พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    ตกลง คุณเพชรมาชำระค่าไถ่หรือยังครับ หุหุ
     
  2. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    แอบแซวเหรอครับท่านปาทาน ตอนนี้ผมแค่ 140เองครับ ขืน 280นี่มือมันชาครับ หุ หุ
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ตอนนี้มาถึงเวลา 8 โมงกว่าแล้ว ไม่มีเงินมาไถ่ ผมยึดแล้วครับ หุหุหุ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    วัดมณีชลขัณฑ์
    http://www.tru.ac.th/culture2008/book_1-1-4.php

    [​IMG]

    แม่น้ำลพบุรีบริเวณวัดมณีชลขัณฑ์หน้าน้ำหลาก
    ทุ่งพรหมาสตร์ยามหน้าน้ำหลาก เรือกระแชงจำนวนนับร้อยๆ ลำถูกลากโยงขึ้นมาเพื่อลำเรียงสินค้าขาส่งและ นำไปขาย เช่น ข้าวเปลือก พืชไร่ ดินสอพอง ไม้ฟืน อิฐ ในภาพเห็นเรือกระแชงจอดหัวเสยตลิ่ง "เกาะแก้ว" วัดมณีชลขัณฑ์เต็มไปหมด กลางลำน้ำมีเรือสำปั้นแจว คงจะเป็นเรือจ้างรับส่งคนโดยสารข้ามฟาก เป็นภาพถ่าย
    เมื่อครั้งแม่น้ำ ยังมีบทบาทต่อวิถีชีวิตผู้คน

    [​IMG]

    วัดมณีชลขัณฑ์และเจดีย์หลวงพ่อแสง
    วัดมณีชลขัณฑ์เดิมชื่อวัดเกาะแก้ว เป็นวัดเก่าแก่ จดหมายเหตุครั้งรัชกาลที่4 จ.ศ. 1216 (พ.ศ. 2397) ฉบับหนึ่ง
    ซึ่งรักษาอยู่ ณ หอสมุดแห่งชาติเป็นร่างตราถึงเมืองลพบุรีให้เกณฑ์เลก ข้าพระ เผาปูนทำวัดเกาะแก้ว มีรายละเอียดว่า "หนังสือเจ้าพระยาจักรีมาถึงพระลพบุรี ด้วยมีพระบรมราชโองการตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่าวัดเกาะแก้วเมืองลพบุรี แต่ก่อนเคยเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปนมัสการพระและประทับแรมอยู่บ้าง แต่พระอุโบสถ กุฏิศาลาการเปรียญ และศาลาท้องพรหมาสตร์ชำรุดยับเยินมาช้านาน โปรดเกล้าฯให้สถาปนาขึ้นใหม่ให้รุ่งเรืองสุกใส จะได้เป็นที่กราบไหว้ที่สักการะบูชา
     
  6. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิกฤตการเงินสู่วิกฤตเศรษฐกิจ บทเรียนสำคัญ...ของความไม่สมดุล
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9510000139237
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 พฤศจิกายน 2551 10:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD><TD><TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD vAlign=center align=middle width=1 background=/images/linedot_vert.gif>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right width=1 height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle background=/images/linedot_hori.gif height=1>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=left width=1 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ถึงเวลานี้ น่าจะสามารถพูดได้เต็มปากแล้วว่า วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ได้ถล่มเศรษฐกิจโลกจนเข้าสู่ภาวะถดถอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่ผ่านมา มีสัญญาณให้เห็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปลดพนักงานของบริษัทขนาดใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น ซิตี้กรุ๊ป หรือค่ายรถยนต์อย่าง จีเอ็ม อย่างที่เป็นข่าวมาแล้ว...โดนประเด็นนี้ ถือว่าเป็นสัญญาณของเศรษฐกิจถดถอยอย่างชัดเจนที่สุด

    สำหรับในประเทศไทยเอง ข่าวการปลดพนักงานก็มีออกมาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการส่งออกที่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศว่า อาจจะเข้าสู่ภาวะชะลอตัว เนื่องจากประเทศคู่ค้าหรือคู่ส่งออก ต่างประสบปัญหาเศรษฐกิจเช่นกัน...และอีกกระแลข่าวหนึ่งที่น่าจะบอกได้ชัดเชนว่า เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย คือการเตรียมปรับประมาณการจีดีพี ของสำนักวิจัยและนักวิเคราะห์หลายๆ สำนัก

    เกี่ยวกับเรื่องนี้ จึงเป็นโอกาสที่สมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคมบลจ.) ได้จัดงานสัมมนาประจำปี เพื่อระดมผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจและการลงทุนมาอับเดทข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทราบชิกได้ทราบ เพื่อเตรียมตัวรับมือต่อไป...ซึ่งเนื้อหาของงานสัมมนาในครั้งนี้ ถือว่าน่าสนใจทีเดียว

    สุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เล่าว่า ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินส่งผลในหลายด้าน ต่อสถาบันการเงินไทย ไม่ว่าจะเป็นความมั่นใจระหว่างสถาบันการเงินกับลูกค้า หรือความมั่นใจระหว่างลูกค้ากับสถาบันการเงิน และสำคัญไปกว่านั้น คือปัญหาสภาพคล่องในระบบที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้ตลาดเงินและระบบการเงินขาดเงินทุน และเงินทุนหมุนเวียนในระบบ ซึ่งปัจจัยนี้เองที่จะส่งผลต่อเนี่องไปถึงการหดตัวของเศรษฐกิจ

    และปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่เอง ทำให้ธนาคารกลางในหลายประเทศต้องมีบทบาทเข้าไปเกี่ยวข้อง นั่นคือ การสร้างความมั่นใจให้กับผู้ฝากเงินและสถาบันการเงิน เช่น การประกันเงินฝากเต็มจำนวน หรือให้รัฐค้ำประกันหนี้ที่ออกใหม่ ซึ่งในส่วนของประเทศไทยเอง ก็ได้เลื่อนการบังคับใช้ พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝากออกไปอีก 3 ปี...นอกจากนี้ การจะใช้นโยบายการเงินและการคลัง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ จำเป็นจะต้องทำพร้อมกันเพื่อให้เกิดความสมดุล จะได้ไม่เกิดปัญหาต่อไปอีก

    สำหรับบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ "สุชาดา" บอกว่า วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้น บอกให้รู้ว่าเรื่องนี้ ไม่ได้เกิดเฉพาะประเทศเล็ก ๆ หรือประเทศกำลังพัฒนา ประเทศเกิดใหม่เท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นกับประเทศยักษ์ใหญ่ อย่างที่เกิดขึ้นกับสหรัฐฯ ได้เช่นกัน...ซึ่งวิกฤตในครั้งนี้ เกิดจากความไม่สมดุล และมีการก่อตัวสะสมมาอย่างต่อเนื่อง เพราะระบบควบคุมความเสี่ยงบางส่วนทำให้เราไม่สามารถมองเห็นปัญหาได้

    และบทเรียนที่เกิดขึ้น ธนาคารกลางจำเป็นต้องปรับปรุงความรู้ความเข้าใจทั้งหมดในระบบสถาบันการเงินและตลาดการเงิน เพราะปัญหามันโยงมาถึงระบบเศรษฐกิจจริงซึ่งที่ผ่านมา อาจจะทำได้ไม่เต็มที่ ดังนั้น เรื่องนี้ต้องอธิบายให้เข้าใจลึกซึ่งมากขึ้น

    อีกบทเรียนที่สำคัญคือ การเปิดเสรี ไม่ได้หมายความว่าวางใจว่าจะมีทางการกำกับดูแลแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ ธุรกิจต้องกลับมาดูแลตัวเองด้วย ขณะเดียวกัน ยิ่งใช้ระบบเสรีมากเท่าไหร่ ข้อมูลยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้น จะต้องมีระบบเตือนภัยที่เชื่อถือได้ด้วย

    สำหรับบทสรุปสำหรับบทเรียนในครั้งนี้..."สุชาดา" บอกว่า ไม่มีอะไรดีไปกว่าการรักษาสมดุลเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมา หลายคนอาจจะไม่ชอบนโยบายของธนาคารกลาง เพราะเวลาที่เศรษฐกิจบูมเมื่อไหร่ ก็คอยเข้ามาควบคุมเพื่อลดความรุนแรงลง...แต่จากวิกฤตที่เกิดขึ้น เชื่อว่าหลายฝ่ายคงเห็นด้วย โดยเฉพาะสถาบันการเงินเอง ที่เราสั่งให้มีการกันสำรองเอาไว้ในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ซึ่งสิ่งที่เราทำดังกล่าวก็ดีกับสถานการณ์ในตอนนี้

    อย่างไรก็ตาม วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นเอง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินไทยมากนัก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นและสภาพคล่องในระบบ ซึ่งเราเองยังสามารถควบคุมเรื่องนี้ได้ เงินสำรองของสถาบันการเงินต่างๆ ก็ยังสูงอยู่ถ้าเทียบกับหนี้ระยะสั้น...แต่เหนืออื่นใด สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในการประชุมวันที่ 3 ธันวาคมนี้ ธปท.เองก็จะมีการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อปรับประมาณการณ์จีดีพีของประเทศใหม่อีกครั้ง หลังจากการส่งออกส่งสัญญาณชะลอตัว รวมถึงการปรับลดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกของ IMF ด้วย

    สมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บอกว่า ตลาดหุ้นไทยที่มีค่า P/E อยู่ที่ 6 เท่าในปัจจุบันบัน ทำให้เชื่อว่าแนวโน้มปีหน้า บริษัทจดทะเบียนอาจจะไม่มีกำไรหรือไม่ก็ติดลบแต่คงไม่หนักมากนัก อย่างไรก็ตาม วิกฤตที่เกิดขึ้นในส่วนของตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ไม่น่าจะลงลึกไปเท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจของไทยที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2540 เพราะจะเห็นว่า หลายอย่างในบ้านเรามีความผันผวนน้อยกว่า ธนาคารเองมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งแสดงถึงความระมัดระวังมากขึ้น

    "สิ่งที่ดูอยู่ตอนนี้คือ มีข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจไทยคงไม่ล้ม แต่จีดีพีอาจจะไหลลงเยอะ ซึ่งที่ผ่านมา สำนักวิจัยหลายแห่งต่างก็เตรียมปรับประมาณการณ์กันใหม่ทั้งนั้น"

