ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    รับทราบการจองครับ และขอปิดการจองทางโพสท์ เพราะคงเหลือพระเพียง 2 องค์เท่านั้นรายชื่อตามข้างล่างนี้ โดยพระที่เหลือจะให้ผู้ที่ไปในงานที่สนใจไว้บูชาครับ
    1.คุณnewcomer
    2.คุณnongnoo
    3.คุณkitty cat
    4.คุณtriluck

    พันวฤทธิ์
    19/12/51
     
  2. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    "ทำดีอย่างไร จึงจะได้ดี"
    1. ทำดีให้ "ถูกดี" หมายถึง มีหน้าที่อะไร ก็ขอให้เราทำให้ดีที่สุด
    2. ทำดีให้ "ถึงดี" หมายถึง ทำความดีอย่างต่อเนื่อง ให้นานพอที่ความดีจะให้ผล
    3. ทำดีให้ "พอดี" หมายถึง การทำดีนั้นจะต้องพอดี อย่าตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไป

    ขอบคุณ ที่มา : หนังสือ "ทำดีอย่างไร จึงจะได้ดี"
    โดยพระธรรมโกศาจารย์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)
     
  3. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้เข้ากระทู้ดึกมาก เพราะเช้าต้องรีบไปทำสังฆทาน เพราะเมื่อวันนี้ในปีที่แล้ว ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนไต ในเวลาบ่ายสองโมง โดยได้ไตจากน้องผู้ชาย อายุ 16 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตในห้อง ไอซียู ของ รพ.จุฬาฯ ถ้านึกถึงคืนนั้น ซึ่งตรงกับเวลาที่โพสท์นี่ มีไตของน้องมาอยู่ในท้องของผมแล้วตั้งแต่สองโมง เพราะสี่โมงเย็นพอฟื้นขึ้นมา เหมือนกับหลับแล้วตื่น มีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ก่อนเข้าห้องไปแต่ตัว เพียงแต่ขอบารมีท่านองค์ใหญ่ และท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ คุ้มตัว โดยให้พี่ใหญ่ฝากฝังไว้ให้เท่านั้น พอช่วงกลางคืนยามนี้ ระบมมาก ขยับตัวไม่ได้ เพราะถูกตรึงกับเตียง มีน้องพยาบาลที่คอยจ้องที่มาตรวัดระดับน้ำในร่างกาย ระดับเลือดที่ drain ออกมา ตายังกะนกฮูก เพราะ 24 ชั่วโมงแรกจะ สำเร็จหรือล้มเหลว หรือคนไข้ จะเสียชีวิตเพราะน้ำท่วมหัวใจก็ตรงนี้ ไอ้เจ้าน้องพยาบาลต้องวัดระดับของเหลวงเรา และจดๆๆ ทุกชั่วโมง เราเองก็เพลียจากการเสียเลือด ส่วนการปวดแผล หมอจะฉีดมอร์ฟีน ทุก 2-4 ชั่วโมง เพื่อให้เราสุขสบาย นี่คือคืนวันที่ 19 ธันวาคมเมื่อปีที่แล้ว เช้านี้เลยทำไปให้เค้า ไปหาท่านอาจารย์เราที่วัดอยู่ใกล้โรงเรียนที่เราดูแลพอดี (พี่ใหญ่บอกว่า เค้าก็รอบุญจากเราในวันนี้เหมือนกัน) บอกท่านอาจารย์ว่า วันนี้ครบปีที่เปลี่ยนไต เห็นน้องยังวนเวียนรออยู่ เราไม่รู้จักชื่อ จำได้คร่าวๆ ว่าเป็นผู้ชายชื่อธัญธร อาจารย์โมทนาให้ด้วย อาจารย์ยักหน้าทีเดียวเป็นอันรู้กัน ถวายเสร็จ ท่านยถาฯ ยาวเหยียด เสร็จแล้ว ถามคำเดียว ได้มั๊ยครับ ท่านบอกว่าเรียบร้อย ผู้ที่ทรงวิชา 3 แล้ว แผลบเดียวช้างกระดิกหู งูแลบลิ้นจริงๆ อย่างพระที่จะให้ผู้ที่บริจาคซื้อผ้าห่ม พี่ใหญ่ตรวจดูโบ๋เบ๋ ฝากท่านไปขอบารมีใต้ต้นโพธิ์ตรัสรู้ที่อินเดีย ท่านบอกข้างบนลงมาเป็นสายเลย เอาพระมาให้พี่ใหญ่ดูอีกครั้งคราวนี้ใส่ถุงพลาสติกมา พอถึงมือพี่ใหญ่ปุ๊บ โดนแซว แหมคราวนี้แข็งโป๊กเลยน๊ะ เลยบอกว่า ไม่แข็งได้งัย ก็ท่านบอก ขอบารมีตั้ง 3 ครั้ง ลงมาทั้ง 3 ครั้ง พระได้มา 20 องค์ แตกซะ 2 เพราะเนื้อเป็นปูนซึ่งร่วนมาก กะว่าจะเก็บไว้ 1 แจกได้แค่ 17 องค์เท่านั้นเองครับ ส่วนอีก 2 องค์ ที่แตกก็จะเก็บเอาไว้อย่างนั้นล่ะจะทิ้งได้ยังไง ก็บารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์ปัจจุบันท่านทำให้เองตั้ง 3 รอบ แต่พระที่จะแจกในวันอาทิตย์ เท่าที่โทรคุยกับนายสติ ก็ถือว่า สุดยอดทั้งนั้นละครับ อย่างปัญจสิริ ขอบารมีท่านองค์ใหญ่เสกตั้งครึ่งปีน่ะ คิดดูเอาเองก็แล้วกันครับ
     
