คู่มือรักษาโรคด้วย "พลังจักรวาล"

ในห้อง 'ลงประกาศ ซื้อ-ขาย หรือทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย Little yoda, 5 ตุลาคม 2007.

  1. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    ช่วงนี้เจ้าของกระทู้ติดงานจนหนึบหนับ ท่านใดสนใจเรียนวิชาพลังจักรวาลคอยตามข่าวในกระทู้นี้ได้ครับ ไม่นานเกินรอนะจ๊ะ
    Master%20_Death%20Notice_%20aug16_07.jpg

    Master.jpg
     
  2. ha801

    ha801 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +928
    พลังจักรวาล ทางออกสำหรรับปัญหาสุขภาพ

    นำหนังสือมาให้อ่านกัน
    หนังสือดีๆจากศูนย์(พลังจักรวาล)
    ;aa13​


    ถ้าสนใจหนังสือเล่นนี้ติดต่อทางศูนย์เองเลยนะครับ 02-3993060-2


    ปล.กรุณาอย่านำไปพิมพ์จำหน่าย ทั้งนี้ใช้เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจ เท่านั้น
    ;aa24​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Ue.jpg
      Ue.jpg
      ขนาดไฟล์:
      292.3 KB
      เปิดดู:
      683
    • Ue 001.jpg
      Ue 001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      198.8 KB
      เปิดดู:
      837
    • Ue 002.jpg
      Ue 002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      324.9 KB
      เปิดดู:
      740
    • Ue 003.jpg
      Ue 003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      351 KB
      เปิดดู:
      748
    • Ue 004.jpg
      Ue 004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      316 KB
      เปิดดู:
      647
    • Ue 005.jpg
      Ue 005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      353.9 KB
      เปิดดู:
      584
    • Ue 006.jpg
      Ue 006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      382.3 KB
      เปิดดู:
      563
    • Ue 007.jpg
      Ue 007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      312.4 KB
      เปิดดู:
      509
    • Ue 008.jpg
      Ue 008.jpg
      ขนาดไฟล์:
      331.9 KB
      เปิดดู:
      583
    • Ue 009.jpg
      Ue 009.jpg
      ขนาดไฟล์:
      362.5 KB
      เปิดดู:
      486
    • Ue 010.jpg
      Ue 010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      377.5 KB
      เปิดดู:
      514
    • Ue 011.jpg
      Ue 011.jpg
      ขนาดไฟล์:
      275.2 KB
      เปิดดู:
      565
    • Ue 012.jpg
      Ue 012.jpg
      ขนาดไฟล์:
      362.5 KB
      เปิดดู:
      495
    • Ue 013.jpg
      Ue 013.jpg
      ขนาดไฟล์:
      294.1 KB
      เปิดดู:
      616
    • Ue 014.jpg
      Ue 014.jpg
      ขนาดไฟล์:
      197.5 KB
      เปิดดู:
      652
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2008
  3. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ขอบคุณอาจารย์สามเหลี่ยมมากครับที่นำข่าวดีมาแจ้งให้ทราบ
    ใครที่ยังไม่ได้เปิดจักระ ก็เตรียมตัวกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ นะครับ
    คาดว่าคงอีกไม่นานเกินรอ หากพลาดโอกาสนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกเมื่อไหร่
     
  4. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ขอบคุณ คุณha801 ครับที่นำสาระความรู้ดีๆ มาฝาก
    ขนมาเยอะๆ เลยยิ่งดีครับ คิดว่ามีคนมารออ่านกันหลายคนthaxx
     
  5. ha801

    ha801 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +928
    ปัญหาอยู่่ที่เครื่องสแกน มันเล็ก
    อิอิ
     
  6. ปิ่นเมือง

    ปิ่นเมือง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +61
    เปิดจักระคืออะไร ช่วยอธิบายหน่อยได่ไหมครับ - -
     
  7. ha801

    ha801 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +928
    การเปิดจักระ คือ การเปิดจุดในร่างกาย เพื่อรับพลัง พลังที่รับนี้จะช่วยเรื่องสุขภาพในร่างกาย และช่วยเหลือในด้านจิตวิญญาณ;aa13
     
  8. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25


    เคยไปเรียนพลังจักรวาลมา

    ปราบผีในสาย “พลังจักรวาล” (เป็นเรื่องเล่าจากประสบการณ์)

    เมื่อต้นปี พ.ศ. 2538 ผมได้ไปเรียน พลังจักรวาลที่ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นรุ่นที่ 2 มีผู้สมัครเรียน 600 คนเศษ ในระดับ 1-2 สอนโดย อาจารย์ทิวา ดุมเม่อร์ ไม่คิดค่าเรียน เรียนฟรี แต่ขอบริจาคในวันสุดท้ายเป็นค่าน้ำค่าไฟคนละ 500.- บาท เมื่อจบระดับ 2 แล้ว ผมก็ไปเรียนระดับ 3 ที่กรุงเทพฯ เรียนกับอาจารย์เดวิด ท่านเป็นพระชาวเวียตนาม พูดภาษาไทยไม่แข็งแรงต้องมีล่ามแปล จำชื่อวัดไม่ได้อยู่แถว ๆ เลยปิ่นเกล้าไปไม่ไกล เรียน 2 วันคิดค่าเรียน 1,500.- บาท ซึ่งถ้าติดต่อเรียนกับ อ.ทิวา ในระดับ 3-4 เขาคิด 5,000.- บาท แล้วก็ต้องลงมาเรียนที่กรุงเทพฯ เหมือนกัน การเรียนระดับ 3 นั้นมันก็เหมือนเรียนระดับ 1-2 ที่เชียงใหม่ แต่เขาเพิ่มวิธีการ “ไล่พลังแฝง” พูดง่าย ๆ ก็คือ ไล่ ”ผี” นั้นเอง ซึ่งในระดับ 1-2 ที่เชียงใหม่นั้น มีลูกศิษย์มากกว่า 50 คนที่ อ.ทิวา ไล่ผีออก

    เข้าเรียนวันที่ 10 ส.ค. 2545 วันที่ 11 ตอนบ่ายก็มีการสาธิต วิธีการขับไล่พลังแฝง นักเรียนรุ่นนี้มี 99 คน พอผมได้ยินพระผู้เป็นล่ามบอกว่า ต่อไปจะเป็นการสาธิตวิธีการขับไล่พลังแฝง ผมก็รีบออกไปยืนหน้าชั้นเรียน พอเขาพูดว่าใครจะสมัครเป็นคนที่จะต้องถูกไล่พลังแฝง ผมก็เดินเข้าไปนั่งทันที อาจารย์เดวิด ก็เข้ามาจับ จักกระ 7 และ 5 ท่านพูดภาษาไทยสำเนียงเวียตนามว่า “นาสิรา นาราดา เลอร์มินด๋าง ขอให้มารับวิญญานนี้ไปผุดไปเกิด ไป๊” พูด 3 ครั้ง แล้ว อ.เดวิด ก็บอกว่า ไปแล้ว ผมก็บอกอาจารย์เดวิดว่ายังไม่ไป ท่านก็ยังเถียงผมว่าไปแล้ว ผมก็เลยเชิญเทพลงประทับร่างทันที ผมชี้หน้าว่าให้อาจารย์เดวิดเป็นภาษาเทพ อาจารย์เดวิดยืนหน้าซีด ท่านคงคิดว่าผีเข้าผม พระที่เป็นล่าม เขาก็เข้ามากระซิบที่ข้างหูผมว่า โยม ที่นี่เป็นสถานที่เรียนพลังจักรวาลนะ ผมก็เลยหยุดพูดภาษาเทพ

    ในขณะที่ผมพูดภาษาเทพอยู่นั้น นักเรียนทั้งหมดลุกขึ้นมาล้อมผมเป็นวงกลม เพราะยังไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน มีนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาบอกผมว่า พี ๆ พี่อยากรู้ไหมว่า เทพที่มาประทับร่างพี่นั้นคือใคร ? ท่านคือองค์พระศิวะ แล้วมีอีกคนหนึ่งมาถามผมว่า พี่อยากรู้ไม๊ว่าท่านพูดอะไร หนูจะแปลให้ฟัง พี่ฟังให้ดีนะ ถ้าหนูบอกพี่แล้วหนูจะจำไม่ได้หนูจะลืมหมดทันที ท่านบอกว่าท่านเป็นพระศิวะ ท่านต้องการที่จะมาช่วยเหลือมนุษย์ ทำไมจึงได้มากีดกันกันนักหนา