    เขากล่าวต่อว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลต่อการใช้จ่ายของคนในประเทศพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นบน ชนชั้นกลางและชนชั้นล่าง ซึ่งการที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงถึง 50% แน่นอนว่ากระทบต่อการใช้จ่ายเช่นกัน ดังนั้น ในเรื่องนี้ ภาครัฐควรมีมาตรการในการช่วยเหลือการว่างงานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะงบประมาณที่ชัดเจน เพราะแรงงานถือว่าเป็นความสมดุลหนึ่งของระบบเศรษฐกิจของประเทศ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ปัจจุบันเราต้องมีวินัยทางการเงินที่เข้มแข็งกัน ต้องมีวิจารณญาญที่ดีมากพอในการพิจารณาเรื่องของการเงินต่อสถาบันการเงินต่างๆ เนื่องจากเรายังต้องพึงพาสถาบันการเงินต่างๆ ในการดำรงชีพต่างๆ เช่น การซื้อที่อยู่อาศัย ,การใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น

    ในคณะของกลุ่มวังหน้าฯเอง มีคนหลากหลายอาชีพ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีหน้าที่การงานที่ดี บางท่านเป็นถึงผู้บริหารระดับสูง ซึ่งหากเอ่ยชื่อบริษัท(หรือ บริษัทมหาชน) ออกมาแล้ว ต้องรู้จักกันทั่วประเทศ บางท่านรับราชการในระดับสูง ซึ่งมีความคิด ความเห็น และการศึกษาต่อพระวังหน้ามามากพอสมควร มีเจตนาที่จะร่วมกันสืบทอดอายุพระศาสนา โดยมิได้หวังเป็นการค้า ไม่ใช่เป็นแค่เด็กเดินของ ที่รับเศษตังมาตีคนอื่น โดยนำข้ออ้างมาว่า รับเงินเข้ากระเป๋าตนเอง ทั้งๆที่ท่านที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องด้านการเงิน(เช่น สนส.บ่อเงินบ่อทอง ,น้องชา(บัญชีที่โอนเงินเพื่อทำบุญสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง) ออกมาชี้แจงแล้วว่า เงินนั้นไปไหน ไปทำอย่างไร อีกทั้งเรื่องของบัญชีที่รับโอนเงินทำบุญของสภากาชาดไทย ,มูลนิธิชัยพัฒนา ,มูลนิธิพระดาบส ผมเองก็ไม่สามารถที่จะไปเบิกเงินออกมาได้ แถมผมท้าไป ก็ดีแต่โพสบนบอร์ด ไม่กล้ามาเจอ เพื่อพิสูจน์ หุหุหุ

    ผมเองจะได้เตรียมพระบรมสารีริกธาตุ ที่ไม่เชื่อว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจริง ไปให้พิสูจน์โดยให้หยิบจากมือผมไปเหยียบ และนำพระวังหน้า ไปให้หักกลางแล้วโยนทิ้งน้ำกัน เหอๆๆๆๆๆๆๆๆ

    อย่านึกโมทนาและหรือกดโมทนาในโพสนี้ครับ
    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เตือนปี 52 รับมือ Deflation หุ้นจมกองเลือด ศก.เผาจริง
    http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9510000139613

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>25 พฤศจิกายน 2551 16:56 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นายกสมาคมโบรกต่างชาติ เตือนรับมือพิษเงินฝืด คาดระดับราคาสินค้าและบริการ จะลดต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องมาจากอุปสงค์รวมมีน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะซื้อสินค้า ผู้ผลิตแข่งลดราคาสินค้าเพื่อทำยอดขาย ก่อนลดกำลังการผลิต-การจ้างงาน มาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนจะตกต่ำชัดเจน

    วันนี้ ( 25 พ.ย.) มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นปี 2552 น่าจะยังผันผวนหนัก จากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่จะทวีความรุนแรงขึ้นและส่งผลเสียหายกับธุรกิจทุกภาคส่วน

    "เราประเมินว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบการเงินและตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ซึ่งจากปัญหาสินเชื่อที่เข้าทำลายสภาพคล่องของสถาบันการเงิน ทำให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งล้มละลาย ซึ่งกระทบต่อเม็ดเงินในการลงทุนรวมถึงเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบ นักลงทุนและประชาชนขาดความเชื่อมั่นจึงพากันถอนเงินและสำรองเงินสด กองทุนรวมจึงต้องเทขายหุ้นรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน"

    ขณะนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถดถอยทำให้ดีมานด์ (อุปสงค์) ในการบริโภคลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาคการผลิตที่แท้จริงเริ่มประสบปัญหา อุตสาหกรรมต้องลดกำลังการผลิต ลดต้นทุนโดยปรับลดคนงาน ทำให้ตัวเลขผู้ตกงานสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนโดยรวมลดลง มีความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสียมากขึ้น สถาบันการเงินต้องเข้มงวดกับการปล่อยกู้ เงินในระบบจึงลดลง ประชาชนที่มีเงินก็ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ทำให้ในปี 2552 อาจเกิดภาวะเงินฝืด หรือเงินฝืด (Deflation)

