ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ย้อนรอยกระทู้เก่าของทุนนิธิฯ เอง นำมาเล่าใหม่ "ธรรมมะไม่มีวันพ้นสมัย"



    [​IMG]


    ขอเสนอธรรมะจากท่านเจ้าคุณโชดกฯ วัดมหาธาตุบทที่ 2 ท่านแยกเป็นข้อๆ ดีมาก ง่ายแก่การทำความเข้าใจ ค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ รู้ไม่ต้องเร่ง จะประณีตในการทำความรู้ดีมาก หรือจะเลือกอ่านทีละข้อก็ได้ครับ
    (ในภาพสมเด็จย่า เมื่อครั้งขึ้นกรรมฐานกับท่านเจ้าคุณฯ กำลังสนทนาธรรมและข้อปฏิบัติต่างๆ)

    คำถามที่ยังไม่ได้ตอบจากงานบรรยาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2009
  2. jirautes

    jirautes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +575
    สวัสดีทุกๆครับวันนี้ครอบครัวผมได้ใอนเงิน 500บ *05/02/09*เวลา17.31น.
    ทำบุญสงเคราะห์สงฆ์อาพาธครับ.
     
  3. ทุเรียนทอด

    ทุเรียนทอด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,329
    ค่าพลัง:
    +57,981
    สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามะ..
     
  4. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    สวัสดีครับ เดือนนี้คุณแม่ได้โอนเงินเข้าบัญชีทุนนิธิจำนวน 500 บาทเมื่อวันที่ 2 กพ 2552 เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
     
  5. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    วันนี้ได้ส่งพระให้คุณธิติ และคุณโอลีฟ คงอีกซักวันจันทร์จะได้รับนะครับ ต้องขอโทษด้วยที่จัดส่งพระช้าไปบ้างเนื่องจากพระบางองค์ไม่ได้อยู่ที่ผมต้องรวบรวมจากพี่ๆ แต่ก็ส่งไปให้ชุดใหญ่เลยครับ

    โมทนาครับ
     
  6. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ณ วันนี้เป็นวันที่ขอขอบพระคุณ ทุนนิธิ

    ที่ได้ทำบุญ ทำสร้างกุศล

    เพราะผลกุศลแท้ๆ ครับ

    สาธุครับ
     
  7. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    8 ชั่วโมงที่อยู่ด้วยกัน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    <O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image001.jpg
      image001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.3 KB
      เปิดดู:
      892
    • image002.jpg
      image002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.9 KB
      เปิดดู:
      737
    • image003.jpg
      image003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.4 KB
      เปิดดู:
      745
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2009
  8. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    กระจกเงา-กระจกคน
    [​IMG]

    [FONT=30106_Bluemoon_SemesterOpen]คนฉลาดจะไม่มัวแต่แสวงหาปัญญาที่ลุ่มลึกจนละเลย[/FONT]
    [FONT=30106_Bluemoon_SemesterOpen]
    การค้นหาในส่วนที่ตื้นเขิน ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเส้นผมบังภูเขา

    การค้นหาข้อบกพร่องของตนเองเป้นสิ่งที่ยากที่สุดเพราะคนเรา

    มักจะพอใจที่ส่องกระจก เมื่อตัวเองอยู่ในสภาพที่เรียบร้อยสวยงาม

    ความจริงใจที่จะวิจารณ์ตัวเองจึงยังไม่เพียงพอ

    ดังนั้นคนฉลาด...จึงไม่ควรส่องดูตัวเองจากกระจกเงา

    แต่ควรส่องดูตัวเราเองจากคนอื่น เพราะการส่องกระจกจะเห็นแต่รูปโฉม

    แต่การส่องกระจกจากคน จะรู้ถึงนิสัยว่าเป็นประการใด


    [FONT=30106_Bluemoon_SemesterOpen]"ถึงจะมีกระจกสุดสะอาด<O:p</O:p

    [FONT=30106_Bluemoon_SemesterOpen]ไม่สามารถส่องเห็นตัวจริงได้<O:p</O:p[/FONT]
    [FONT=30106_Bluemoon_SemesterOpen]กระจกใสก็ไม่เห็นถึข้างใน<O:p</O:p[/FONT]
    [FONT=30106_Bluemoon_SemesterOpen]ถ้าผู้ใดอยากเห็นต้องพึ่งคน"[/FONT]



    [FONT=30106_Bluemoon_SemesterOpen]<O:pที่มา หนังสือ "ชีวิตงาม"</O:p[/FONT]
    [/FONT][/FONT]
     
  9. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    [​IMG]