  4. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เรื่องการขอบารมีพระพุทธเจ้านี่ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นา ลองอ่านดู


    [​IMG]


    <HR>นิพพานชาตินี้ โดยศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    ________________________________________

    1. อธิษฐานตื่นนอนเช้าว่าวันนี้ลูกจะทำความดีให้มากที่สุด ตายเมื่อไร ขอไปนิพพานชาตินี้

    2. ทำบุญวันละบาท ขอถวายเป็นสังฆทาน ขอนิพพานชาตินี้ และขอให้ลูกคล่องตัวทุก ๆ อย่าง (ทำไส่กระปุกไว้ที่บ้าน เมื่อเต็มกระปุก หรือครบหนึ่งเดือนจึงนำไปถวายวัดเพื่อชำระหนี้สงฆ์)

    3. รักษาศีล 5 หรือ ศีล 8 ให้ครบทุกข้อจงขอบารมีพระพุทธเจ้ามาเป็นกำลังใจในการรักษาศีล

    4. ภาวนามีให้เลือกดังนี้แบบฝึกมโนมยิทธิ หายใจเข้า นะมะ หายใจออก พะธะ หรือหายใจเข้า พุธ หายใจออก โธ หรือหายใจเข้า นิพพาน หายใจออก นิพพาน

    5. นิมิต ฝึกจำพระพุทธรูปที่ตนชอบ 1 องค์หลับตาและลืมตา ต้องจำภาพพระพุทธรูปให้ได้

    6. ขยายนิมิต ให้ออกไปกลางแจ้งขอให้พระพุทธเจ้าขยายให้เต็มท้องฟ้า แล้วคลุมตัวเรา ร้านและกิจการของเรา

    7. เรียกบารมี ผลบุญใดที่ทำไว้แล้วทั้งหมด จงมาสนองตัวข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้เถิด

    8. ขอขมาพระรัตนตรัยทุกวัน ข้าพระพุทธเจ้า ขอขมาโทษต่อพระรัตนตรัยขอได้โปรดยกโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า เพื่อให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบัน ณกาลบัดนี้เถิด

    9. พิจารณา ให้ดูร่างกายของตนว่า สกปรก โสโครก เหม็นเน่าอืดพอง น้ำเหลืองเละเหมือนถุงห่อหุ้มของเน่าเหม็นมีร่างกายจึงเป็นทุกข์เพราะต้องแก่-เจ็บ แล้วก็ตายสลายหมด อนิจจา
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    การฟังธรรมในสมัยพุทธกาล...หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง

    <!-- Main -->[SIZE=-1]<CENTER>[​IMG]

    คนสมัยนั้น ท่านฟังเทศน์ครั้งเดียว ก็จบกิจ
    ท่านไม่ได้ฟังเฉย ๆ หมายความว่า ฟังด้วยความตั้งใจ
    การตั้งใจจำถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าเทศน์ตัวนี้เป็นสมาธิ
    และเมื่อจำแล้วก็พยายามคิดตามไปด้วยตัวนี้เป็นปัญญา


    ฉะนั้น เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเทศน์ คนทุกคนพร้อมไปด้วยศีล
    หมายความว่าเวลานั้นใจเราบริสุทธิ์ ปราศจากปัญจเวร ๕ ประการ
    และมีความตั้งใจฟังคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระทรงธรรม์บรมศาสดา


    และคิดตามกระแสพระสัทธรรมเทศนา
    ขององค์สมเด็จพระทรงสวัสดิ์โสภาคด้วยปัญญา
    เมื่อเทศน์จบ ใจท่านก็จบจากกิจของพระพุทธศาสนา นั่นคือเป็นพระอรหันต์
    หากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านทำได้อย่างนั้น
    ก็เชื่อว่าจะมีผลเช่นเดียวกัน


    [​IMG]</CENTER>
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=zeedhama&month=19-12-2008&group=10&gblog=8[/SIZE]<!-- End main-->
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    การทำจิตให้สงบ...พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

    [​IMG]



    <HR>.....เรื่องของศาสนานี้ก็คือ

    เรื่องให้ปล่อยวางตัวออกจากกรงนั่นเอง

    ที่เรามาปฏิบัตินี้ก็เพื่อแก้ปัญหา

    หัวใจพระพุทธศาสนาสอนว่า

    ไม่ให้ทำความผิดแล้วก็ทำจิตให้เป็นกุศล แล้วก็จะเกิดปัญญา

    แต่ทุกวันนี้ทำบุญกันมาก แต่การละบาปนั้นไม่มีใครทำ

    ความจริงต้องละบาปก่อนจึงจะบำเพ็ญบุญ

    ถ้าบาปไม่ละจะเอาบุญไปไว้ที่ไหน

    ไม่มีที่จะอยู่หรอกบุญนั้น

    ทุกวันนี้พวกเราขาดการภาวนา

    ขาดการพิจารณาจึงไม่ได้ข้อประพฤติปฏิบัติ

    เมื่อไม่ได้ปฏิบัติมันจึงแก้ปัญหาไม่ได้

    ที่พระพุทธศาสนาจะมีอำนาจช่วยได้

    นั่นก็เพราะเราเอาธรรมะนั้นมาปฏิบัติให้ถูกต้อง



    .....ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา

    ผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา

    เพราะว่า เมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ

    หูได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ

    จมูกได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ

    ลิ้นได้รสก็เป็นธรรมะ

    ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ

    นึกขึ้นได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น

    ฉะนั้นผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา

    ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา เพราะอะไร ? เพราะเรามีความรู้อยู่