    นักเรียนรุ่นแรกที่จัดการในการเรียนรุ่นนี้ เขาบอกกับผมว่า อาจารย์ให้อยู่ก่อน เย็นนี้เขาจะไล่พลังแฝงนี้ออกให้ ผมบอกพูดออกไปว่า “คุณไล่ชาตินี้ไปถึงชาติหน้า” คุณก็ไล่องค์ผมไม่ได้ พวกเขาก็ไปปรึกษากันประมาณเกือบชั่วโมง แล้วมาบอกผมว่า อาจารย์ไม่ไล่แล้ว เลิกเรียนนี้ให้ไปรับประกาศนียบัตร แล้วกลับบ้านได้

    ถ้าอาจารย์เดวิด ซึ่งเวลานั้นท่านอยู่ในระดับ 5 ถ้าท่านรู้จริงเกี่ยวกับเรื่อง เทพ-พรหม ท่านก็จะไม่ไล่องค์บารมีประจำสังขารผมเป็นแน่ การที่ไม่รู้จริง เมื่อมาเจอกับของจริง ก็ทำให้ อาจารย์เดวิด เสียหน้าในท่ามกลางบรรดาลูกศิษย์เกือบหนึ่งร้อยคน จากเชียงใหม่ไปเรียนกัน 3 คน

    พอกลับไปเชียงใหม่ ผมก็ไปช่วยรุ่น ๑ ที่เขาจบระดับ ๔ รักษาที่วัดเจดีย์หลวง พวกรุ่น ๑ นี้เป็นพวกที่ฉลาดมาก คนป่วยคนใดที่มีผีเกาะมา เขาจะส่งไปให้ผมรักษา วัน ๆ หนึ่งนั้นผมรักษาคนป่วยมากกว่ารุ่น ๑ เสียอีก แต่ใช้พลังจักรวาลมันหายไม่ทันใจ ผมก็เลยเอาวิชา “สายสัญญา” มาประยุกต์รักษาคนป่วย สายสัญญานั้นไล่ผีโดยเหล็กจาร ซึ่งในสมัยโบราณนั้นเขาใช้เหล็กจารเขียนในคำภีใบลาน แต่สายสัญญานั้นเอามาเขียนจารบนหนังมนุษย์ บางคนที่ถูกผมเขียนมันก็ร้องลั่น ที่ร้องก็เพราะผีมันเจ็บ พวกรุ่น ๑ เขาก็มายืนดูผมรักษา เขาไปฟ้องประธานรุ่น ๑ ซึ่งเป็นนายพล ว่าผมใช้วิชาไสยาศาสตร์ ซึ่งท่านนายพลบอกว่า ถ้าคุณเอาวิชาอื่นมาใช้ด้วย จะเป็นการเสียศักดิ์ศรีของพลังจักรวาล พูดง่าย ๆ ก็คือไล่ผมออก ผมก็เรียนท่านว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปผมจะไม่มาช่วยรักษาคนแล้ว เพราะว่าผมนอนอยู่บ้านก็สะบายดี แต่เสือกมาเองเพราะอยากเรียนรู้นั่นแหละ จากวันนั้นถึงวันนี้ พวกพลังจักรวาลรุ่น ๑ ห้าร้อยคน เหลือไม่กี่คน พวกที่รุมเล่นงานผมนั้น ส่วนมากป่วย ไม่มารักษาคนแล้ว

    อยากรู้เรื่องพลังจักรวาล พิมพ์ Google แล้วพิมพ์ “พลังจักรวาล” คุณก็จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังจักรวาล ซึ่งประธานรุ่นมีนามว่า พลเอกเกษม นภาสวัสดิ์

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2008
  9. ืnokyam

    ืnokyam Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +25


    สารบัญ
    ๑. วัตถุประสงค์ของร่างคู่มือ ๒
    ๒. การรักษาด้วยพลังจักรวาล ๓
    - คำนำ ๓
    - ความเป็นมา ๔
    - การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล คืออะไร ๕
    ๓. กฎเกณฑ์การรักษาด้วยพลังจักรวาล ๖
    ๔. ข้อห้าม ๖
    ๕. ข้อควรระวัง ๗
    ๖. โรคที่รักษาไม่ได้ ๗
    ๗. แผนภูมิของจักระ ๘
    ๘. ระบบจักระ ๙
    - จักระ ๗ ๙
    - จักระ ๖ ๑๑
    - จักระ ๕ ๑๑
    - จักระ ๔ ๑๑
    - จักระ ๓ ๑๑
    - จักระ ๒ ๑๒
    - จักระ ๑ ๑๓
    - จักระผสม ๑๓
    ๙. การรักษาโดยไม่สัมผัสจักระ ๑๕
    ๑๐. ยาประกอบการรักษา คัดเลือกจากฉบับคู่มือ ๑๗
    ๑๑. การรักษาอัมพาต ๑๗


    วัตถุประสงค์

    คู่มือฉบับนี้คัดลอกข้อความจากคู่มือและหลักสูตรวิชาพลังไฟฟ้าสากล ของท่านอาจารย์ เลือง มินห์ ด๋าง ดาสิรา นาราดา (LUONG MINH DANG DASIRA NARADA) ให้สำหรับผู้ที่เข้ารับการฝึกอบรมในวิชานี้ เพื่อสืบทอดเจตนารมณ์ในการนำเอาวิชาพลังไฟฟ้าสากลจักรวาลมาปฏิบัติในการดูแลสุขภาพให้กับตัวเอง ครอบครัว และสังคม

    การรักษาด้วยพลังจักรวาล

    คำนำ

    ในขณะที่พวกเราส่วนใหญ่มีความเจ็บปวดเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่ในขณะเดียวกันในทางตรงกันข้ามนั้นอาจจะเป็นกลไกที่ทำให้มนุษย์ต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดเนื่องจากน้อยคนนักที่เกิดมาจะไม่พบกับความเจ็บปวด บางครั้งก่อนที่เราจะได้รับบาดเจ็บ จะมีสัญญาณเตือนภัย ในขณะที่ความเจ็บปวดทำให้เราตระหนักว่ามีสิ่งผิดปรกติที่ต้องการรักษาทางแพทย์ ซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ บางครั้งหรือไม่ก็บ่อยครั้งมีข้อเสียที่กลบเกลื่อนข้อดี บางครั้งสัญชาติญาณการเตือนภัยก็อาจเตือนอย่างไม่ถูกต้อง ไม่ตรงหรือเกินกว่าเหตุที่เป็นความเจ็บปวดเหล่านั้น ทำให้เราทำอะไรไม่ได้โดยไม่จำเป็น มีหลายโรคเช่นกันที่ไม่มีอาการเจ็บปวดแต่เป็นเรื่องที่น่ารำคาญซะมากกว่า เช่น โรคนอนไม่หลับ พลังจักรวาลจะใช้รักษาความเจ็บปวดและโรคที่รำคาญเหล่านี้ได้
    ทุกวันนี้ ทุกคนอาจจะได้ยินเรื่องของพลังจักรวาล และในเวลาที่ผ่านมาพวกเราอาจคิดว่าเป็นเรื่องลึกลับซับซ้อน เป็นเรื่องการรักษาโรคแบบตะวันตก แต่เนื่องเพราะอาจารย์ เลือง มินห์ ด๋าง ดาสิรา นาราดา (LUONG MINH DANG DASIRA NARADA) นี่เองที่ทำให้เรารู้จักพลังจักรวาลได้ดีขึ้น
    ผลงานการวิจัยหลายชิ้นได้ลงความเห็นว่า พลังจักรวาลใช้รักษาโรคและอาการต่างๆหลายอย่าง แม้หูหนวกและโรคที่ไม่แสดงอาการความเจ็บปวดออกมา
    ในสหรัฐอเมริกาและมั่วโลก หญิงชายจำนวนพันคนจากพื้นเพที่ต่างๆ รวมทั้งแพทย์ หมอฝังเข็ม นักวิจัย วิศวกร ได้รับการอบรมที่จะช่วยบรรเทาและรักษาโรคให้แก่คนในครอบครัว เพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงาน โดยเพียงแต่เขาเหล่านั้นได้รับการเปิดจุดในร่างกาย จักระ คือ