    "การกระทำเป็นเหตุให้เกิดผล

    มิใช่มนต์มายามาแต่ไหน

    มีสิ่งนี้เพราะสิ่งนี้ที่เป็นไป

    ทำเช่นใดย่อมได้เห็นผลเช่นนั้น"

    ที่มา หนังสือ "ชีวิตงาม"

    รูปประกอบ http://www.geocities.com/prakobkit/new3/pray.jpg

     
  10. คีตา

    คีตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    665
    ค่าพลัง:
    +4,309
    พี่ๆครับ ขออนุญาตแทรกนิดนึงครับ ผมได้ภาพเป็นไฟล์ละเอียดมาแล้ว สามารถโหลดได้ที่กระทู้นี้เลยครับ



    ขอบคุณมากเลยครับ และขออนุโมทนาด้วยครับ

    [​IMG]
     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มีข่าวงานบุญกุศลดีๆ มาฝาก เพื่อนสมาชิก โดย pm. mail ของน้อง kratium สมาชิกประจำที่น่าทึ่งในกระทู้นี้ครับ "งานบุญที่ตอบแทนคุณของอาจารย์ใหญ่ แห่งแพทย์" มาฆะบูชา นี้ล่ะ บุญใหญ่เลย



    ทำบุญบริจาคโลงให้อาจารย์ใหญ่
    <O:p</O:p
    เนื่องด้วยภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะจัดให้มีการฌาปนกิจศพผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ( ตามเอกสารเเนบ) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ทางคณะเเพทย์ศาสตร์ทำเป็นประจำทุกปี จึงใคร่ขออนุเคาระห์โลงศพจำนวน 185 โลง (ในปี 2552) เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทิตาและไว้อาลัยแด่ผู้อุทิศร่างกาย ซึ่งร่างของอาจารย์ใหญ่ได้นำมาประกอบการเรียนการสอนของนักศึกษาเเพทย์เรียบร้อยเเละมัดตราสังข์ไว้เเล้ว กำลังรอโลงศพเพื่อสวดพระอภิธรรมเเละเข้ารับพระราชทานเพลิงศพในวันที่ 15 มีนาคม 2552 โดยจะต้องเเยกทำพิธีกรรมทางศาสนา ณ ฌาปนกิจสถาน 5 วัดด้วยกัน (วัดแก้วแจ่มฟ้า 32 ศพ วัดเทพศิรินทร์ และอีก 3 วัด)

    หากท่านใดสนใจสามารถสอบถามเเละบริจาคได้โดยตรงตามแต่จิตศรัทธา ที่ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะเเพทย์ศสาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 02-252-7028 หรือ 02-256-4281 ต่อ 1156 ( คุณวาสนา) หรือกด 0 ต่อธุรการภาคฯ
    <O:p</O:p


    -สามารถบริจาคโดยการโอนเงิน ผ่านทางบัญชี SCB สาขาสภากาชาด <O:p</O:p

    เลขที่บัญชีใหญ่ 045-2-880-006 ระบุบัญชีย่อยชื่อบัญชี " เงินฝากเพื่อพัฒนาอาจารย์ใหญ่เพื่อการศึกษาด้านการแพทย์ " รหัสบัญชี 4300071 <O:p</O:p

    หลังจากที่ โอนเงินเรียบร้อยแล้ว หากต้องการใบเสร็จรับเงิน Fax เอกสาร ไปที่ เบอร์ 02-2517901 คือ<O:p</O:p

    1. Slip Bank <O:p</O:p

    2. ชื่อที่อยู่ ที่จะให้ระบุในใบเสร็จรับเงิน <O:p</O:p

    ทางเจ้าหน้าที่จะส่ง ใบเสร็จรับเงิน (สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้) ทางไปรษณีย์ ไปตามที่อยู่ที่ได้รับแจ้งทาง Fax <O:p</O:p


    วัดแก้วแจ่มฟ้า โดยมูลนิธิวัดแก้วแจ่มฟ้า ซึ่งพระปลัดธนเดช เลขาเจ้าอาวาส โทร. 081-5667657 ผู้รับผิดชอบโครงการ ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ทางวัดแก้วแจ่มฟ้ารับเป็นเจ้าภาพ 32 ศพ โดยค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธี (ไม่รวมโลง) 7,800 บาท โดยที่ทางภาคฯ ขอโลงสีขาว ราคาของโลงสีขาวประมาณหนึ่งพันห้าร้อยบาท รับสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2552
    เผาเดือนมีนาคม 2552
    <O:p</O:p