    มล.ทองมกุฏ ระบุว่า ภาวะเงินฝืด เป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการทั่วไปลดต่ำลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากอุปสงค์รวมมีน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะซื้อสินค้าและบริการ ทำให้ผู้ผลิตต้องลดราคาสินค้าเพื่อที่จะทำให้ขายได้ และลดการผลิตลง เพราะว่าถ้าผลิตออกมาเท่าเดิมก็ขายได้น้อย ผลที่ตามมาจะก่อให้เกิดผลเลวร้ายต่อเศรษฐกิจเพราะการจ้างงานจะลดลงตามไปด้วย ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อมาตราฐานความเป็นอยู่ของประชาชน และกระทบกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนเช่นกัน

    นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางการเมืองที่รัฐบาลนอมินีใช้ความรุนแรงต่อการชุมนุมที่สงบสันติของประชาชน ยังซ้ำเติมการลงทุนในประเทศให้ถดถอยลงกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค นักลงทุนต่างชาติจึงไม่กล้าเข้ามาลงทุนแม้ราคาหุ้นจะถูกมาก หรืออัตตรา P/E เรโชต่ำ

    ดังนั้น การจะเห็นการแรลลี่ของตลาดหุ้นในช่วงสิ้นปีแบบ December Effect หรือ January Effect เหมือนที่ผ่านมาคงจะเป็นไปได้ยาก และเป้าหมายดัชนีฯคงประเมินได้ลำบาก แต่จากคงจะไม่เลวร้ายถึงขั้นไประดับ 200 จุด อย่างที่มีการคาดการณ์เอาไว้ เพราะราคาหุ้นที่พื้นฐานดีปรับลงไปมากจนน่าจะจูงใจให้มีแรงซื้อกลับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เช่นกัน อย่านึกโมทนาและหรือกดโมทนาในโพสนี้ครับ

    ผมเองก็ไม่เคย pm ไปหาใครๆ เพื่อสร้างเครดิตให้กับตนเอง หวังในอนาคตว่า ผู้ที่ได้รับ pm จะมาเช่าพระของตนเอง จะได้มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเอง

    .
     
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เขาให้ทานกันอย่างไร
    http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001531.htm


    <TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 3 : (ย่าม/prejia@mailandnews.com)

    ทานในพระสูตร มี 10 คือ

    1. ทานข้าว
    2. ทานน้ำ
    3. ทานผ้าเครื่องนุ่งห่ม
    4. ทานยานพาหนะ
    5. ทานดอกไม้
    6. ทานของหอม
    7. ทานเสื่ออาสนะ
    8. ทานที่อยู่พักอาศัย
    9. ทานยารักษาโรค
    10. ทานประทีปดวงไฟ

    ทานในพระวินัย คือ การบริจาคปัจจัย 4 สำหรับพระเณรได้แก่
    1. ทานผ้าไตร
    2. ทารโภชนาหาร ได้แก่
    2.1 อาหารที่พระเณรรับประเคนแล้วฉันได้ตั้งแต่ตอนเช้าวันที่รับ ถึงก่อนเที่ยงวันนั้น
    เท่านั้นได้แก่ ข้าวสุก ขนมสดและแห้ง ปลาและเนื้อ
    2.2 อาหารที่รับแล้วเก็บไว้ฉันในตอนเช้า เย็น กลางคืนได้ ภายใน 7 วันเท่านั้นได้แก่
    น้ำผึ้ง น้ำอ้อย น้ำคาล น้ำหวาน เนยใส เนยข้น
    2.3 เนื้อสัตว์ 10 อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระเณรฉันได้แก่
    - เนื้อมนุษย์ - เนื้อช้าง
    - เนื้อเสือเหลือง - เนื้อเสื อโคร่ง
    - เนื้อเสือดาว - เนื้อหมี
    - เนื้อราชสีห์ - เนื้องู
    - เนื้อสุนัข - เนื้อม้า
    3. ทานเสนาสนะ ได้แก่ กุฎิสงฆ์ ศาลา โบสถ์ วิหาร หรือ สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ
    4. ทานคิลาเภสัช ได้แก่ ยารักษาโรค
    ทานในพระปรมัตถ์ มี 6 ประเภทคือ
    1. ทานเกิดจากรูป เมื่อเห็นสิ่งของก็คิดอยากเอาสิ่งของไปทำบุญ
    2. ทานเกิดจกาเสียง พูดชักชวนกันทำบุญ
    3. ทานเกิดจากกลิ่น ได้กลิ่นหอมแล้ว อยากถวายของหอมนั้น
    4. ทานเกิดจากรส กินอาหารรสดีแล้ว นำ อาหารดีไปถวาย
    5. ทานเกิดจากสัมผัส สัมผัสเครื่องนุ่งห่มที่นอนดี แล้วอยากถวาย
    6. ทานเกิดจากอารมณ์ สัมผัสกับอารมณ์ แล้วอยากทำบุญ
    ยังมีอีก นะ

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>จากคุณ : ย่าม/prejia@mailandnews.com [ 4 ก.ย. 2543 / 12:57:21 น. ]
    [ IP Address : 203.151.125.137 ]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    __________________________________________________