    จุดในร่างกายที่ควบคุมระบบต่างๆ ทุกๆคนสามารถจะเรียนรู้ที่จะบรรเทาอาการเจ็บป่วยของตนเอง บุตร เพื่อนฝูง และรู้จักระได้โดยวิธีเดียวกัน
    เรากำลังพูดถึงวิธีการธรรมดา ซึ่งให้พลังจักรวาลซึ่งมีประสิทธิภาพเท่ากับการให้ยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด เช่น ปวดหลัง หวัด ปวดศีรษะ และโรคอื่นๆความเป็นมา
    วิธีการดั้งเดิมของการใช้พลังจักรวาล คือการใช้พลังของมนุษย์และจักรวาลผสมกับความร้อนแห่งการกำเนิดโลกศาสตร์โบราณที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ มีกำเนิดไปถึงอินเดียและจีน แต่ท่านดาสิรา นาราดา อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้กับพวกเรา ท่านเป็นชาวศรีลังกา เกิดเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๓๙ และมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๖๗
    อาจารย์ผู้สืบทอดวิชาต่อมา ได้เดินทางไปประเทศเวียดนาม และเลือกท่าน เลือง มินห์ ด๋าง ดาสิรา นาราดา (LUONG MINH DANG DASIRA NARADA) ให้เป็นผู้สืบทอดพลังจักรวาลเป็นคนที่ ๓ และท่าน เลือง มินห์ ด๋าง ดาสิรา นาราดา (LUONG MINH DANG DASIRA NARADA) ก็เป็นผู้รับผิดชอบที่จะให้วิชานี้มีการสืบทอดต่อไป
    เรื่องราวของการค้นหาของท่าน ดาสิรา นาราดา ที่ ๒ ได้ถ่ายทอดให้ท่าน ดาสิรา นาราดา ที่ ๓ ดังต่อไปนี้
    - การรักษาโดยพลังจักรวาลเป็นวงจรแห่งความเป็นอยู่ของมนุษย์
    - เป็นการเตือนสติ จากจิตสำนึกภายในตนเอง
    - เป็นการเปิดทางแห่งปัญญา
    มีหลายคนแน่ใจว่า วิชานี้มีต้นกำเนิดและมาเจริญในประเทศเวียดนาม เป็นวิชาที่มาจากต่างดาว แต่จริงๆแล้วเราสามารถจะสืบสาวไปถึงการที่อาจารย์เลือง มินห์ ด๋าง ดาสิรา นาราดา (LUONG MINH DANG DASIRA NARADA) ได้ทำการรักษาผู้คนในยุโรป และนำเรื่องนี้มาเป็นที่รู้จักแก่ชาวตะวันตก ซึ่งสำหรับพวกเขาแล้ว ก็นับเป็นวิชาที่แปลกมาก
    ในตัวของมนุษย์แต่ละคนจะมี ๗ จุดใหญ่ที่สามารถรับพลังจักรวาลได้ จุดเหล่านี้เรียกว่า
     
  10. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ส่งใปแล้วครับผมเมื่อวาน
    คิดว่าน่าจะถึงภายใน 1 - 2 วันครับ
    ขอบคุณครับ
     
  11. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453

    ข่าวการเปลี่ยนแปลงจากการอบรมวันที่ 22-23 พ.ย.
    • ขณะนี้พระอาจารย์ได้ปิดเท้าสฟิงซ์แล้ว การหมุนกับเท้าขวาของสฟิงซ์ไม่สามารถทำได้แล้ว
    • การเจาะรูแบบใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเส้นแรงแม่เหล็กออก เมื่อนั่งทำสมาธิในแถบแกนสามารถถูด้วยเส้นแถบแกนพีระมิดและหมุนกับแถบแกนพีระมิดได้เช่นเดิมเพื่อขับเส้นแรงแม่เหล็กและของเสียออกจากร่างกาย
     
  12. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    อาหารเสริมพลังงาน
    โดย คุณจีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ - 19 พ.ย. 51


    <!-- /editable --><!-- /wrapper --><!-- /header -->
    กระบวนการผลิตอาหารด้วยศักยภาพของพลังจิตและพลังพีระมิดที่สามารถอัดพลังกระแสลมปราณและพลังมโนธาตุแทรกลงไปในโมเลกุลของอาหาร
    จากหนังสือ "ทางรอด" วิถีแห่งสุขภาพองค์รวมของคลื่นพลังงานบำบัด ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ธาตุทั้ง 6 ได้แก่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศธาตุ(กระแสลมปราณ) และวิญญาณธาตุ(ธาตุรู้,มโนธาตุ) ต่างมีความสำคัญต่อมนุษย์ทุกคนอย่างยิ่งยวดและนับเป็นเวลามากกว่า 3 ปีแล้วที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ใช้พลังพีระมิดดึงพลังกระแสลมปราณและพลังมโนธาตุ จากชั้นบรรยากาศระดับสูงลงมาสู่โมเลกุลของน้ำ (เลือดและน้ำเหลืองภายในร่างกาย) เพื่อยกดันอากาศเสียที่มีความหนาแน่นมากกว่าให้ลอยสูงขึ้น ทำให้เกิดช่องว่างภายในห้องพัก บ้าน รวมทั้งภายในร่างกาย แล้วจึงค่อยเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้นด้วยพลังงานที่ดีบริสุทธิ์ เช่นพลังกระแสลมปราณและพลังมโนธาตุ(ธาตุรู้) ซึ่งเป็นพลังงานสำคัญที่สามารถช่วยทำให้ภูมิต้านทานร่างกายและจิตใจสูงขึ้น หากแต่ว่าภาวะวิกฤติของธรรมชาติกลับทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น องค์ความรู้ฯ จึงต้องมีการพัฒนาการต่อไป เพื่อค้นหาวิธีที่จะเป็น"ทางรอด" ของการดำรงชีวิตอยู่อย่างปลอดภัยและมีคุณภาพ ด้วยญานทัสนะ ซึ่งเป็นความรู้ที่ได้มาจากการใช้แรงสืบต่อของสันตติ เข้าไปศึกษาการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ สลาย ของบรรดาสรรพสัตว์สิ่งทั้งหลาย จึงเป็นเหตุให้ "อาหารเสริมพลังงาน" ถูกค้นพบ นับเป็นสิ่งคิดค้นใหม่ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ อีกครั้ง โดยใช้หลักการที่เหมือนกันกับการใช้สร้อยพีระมิด, กระป๋องยกอากาศ, เตียงพีระมิด, น้ำดื่มพลังพีระมิด, เครื่องลดมลภาวะ ฯลฯ ดังปรากฏให้เห็นเป็นอุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิดหลากหลายชนิด แต่เนื่องจากสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของมนุษย์มิได้มีเพียงแค่อากาศและน้ำเท่านั้น ยังมีอาหารบริโภคที่นับว่าเป็นสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มนุษย์จะขาดไม่ได้เลยอีกเช่นกัน
    ในครั้งนี้พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ใช้พลังพีระมิดดึงกระแสลมปราณและพลังมโนธาตุจากชั้นบรรยากาศแทรกลงไปในโมเลกุลของอาหาร เหมือนกับที่เคยดึงพลังงานบริสุทธิ์ทั้งสองอย่างนี้ แทรกลงไปในโมเลกุลของน้ำมาครั้งหนึ่งแล้ว จึงเกิดเป็น "อาหารเสริมพลังงาน" ที่นอกจากจะให้พลังงานและคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าแล้ว ยังอาจช่วยลดปริมาณการบริโภคอาหารแต่ละชนิดลงได้บ้างเนื่องจาก "อาหารเสริมพลังงาน" เพียงจำนวนเล็กน้อย สามารถให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน
    อาหารเสริมพลังงานเป็นอาหารมังสวิรัติ มีด้วยกันหลายชนิด จะเลือกผลิตเฉพาะอาหาร,สมุนไพรบางชนิดที่มีคุณสมบัติดีเลิศเท่านั้น การรับ "อาหารเสริมพลังงาน" เข้าสู่ร่างกาย มีความแตกต่างไปจากการบริโภคอาหารทั่วไปที่มีโครงสร้างจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ อยู่บ้างซึ่งอาหารเหล่านั้นต้องอาศัยการรับประทานมื้อละมากๆโดยผ่านกระบวนการเคี้ยว,ย่อยของกระเพาะอาหาร ลำไส้ และแทรกซึมเข้าสู่เซลล์ไปตามลำดับ หากแต่ "อาหารเสริมพลังงาน" จะเป็นวัตถุดิบที่ได้คัดสรรและผ่านกระบวนการผลิตด้วยพลังพีระมิด นานประมาณ 3-4 ชั่วโมง โมเลกุลของอาหารผักสมุนไพรจึงอัดแน่นเต็มไปด้วยพลังกระแสลมปราณและพลังมโนธาตุ เปลี่ยนสภาพจากอาหารธรรมดามาเป็นอาหารเสริมพลังงาน ผู้บริโภคเพียงหยิบโมเลกุลอาหารชิ้นเล็กเล็กๆ วางลงบนลิ้น อมไว้ในปากโดยไม่ต้องเคี้ยว หรือกลืนอาหารเสริมพลังงานชนิดแคปซูลเพียง 1 แคปซูลกับน้ำดื่ม ภายใน1-2 นาที อาหารเสริมพลังงานจะค่อยๆ ละลายหรือแตกตัว ปล่อยพลังงานที่สะสมไว้ แทรกซึมเข้าสู่นิวเคลียสศูนย์กลางเซลล์ทันที ทำหน้าที่ซ่อมแซม ฟื้นฟู บำบัดรักษาอย่างรวดเร็ว จากส่วนที่อยู่ลึกที่สุดภายใน ออกมายังขอบนอกของเซลล์ จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับมนุษย์ทุกคน ทุกวัย แม้กระทั่งเด็กเล็ก โดยเฉพาะผู้ป่วยหนักที่ไม่สามารถเคี้ยวอาหารได้ (เพียงแต่เปิดแคปซูลอาหารเสริม เทออก ละลายกับน้ำ และกลืน) จึงนับว่าเป็นความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะบรรยายได้ สมกับเป็น"ทางรอด" ที่เลือกได้อีกทางเลือกหนึ่งของมวลมนุษย์อย่างแท้จริง
    อาหารเสริมพลังงานของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มที่ใช้เป็นอาหาร ได้แก่ สาหร่าย พลูคาว มะรุม ฯลฯ ซึ่งบรรจุเป็นแคปซูล และกลุ่มสมุนไพร ได้แก่ รากคำฮ้อย กำลังช้างเผือก ฯลฯ ผลิตเป็นแผ่นสำหรับอม
     