    เนื่องจากเจ้าอาวาสมีนโยบายไม่ทำเป็นเชิงพาณิชย์ จึงเปิดรับบริจาคเฉพาะที่มูลนิธีวัดแก้วแจ่มฟ้า ถนนสี่พระยา (จากท่าน้ำสี่พระยาตรงไปสามย่านวัดอยู่ซ้ายมือ ต้นๆ ถนนสี่พระยา ระหว่างเวลา 8.00
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  13. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เมื่อพูดถึงอาจารย์ใหญ่ที่อุทิศร่างกายให้แก่บรรดาเหล่านักศึกษาแพทย์แล้ว ก็เลยต้องขออนุญาตเล่าให้ฟังถึงเมื่อวานนี้ที่ โรงเรียนเทคโนโลยี ที่ผมดูแลอยู่ ที่ จ.ระยอง เมื่อวานนี้มีกิจกรรมสุดท้ายสำหรับนักเรียน ปวส.ชั้นปีที่ 2 ที่กำลังจะจบการศึกษาราวๆ สองร้อยกว่าคน ซึ่งเป็นการอบรมครั้งสุดท้ายก่อนที่ทางโรงเรียนจะปล่อยออกไปผจญภัยในตลาดแรงงาน หรือที่ในวงการศึกษาเรียกกันว่า "ปัจฉิมนิเทศ" เพราะก่อนหน้าในวันดังกล่าวอาจารย์ที่ดูแลด้านกิจกรรมมาปรึกษาว่า จะมีการอบรมด้านคุณธรรม จริยธรรมด้วยจะเอาใครเป็นคนอบรมดี เราเลยนึกถึง ท่านพระอาจารย์ ณรงค์ แห่งวัดบ้านเพ ที่อยู่ใกล้โรงเรียนมาทันที เพราะเราเคยไปกราบท่าน พร้อมกับคุณโสระ และ นายสติ ท่านเทศน์เล่นเอาน้ำตาซึม แต่เนื่องจากทางท่านอาจารย์ ท่านปิดตัวเองอยู่ในวัดมานาน ไม่รับกิจนิมนต์ข้างนอก หรือจะออกมาก็เฉพาะกรณีปีละไม่เกิน 1-2 ครั้ง ทำไงดี? โทร.ปรึกษาพี่ใหญ่ดีกว่า โทร.หาตอน 10 โมงเช้าเพื่อปรึกษาเรื่องการเชิญท่าน พี่ใหญ่บอกว่า เออ. พี่กำลังจะเข้าห้องพระพอดี เดี๋ยวเที่ยงมาฟังผล พอโทร.เสร็จก็บอกอาจารย์ที่ดูแลกิจกรรมว่าเดี๋ยวบ่ายให้รอคำตอบก่อน เราก็ทำงานเพลิน นึกขึ้นได้ตอนบ่ายโมง โทร.หาพี่ใหญ่อีกครั้ง พี่ใหญ่บอกว่า ลองไปนิมนต์ดู บ่ายสามประชุมผู้บริหาร รองฯ ฝ่ายกิจกรรมบอกว่า เรียบร้อยแล้วครับ ท่านรับนิมนต์ และให้เอารถไปรับท่านในวันดังกล่าว โดยมีข้อแม้ว่า ไม่ต้องถวายปัจจัย ขอน้ำอุ่นเพียงแก้วเดียว เตรียมเด็กให้พร้อม เมื่อวานเป็นวันกิจกรรมตามที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ท่านมาถึงโรงเรียนราวๆ เที่ยงครึ่ง อาจารย์ที่ไปรับ พาท่านมาพักผ่อนที่ใกล้ห้องทำงานท่าน โอกาสเหมาะจึงได้มีเวลาสนทนาธรรมกับท่านแบบตัวต่อตัวราวครึ่งชั่วโมง ไปแนะนำตัวกับท่านๆ ยิ้มๆ ท่านจับมือเรา แล้วบอกว่า ผู้จัดการอยากฟังข้อธรรมใช่หรือไม่ ติดตรงไหนบอกมา แต่ก่อนที่ท่านจะสอน ท่านบอกว่า ถอดรองเท้าก่อน ท่านก็ถอด เราก็ถอด แล้วท่านก็บอกว่าเดี๋ยวให้นักเรียนที่จะฟังธรรมถอดด้วย ไม่งั้นเวลาฉันสอน พระจะอาบัติ เพราะธรรมะการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าเป็นของสูง เราเป็นเพียงเวนัยสัตว์ต้องเคารพท่าน เราก็เลยเล่าข้อติดขัดให้ท่านฟัง ว่าแล้วท่านก็สอนเราว่า ผู้จัดการว่างานเยอะทำให้การปฏิบัติธรรมเกิดขัดข้องใช่มั๊ย ท่านบอกว่าให้ทำตามท่าน ทำได้ทุกวัน ก็คงไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ท่านบอกว่าบุญกุศลเป็นเรื่องที่ทำได้โดยนับตั้งแต่ตื่นเช้ามา ตอนตีห้าหรือตอนเช้าให้เราล้างหน้าล้างตา หรืออาบน้ำ แล้วสวดมนต์ไหว้พระก่อน แล้วค่อยแต่งตัวไปทำงาน นี่ได้บุญอย่างที่หนึ่งแล้ว สองใครมีพ่อแม่ ให้ปรนณิบัติพ่อแม่ให้เรียบร้อยก่อนเพื่อทดแทนคุณท่านที่ชุบเลี้ยงเรามาโดยการจัดข้าวจัดปลา ป้อนข้าวป้อนน้ำ นี่ได้บุญอย่างที่สองแล้ว เวลาทำงานให้สำรวมกาย วาจา ใจ ให้อยู่ในศีล ในธรรม อย่าคิดพยาบาท อาฆาตแค้น หรืออิจฉาริษยาใคร พิจารณาในงานที่ทำเป็นประจำให้มีสติรู้ทันในอริยาบท อยู่ตลอดทั้งวัน