    ขอขอบคุณ
    http://www.ajahn-chah.org
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    โดย : พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก)

    วัดพุทธบาทตากผ้า


    [​IMG]



    [​IMG]



    คน
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระสมเด็จหลวงปู่สรวง "เทวดา เล่นดิน" ท่านเป็นพระเทพโลกอุดร องค์หนึ่งเช่นกัน ท่านก้าวข้ามกาลเวลาเป็นว่าเล่น พระสมเด็จรุ่นนี้ใครเจอให้เก็บไว้ ราคาไม่กี่ร้อยบาท ผสมธาตุ ได้ทั้งบู๊และบุ๋น อย่างน่าอัศจรรย์ อยู่ที่โบสถ์วัดสุทัศน์นับสิบปี ไม่รู้กี่ร้อยพิธีกรรม กี่ร้อยพระปาฏิโมกข์ พี่ใหญ่บอกว่า "เก่งมากทีเดียว แม้แต่หลวงปู่หมุนยังเกรงใจ จับปั๊บ ท่านก็มาปุ๊บ บอกเดี๋ยวมาอีก" บูชาดีๆ รวยไม่รู้เรื่องเลย เอ้าดูกันไว้ ยังหาไม่ยาก คณะกรรมการผมเหน็บไว้แล้ว คนละองค์ 2 องค์ ยังพอมีกินอยู่ เลยยังไม่ขอท่าน ไว้เข้าตาจนก่อน ค่อยว่ากัน


    [​IMG]
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    นี่ก็อีก 1 ตัวอย่างโฆษณา องค์เดียวกับข้างบนนั่นล่ะ

    U7895371" พระสมเด็จ หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน อริยสงฆ์ ๕๐๐ พรรษา " สร้างปี ๒๕๑๙ เนื้อดินปราสาทขอมพันปี ชุดเบญจภาคีครับ พระพุทธคุณครอบจักรวาลครับ. ลดรับปีใหม่ ๑๐%............<!--/Topic--><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><!--MsgIDbody=0--><!--OUT picture-->
    <TABLE cellSpacing=20 cellPadding=10 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD></TD><TD>[​IMG]</TD><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
    " พระสมเด็จ - หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน ๕๐๐ พรรษา" พระอริยสงฆ์ผู้อยู่เหนือกาลเวลา ๕๐๐ ปี สร้างจากเนื้อดินปราสาทขอมพันปี หลวงปู่สรวงท่านปลุกเสก ๑ ไตรมาสเต็ม และลูกศิษย์ของท่านยังได้ปลุกเสกต่อมาอีกเป็น ๑๐ ปีครับ พุทธคุณครอบจักรวารครับ เป็นที่เล่าขานกันมากครับ ลองนำไปใช้ดูครับผม

    เปิดให้บูชา ๖๕๐.- บาท

    พระทุกองค์รับประกันความแท้ให้กับท่านผู้มีอุปการคุณครับ เก๊คืนเต็มจำนวนและน้อมรับคำติ - ชม ด้วยใจจริงครับ บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมงครับ?

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2008
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    น่าคิดมั๊ย


    นอนสูงกับนอนต่ำ

    <!-- Main -->[SIZE=-1]
    <CENTER>[​IMG]</CENTER>





    <CENTER>...นอนสูงกับนอนต่ำ ...




    " นอนสูงให้นอนคว่ำ นอนต่ำให้นอนหงาย "




    เป็นคำโบราณของไทยคำหนึ่ง มีค่ามากต่อชีวิตการทำงานของคนเรา

    ทำไมคนโบราณจึงสอนไว้อย่างนี้



    เรามาเริ่มจากนอนต่ำกันก่อน

    นอนต่ำในที่นี้ไม่ได้แปลว่าไปนอนอยู่ใต้ถุน หรือไปนอนอยู่ชั้นใต้ดินอะไร



    ความหมายที่ควรเข้าใจคือ คนที่เริ่มต้นการงานทั้งหลาย จะต้องเริ่มจากงานเล็ก ๆ

    งานที่เป็นความรับผิดชอบเฉพาะตัว ใครที่อยู่ตรงนี้ควรจะนอนหงาย

    ก็เพราะการนอนหงาย ทำให้สามารถหมายตาไปอยู่ที่สูงได้

    นั่นหมายถึงว่า คนเราควรมองไปที่ทางข้างหน้า

    ว่าจะก้าวเดินไปสู่ที่หมายอะไรซึ่งสูงกว่าปัจจุบัน



    หมายถึงการมองให้รู้ ดูให้เห็นว่า ถ้าจะก้าวจากนักขาย ไปเป็นผู้บริหารงานขาย

    ต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง จะต้องวางแผนการขายเป็น

    จะต้องมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้า

    ต้องสามารถจูงใจเพื่อนร่วมงานได้ ต้องรู้จักสรุปบทเรียนในการขาย



    หมายถึงการไปทำความเข้าใจว่า ถ้าเราเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการแล้ว