  13. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    กลุ่มอาหารเสริมพลังงาน
    คัดเลือกมาจากกลุ่มของผักหรือพืชพื้นบ้านหลายๆ ชนิด และได้นำมาผ่านกระบวนการผลิตอาหารเสริมพลังมโนธาตุเพียง 3 ชนิด คือ สาหร่าย พลูคาว มะรุม ด้วยสรรพคุณที่ให้สารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ ครอบคลุมความเจ็บป่วยแทบทุกอาการ เช่น กลุ่มทางเดินหายใจ (ภูมิแพ้ หืด หอบ ฯลฯ) กลุ่มความเสื่อมถอยของเซลล์ก่อนวัยอันควร ซึ่งมีสาเหตุมาจากสารอนุมูลอิสระ (ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ มะเร็ง ไขข้ออักเสบ ต้อกระจก ตับ ไต ทางเดินอาหาร ลำไส้) กลุ่มถนอมผิวพรรณ ฯลฯ ซึ่งผู้ป่วยผู้สนใจควรศึกษาข้อมูลที่ให้โดยละเอียด เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดูแลสุขภาพตามวิถีแห่งองค์รวมของคลื่นพลังงานบำบัด
    สาหร่าย "เจ้าแห่งธาตุดิน จอมพลังฝ่ายบูรณาการ"
    สาหร่ายที่นำมาผ่านกระบวนการผลิต โดยใช้พลังพีระมิดเพื่อเปลี่ยนโมเลกุลจากอาหารธรรมดาเป็นอาหารเสริมพลังมโนธาตุตามองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณนั้น ใช้ สาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศไทย และในทั่วทุกส่วนของโลก เช่น ญี่ปุ่น จีน ฟิลิปปินส์ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี
    สาเหตุจากความเสื่อมสลายของสภาพสิ่งแวดล้อม ความหนาแน่นของพลังงานแม่เหล็กโลก การสั่งสมของสารอนุมูลอิสระ ฯลฯ ทำให้เซลล์ในร่างกายมนุษย์ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ใช้ "จิต" คิดค้นเพื่อหาวิธีที่จะนำมาต่อสู้ แก้ไขเซลล์ที่ถูกทำลาย เซลล์ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายจัดเป็นธาตุดิน เมื่อธาตุดินเสื่อมจำเป็นต้องหาวิธีบำรุงธาตุดินอย่างถูกต้อง จึงจะสามารถช่วยชีวิตมนุษย์ไว้ได้ สาหร่ายเป็นอาหารธาตุดินที่มีต้นทุนคุณค่าทางโภชนาการที่ดีเด่นมาก เพียงแต่นำมาอัดพลังมโนธาตุเสริมเพื่อให้คุณสมบัติของสาหร่ายเพิ่มมากขึ้นเป็นพันเท่า เพื่อหวังผลในการซ่อมแซม ฟื้นฟู บำบัดรักษาเข้าลึกถึงนิวเคลียสศูนย์กลางของเซลล์ที่เสื่อมถอยหรือผิดปกติ (มะเร็ง) ให้คืนกลับเป็ฯเซลล์ที่ปกติ สมบูรณ์แข็งแรงได้อย่างรวดเร็วทันที เปรียบได้ดั่งเป็นเซลล์ตั้งต้น (Stem cell) ที่มาจากพืช สมดังฉายาที่ผู้เขียนตั้งให้ว่า "เจ้าแห่งธาตุดิน จอมพลังฝ่ายบูรณาการ"
    สาหร่ายให้คุณค่าทางโภชนาการมากเกินกว่าจะนำมาเขียนไว้ทั้งหมด (กรุณาค้นคว้าจากแหล่งความรู้อื่นๆ เพิ่มเติม) จึงขอนำมาเป็นข้อมูลเฉพาะสิ่งที่เด่น และจำเป็นต่อสุขภาพ โดยเฉพาะโรคที่เกิดมาจากความเสื่อมถอยของเซลล์ก่อนวัยอันควร ได้แก่ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หัวใจ มะเร็ง ไขข้ออักเสบ ฯลฯ
    1. เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ (อาจจะมากกว่าถั่วเหลือง แต่ราคาแพงกว่า) ให้โปรตีนบริสุทธิ์จากพืชในปริมาณที่สูงกว่า เนื้อ ไข่ ร่างกายต้องใช้โปรตีนเพื่อซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์และอวัยวะที่กำลังเสื่อมถอยหรือถูกทำลาย
    2. ให้วิตามินหลายอย่าง ทั้ง B1, B2, B3, B6, B12, E โดยเฉพาะวิตามิน B6 และแมกนีเซียมจากคลอโรฟิลล์ของสาหร่าย จะทำหน้าที่ช่วยสร้างความสมดุลให้แก่ตับอ่อน จนสามารถผลิตอินซูลินได้ ทำให้น้ำตาลในเลือดและปัสสาวะลดลง เป็นการแก้ไขเบาหวานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้นคลอโรฟิลล์ของสาหร่ายยังช่วยให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหาร-ลำไส้ ช่วยให้บาดแผลแห้งเร็วและฟื้นฟูเซลล์ได้เร็วขึ้น จึงเป็นการรักษาแผลเป็น,ริ้วรอย
    3. ให้เบตา แคโรทีน (Beta carotene) มากที่สุดในกลุ่มพืชอาหารด้วยกัน มากกว่าในแครอทเกือบ 25 เท่า และร่างกายจะเปลี่ยนเบตา แคโรทีน เป็นวิตามิน A เพื่อลดความเป็นพิษหรือสลายอนุมูลอิสระ ให้ผลดีต่อกระบวนการแอนตี้ออกซิเดชั่น (Anti-oxidation) ได้มากกว่าเบตา แคโรทีนที่ได้มาจากการสังเคราะห์ จึงสามารถต้านมะเร็งได้
    4. ไฟโคไซยานิน (Phycocyanin) เป็นโปรตีนสีน้ำเงินที่มีอยู่มากในสาหร่าย เป็นสารช่วยกระตุ้นภูมิต้านทานร่างกายให้สูงขึ้น จึงช่วยแก้ไขอาการเสื่อมถอยของเซลล์ได้อย่างยิ่งยวด
    5. อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นธาตุสำคัญต่อการสร้างเม็ดเลือดแดงและภูมิต้านทานร่างกาย จึงช่วยแก้ไขโรคโลหิตจาง, มะเร็งเม็ดเลือด อย่างได้ผล
    6. ให้กรดอะมิโนที่สมดุลต่อการกระตุ้นการทำงานของระบบสมองและระบบประสาท เพื่อให้เกิดทั้งการตื่นตัวและผ่อนคลาย
    7. ให้กรดไขมันแกมมาไลโนเลนิค (Gamma Linolenic Acid) ช่วยลดคอเลสเตอรอล ส่งผลดีต่อหัวใจและภาวะเส้นเลือดตีบได้อย่างวิเศษมากกว่ากรดไขมันแกมมาไลโนเลนิคที่มีอยู่ในน้ำมันพืชเป็นหลายเท่า
    8. อุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและกลัยโคเจน (Glycogen) ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานให้กับกล้ามเนื้อ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
    จะเห็นได้ว่าสาหร่ายเป็นพืชอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน เพื่อหวังผลในการบำรุง ฟื้นฟู ป้องกันและบำบัดรักษาร่างกายตามแนวทางสุขภาพทางเลือกของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ที่ส่งเสริมการรับประทานอาหารเป็นยา
     