นี่ท่านบอกได้บุญอย่างที่สามแล้ว กลับจากมาทำงาน ก็ดูแลปรนณิบัติพ่อแม่อีกอย่างเดิมเหมือนตอนเช้าอีก นี่ได้บุญอย่างที่สี่ แล้ว ก่อนนอนไหว้พระสวดมนต์ภาวนานึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูอาจารย์ นี่ได้บุญอย่างที่ห้าแล้ว การภาวนาก็ขอเวลาแค่สามนาที ให้นึกลมหายใจเข้า-ออกเป็นคู่ หายใจเข้านับหนึ่ง-หายใจออกนับหนึ่ง ทำไปเรื่อยๆ จนถึง 10 นับเป็น 1 รอบ วันนึงให้เอาแค่สามรอบพอ สุดท้ายได้บุญอย่างที่หกก็คือภาวนาเสร็จก็ให้ อะหัง สุขิโตโหมิ...แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย นี่ทำได้อย่างนี้ทุกวันบุญวันละหกอย่างจิตจะใสปิ๊ง ไม่ต้องมาบีบรัดต้องนั่งสมาธิเท่านั้นนาที เท่านี้ชั่วโมง นั่งแล้วก็คิดนั่นคิดนี่ แทนที่จะได้บุญกับได้ความฟุ้งซ่านแทน อย่างฉันนี้ทำได้หมดมานานแล้ว
    สุดท้ายได้สอบถามถึงความเป็นอยู่ของท่าน และการอบรมกรรมฐาน ท่านบอกผู้จัดการมาเลยให้มาที่วัดท่านทุกวันตอนหนึ่งทุ่มถึงสองทุ่มท่านจะสอนกรรมฐานเอง เลยไพล่ถามเรื่องวิธีการสอน ท่านบอกว่าฉันเรียนมาจากท่านหลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง หลวงพ่อชา ยังเคยมานอนค้างที่วัดฉัน ส่วนท่านอาจารย์ที่วัดมาบจันทร์อาจารย์ของเราเองนั้น ท่านบอกว่า ฉันบอกให้เองว่าเดิมทีเค้าจะบวชแค่สามเดือน จึงบอกว่าอย่าสึก ให้บวชต่อไป (ตอนนี้ราวๆ สามสิบกว่าพรรษาแล้ว) เราถามว่าได้ทราบว่าท่านไม่ค่อยรับกิจนอกวัด ท่านกระซิบเบาๆ พระพุทธเจ้าท่านปิดเรา กลัววุ่นวาย ให้เราอยู่ในวัด สุดท้ายท่านมองหน้าเรายิ้มๆ เราไม่มาอีกแล้วน๊ะ (ความหมายนี้ผมคิดเอาเองว่าท่านบอกความนัยว่าท่านไม่มาเกิดอีกแล้วเพราะดูจากคำสอนที่ท่านสอนเราว่าใครทำได้อย่างนี้ทุกวันก็ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก) ปีนี้เราอายุ 70 พรรษา 48 แก่แล้ว
    พอถึงเวลาท่านเทศน์ให้นักเรียนฟัง เราฟังอยู่ตลอด แต่รายละเอียดเยอะมาก ท่านเทศน์พอสรุปคือทาน ศีล ภาวนา แต่ท่านอธิบายไม่บอกตรงๆ ท่านบอกว่าการทำบุญให้พ่อแม่ก็เป็นทานอย่างหนึ่ง เพราะพ่อแม่ให้ร่างกาย ให้สองแขน สองขา หนึ่งหัวมา นี่นับว่าเป็นต้นศีล ต้นธรรม เพราะสองแขน สองขา หนึ่งหัวก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ให้ศีล 5 มา เรารักษาศีลก็เหมือนรักษาชีวิตเรา ส่วนต้นธรรมนั้น เราต้องเอาร่างกาย เอาจิตใจมาทำเองจึงจะสำเร็จนี่คือพระคุณของพ่อแม่ที่ให้เรามา เวลาใส่บาตรตามถนนหนทาง ให้ถอดรองเท้าก่อน เพราะเปรียบเสมือนเราใส่บาตรให้พระพุทธเจ้า เวลาถวายข้าวพระก็ให้ตั้งใจยกข้าวทูนเหนือหัว โน้มจิตให้เหมือนดั่งถวายข้าวให้พระพุทธเจ้า ใส่เสร็จไหว้ท่าน ก็ให้นึกถึงว่าเราได้ไหว้พระพุทธเจ้าอย่าไปนึกถึงว่าเราไหว้ตาสี ตาสาที่มาบวชในผ้าเหลือง หรือไหว้เณรน้อยลูกชาวบ้าน เป็นการเข้าถึงการบูชาคุณของพระพุทธเจ้าไปในตัวด้วย ไม่ใช่รีบใส่ๆ เพื่อให้จบสิ้น จะไม่เกิดมรรคผลอันใดเลย เวลาพระท่านให้พร เนื่องจากท่านมีเวลาน้อยเพราะท่านต้องไปรับบาตรที่อื่นอีก ท่านจึงไม่ให้พรยาว ก็ให้เรานึกถึงว่า บุญที่ข้าพเจ้าได้ใส่บาตรให้พระพุทธเจ้านี้ จงสำเร็จแก่บิดาและมารดาของเราแค่นี้ก็พอแล้ว ตัวบุญอยู่ตรงที่เรานึกทั้งหมดนี่ล่ะ อย่าไปคิดเป็นอย่างอื่น ท่านบอกหากใครเนรคุณต่อบิดามารดา ชีวิตก็จะฉิบหายไม่ได้ดี แต่ตรงกันข้าม หากใครทดแทนคุณบิดาและมารดาให้ดี ถึงคราวคับขัน ก็จะมีผู้มาช่วยเหลือเราเอง เพราะพ่อแม่คือเนื้อนาบุญของเรานั่นเอง .......