    <TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 4 : (ย่าม/prejia@mailandnews.com)

    ระดับของทาน

    1. อามีสทาน ได้แก่ ทานที่มีการให้สิ่งของ มีทั้ผู้ให้และผู้รับด้วย เป็นการเพิ่มจาคะ ลด
    ความเห็นแก่ตน กำจัดความโลภ
    2. อภัยทาน คือการให้อภัยแก่ผู้เบียดเบียนเรา ย่อมมีอานิสงค์มากกว่าอามิสทาน เพราะ
    กำจัดความโกรธ
    3. ธรรมทาน ได้แก่การให้ธรรมะเป็นทาน มีอานิสงค์มากกว่าทานทั้งปวง ผู้ให้และผู้รับ
    ได้ปัญญา
    วิบัติ 4 ที่เกิดจากการทำทานไม่ถูกวิธี
    1. ทำไม่ถูกที่ เช่น ให้ทานอาหารแก่เจ้าที่ในทางสามแพ่ง
    2. ทำไม่ถูกบุคคล เช่น ให้เงินแก่คนติดเหล้าไปซื้อเหล้า
    3. ทำผิดเวลา เช่น การให้อาหารแก่ช้างกำลังตกมัน
    4. ทำทานไม่ต่อเนื่อง ไม่ทำดีติดต่อกัน
    การบริจาคทานที่ไม่ถือเป็นบุญในพุทธศาสนา
    1. ทานช้าง ม้า โค กระบือ ให้พระต้องเลื้ยง
    2. ทานอาวุธ แก่พระเพื่อป้องกันตัว
    3. ทานเครื่องดักสัตว์
    4. ทานทารกเพศหญิงให้พระเลื้ยงดู
    5. สอนงานศิลปะแก่พระเพื่อประกอบอาชีพ
    6. ทานสุรายาเสพติด
    ชนิดของทาน
    1. ทาสทาน ได้แก่ทานที่นำของที่ตนกิน ใช้แล้วให้แก่ผู้อื่น ผลที่ได้รับจะได้ลาภที่เป็นของ
    เก่าให้แล้ว
    2. สหายทาน ได้แก่ทานที่นำของที่เราชอบและหาได้ในระดับเดียวที่เรากิน ใช้ ทำทาน
    ผลที่ได้จะได้รับลาภที่ดีในระดับเดียวกันนั้น ดีกว่าทาสทาน เพราะจาคะมากกว่า
    3. สามีทาน ได้แก่ทานที่นำของที่ดีกว่าเรากิน ใช้ ทำทาน ผลที่ได้รับจะดีกว่าทั้งทาสทาน
    และสหายทาน
    องค์ประกอบในการทำทานให้ได้อานิสงค์มาก มีดังนี้
    1. บุบพเจตนา คือ การได้ปัจจัยสิ่งของที่ทำทานนั้นด้วยความบริสุทธิ์
    2. บุญจนเจตนา คือ ผู้ให้ทานเป็นผู้บริสุทธิ์(ถือศีล 5 เป็นอย่างต่ำ) มีเจตนาถวายด้วย
    ความเคารพบู่ชาเป็นไปเพื่อนิพพาน มีศรัทธาในผลบุญนั้น
    3.อปราปรเจตนา คือ ผู้รับทานบริสุทธิ์
    วิธีการทำทาน
    1. ของทำทานต้องบริสุทธิ์
    2. ถือศีล 5 เป็นอย่างต่ำทั้งก่อนทำทาน ระหว่างทำทาน และหลังทำทาน
    3.ให้ทานแก่ผู้ควรรับ เช่น พระสงฆ์ผู้ปฎิบัติดี ถูกต้องตามธรรมวินัย
    4. มีศรัทธาในทานที่ทำ อธิษฐานจิตก่อนทำให้ทานนี้มีผลต่อสิ่งปราถนา (ยิ่งทำทานเพื่อ
    บรรลุมรรคผลนิพพานจะมีอานิสงค์มาก)
    5. ระหว่างทำให้ทำด้วยความปิติยินดีที่ได้ทำทานนั้นด้วยความเสียสละ
    6. หลังทำทานให้มีปิติยินดีที่ได้ทำแล้ว
    7. บอกการทำทานนี้แก่บุคคลผู้ควรบอก เพื่อให้บุคคลอื่นร่วมอนุโมทนาบุญในทานนี้
    (เป็นการกระจายบุญให้ผู้อื่น เพื่มบริวาร)
    8. ทำทานอย่างต่อเนื่อง
    อานิสงค์ของทาน
    1. ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักแก่ผู้รับ
    2. ผู้ให้ย่อมเป็นที่นับถือแก่บุคคลอื่นทั่วไป
    3. ผู้ให้เข้าสมาคมที่ไหนย่อมแกล้วกล้า ไม่กลัวได้รับการต้อนรับอย่างดี
    4. พระเณรนักปราชญ์ยอมรับ
    5. ตายไปแล้วย่อมได้สวรรค์สมบัติ
    อานิสงค์ของทานแต่ละอย่าง
    1. ทานอาหาร ชาติต่อไป จะมี สุขภาพแข็งแรง อาหารบริบรูณ์ไม่อดอยาก
    2. ทานเครื่องนุ่งห่ม ชาติต่อไป ไม่ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่ม มีผิวพรรณดี
    3. ทานประทีปดวงไฟ ชาติต่อไป มีสายตาดี เกิดในสวรรค์จะมีรัศมีสว่างออกจากกาย
    อาจมีทิพยจักษุ
    4. ทานรถโดยสาร ชาติต่อไป มีรถ มีคนขับรถให้ ไปไหนสะดวก
    5. ทานพระพุทธรูป ชาติต่อไปมีรูปสวยงาม เป็นที่เคารพบูชา
    6. ทานพระไตรปิฎก ชาติต่อไป จะมีปํญญาดี
    7. ทานสร้างกุฎิวิหาร ชาติต่อไป จะมีบ้านหลังใหญ่
    8. ทานห้องน้ำ ยารักษาโรค ชาติต่อไปมีสุขภาพแข็งแรง
    9. ทานตัดผมขายเอาเงินทำบุญ ชาติต่อไป มีผมสวย
    10. ทานดวงตา ชาติต่อไป มีทิพยจักษุ มีตาสวย
    11. ทานอวัยวะโลหิต ชาติต่อไปมีสุขภาพแข็งแรง
    อนาถบิณฑกะเศรษฐี ท่านเป็นพระโสดาบัน มีศีล 5 บริบรูณ์แล้วทำทานอย่างมากแด่
    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ มีอานิสงค์มากทำให้ทรัพย์สมบัติไม่หมดไม่ว่าจะทำทานมากเท่าใดก็ตาม รุกขเทวดาที่เฝ้าประตูเชตุวันมหาวิหารยังถูกขับไล่เนื่องจากบอกมิฉาทิฐิแก่ท่าน ท่านเลยไล่ออกจากวัด ทำให้พระอินทร์ต้องมาไกล่เกลี้ย ให้รุกขเทวดาทำให้อนาถกบิณฑกะเศรษฐีมีทรัพย์มากดังเดิมจึงเข้าอยู่ที่เชตุวันมหาวิหารตามเดิมได้ ท่านนั้นตายไปแล้วเกิดในสวรรค์ ชาติต่อไปก็จะมีทรัพย์มากอีก
    อนิสงค์ของการทำทานมากอย่างนี้ พระพุทธเจ้าท่านว่ายังน้อยกว่าผู้ถือศีล ผู้ปฎิบัติ
    ธรรม เจริญสมถะสมาธิ วิปัสนาสมาธิหลายเท่านัก
    จบจริง.....