  14. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    พลูคาว หรือ ผักคาวตอง "ราชินีแห่งธาตุน้ำ ควบคุมการทำงานของเลือดและน้ำเหลือง"
    เป็นผักพื้นบ้านของประเทศแถบอินโดจีน ทวีปเอเชีย เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น อินเดีย เนปาล และไทย ฯลฯ จัดเป็นพืชล้มลุก มีอายุอยู่ได้หลายปี ให้ประโยชน์ได้ทั้ง ใบ ลำต้น ราก มีกลิ่นคล้ายคาวปลา ใบมีลักษณะคล้ายรูปหัวใจ
    ผักพลูคาว หรือคาวตอง เป็นผักพื้นบ้านของภาคเหนือ ไม่ค่อยแพร่หลายเป็นที่รู้จักในภาคกลางมากเท่าไรนัก สามารถปลูกได้ดีในทุกสภาพพื้นที่ พันธุ์ที่นำมาใช้ผลิตเป็นอาหารเสริมพลังมโนธาตุจะเป็นพันธุ์ "ก้านแดง" จึงจะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายและต้านไวรัสได้ จากการใช้"จิต"คิดค้นวิธีของการบำบัดรักษาแบบองค์รวม ตามแนวทางของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ จำเป็นต้องเสริมทั้งธาตุดินและธาตุน้ำควบคู่กันไป เพราะการเสื่อมถอยของธาตุดินหรืออวัยวะทั่วทุกส่วนของร่างกาย ย่อมหมายความว่า ความผิดปกติเหล่านั้นได้เกิดขึ้นกับธาตุน้ำซึ่งอาศัยอยู่ในธาตุดินด้วยเช่นกัน การฟื้นฟู บำบัดรักษาจะส่งผลได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ร่างกายต้องมีพลังงานที่สมดุล สอดคล้องกัน ดังนั้นองค์ความรู้ฯ จึงได้พลูคาวมาเป็น "ราชินีแห่งธาตุน้ำ ควบคุมการทำงานของเลือดและน้ำเหลือง" เคียงคู่ไปกับการเสริมธาตุดินด้วยสาหร่าย
    ประโยชน์ที่สำคัญ
    1. ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้สูงขึ้น ช่วยเสริมการทำงานของเม็ดเลือดขาว ช่วยต้านเนื้องอก รวมทั้งช่วยขับพิษที่จะเป็นสารก่อมะเร็งออกจากร่างกาย ซึ่งหมายถึงสามารถต้านสารอนุมูลอิสระได้
    2. ช่วยต้านและทำลายเซลล์มะเร็ง เช่น มะเร็งปอด, รังไข่, สมอง, ลำไส้ใหญ่, ปากกมดลูก, เต้านม, ทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจ
    3. ให้สารธรรมชาติที่ช่วยต้านเชื้อไวรัส เช่น เริม, งูสวัส, เอดส์
    4. ช่วยขับประจำเดือน เพื่อการไหลเวียนของเลือด รักษากามโรค และช่วยทำให้น้ำเหลืองแห้ง
    5. ลดอาการอักเสบของ ฝี, ปอด, หลอดลม, ไอ, บิด, ริดสีดวงทวาร ต้านเชื้อราและแบคทีเรียได้หลายชนิด
    6. มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ ทำให้หลอดเลือดขยายตัว ช่วยขับปัสสาวะ
    7. ลดไข้ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร ความดันโลหิตสูง
    8. ช่วยในการถนอมรักษาผิวพรรณ แก้ไขฝ้า กระ ช่วยให้ใบหน้าผ่องใส คืนความเปล่งปลั่งสมบูรณ์ให้แก่ร่างกาย
     
  15. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    มะรุม "เจ้าชายสิบทิศ"
    มะรุมเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง โตเร็ว มีถิ่นกำเนิดในอินเดียใต้ หรือศรีลังกา ปลูกได้ดีทั่วๆไปในเขตอากาศร้อน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ แม้แต่บนคาบสมุทรอาหรับ ทวีปแอฟริกา สามารถทนต่อความแห้งแล้งและดินเลวได้ดีมาก ในประเทศไทยนิยมปลูกทั่วทุกภาค สำหรับภาคอีสานปลูกกันแทบทุกครัวเรือน เป็นพืชที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ทั้งดอก ฝัก ใบ ราก เมล็ด น้ำมันจากเมล็ด (เมล็ดแห้งนำมาคั่วสุก กินเหมือนถั่วลิสงคั่ว, น้ำมันจากเมล็ดนำมาใช้กินเป็นอาหาร สกัดเป็นน้ำมันหอมและใช้ในเครื่องสำอางค์) นับว่าเป็นต้นไม้สารพัดประโยชน์ คือเป็นผักที่ดีทั้งรศชาดและให้คุณค่าทางอาหารและสมุนไพรอย่างครบถ้วน ให้สารอาหารที่สามารถช่วยกำจัดอนุมูลอิสระได้อย่างยิ่งยวด ส่วนของมะรุมที่ชาวไทยคุ้นเคยนำมาปรุงเป็นอาหารมากที่สุดคือ ผล ที่เรียกว่า "ฝักอ่อน" ซึ่งนิยมนำมาทำแกงส้ม ยอดอ่อนและช่อดอกนำมาลวกหรือดองจิ้มน้ำพริก
    สำหรับองค์ความรู้ของพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ บอกไว้ว่า มะรุมช่วยควบคุมการทำงานของเซลล์ประสาททั่วร่างกาย โดยเฉพาะสมองและนัยตา จึงสัมพันธ์กับความมีอยู่และการทำงานของธาตุดินและธาตุน้ำอย่างไม่ต้องสงสัย "ใบมะรุม"คือส่วนที่นำมาทำเป็นอาหารเสริมพลังมโนธาตุ
    ประโยชน์ที่สำคัญ
    1. กรดแคฟฟิโอลิลควินิก (Lutein, Caffeoylquinic Acids) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ดูแลจอประสาทตา ตับ หัวใจ และหลอดเลือด ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์หรือมีฤทธิ์ช่วยชะลอความแก่ก่อนวัย นอกจากนั้นมะรุมยังให้สารอีกหลายชนิด มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ, ต้านแบคทีเรีย, ต้านการเกิดมะเร็ง
    2. ใบมะรุม นับว่าเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูงที่สุดอย่างหนึ่งทีเดียว ให้โปรตีนสูงถึง 26% ให้ปริมาณของแคโรทีนสูง ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ในภายหลัง ให้วิตามิน C อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและแคลเซียม
    3. ช่วยลดความดันโลหิต แก้ปวดตามไขข้อ อาการชาตามประสาทมือ-เท้า
    4. เส้นใย (Fiber) ช่วยการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ลำไส้ ช่วยในการระบายขับถ่าย
    5. มีฤทธิ์ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอล
    มะรุม ทำหน้าที่เปรียบเสมือนทหารกล้าป้องกันระแวดระวังทั่วอาณาเขตของร่างกาย ไม่ให้เกิดโรคภัยมาเบียดเบียน มีฤทธิ์รอบตัวเหมาะกับฉายา "เจ้าชายสิบทิศ" เสียเหลือเกิน ทั้งสาหร่าย พลูคาว มะรุม ต่างให้ประโยชน์ที่สำคัญเหมือนกันคือ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยชะลอการเสื่อมถอยและการทำลายเซลล์
    ท่านสามารถรับประทานอาหารเสริมพลังงานที่บรรจุเป็นแคปซูลได้สองวิธี คือ โดยการเคี้ยวแคปซูลแล้วดื่มน้ำตาม หรือโดยการกลืนแคปซูลกับน้ำ (ผู้ป่วยหนักใช้วิธีเปิดแคปซูล เทใส่แก้ว ละลายน้ำและดื่มลงลำคอ) แคปซูลอาหารจะแตกตัวและพร้อมที่จะทำหน้าที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ทันทีภายใน 1-2 นาที
    สาหร่าย พลูคาว มะรุม เป็นอาหารเสริมพลังมโนธาตุ ให้ประโยชน์ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นวิธีบำบัดรักษาลึกลงไปถึงนิวเคลียสศูนย์กลางของเซลล์ ซึ่งมีมโนธาตุเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ จึงทำให้หวังผลในการฟื้นฟูเซลล์ได้จริง และจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนภายใน 10 วัน
    ท่านรับประทานสาหร่าย พลูคาว มะรุม วันละ 2-3 ครั้ง อย่างละ 1 แคปซูลเท่านั้น รับประทานได้ไม่จำกัดเวลา เพียงแต่ทิ้งระยะห่างของแต่ละครั้งให้ได้ 3 ชั่วโมง หากรับประทานก่อนนอนพลังมโนธาตุในอาหารแคปซูลจะช่วยทำให้นอนหลับสบาย และถ้ารับประทานก่อนมื้ออาหารจะช่วยให้ความอยากรับประทานอาหารลดน้อยลง
    หากท่านเป็นผู้ป่วยหนัก เช่น มะเร็ง ควรต้องใช้ทั้ง สาหร่าย พลูคาว มะรุม (รวมทั้งการฝึกจิตด้วยวิธี "ถู" และ "หมุน")
    หากท่านไม่ต้องการเป็นมะเร็ง เนื่องจากเซลล์ เลือด น้ำเหลือง มีอาหารผิดปกติเพราะร่างกายขาดสารต้านอนุมูลอิสระ ท่านยิ่งจำเป็นต้องรับประทานให้ครบทั้ง สาหร่าย พลูคาว มะรุม เพราะการป้องกันย่อมทำได้ง่ายกว่าการบำบัดรักษา
     
