นี่ก็อีกอย่างหนึ่งที่ไม่ค่อยเห็นแล้ว ขบวนเนื้อสัตว์ที่มีกระดูกอ่อนกรุบกรับนั้นไม่มีอะไรเกินเชิงปลากระเบน ยิ่งตามตลาดกรุงเทพฯ ไม่ต้องหาเชิงปลากระเบนย่าง ผมไปเจอที่ตลาดสดที่ จ.ตราด มีย่างขาย ขนาดใหญ่กำลังเหมาะ ย่างจนเหลืองน่ากิน อยากได้แต่ก็จนใจกลัวแกงเองแล้วแหลกไม่ลง นี่เป็นส่วนหนึ่งของของกินที่ไม่ค่อยได้เจอครับ ซึ่งเกือบทั้งหมดนี้เป็นอาหารที่ทำกินในบ้านไม่มีซื้อหา ซึ่งสมัยนี้ไม่ต้องหวังว่าจะมีใครทำขาย ก็เห็นใจคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาเลย แล้วอยู่ๆ จะให้ตามหาของอย่างนั้นกิน คงลำบากครับ นั่นก็อาจจะเป็นไปได้ว่า ต่อไปของกินพวกนั้นคงหายสาบสูญไปเลยครับ
     
  20. dragonlord

    dragonlord เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    541
    ค่าพลัง:
    +1,541
    อนุโมทนาคะคุณพี่หนุ่ม

    ขอร่วมทำบุญ พระพิมพ์วังหน้า(พิมพ์พระสังกัจจารย์ปิดตา) บุนาค 1 องค์คะ

    ปล.จริงๆต้อง พระสังกัจจายน์รึเปล่าคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กุมภาพันธ์ 2009

แชร์หน้านี้

Loading...