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>จากคุณ : ย่าม/prejia@mailandnews.com [ 5 ก.ย. 2543 / 13:14:01 น. ]
    [ IP Address : 203.151.127.236 ]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    __________________________________________________

    <TABLE width="100%" bgColor=#e4f3f3 border=0><TBODY><TR><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 5 : (ดังตฤณ)

    ลองดูทานที่ให้ผลแตกต่าง

    เพียงเพราะ "คิดว่า" หรือ "เจตนาที่เกิดขึ้นเป็นอาจิณขณะทำทาน" นะครับ

    ทานสูตร
    [๔๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งสระโบกขรณีชื่อคัคครา
    ใกล้จัมปานคร ครั้งนั้นแล อุบาสกชาวเมืองจัมปามากด้วยกัน เข้าไปหาท่าน
    พระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าว
    กะท่านพระสารีบุตรว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ธรรมีกถาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มี
    พระภาค พวกกระผมได้ฟังมานานแล้ว ขอได้โปรดเถิด พวกกระผมพึงได้ฟัง
    ธรรมีกถาของพระผู้มีพระภาค ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
    ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายพึงมาในวันอุโบสถ ท่านทั้งหลายพึงได้ฟังธรรมีกถาใน
    สำนักพระผู้มีพระภาคแน่นอน อุบาสกชาวเมืองจัมปารับคำท่านพระสารีบุตรแล้ว
    ลุกจากที่นั่ง อภิวาทกระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ต่อมา ถึงวันอุโบสถ อุบาสก
    ชาวเมืองจัมปาพากันเข้าไปหาพระสารีบุตรถึงที่อยู่ อภิวาทแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควร
    ข้างหนึ่ง ลำดับนั้น ท่านพระสารีบุตรพร้อมด้วยอุบาสกชาวเมืองจัมปา เข้าไป
    เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่ควรข้างหนึ่ง ครั้น
    แล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ทานเช่นนั้นนั่นแล
    ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมีหรือหนอแล
    และทานเช่นนั้นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
    พึงมีหรือพระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรสารีบุตร ทานเช่นนั้นนั่นแล
    ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก พึงมี และทาน
    เช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก พึงมี ฯ
    สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้ทาน
    เช่นนั้นแล ที่บุคคลบางคนในโลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก
    อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัย เครื่องให้ทานเช่นนั้นนั่นแล ที่บุคคลบางคนใน
    โลกนี้ ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ
    พ. ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ยังมีความหวังให้ทาน มีจิต
    ผูกพันในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่า เราตายไปจักได้
    เสวยผลทานนี้ เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม เครื่อง
    ลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะหรือพราหมณ์ ดูกร
    สารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้ทาน
    เห็นปานนี้หรือ ฯ
    สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
    พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลมีความหวังให้ทาน มีจิต
    ผูกพันในผลให้ทาน มุ่งการสั่งสมให้ทาน ให้ทานด้วยคิดว่าตายไปแล้วจักได้
    เสวยผลทานนี้ เขาผู้นั้นให้ทานนั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
    แห่งเทวดาชั้นจาตุมมหาราช สิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่
    แล้ว ยังมีผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ดูกรสารีบุตร ส่วนบุคคลบางคน
    ในโลกนี้ ไม่มีหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน
    ไม่คิดว่า ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แล้วให้ทาน แต่ให้ทานด้วยคิดว่า
    ทานเป็นการดี เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม
    เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์แก่สมณะหรือพราหมณ์
    ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้พึงให้ทาน
    เห็นปานนี้หรือ ฯ
    สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
    พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มี
    จิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า ตายไป
    แล้วจักได้เสวยผลทานนี้ แต่ให้ทานด้วยคิดว่า ทานเป็นการดี เขาผู้นั้นให้ทาน
    นั้นแล้ว เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาสิ้น
    กรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่