  16. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    กลุ่มสมุนไพรเสริมพลังงานช่วยรักษาโรค
    1. รากคำฮ้อย ช่วยดูดสารพิษ ลดการอักเสบของเซลล์ทั่วร่างกายและช่วยให้หายใจได้สะดวก
    2. หอมแป้น (กุ้ยช่าย) ช่วยกระตุ้นฟื้นฟูการทำงานของเซลล์ประสาททั่วร่างกาย โดยฉพาะสมองและสายตา ช่วยแก้ไขอัมพฤกษ์อัมพาต และยังช่วยให้หายใจได้สะดวก
    3. กำลังช้างเผือก ให้ทานเพียงวันละ 1-2 ครั้งเฉพาะช่วงเวลาเช้าถึงกลางวันเท่านั้น ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิต จึงมีผลดีต่อการทำงานของหัวใจ, ควบคุมความดันโลหิต และช่วยแก้ไขอาการอัมพฤกษ์อัมพาต
    ระหว่างการใช้อุปกรณ์ประกอบพลังพีระมิด, ดื่มน้ำพลังพีระมิด, รับประทานอาหารเสริมพลังงาน ร่างกายจะขับของเสีย ฯลฯ เพิ่มมากขึ้น ตามความบกพร่องที่มี "โปรดอย่ากลัวและหยุดใช้พลังพีระมิด" ให้ใช้ต่อไปตามปกติ เพราะทางเลือกของสุขภาพโดยใช้พลังงานบำบัด มีหลักการที่สำคัญคือ ระบายของเสียออกจากร่างกายก่อนเพื่อให้เกิดช่องว่าง แล้วจึงค่อยเติมเต็มช่องว่างเหล่านั้นด้วยพลังงานที่ดี จึงสามารถคืนความเป็นปกติ สมบูรณ์แข็งแรงได้อย่างถาวรตลอดไป
    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมพลังงานสูตรพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณทุกชนิด มีวางไว้ให้ลูกศิษย์ทำบุญนำไปใช้เฉพาะในงานอบรมที่จัดขึ้น ณ. สวนบูรณะรักษ์ธรรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และ ณ. อาคาร KU Home ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ เท่านั้น ไม่มีวางจำหน่าย หรือการโฆษณาขายทาง internet แต่อย่างใดทั้งสิ้น
    สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่ คุณอินทิรา จิวาลักษณ์ 084 671-9877
    นอกจากอาหารเสริมพลังงานแล้ว สถาบันนวัตกรรมสุขภาพก้าวหน้า ยังมีผลิตภัณฑ์ Be-V อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำ M1900

    ที่มา http://santati2007.googlepages.com/food
     
  17. spetasen

    spetasen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +84
    จองด้วยค่ะ

    ขอจองทั้ง 2 เล่มค่ะ ( 1 ชุด )
    spetasen@yahoo.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2008
  18. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    วันนี้ (4 ธ.ค.) เมื่อเวลา 17.15 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ยังศาลาดุสิดาลัย ภายในพระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2551

    เมื่อ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินเข้ามาเพื่อประทับยังพระเก้าอี้ นายณรงค์ฤทธิ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายที่ประทับ กราบบังคมทูลถวายรายงาน พร้อมทั้งเบิกนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนประชาชนทุกหมู่เหล่า เข้าถวายพระพรชัยมงคล

    นายณรงค์ฤทธิ์ กราบบังคมทูลว่า ด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใต้ฝ่าละอองพระบาทเสด็จฯ ออกแทนพระองค์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในวโรกาสนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาตเบิกคณะบุคคล ซึ่งประกอบด้วย ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และผู้แทนมูลนิธิ สมาคม สโมสร องค์กรต่างๆ รวม 785 คณะ จำนวน 22,285 คน เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาทเนื่องในอภิลักขิตสมัย เฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเวียนมาบรรจบครบรอบปีอีกวาระหนึ่ง

    ในวโรกาสนี้ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี จะกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล ในนามผู้ที่เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ข้าพเจ้าค่าขอรับด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม

    จากนั้น นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามของคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท

    “ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในการที่จะให้ข้าราชการและประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ถวายพระพร

    ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝ่าละอองพระบาท เนื่องในอภิลักขิตมหามงคลสมัย คล้ายวันพระบรมราชสมภพ เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง ในวันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2551 นี้ ข้าพระพุทธเจ้า นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ต่างมีความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองพระบาทมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญฉัตรแก้วร่มเกล้าของปวงพสกนิกรไทย

    ใต้ฝ่าละอองพระบาท เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ นับแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อพุทธศักราช 2489 เป็นต้นมา ตราบจนปัจจุบันเป็นเวลายาวนานถึง 62 ปี เป็นที่ประจักษ์ ว่า ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงยึดมั่นอยู่ในทศพิธราชธรรม สมดังพระปฐมบรมราชโองการ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม

    พระราชกรณียกิจทั้งปวง ล้วนมุ่งสกัดทุกข์ ผดุงสุขแก่พสกนิกร และก่อให้เกิดการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน

    ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงพระกรุณาทุ่มเทอุทิศกำลังพระวรกาย กำลังพระปัญญา และกำลังพระราชทรัพย์ สร้างสรรค์ความอยู่ดีมีสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ทรงขจัดปัดเป่าทุกข์ภัย ทั้งภัยธรรมชาติ ภัยความยากจน โรคาพยาธิภัย ตลอดจนภัยทางสังคมและเศรษฐกิจ ได้พระราชทานแนวทางการแก้ปัญหาด้วยพระบรมราโชบายที่ลึกล้ำ และบูรณาการอย่างเป็นระบบ ทรงวิเคราะห์ปัญหาอย่างถ่องแท้ จึงทรงสามารถขจัดปัดเป่า คลี่คลายปัญหานั้นได้อย่างเหมาะสมทุกประการ

    โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากกว่า 3,000 โครงการ ล้วนผ่านการวิเคราะห์ วิจัย และทดลอง เพื่อให้ได้ผลเป็นข้อยุติ ก่อนพระราชทานให้ประชาชนนำไปใช้เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ เป็นต้นว่า แนวทางทฤษฎีใหม่ด้านเกษตรกรรม และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

    ใต้ฝ่าละอองพระบาท เป็นพระมหากษัตริย์นักพัฒนา ทรงพระปรีชาสามารถ ทั้งด้านศาสตร์และศิลป์ โดยเฉพาะด้านการเกษตร ทรงเชี่ยวชาญในการแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน แหล่งน้ำ พันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ทรงพระกรุณาพระราชทานแนวทางในการจัดระบบชลประทาน การสร้างฝาย อ่างเก็บน้ำ เขื่อน การทำฝนหลวง และแก้มลิง ปัญหาเรื่องน้ำได้รับการบูรณาการแก้ไขอย่างเป็นระบบ ทั้งปัญหาการขาดแคลนน้ำ และปัญหาน้ำหลาก น้ำท่วม

    ใต้ฝ่าละอองพระบาท ได้พระราชทานแนวทางการแก้ปัญหาจราจรของกรุงเทพมหานคร พระราชทานพระราชดำริให้สร้างเส้นทางคมนาคมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เป็นคุณูปการแก่ราษฎร ในด้านเศรษฐกิจและสังคม ทรงสนพระราชหฤทัยในการอนุรักษ์และฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมของชาติ เช่น โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ฟื้นฟูพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทรงพัฒนาการศึกษา โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดระบบการสอนทางไกลผ่านดาวเทียม เพื่อกระจายโอกาสให้การศึกษาแก่เยาวชนให้ทุกท้องถิ่น พระราชทานโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และอื่นๆ อีกนานัปการ

    พระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรอันงดงาม เป็นที่ประจักษ์แซ่ซ้องไปทั่วสากล องค์การต่างๆ ได้เทิดพระเกียรติคุณ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลเป็นจำนวนมาก เช่น องค์การสหประชาชาติ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัลความสำเร็จสูงสุดในฐานะนักพัฒนามนุษย์ ล่าสุด องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายรางวัล Global Leader Award เป็นพระองค์แรก ในฐานะที่ทรงใช้ทรัพย์สินทางปัญญาในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกร และพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และสหพันธ์สมาคมนักประดิษฐ์ระหว่างประเทศ ได้มีมติให้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสิทธิบัตรกังหันน้ำชัยพัฒนา ที่ทรงคิดค้นประดิษฐ์ขึ้นเพื่อบำบัดน้ำเสีย และขจัดปัญหาด้านสภาวะแวดล้อม เป็นวันนักประดิษฐ์โลก