    ต้องรับรู้ว่าคนเป็นผู้จัดการธุรการจะต้องทำอะไร ต้องดูแลอุปกรณ์

    ต้องจัดการเรื่องอาคาร สถานที่ ยานพาหนะ และอื่น ๆ อย่างไร



    หมายถึงการเล็งเห็นว่าถ้าเป็นหัวหน้าแผนกอยู่แล้ว ควรมองเห็นว่า

    ผู้จัดการฝ่าย เขาต้องมีคุณสมบัติอย่างไร



    อย่าเพียงแต่ทำงานไปวัน ๆ โดยไม่เงยหน้าขึ้นดูว่า คนที่อยู่สูงกว่าเรา

    เขาจะต้องทำหน้าที่อะไร มีกิจวัตรปฏิบัติประจำวันอย่างไรบ้าง

    ที่ให้มองไปข้างบนก็เพื่อให้เรียนรู้ว่า

    หากตนเองจะก้าวไปสู่จุดนั้นบ้าง จะต้องทำอย่างไร

    ไม่ใช่มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ หนึ่ง โดยไม่รู้เหนือรู้ใต้ว่า

    ผู้บริหารนั้นจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง



    ส่วนที่ว่า " นอนสูงให้นอนคว่ำ " นั้น

    เป็นการเตือนสติคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง คนเป็นผู้บริหาร คนที่มีเงินเดือนมาก

    ว่าเมื่ออยู่ดีกินดี มีเกียรติแล้ว อย่าหลงลืมตัวต้องรู้สึกนึกเห็นว่า

    คนที่อยู่ต่ำกว่า คือ คนที่เป็นลูกน้องเป็นผู้ปฏิบัติงานระดับล่าง

    เขามีชีวิตอยู่กันอย่างไร การทำงานที่เป็นจริงของเขาเดือดร้อนแค่ไหน

    จะได้มีโอกาสลงไปช่วยเขาได้



    เพราะตามความเป็นจริงแล้ว ลูกน้องที่อยู่ข้างล่างนั้นเอง

    เป็นฐานรองรับให้เราขึ้นมาอยู่ข้างบนเป็นผู้บริหารได้

    ไม่มีลูกน้อง ก็ไม่มีผู้บริหาร

    ความเป็นผู้บริหารของเรา มองอย่างเดียวยังไม่พอ

    ต้องลงไปสัมผัสแก้ไขปัญหาด้วย

    คนเป็นผู้นำนั้น จะต้องไม่แยกตัวออกจาก ความทุกข์สุขของลูกน้อง

    และนี่เองคือสิ่งที่เรียกว่า " นอนสูงให้นอนคว่ำ "

    เพราะถ้านอนสูงแล้ว ยังมัวแต่นอนหงาย

    ก็จะไม่เห็น ไม่รู้ว่าลูกน้อง เดือดเนื้อร้อนใจอะไร



    "ผู้นำที่มีคลื่นความถี่แตกต่างห่างไกลกับลูกน้อง

    อาจถูกเรียกว่า ผู้นำที่นั่งอยู่บนหัวคน

    จะเป็นผู้นำที่นั่งอยู่ในหัวใจคนไม่ได้"
    </CENTER><CENTER> </CENTER>[/SIZE]
     
  11. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    คุณรัดเกล้า ศิริมาตร และครอบครับ ได้โอนเงินจำนวน 400 บาท เข้าบัญชีทุนนิธิฯ

    ขอโมทนาบุญด้วยครับ
     
  12. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    เพื่อนผมได้ส่งภาพการถวายเครื่องดูดเสมหะและผ้าห่มให้กับหลวงปู่แฟ๊บ ที่วัดป่าดงหวาย สกลนคร แต่ภาพที่ส่งมาทางเมล์เสียซะเป็นส่วนใหญ่ คงเหลือให้ชมกันแค่นี้ครับ
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>
    ภาพผ้าห่มและเครื่องดูดเสมหะในกล่องสองเครื่อง
     
  13. pon98

    pon98 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +3,886
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>
    บรรยากาศวัดป่าดงหวายทางเดินไปสู่กุฏิหลวงปู่แฟ๊บ
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER>
    กุฎิหลวงปู่แฟ๊บกับความเป็นระเบียบและสงบของวัดป่า
     
  14. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE borderColor=white cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" border=2><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><!--Last Update : 8 มิถุนายน 2551 14:30:33 น.-->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๘๖ | พระเจ้าสุทโธทนะส่งกาฬุทายี กราบทูลอาราธนาให้เสด็จยังพระนครกบิลพัสดุ์
    <!-- Main -->

    ตลอดเวลา ๖ ปีกว่า คือ นับตั้งแต่เสด็จออกบวช ตรัสรู้ และประกาศพระศาสนาในแคว้นมคธ จนมีพระสาวกและคนนับถือมากมาย พระพุทธเจ้ายังมิได้เสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ เมืองประสูติของพระองค์เลย