    ความเป็นอย่างนี้ ฯ
    ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า
    ทานเป็นการดี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราก็
    ไม่ควรทำให้เสียประเพณี เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
    แห่งเทวดาชั้นยามา เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว
    ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
    ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า บิดา
    มารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราก็ไม่ควรทำให้เสียประเพณี แต่ให้ทานด้วย
    คิดว่า เราหุงหากิน สมณะและพราหมณ์เหล่านี้ ไม่หุงหากิน เราหุงหากินได้
    จะไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้ไม่หุงหาไม่สมควร เขาให้ทาน คือ ข้าว
    ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นดุสิต เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ
    หมดความเป็นใหญ่ แล้วยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
    ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า
    เราหุงหากินได้ สมณะและพราหมณ์เหล่านี้หุงหากินไม่ได้ เราหุงหากินได้ จะ
    ไม่ให้ทานแก่สมณะหรือพราหมณ์ผู้หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร แต่ให้ทานด้วย
    คิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี
    วามกฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาชฤาษี
    วาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี บูชามหายัญ ฉะนั้น เขาให้ทาน คือ
    ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นนิมมานรดี เขาสิ้นกรรม สิ้น
    ฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็นใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
    ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เรา
    จักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี ฯลฯ
    และภคุฤาษี แต่ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิด
    ความปลื้มใจและโสมนัส เขาให้ทาน คือ ข้าว ฯลฯ ย่อมเข้าถึงความเป็นสหาย
    แห่งเทวดาชั้นปรนิมมิตวสวัสดี เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ หมดความเป็น
    ใหญ่แล้ว ยังเป็นผู้กลับมา คือ มาสู่ความเป็นอย่างนี้ ฯ
    ดูกรสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้ ฯลฯ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อ
    เราให้ทานอย่างนี้ จิตจะเลื่อมใส เกิดความปลื้มใจและโสมนัส แต่ให้ทานเป็น
    เครื่องปรุงแต่งจิต เขาให้ทาน คือ ข้าว น้ำ ผ้า ยาน ดอกไม้ ของหอม
    เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและเครื่องอุปกรณ์ แก่สมณะหรือพราหมณ์
    ดูกรสารีบุตร เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุคคลบางคนในโลกนี้ พึงให้
    ทานเห็นปานนี้หรือ ฯ
    สา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า ฯ
    พ. ดูกรสารีบุตร ในการให้ทานนั้น บุคคลผู้ไม่มีความหวังให้ทาน
    ไม่มีจิตผูกพันในผลให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เรา
    ตายไปแล้วจักได้เสวยผลทานนี้ ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า การให้ทานเป็นการดี
    ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า บิดามารดาปู่ย่าตายายเคยให้เคยทำมา เราไม่ควรทำให้เสีย
    ประเพณี ไม่ได้ให้ทานด้วยคิดว่า เราหุงหากินได้ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านี้
    หุงหากินไม่ได้ จะไม่ให้ทานแก่ผู้ที่หุงหากินไม่ได้ ไม่สมควร ไม่ได้ให้ทานด้วย
    คิดว่า เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน เหมือนอย่างฤาษีแต่ครั้งก่อน คือ อัฏฐกฤาษี
    วามกฤาษี วามเทวฤาษี เวสสามิตรฤาษี ยมทัคคิฤาษี อังคีรสฤาษี ภารทวาช-
    ฤาษี วาเสฏฐฤาษี กัสสปฤาษี และภคุฤาษี ผู้บูชามหายัญ ฉะนั้น และไม่ได้
    ให้ทานด้วยคิดว่า เมื่อเราให้ทานนี้ จิตจะเลื่อมใส จะเกิดความปลื้มใจและ
    โสมนัส แต่ให้ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต เขาให้ทานเช่นนั้นแล้ว เมื่อตายไป
    ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชั้นพรหม เขาสิ้นกรรม สิ้นฤทธิ์ สิ้นยศ
    หมดความเป็นใหญ่แล้ว เป็นผู้ไม่ต้องกลับมา คือ ไม่มาสู่ความเป็นอย่างนี้
    (หมายเหตุ - การทำทานในลักษณะแต่งจิตเช่นนี้ มีแต่ผู้เป็นอนาคามีเท่านั้น ที่ทำได้)
    ดูกร สารีบุตร นี้แลเหตุปัจจัย เป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบางคนในโลกนี้
    ให้แล้ว มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก และเป็นเครื่องให้ทานเช่นนั้นที่บุคคลบาง
    คนในโลกนี้ให้แล้ว มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ฯ