    นี่คือข้อคิดที่ขอเก็บตกมาฝากจากการที่ได้เชิญพระอาจารย์ ณรงค์ ให้วัดบ้านเพ จ.ระยอง มาอบรม "ปัจฉิมนิเทศ" ให้แก่นักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษา ให้มีคุณธรรม และจริยธรรม ที่โรงเรียนที่ผมเป็นผู้จัดการโรงเรียนอยู่มาเล่าให้ฟัง ที่จริงรายละเอียดมีอีกมาก ส่วนที่เล่านี้เป็นแบบย่อ และขอส่งต่อเข้ากระทู้โดยไม่แก้ไข ผิด ตก อย่างไร ขออภัยด้วยก็แล้วกัน อย่างที่บอก ใครทำได้อย่างนี้ก็ขออนุโมทนาด้วยจริงๆ สาธุ..

    พันวฤทธิ์
    7/2/52
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มีเรื่องชวนให้อ่านนิดนึง ตามนี้ครับ

    <TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD></TD><TD></TD><TR><TD colSpan=2>
    [​IMG]

    "อนิจจัง อนัตตา สุญญตา"

    ตลอดช่วงสิบเอ็ดปีที่ผมได้เข้าวัดถ้ำยายปริก ผมเป็นคนชอบไต่ถามและสังเกตในเรื่องต่างๆในวัดถ้ำยายปริก ซึ่งผมก็บันทึกเหตุการณ์ต่างๆไว้บ้าง อัดเทปคำพูดของหลวงพ่อไว้บ้าง ทั้งนี้ก็เพื่อที่สามารถเอามาเป็นอุทาหรณ์สอนใจและสอนการปฏิบัติตนให้ผมได้ หนึ่งในนั้น ก็มีเรื่องที่ดูเหมือนเป็นเรื่องพื้นๆสำหรับพระสงฆ์ระดับครูบาอาจารย์ทั่วไป เช่นเรื่อง ภูติผีปีศาจ เทวดา และภพภูมิอื่นๆ ซึ่งสำหรับหลวงพ่อประสิทธิ์แล้ว ก็มีอยู่บ้างสำหรับเรื่องดังกล่าว (แต่มีน้อยมาก เพราะท่านไม่ค่อยจะพูดเรื่องเหล่านี้สักเท่าไร จะพูดเมื่อจำเป็นเท่านั้น) ตามที่ผมจะยกตัวอย่างมาให้ทราบดังต่อไปนี้