    ฝ่ายพระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา ณ พระนครกบิลพัสดุ์ เมื่อได้ทรงทราบพระเกียรติคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ฟุ้งขจรไปทั่วทุกทิศ ก็ทรงปิติโสมนัส ที่พระโอรสของพระองค์ได้สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ สมดังคำพยากรณ์ของท่านอาจารย์อสิตดาบสและพราหมณาจารย์ทั้ง ๘ คน ทรงตั้งพระทัยคอยอยู่ตลอดเวลาว่า เมื่อใดพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงจะเสด็จมานครกบิลพัสดุ์ ด้วยพระทัยปรารถนาที่จะได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ทรงอยู่ในอีกฐานะหนึ่ง คือ พระราชโอรส ครั้นไม่ได้ข่าววี่แววมาเลยว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเสด็จ ก็ทรงร้อนพระทัยปรารถนาจะให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จพระนครกบิลพัสดุ์ จึงทรงส่งอำมาตย์พร้อมด้วยบริวารคณะหนึ่ง ให้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังพระเวฬุวันวิหาร กราบทูลอาราธนาให้เสด็จยังพระนครกบิลพัสดุ์ ในต้นพรรษาที่ 2 นั้นเอง

    ครั้นอำมาตย์และบริวารคณะนั้นเดินทางจากนครกบิลพัสดุ์ ถึงนครราชคฤห์ อันมีระยะทาง ๖๐ โยชน์แล้ว ก็ได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ในเวลาที่พระองค์ทรงแสดงธรรมอยู่ จึงได้โอกาสฟังธรรมนั้นด้วย ครั้นฟังธรรมแล้วก็ได้บรรลุพระอรหัตทั้งคณะ ทูลขออุปสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา ไม่ได้โอกาสที่จะกราบทูลความ ตามที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงบัญชามา

    ครั้นล่วงมาหลายเวลา พระเจ้าสุทโธทนะเห็นอำมาตย์คณะนั้นหายไป ก็ทรงส่งอำมาตย์ใหม่ออกติดตาม และกราบทูลความประสงค์ของพระองค์ อาราธนาพระผู้มีพระภาคเจ้าให้เสด็จ แม้อำมาตย์ราชทูตคณะต่อมา ก็ได้ฟังธรรมบรรลุมรรคผล และได้อุปสมบทในพระศาสนา เช่นอำมาตย์คณะก่อนนั้น พระเจ้าสุทโธทนะทรงส่งอำมาตย์ไปอาราธนาไม่เป็นผลสมพระทัยดังนี้ถึง ๙ ครั้ง ครั้งสุดท้ายทรงน้อยพระทัย รับสั่งเรื่องนี้แก่กาฬุทายี อำมาตย์ผู้ใหญ่ ขอมอบเรื่องให้กาฬุทายีอำมาตย์ช่วยจัดการให้สมพระราชประสงค์ ด้วยทรงเห็นว่ากาฬุทายี เป็นอำมาตย์ผู้ใหญ่ที่สนิทสนม เป็นที่ไว้วางพระทัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาแต่ก่อน ทั้งเป็นสหชาติของพระบรมศาสดาด้วย

    กาฬุทายีรับสนองพระบัญชาพระเจ้าสุทโธทนะว่า " จะพยายามกราบทูลเชิญเสด็จให้สมพระราชประสงค์ให้จงได้ " แต่ได้กราบทูลลาอุปสมบทด้วย เพราะแน่ใจว่าตนควรจะได้อุปสมบทในเวลาที่เป็นโอกาสอันดีงามเช่นนี้แล้ว พระเจ้าสุทโธทนะจำต้องพระราชทานให้กาฬุมายีตามที่ทูลขอ ด้วยความเสียดาย หากแต่ดีพระทัยว่า กาฬุทายีอำมาตย์จะได้ทูลอัญเชิญเสด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สมประสงค์

    ครั้นกาฬุทายีอำมาตย์ พร้อมด้วยบริวารเดินทางมาถึงพระนครราชคฤห์แล้ว ก็เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังพระเวฬุวันวิหาร ได้สดับพระธรรมเทศนา บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยบริวาร แล้วทูลขออุปสมบทเป็นภิกษุด้วยกันทั้งสิ้น เมื่อพระกาฬุทายีเถระเจ้าบวชแล้วได้ ๘ วัน ก็พอสิ้นเหมันตฤดู จะย่างขึ้นฤดูคิมหันต์ ถึงวันผคุณมาสปุรณมี คือ วันเพ็ญเดือน ๔ พอดี พระเถระเจ้ากาฬุทายีจึงดำริว่า พรุ่งนี้ก็เป็นเวลาย่างเข้าฤดูร้อน บรรดาเหล่าชาวกสิกรทั้งหลายก็เก็บเกี่ยวข้าวแล้วเสร็จ มรรคาที่จะเสด็จไปสู่นครกบิลพัสดุ์ก็สะดวกสบาย พฤกษาชาติที่เกิดเรียงรายอยู่ริมทางก็ให้ความร่มเย็นเป็นอย่างดี สมควรที่พระชินศรีบรมศาสดาจะเสด็จดำเนินไปกรุงกบิลพัสดุ์ แสดงธรรมโปรดพระมหากษัตริย์สุทโธทนะ พระพุทธบิดา ตลอดพระบรมวงศานุวงศ์ศากยราช