    ---
    ขอให้สังเกตว่าแม้แต่พระอัครสาวกบารมีมากๆ
    ก็ยังต้องฟังจากพระศาสดาเกี่ยวกับเรื่องผลของทานนะครับ
    มีอยู่ในพระสูตรหนึ่ง พระพุทธองค์ตรัสว่า
    ถ้าพวกเรารู้ผลของทานเหมือนอย่างที่พระองค์รู้
    ก็จะไม่ดูดายในการให้ทาน ก่อนจะกิน ก่อนจะใช้
    จะต้องแจกชาวบ้านหรือสรรพสัตว์ก่อนเสมอ
    ผลของทานนั้นใหญ่หลวง มีแรงจูงใจได้ขนาดนั้น

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>จากคุณ : ดังตฤณ [ 5 ก.ย. 2543 / 13:32:17 น. ]
    [ IP Address : 203.155.246.165 ]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    2.3 เนื้อสัตว์ 10 อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามพระเณรฉันได้แก่
    - เนื้อมนุษย์

    - เนื้อช้าง
    - เนื้อเสือเหลือง

    - เนื้อเสือโคร่ง
    - เนื้อเสือดาว

    - เนื้อหมี
    - เนื้อราชสีห์

    - เนื้องู
    - เนื้อสุนัข

    - เนื้อม้า
     
  12. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    อ่า...ของผมประหลาดอีกแล้วครับ เลข89 นี่มันอารายกันเนี่ยครับ หุ หุ
     
  13. katicat

    katicat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,112
    ค่าพลัง:
    +524
    แล้วยี่ห้ออารายคะ สงสัยอันนี้นะคะ


    หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 89 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบที่ประเทศอะรูมิร้าย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของผู้อื่น
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    เมื่อวานนี้ พี่ตุ่นได้มารับพระสมเด็จจากผม จำนวน 30 องค์เรียบร้อยแล้ว พี่ตุ่นแจ้งว่า จะนำไปมอบให้กับท่านที่ร่วมทำบุญ ในกระทู้วัดท่าขนุนมีโครงการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ๓๐ องค์ทำบุญสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ องค์ละ 200,000 บาท ที่หลวงพี่หน่อย (เป็นลูกศิษย์หลวงพี่เล็ก วัดท่าขนุน) รับมาเป็นเจ้าภาพ 3 องค์

    ส่วนรายละเอียดพี่ตุ่นจะมาแจ้งให้ทราบในกระทู้ วัดท่าขนุนมีโครงการสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ๓๐ องค์

    http://palungjit.org/showthread.php?t=158393

    และอาจจะมาแจ้งในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... ด้วย

    โมทนากับพี่ปกรณ์และพี่สมพรด้วยนะครับ

    ส่วนที่ผมต้องนำชื่อพี่ปกรณ์และพี่สมพรมาแจ้งนั้น เนื่องจากว่า พี่ใหญ่สั่งมา ผมจะได้ไม่ต้องติดหนี้กับพี่ปกรณ์และพี่สมพรครับ

    หากพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ,ชาวคณะวังหน้า และทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... จะทำบุญชำระหนี้สงฆ์ ขอเชิญร่วมทำบุญกันครับ

    โมทนาสาธุครับ

    หมายเหตุ ตัวอักษรที่ขีดเส้นใต้มานั้น เป็นลิงค์ด้วยนะครับ
     
  15. ตั้งจิต

    ตั้งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,574
    ค่าพลัง:
    +5,485
    โมทนาบุญด้วยครับ
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า กระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... ผ่านเวลามานาน ตอนนี้มีการคลิ๊กเข้ามาในกระทู้พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้..... มากกว่า 600,000 คลิ๊กแล้วครับ

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR vAlign=bottom><TD>[​IMG]</TD><TD></TD><TD width="100%">PaLungJit.com > พลังจิต > พระเครื่อง - วัตถุมงคล </TD></TR><TR><TD class=navbar style="FONT-SIZE: 10pt; PADDING-TOP: 1px" colSpan=3>[​IMG]พระเครื่องทั่วไป
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 123123.JPG
      123123.JPG
      ขนาดไฟล์:
      166 KB
      เปิดดู:
      34
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  18. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
     
  19. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    555555 ของคนพิเศษก็อย่างนี้อ่ะครับ (โม้เลย) ผมว่าอันตรายที่สุดน่าจากระทบต่อสุขภาพจิตพี่แมวเหมียว ชัวร์อ่ะครับ หุ หุ
     
  20. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ต้องทำให้ชินครับนี่แค่เบื้องต้น ต่อไปจาบังเอิญมากๆจนชินไปเองครับ หุ หุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...