    เมื่อสิบกว่าปีก่อน ขณะพระหมอวิชัยยังไม่บวช และท่านยังเป็นนักศึกษาแพทย์เฉพาะทางที่ รพ.จุฬาฯ ทางคณะอาจารย์และนักศึกษา ได้นิมนต์หลวงพ่อให้ไปพิจารณาอสุภกรรมฐานและแผ่เมตตา ให้แก่บรรดา​
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    ขอบคุณมากครับ ฝากความคิดถึงไปยังคุณโอลีฟด้วย อยู่อังกฤษรักษาสุขภาพด้วยครับ




    [​IMG]
     
  16. MEA

    MEA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    150
    ค่าพลัง:
    +660
    วันนี้ 7/2/2552 เวลา 12.46น. โอนเงิน ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ จำนวน 300 บาท ขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๙๗ | ทรงมอบสมบัติพระนิพพานแก่พระราหุล
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๙๗ : ทรงมอบสมบัติพระนิพพานแก่พระราหุล
    โดยให้บรรพชาเป็นสามเณรองค์แรก


    เมื่อราหุลติดตามพระพุทธเจ้าไปถึงนิโครธาราม เพื่อทูลขอรัชทายาท และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สมบัติของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่าสิ่งที่ราหุลทูลขอนั้นเป็นสมบัติทางโลกไม่ยั่งยืน เต็มไปด้วยความทุกข์ในการปกปักษ์รักษา ไม่เหมือนอริยทรัพย์ คือ ธรรมะที่พระองค์ได้ตรัสรู้มา ทรงพระพุทธดำริว่า "จำเราจะให้ทายาทแห่งโลกุตตระแก่ราหุล"


    [​IMG]

    พระพุทธเจ้าจึงตรัสเรียกพระสารีบุตรมา แล้วรับสั่งให้พระสารีบุตรเป็นพระอุปัชฌาย์ทำหน้าที่บวชสามเณรให้ราหุล ราหุลจึงเป็นสามเณรองค์แรกในพระพุทธศาสนา เมื่ออายุครบบวช ต่อมาได้บวชเป็นพระภิกษุและได้สำเร็จพระอรหันต์

    เมื่อคราวนันทะซึ่งกำลังจะเข้าพิธีวิวาหมงคล แต่ยังไม่ทันเข้าพิธี เพราะถูกพระพุทธเจ้าจับบวชเสียก่อนนั้น พระเจ้าสุทโธทนะพุทธบิดาทรงทราบข่าวแล้วเสียพระทัยมาก แต่ก็ไม่สู้กระไรนัก เพราะยังทรงเห็นว่าราหุลกุมาร รัชทายาทองค์ต่อไปยังอยู่ แต่ครั้นทรงทราบว่าราหุลกุมารได้บวชเป็นสามเณรเสียแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะทรงเสียพระทัยมากยิ่งกว่าเมื่อคราวพระพุทธเจ้าเสด็จออกบวช และเมื่อนันทะบวช

    พระเจ้าสุทโธทนะไม่อาจทรงระงับความทุกข์โทมนัสครั้งนี้ได้ จึงเสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่นิโครธาราม แล้วทูลขอร้องพระพุทธเจ้าว่า ถ้าพระคุณเจ้ารูปใดจะบวชลูกหลานชาวบ้าน ก็ได้โปรดให้พ่อแม่เขาได้อนุญาตเสียก่อน เพราะถ้าไม่อย่างนั้นจะทำความเดือดร้อนให้แก่ผู้เป็นพ่อแม่มาก ดุจที่พระองค์ได้รับเมื่อราหุลบวชในคราวนี้

    พระพุทธเจ้าทรงรับตามที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงขอร้อง จึงทรงบัญญัติพระวินัยไว้ในธรรมเนียมสืบมาจนทุกวันนี้ว่า ถ้าใครจะบวช ไม่ว่าจะบวชเป็นพระ หรือบวชเป็นสามเณร ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ผู้ปกครองก่อน ธรรมเนียมกุลบุตรผู้จะบวชที่ถือพานดอกไม้เที่ยวกราบลาพ่อแม่ผู้ปกครอง ตลอดจนญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือทุกวันนี้จึงเกิดจากกรณีดังกล่าวนี้ นั่นเอง

    พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่กรุงกบิลพัสดุ์ ทำให้มีพระอริยะและผู้ที่เข้ามาบวชมากมาย เมื่อถึงเวลาอันควร พระพุทธองค์ทรงให้ภิกษุสงฆ์ส่วนหนึ่งเผยแพร่พระศาสนาในแคว้นสักกะ กรุงกบิลพัสดุ์ แล้วพระพุทธองค์เสด็จกลับไปสู่กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธอีก เพราะยังมีพุทธกิจในกรุงราชคฤห์
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระราชกรณียกิจในวันที่ 7 แห่งการทรงพระผนวช
    วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม 2499

    [​IMG]
    วันนี้หลังจากเสด็จลงพระอุโบสถเพื่อทรงทำวัตรเช้าแล้ว ไม่มีการอ่านวินัยบัญญัติถวายให้ทรงสดับเหมือนปกติ เนื่องจากจะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงรับบิณฑบาต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต
    ภายหลังจากการทำวัตรเช้าแล้ว พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยพระราชาคณะ วัดบวรนิเวศวิหาร 6 รูป พระนาคหลวง 3 รูป และพระสหจร 5 รูป ไปทรงรับบิณฑบาต ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน


    พระสงฆ์ที่ได้รับนิมนต์ไปรับบาตรในวันนี้คือ
    1. พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    2. พระพรหมมุนี
    3. พระโศภนคณาภรณ์
    4. พระมหานายก
    5. พระจุลนายก
    6. พระสาธุศีลสังวร
    7. พระปัญญาภิมณฑมุนี
    8. พระภิกษุหม่อมเจ้าวิมวาทิตย์ระพีพัฒน์
    9. พระภิกษุหม่อมเจ้าฐิติพันธุ์ ยุคล
    10. พระภิกษุหม่อมราชวงศ์นิตยศรี จรูญโรจน์
    11. พระภิกษุหม่อมราชวงศ์พีระเดช จักรพันธ์
    12. พระภิกษุพระราชญาติรักษา
    13. พระภิกษุหม่อมหลวงเดช สนิทวงศ์
    14. พระภิกษุ สุรทิน บุนนาค
    15. พระภิกษุ ประถม บูรณะศิริ


    ครั้นเมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งอัมพรสถานแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ องค์ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ กับสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตน์ฯ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายอาหารบิณฑบาตแล้ว พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ ศาลาผกาภิรมย์ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ เสด็จไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบถวายบังคมถึงที่ประทับ


    <TABLE class=contentpaneopen><TBODY><TR><TD>พระราชกรณียกิจ </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>
    พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับเสวยพระกระยาหารเพลอยู่ที่พระที่นั่งอัมพรสถาน โดยมีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระราชโอรสและพระราชธิดา และพระบรมวงศานุวงศ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่จนเสวยพระกระยาหารเพลเสร็จ แล้วพระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมผู้ที่มาจัดดอกไม้ ประกอบด้วยหม่อมเจ้าอาภัสราภา เทวกุล หม่อมเจ้าจงกลณี วัฒนวงศ์ ฯลฯ สมควรแก่เวลาแล้วจึงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนิกลับวัดบวรนิเวศวิหาร
    ในตอนบ่าย เสด็จพระราชดำเนินไปทูลลาสมเด็จพระสังฆราช เพื่อเสด็จพระราชดำเนินไปวัดมกุฏกษัตริยารามและวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม
    เวลา 14.00 น. เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดมกุฏกษัตริยาราม ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมาประธานในพระอุโบสถ และทรงถวายดอกไม้ ธูป เทียน พระศาสนโสภณ เจ้าอาวาสวัดมกุฏกษัตริยาราม ผู้ทำหน้าที่เป็นพระราชกรรมวาจาจารย์ ในพระราชพิธีทรงพระผนวช พระศาสนโศภณถวายหนังสือ พระวินัยมุนี ถวายพระสีวลี ที่ได้จากพม่า พร้อมด้วยตะลุ่มมุกเล็ก ๆ จากนั้น เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ทรงนมัสการ
    พระพุทธชินราชในพระอุโบสถและทรงอุทิศพระราชกุศลถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วทรงถวายดอกไม้ ธูป เทียน สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ผู้ทำหน้าที่เป็นพระราชอนุสาวนาจารย์ ในพระราชพิธีทรงพิธีทรงพระผนวช สมเด็จพระวันรัตถวายหนังสือ สมควรแก่เวลาจึงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับวัดบวรนิเวศวิหาร


    เวลา 16.45 น. พระภิกษุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักเพชร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้อุปทูตพม่ากับคณะเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายเครื่องอัฐบริขารที่ประธานาธิบดีพม่าส่งมาทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายในการที่ทรงพระผนวช
    ในตอนเย็น เสด็จลงพระอุโบสถ ทรงทำวัตรเย็น และทรงสดับพระธรรมเรื่อง
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>...กลัวความเกิดเถิด อย่ากลัวความตายเลย เพียงหายใจออกแล้วไม่หายใจเข้า ก็ตายได้ง่ายๆ แล้ว แต่สิ้นลมแล้วไปปรากฏที่ไหนในสภาพอย่างไร นั่นสิควรกลัว ควรกลัวที่สุด

    เพราะเมื่อถึงเวลานั้นจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ที่ว่าเลือกเกิดไม่ได้ ก็มิใช่หมายความถึงชาติหน้าเลือกเกิดใหม่ไม่ได้ ที่เกิดแล้ว จริงที่ว่าเลือกเกิดไม่ได้ ก็เกิดแล้วจะไปเลือกอะไรได้อีก

    เหมือนกินยาพิษเข้าไปตายแล้ว จะไปเลือกกินน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร แต่ชาติหน้าเลือกได้ทุกคน ว่าต้องการเกิดเป็นอะไร เกิดที่ไหน สวยงาม มั่งมี สูงส่ง หรือน่าเกลียดน่าชัง ลำบากยากจน ต่ำต้อยด้วยชาติตระกูล ฯลฯ

    เหล่านี้เลือกได้สำหรับการเกิดชาติต่อไป จงตั้งใจเลือกให้ดี ให้ได้เป็นไปดังปรารถนาให้ได้เถิด
    เลือกชีวิตข้างหน้าให้ดี หัวใจพระพุทธศาสนา ๓ ประการจะช่วยได้ ขอให้ทำให้จริง

    การไม่ทำบาปอกุศลทั้งปวง
    การทำบุญกุศลให้ถึงพร้อม
    การทำให้ใจผ่องใส ไกลกิเลส โลภ โกรธ หลง ให้ทุกเวลา

    อย่าให้ความคิดปรุงแต่งเป็นมือมารดึงเอากิเลสเครื่องเศร้าหมองเข้าสู่จิตใจ แล้วการเลือกการเกิดก็จะสำเร็จงดงามสมปราถนา...

    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    : แสงส่องใจ กรกฏาคม ๒๕๔๗
    </TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ความคิดสำคัญนัก แต่สติก็สำคัญที่สุด เพราะต้องมีสติจึงจะรู้ทันความคิดของตนว่าเป็นไปอย่างไร คิดปรุงแต่งไปให้ความโลภเกิด หรือให้ความโกรธเกิด หรือให้ความหลงเกิด สติจะทำให้รู้ได้ถึงความคิดดังกล่าว ไม่มีสติจะทำให้ไม่รู้

    ดังนั้นพึงอย่าลืมว่าสติสำคัญ พึงรักษาสติไว้ให้มั่น และวิธีรักษาสติที่ง่ายประการหนึ่ง ก็คือให้หาหลักผูกสติไว้ อย่าให้หลุดลอยเลื่อนไหลไปตามสบาย หลักสำคัญที่สุดเป็นหลักแห่งมหามงคลที่แท้จริง คือหลักพระพุทโธ

    นั่นคือพยายามให้ใจ คือให้สตินั่นเอง ติดอยู่กับหลักพระพุทโธ คือท่องพุทโธไว้ให้ทุกเวลานาที ที่ไม่วุ่นวายหนักหนาอยู่ด้วยธุรกิจการงานที่ต้องใช้ความคิด ใช้สมอง นั่นแหละคือการฝึกสติ หรือฝึกใจให้อยู่กับที่

    อยู่กับหลักพระพุทโธ ทำไปเถิด สติจะมั่นคงขึ้นเป็นลำดับ การรู้ทันความคิดจะเกิดตามมาพร้อมกัน เป็นคุณสำคัญแก่ชีวิตอย่างแท้จริง

    : แสงส่องใจ ๓ ตุลาคม ๒๕๔๕
    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก



    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4763
     

แชร์หน้านี้

Loading...