    ดำริแล้วพระเถระเจ้าก็เข้าเฝ้าพระบรมโลกนาถยังพระคันธกุฎี ทูลว่า
     
  15. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>การทำบุญด้วยบุญที่เกิดจากกุศลจิต <HR width="100%" color=#dddddd SIZE=1></TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    [​IMG]
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>"....ทำบุญด้วยบุญที่เกิดจากกุศลจิต เป็นการทำบุญภายใน ไม่ใช่ทำบุญภายนอกด้วยวัตถุสิ่งของ
    แต่เราทำบุญโดยการสร้างกุศลจิต สร้างจิตที่ผ่องใส มีคุณงามความดี เป็นจิตที่ไม่ตระหนี่เหนียวแน่น
    จิตไม่เกิดโทสะ มานะทิฐิ จิตไม่ประกอบด้วยกิเลส จึงเป็นบุญมหาศาลหาค่ามิได้

    ถ้าเราทำบุญอย่างนี้อยู่เสมอๆ ก็เป็นบุญอยู่ทุกอิริยาบท และเราก็เห็นบุญในตัวของเรา
    หรือการที่เราละความชั่วได้ เราไม่เก็บความชั่วไว้ในตัวของเรา อันนั้นก็เป็นบุญกุศลเกิดขึ้นที่จิต
    เราเองก็รู้สึกชื่นชมยินดีในตัวของเรา ที่ละทิ้งความชั่วได้

    แล้วจะพากันไปหาบุญที่ไหนอีก บุญไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากจิตนี้หรอก ขอให้พากันสะสมบุญอย่างนี้ขึ้นภายในจิตใจของคนทุกคน...."
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา : สุดยอดธรรมะ ฉบับที่ ๒, วรยุทธ พิชัยศรทัต
    http://www.dhammathai.org/store/talk/view.php?No=137
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มองผ่านๆ ใครจะเชื่อว่าท่านเป็น "เทพโลกอุดร" อย่างนี้ล่ะ ประมาทไม่ได้เลย เพราะสิ้นจากความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวงแล้ว ทลายขีดจำกัดจาก อุปาทานและสมมุติที่เรายังหลงอยู่ทั้งหลายแล้ว "หลวงปู่สรวง เทวดาเล่นดิน"


    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2008
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บรมครูผู้ยิ่งใหญ่



    เพราะค่าที่พวกเราได้นำเอาคำสอนของพระองค์มาใช้ในชีวิตจริง พวกเราจึงควรภวายการอภิวาท สดุดีแด่ พระองค์ว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระบรมครูของมวลมนุษย์ ตลอดเวลาที่โลกนี้ยังดำรงอยู่ ข้าพเจ้ามั่นใจ อย่างไม่หลงเหลือความเคลือบแคลงเลยแม้แต่น้อย ว่า พระองค์จะทรงดำรงฐานะปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ของมวลมนุษย์ชาติ ดังนี้.





    มหาตมา คานธี

    ใน . สุนทรพจน์ในพิธีพุทธชยันตี . ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕

    ที่เมือง กัลกัตตา ประเทศอินเดีย .






    The Greatest One



    In so much as we have translated that message in our own life, are we fit to pay our homage to that Great Lord, Master and Teacher of mankind, so long as the world lasts. I have no shadow of doubt that He will rank among the Greatest of teachers of mankind.





    Mahatama Gandhi

    in " Buddhajayanthi Talk"1925

    Gancatha, India
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    บรมครูผู้ยิ่งใหญ่

    พระพุทธเจ้า


    [​IMG]


    พระพุทธเจ้า คือผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพุทธศาสนา แบ่งพระพุทธเจ้าออกเป็น 3 ประเภท

    1.ปัญญาพุทธเจ้า (ปัญญาธิกะ) คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ
    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย
    หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย รวมเป็น 16 อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์
    ได้รับพุทธพยากรณ์ ครั้งแรก เหลืออีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย
    และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

    2. ศรัทธาพุทธเจ้า (สัทธาธิกะ) คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขย รวมเป็น 32
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน

    3. วิริยะพุทธเจ้า (วิริยาธิกะ) คือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำ ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากับล์
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขย รวมเป็น 64
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรก เหลืออีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
    ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ มีพระนามว่า พระศรีศากยมนีโคดมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสร้างบารมีมาทาง ปัญญาพุทธเจ้า
    พระโพธิสัตว์ คือบุคคลที่ปรารถนาเพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต แบ่งเป็น 2 ประเภท
    1.พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาเลย เรียกว่า อนิยตะโพธิสัตว์ ความหมายคือยังไม่แน่นอนว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เพราะอาจจะเลิกล้มความปรารถนาเมื่อไรก็ได้
    2.พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนมาแล้ว เรียกว่า นิยตะโพธิสัตว์
    ตามความหมายคือจะได้เป็นพระพุทธเจ้าอย่างแน่นนอน เพราะถ้าถึงนิพพานต้องดำรงค์ฐานะเป็นพระพุทธเจ้าอย่างเดียว
    แต่ถ้าบารมีและเวลายังไม่สมบูรณ์ แม้ว่าจะพยายามปฏิบัติอย่างยิ่งยวดบังเกิดปัญญาอย่างเยียมยอด ก็ไม่สามารถถึงนิพพานก่อนได้
    แม้จะทุกข์ท้อแท้ จนคิดว่าเลิกที่จะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว แต่แล้วในที่สุดมหากุศลที่เป็นอนุสัย
    ก็จะพุ่งกระจายขึ้นมาให้ตั้งมั่นและบำเพ็ญบารมีกันต่อ จนกว่าบารมีและเวลาสมบูรณ์
    จากบทความข้างบน ผู้อ่านคงได้อ่านคำว่า อสงไขย และ กัป มาแล้ว ผู้เขียนจะอธิบายสั้นๆ ให้ทราบดังนี้
    - กัป เป็นหน่วยวัดเวลา ในเชิงประมาณ คือ เมื่อโลกมนุษย์ปราฏกขึ้นหรือบังเกิดขึ้น จนพังสูญหายไป 1 ครั้งเรียกว่า 1 กัป
    - อสงไขย เป็นหน่วยวัดเวลา ที่มากกว่ากัป คือจำนวณกัป ที่นับไม่ถ้วน เท่ากับ 1 อสงไขย
    *** ตามที่เคยคำนวณมา 1 อสงไขย เท่ากับ จำนวน กัป ที่เอาเลข 1 ตามด้วย เลข 0 ถึง 140 ตัว
    - ต่อไปคำว่า สูญกัป หมายถึงกัปที่ไม่มีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น



    สำหรับพระโพธิสัตว์ ที่ยังเป็น อนิยตะโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีสมบูรณ์แล้ว จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก ต่อพระพักตร์พุทธเจ้า ต้องมีธรรมสโมธาน 8 ประการสมบูรณ์ จึงได้รับพุทธพยากรณ์โดยนัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นองค์พระพุทธเจ้า ทรงนามว่าอย่างนั้น ในกัปอันเป็นอนาคตที่เท่านั้น ก็กลายเป็น นิยตะโพธิสตว์ ทันที คือเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้
    ธรรมสโมธาน 8 ประการคือ
    1. ได้เกิดเป็นมนุษย์
    2. เป็นบุรุษเพศ ไม่เป็นกระเทย
    3. มีอุปนิสสัยปัจจัยแห่งพระอรหันต์รุ่งเรืองอยู่ในขันธสันดาน(ถ้าเกิดเปลียนใจก็จะเป็นพระอรหันต์ทันที)
    4. ต้องพบพระพุทธเจ้าขณะมีพระชนชีพอยู่ และได้สร้างกองบุญกุศลต่อพระพักตร์
    5. ต้องเป็นบรรพชิต หรือต้องเป็น โยคี ฤาษี ดาบส หรือปริพาชก ที่มีลัทธิเชื่อว่า บุญมี บาปมี ทำบุญได้บุญ ทำบาปได้บาป ต้องไม่เป็นคฤหัสผู้ครองเรือน
    6. ต้องมีอภิญญาและฌานสมาบัติ อันเชี่ยวชาญ
    7. เคยให้ชีวิตของตนเป็นทาน เพื่อสัมโพธิญาณมาก่อนในอดีดชาติ
    8. ต้องมี ฉันทะ คือมีความรักความพอใจในพุทธภูมิเป็นกำลัง
    กล่าวถึงพุทธภูมิธรรมของนิยตะโพธิสัตว์ ในการเพิ่มพูนบารมีให้มากยิ่งขึ้น มีน้ำใจประกอบไปด้วย พุทธภูมิธรรม 4 ประการ คือ
    1. อุสสาโห คือประกอบไปด้วยพระอุตสาหะ มีความเพียรอันสลักติดแน่นในจิตใจอย่างมั่นคง
    2. อุมัตโต คือประกอบด้วยปัญญา มีปัญญาเชียวชาญเฉียบคม
    3. อวัตถานัง คือมีพระทัยอธิษฐานอันมั่นคง มิได้หวั่นไหวคลอนแคลน
    4. หิตจริยา คือประกอบไปด้วยพระเมตตา เจรีญจิตอยู่ด้วยพรหมวิหารเป็นปกติ
    อัธยาศัย ที่ทำให้พระโพธิญานของนิยตะโพธิสัตว์แก่กล้ายิ่งขึ้น มี 6 ประการ
    1. เนกขัม พอใจในการรักษาศีล การบวช หรือบรรพชา
    2. วิเวก พอใจอยู่ในที่สงบ
    3. อโลภ พอใจในการบริจาคทาน
    4. อโทส พอใจในความไม่โกรธ เจริญเมตตา
    5. อโมห พอใจในการพิจารณาคุณและโทษ เจริญปัญญา
    6. นิพพาน พอใจที่ยกตนออกจากภพ ไม่ยินดีในการเวียนว่ายตายเกิด ประสงค์นิพพานเป็นอย่างยิ่ง