    อาณาประชาราษฎร์ล้วนสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ และต่างมีความจงรักภักดี จักถวายชีพเพื่อปกป้องรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้ยั่งยืน มั่นคงตราบกาลนิรันดร์

    เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ศกนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัย และสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล เดชะพระสยามเทวาธิราชและพระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ โปรดอภิบาลประทานพรแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงพระเกษมสำราญ พระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพาธ อุปัทวันตราย หมู่ปัจจามิตรพ่ายพระบรมเดชานุภาพ ทรงสถิตเป็นร่มฉัตรปกเกล้าปกกระหม่อมพสกนิกรไทย เป็นหลักชัยอันมั่นคงของสยามประเทศ ตราบนิรันดร์กาล เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”

    จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระดำรัสตอบ ความว่า

    “วันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าพเจ้า และสมเด็จพระเทพฯ ปฏิบัติหน้าที่แทนพระองค์ในการที่จะรับท่านทั้งหลายในวโรกาสที่เข้าถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ในปีนี้

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสให้ขอบใจในพรอันบริสุทธิ์ที่ได้ถวายมาด้วยความจงรักภักดี ทรงปลาบปลื้ม และทรงขอสนองพรทุกท่านที่ได้มีถวายมาอย่างจริงใจ ในการนี้ ได้ทรงขอให้บอกทุกท่าน และพระราชทานพรให้ทุกคนมีความสุข มีความเจริญ มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังปัญญา ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อประเทศชาติและประชาชน ก็ขอให้ท่านมีความสุขความเจริญ และก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ดีงาม ทั้งในด้านส่วนรวมและส่วนตัว

    ในโอกาสนี้ ที่ไม่เสด็จฯ ลง เพราะว่าทรงมีอาการประชวรเล็กน้อย ซึ่งก็ได้จะโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพฯ ซึ่งได้ขึ้นเฝ้าฯ ได้อธิบายให้ท่านฟังถึงอาการประชวรในเบื้องต้น

    แต่สุดท้ายนี้ก็ ในพระปรมาภิไธยก็ขออัญเชิญพระราชกระแสขอบใจและสนองไมตรี สนองพรทุกท่านที่ได้มาถวายพระพรในวันนี้ ก็ขอให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญ สมปรารถนาทุกประการ”

    จากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระดำรัส ความว่า

    “เมื่อวานนี้ไปเฝ้าฯ ก็ยังไม่เป็นไร แล้วก็ไปร่วมตั้งเครื่องถวายพระกระยาหาร ก็ยังเสวยได้ดี แต่พอดีมาถึงวันนี้ ได้ทรงมีพระอาการเป็นช่องพระศอ คือ ทั้งหลอดลม หลอดอาหาร อักเสบ ทำให้เสวยเครื่องไม่ค่อยได้ เขาก็เลยถวายเป็นน้ำเกลือแล้วก็ยา ส่วนทางด้านหลอด เขาเรียกหลอดลมนะ เขามีเสมหะออกมามาก ก็ทำให้ท่านรู้สึกทรงไม่ทรงพระสำราญ แล้วก็ทำให้อ่อนเพลีย แต่ว่าไม่มีไข้ ก็คิดว่าจะให้บรรทมพักไปสักพักเท่าไรจนกระทั่งมีพละกำลัง ค่อยออกมาพบท่าน หรือทำอะไรได้ เพราะคิดว่าถ้าตอนนี้ คิดว่า อยากจะทรงพักดีกว่า แล้วก็เรื่องรายละเอียดจะเป็นยังไงนี่ เข้าใจว่า ประเดี๋ยวทางแพทย์เขาคงพูดด้วยภาษาที่ถูกต้องอีกที แต่ว่านี่ก็ว่าเท่าที่เห็น คือ แต่ท่านก็ดูแล้วพระอาการไม่ได้หนักมาก แต่ว่าดูเหมือนจะอ่อนเพลียที่จะลุก เพราะว่าเสวยไม่ได้เต็มที่ แล้วก็เสมหะออก แล้วติดอยู่ คือ มีเสมหะแต่ติดอยู่ ก็ไม่ค่อยจะออก แล้วก็ถวายน้ำเกลือเนี่ย เพื่อที่จะล้างให้ ถ้าได้น้ำไม่พอเนี่ย เหมือนเวลาเขาให้คนที่มีเสมหะเขาให้ดื่มน้ำมากๆ แต่ทีนี้ถ้าดื่มไม่ดีก็ถวายน้ำเกลือ ตอนนี้ดูจะออกลงมาก แต่ว่า เหมือนกับว่าถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่จะให้เฝ้าฯ แล้ว ก็จะให้เสมหะออก แล้วก็ออกมาดี ก็ยังไม่ทัน ก็เลยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมฯ มารับพรและขอบใจทุกๆ ท่านแทน”

    หลังจากนั้น วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จฯ กลับ

    ที่มา : www.manager.co.th


    เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุครบ 81 พรรษา เช้าวันนี้ (5 ธ.ค.) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง นายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานนำข้าราชการ นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อค้าและประชาชนทุกหมู่เหล่า ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 282 รูป เพื่อถวายเป็นกระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงออกถึงความจงรักภักดี

    เวลา 19.29 น. วันนี้ พสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศร่วมกันจุดเทียนชัยถวายพระพร 2 ล้านเล่ม พร้อมพิธีที่ท้องสนามหลวง โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กล่าวนำถวายพระพรชัยมงคล ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และ เพลงสดุดีมหาราชา

    ที่มา : www.thairath.co.th

    **********************************************
    ขอเชิญทุกท่านร่วมกันอธิษฐานจิตส่งพลังให้พระองค์
    มีสุขภาพ พลานามัยแข็งแรง สมบูรณ์ ทั้งพระทัยและพระวรกาย
    อยู่เป็นมิ่งขวัญ ร่มโพธิ์ร่มไทร ของปวงชนชาวไทยตราบนานเท่านาน
    ในเวลา 19.29 เป็นต้นไปใช้เวลาประมาณ 10-30 นาที
    **********************************************
     
  19. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    [​IMG]

    น้ำพลังพีระมิด
    ที่มา: หนังสือ "ทางรอด" โดย คุณจีรพันธุ์ ประศาสน์วุฒิ


    <!-- /editable --><!-- /wrapper --><!-- /header -->
    น้ำพลังพีระมิดมีด้วยกัน 2 ชนิดคือ
    1.น้ำพลังปราณ
    2.น้ำพลังมโนธาตุ
    ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งกรรมวิธีของการจัดรูปพลังพีระมิดและคุณประโยชน์ (น้ำพลังพีระมิด เป็นองค์ความรู้ที่คิดค้นขึ้นก่อนเครื่องยกอากาศและเตียงสุขภาพ)
    เครื่องทำน้ำพลังพีระมิด
    [​IMG]

    น้ำพลังปราณ
    น้ำพลังปราณใช้ตัวย่อ "P" ซึ่งย่อมาจาก Prana หรือ ปราณ เป็นน้ำบริสุทธิ์ไม่มีสารใดๆเจือปน หากแต่น้ำสะอาดนั้นได้เปลี่ยนโมเลกุลและคลื่นพลังงานตามจำนวนรอบที่น้ำไหลหมุนเวียนผ่านพลังของพีระมิด ซึ่งทำหน้าที่ดึงดูดพลังกระแสลมปราณ ซึ่งเป็นธาตุละเอียดจากอากาศแทรกลงไปในโมเลกุลของน้ำ
    น้ำพลังปราณแบ่งออกเป็นหลายชนิด จัดแบ่งตามความแตกต่างของจำนวนรอบที่น้ำไหลหมุนเวียนผ่านพลังของพีระมิด และให้ประโยชน์อย่างละเอียดต่อเซลล์แตกต่างกันไปบ้าง แต่ถ้ากล่าวโดยรวมแล้ว น้ำพลังปราณทุกชนิดจะช่วยขับสารพิษจากยา, สารตกค้างจากมลพิษ หรือสารปนเปื้อนจากอาหาร, สารเคมี ฯลฯ ออกจากร่างกายตามกระบวนการดีทอกซ์ และช่วยซ่อมแซมฟื้นฟูเซลล์ให้สมบูรณ์แข็งแรง

    การจัดความเข้มข้นของน้ำพลังปราณ
    P = พลังปราณปกติ
    P1 = เพิ่มพลังปราณ 1 รอบ
    P3 = เพิ่มพลังปราณ 3 รอบ
    P7 = เพิ่มพลังปราณ 7 รอบ
    P10 = เพิ่มพลังปราณ 10 รอบ
    P1900 = เพิ่มพลังปราณสูงสุดจนไม่สามารถนับจำนวนรอบได้