    บารมี 30 ทัส
    กล่าวถึงบารมี 10 ทัสก่อน มี ดังนี้
    1. ทานบารมี คือการให้ทาน ทำบุญ บริจาคทรัพย์ หรือสิ่งของ หรือบริจาค สัตว์ 2 เท้า หรือ 4 เท้า หรือไม่มีเท้า
    2. ศีลบารมี คือาการรักษาศีล 5 ศีล 8 หรือศีล 227 ข้อ
    3. เนกขัมบารมี คือการออกบวช เป็นพระ หรือเป็นฤาษี เป็นโยคี เป็นพราหมณ์ คือเป็นผู้ไม่ครองเรื่อน ถือศีล 8 ขึ้นไป
    4. ปัญญาบารมี คือสร้างเสริมความรู้ ความสามารถ และปัญญาทางธรรมมะให้เพิ่มขึ้น
    5. วิริยะบารมี คือมีความขยันหมั่นเพียร กระทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์ ทั้งในทางธรรมะจนกระทั้งสำเร็จ
    6. ขันติบารมี คือมีความอดทนต่ออารมณ์อันไม่พอใจ ต่องานการ ต่อการปฏิบัติธรรม และต่อสิ่งแวดล้อมที่ไม่อำนวย
    7. สัจจะบารมี คือการพูดความจริง ที่ประกอบไปด้วยความดี ตามกาล และทำตามที่กล่าวไว้
    8. อธิษฐานบารมี คือตังจิตอธิษฐาน เมื่อสร้างบุญกุศล ในสิ่งที่ปารถนาที่เป็นคุณงามความดี
    9. เมตตาบารมี คือมีใจเมตตาต่อสัตว์ทั้งหลายเสมอเหมือนกัน
    10. อุเบกขาบารมี คือมีใจเป็นอุเบกขา ต่อความสุข ความทุกข์ ที่เกิดขึ้น
    บารมี ทั้ง 10 สามารถแตกเป็น 3 ระดับ คือ
    1. บารมี ธรรมดาทั่วไป
    2. อุปบารมี บารมีอย่างกลางแลกด้วย ปัจจัยภายนอกจนหมดสิ้น
    3. ปรมัตถบารมี บารมีอย่างยิ่งแลกด้วยชีวิต
    เมื่อแบ่งเป็น 3 ระดับ ก็จะกลายเป็นบารมี 30 ทัส
    อานิสงส์ บารมี 30 ทัส ของพระนิยตะโพธิสัตว์
    พระนิยตะโพธิสัตว์เมื่อได้รับพุทธพยากรณ์เป็นครั้งแรก จะมีอานิสงส์ 18 อย่าง ตลอดจนได้ตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้า ได้แก่
    1. เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมไม่เกิดเป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
    2. ไม่เป็นหูหนวกแต่กำเนิด
    3. ไม่เป็นคนบ้า
    4. ไม่เป็นคนใบ้
    5. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
    6. ไม่เกิดในมิลักขประเทศคือประเทศป่าเถื่อน
    7. ไม่เกิดในท้องนางทาสี (แต่เกิดในฐานะคนจันทาลได้ ดัง พระโพธิสัตว์ มาตังคะฤาษี ท่านเป็นบุตรคนจันทาล แต่ไม่ได้เป็นนางทาสี)
    8. ไม่เป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
    9. ไม่เป็นสตรีเพศ
    10. ไม่ทำอนันตริยกรรม
    11. ไม่เป็นโรคเรื้อน
    12 เมื่อเกิดเป็นสัตว์เดียรฉาน มีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และ ไม่ใหญ่ไปกว่าช้าง
    13. ไม่เกิดใน ขุปปิปาสิกเปรต นิชฌานตัณหิกเปรต และกาลกัญจิกาสุรกาย
    14. ไม่เกิดในอเวจีนรก และโลกันตนรก
    15. ไม่เกิดเป็นเทวดาใน กามาพจรสวรรค์ ไม่เกิดเป็นเทวดาที่นับเข้าในเทวดาพวกหมู่มาร
    16. เมื่อเกิดเป็นรูปพรหม จะไม่เกิดใน ปัญจสุทธวาสพรหมโลก(พรหมชั้นอนาคามี) และอสัญญสัตตาภูมิพรหม( มีแต่รูปอย่างเดียว)
    17. ไม่เกิดในอรูปพรหมโลก
    18. ไม่เกิดในจักรวาลอื่น
    อานิสงส์พิเศษอีกอย่างหนึ่งของนิยตโพธิสัตว์ คือ การทำอธิมุตตกาลกริยา คือเมื่อท่านเกิดเป็นเทวดาหรือพระพรหม เกิดความเบื่อหน่าย ในการเสวายสุขนั้น ปรารถนาที่จะสร้างบารมีในโลกมนุษย์ ท่านก็สามารถทำการอธิมุตต คืออธิษฐานให้จุติ(ตายจากการเป็นเทพ)มาเกิดเป็นมนุษย์ได้ทันที ได้โดยง่าย ซึ่งเหล่าเทพเทวดาอื่นๆ ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้


    http://www.pantown.com/content.php?id=12577&name=content1&area=
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
  20. โอลีฟ

    โอลีฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +257
    ได้ร่วมทำบุญประจำเดือนธันวาคม ผ่านบัญชีทุนนิธิเมื่อประมาณต้นอาทิตย์ที่ผ่านมา จำนวน 1,000 บาทค่ะ
    (รายชื่อผู้ร่วมทำบุญเหมือนเดือนตุลาคมค่ะ)

    ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...