    หัวใจของการใช้คลื่นพลังงานบำบัด คือทำอย่างไรให้เชื้อโรค เช่น ไวรัส แบคทีเรีย หมดความสามารถในการพัฒนาปรับตัวเองให้ทันกับความเข้มข้นของคลื่นพลังของน้ำ ไม่มีโอกาสที่จะโจมตีร่างกายได้อีกต่อไป การดื่มน้ำพลังปราณจัดว่าเป็นการบำบัดด้วยคลื่นพลังงานที่บำบัดรักษาจากภายนอกเข้าไปหาภายใน ดังนั้นทั้งผู้ป่วยและคนปกติจึงต้องรู้หลักการของการใช้น้ำพลังปราณให้ชัดเจน จึงจะได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ น้ำพลังปราณสามารถนำเข้าสู่ร่างกายได้ 3 วิธีคือ โดยการดื่ม การอาบ และฉีดพ่นสเปรย์เฉพาะส่วน
     
  20. Little yoda

    Little yoda เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +2,453
    ขั้นตอนการใช้น้ำพลังปราณ
    น้ำพลังปราณที่นำมาใช้ดื่มในชีวิตประจำวันมีด้วยกัน 4 ชนิดคือ P10 P7 P3 และ P1900
    ในเบื้องต้นให้ทำความทเข้าใจก่อนว่า ทุกคนสามารถดื่มน้ำพลังปราณได้มากเท่ากับความต้องการน้ำของร่างกายในแต่ละวัน อย่างเช่นบางคนรับน้ำเข้าสู่ร่างกายวันละ 1 ลิตร บางคน 1.5 ลิตร ก็ให้ดื่มน้ำตามปริมาณนั้นๆ ไม่ให้ดื่มมากเกินความต้องการของร่างกาย เพราะจะทำให้ไตทำงานหนักมากเกินไป ทั้งผู้ป่วยทุกโรค ทุกอาการ และคนปกติ ให้ใช้หลักของการดื่มน้ำพลังปราณเหมือนกันตามลำดับดังนี้
    1. P10ให้ทุกคนเริ่มต้นด้วยการดื่ม P10 ซึ่งมีอานุภาพช่วยขับสารพิษ สารตกค้าง เลือด น้ำเหลืองที่เสีย ออกจากเซลล์ เป็นการทำความสะอาดขอบนอกของเซลล์ เปรียบเสมือนการชำระล้างทำความสะอาดแผล ในขณะที่พลังของน้ำ P10 กำลังดีท็อกซ์ ผู้ดื่มอาจมีเสมหะ มีอาการตัวร้อนเป็นไข้ มีอาการคล้ายร้อนใน ออกเม็ดผดผื่นตามผิวหนัง ขับปัสสาวะ อุจจาระบ่อยขึ้น (แต่ไม่มีอาการปวดมวนท้องเหมือนอาการท้องเสีย) ให้ดื่ม P10 ประมาณ 3 สัปดาห์ - 1 เดือน
    สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง จะรู้สึกว่ามีความเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม ขอให้มีความอดทนให้มาก ของเสียที่เกิดจากการอักเสบของเซลล์จะถูกขับออกมาได้ทุกทวาร เช่น เสมหะ น้ำลาย (ปนเลือด) หาว เรอ ปัสสาวะ อุจจาระบ่อยขึ้นและมีเลือดเสียปนออกมา ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรับเคมีบำบัดอยู่ ไม่แนะนำให้ดื่ม P10 เพราะไม่เกิดประโยชน์กับผู้ป่วย สำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการทรุดหนักอาจจะรับพลังปราณจาก p10 ไม่ไหว แนะนำให้ดื่ม P3 เป็นอันดับแรก เพื่อช่วยลดอาการอักเสบของเซลล์ก่อน เมื่อเซลล์อักเสบน้อยลงแล้ว จึงค่อยมาเริ่มต้นดื่ม P10 ใหม่ และให้ดื่ม P10 ประมาณ 10-14 วัน
    ผู้ดื่ม P10 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างชัดเจน ใบหน้าผิวพรรณจะแลดูผ่องใสขึ้น
    2. P7 ดื่ม P7 ซึ่งมีอานุภาพช่วยกระตุ้นการทำงานของนิวเคลียสและฟื้นฟูเซลล์ทั่วร่างกาย ปฏิกิริยาต่อเนื่องจากพลังของน้ำ P7 จะช่วยขับสารพิษสารตกค้างออกมาได้บ้าง ร่างกายจึงยังคงมีเสมหะ น้ำลาย ฯลฯ ผู้ดื่มอาจจะรู้สึกว่านอนหลับได้ไม่สนิท ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้ว คุณนอนหลับได้เป็นปกติ แต่เซลล์มีการกระเพื่อมสั่นสะเทือนเพื่อฟื้นฟูและขับของเสียออกจากร่างกาย ตลอดระยะการดื่มน้ำ P7 ผู้ดื่มจะมีไข้ ปวด เจ็บ ฯลฯ ในส่วนที่บกพร่องคล้ายคลึงกับการดื่ม P10 ให้ดื่ม P7 ประมาณ 3 สัปดาห์ - 1 เดือน
    สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เมื่อดื่มน้ำ P7 ผู้ป่วยจะมีความเจ็บปวดเพิ่มมากขึ้น แต่ครั้งนี้มีความเจ็บปวดเพราะเซลล์กำลังได้รับการฟื้นฟู (ไม่ได้เกิดจากการอักเสบของเซลล์) จนอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าหลับได้ไม่สนิท ให้ดื่ม P7 ประมาณ 10-14 วัน
    3. P3 ดื่ม P3 ซึ่งมีอานุภาพช่วยคลายเส้นเอ็น บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามข้อกระดูกลึกๆ ช่วยลดอาการอักเสบของเซลล์ ปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจ จึงทำให้นอนหลับได้สนิท สภาพจิตใจเป็นปกติ รู้สึกแจ่มใส ร่าเริง นึกคิดและกระทำในสิ่งที่ดี ช่วยแก้ไขมะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิต อัมพฤกษ์ อัมพาต ฯลฯ ให้ดื่ม P3 ประมาณ 3 สัปดาห์ - 1 เดือน
    สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เมื่อดื่ม P3 ไปสักระยะหนึ่งแล้วรู้สึกว่าอาการอักเสบ ความเจ็บปวดได้ลดน้อยลงไปมาก ถ้าหากผู้ป่วยมีเซลล์ถูกทำลายเพียงเล็กน้อย อาจจะมีอาการเกือบเป็นปกติ จิตใจจะแจ่มใส นอนหลับได้สนิทมากขึ้น รู้สึกมีความหวังในชีวิต ให้ดื่ม P3 ประมาณ 10-14 วัน
    เมื่อทุกคนทั้งคนปกติและผู้ป่วยทุกโรค ซึ่งรวมทั้งผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ได้ดื่มน้ำ P10 P7 P3 มาตามลำดับ จะรู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากของหนักที่สะสมอยู่ในร่างกายถูน้ำพลังปราณดันระบายออกจากร่างกายได้บ้างแล้ว ใหผู้ดื่ม ดื่มน้ำแต่ละชนิดสลับกันไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับตั้งแต่ P10 เหมือนครั้งแรก ผู้ดื่มจะรู้และเลือกชนิดของน้ำที่จะดื่มเป็นลำดับต่อไปได้เองตามความต้องการของร่างกาย เช่น ผู้ป่วยมะเร็งอาจวนกลับไปดื่ม P10 P7 P3 อีกหลายๆรอบ หรือผู้ป่วยเอดส์ อัมพฤกษ์ อัมพาต อาจจะย้อนกลับไปดื่ม P7 P3 และ P10 ซึ่งการดื่มน้ำพลังปราณหมุนวนสลับไปมาเช่นนี้ จะทำให้เชื้อโรค เช่น ไวรัส หรือแบคทีเรีย "งง" ปรับตัวได้ไม่ทันกับคลื่นพลังงานน้ำที่เข้าสู่ร่างกายโดยไม่ซ้ำกัน ทำให้เชื้อโรคไม่เกิดอาการดื้อน้ำ และนำมาซึ่งการปราศจากโรคหรือเจ็บป่วยน้อยลงตามลำดับ
    • สำหรับน้ำ P10 และ P7 นอกจากใช้ดื่มแล้วยังนำมาใช้อาบเพื่อช่วยฟื้นฟูเซลล์ได้เร็วยิ่งขึ้น
    • ช่วยแก้ปัญหาอาการคัน ศีรษะล้าน ผมหงอกขาว โดยการใช้น้ำ P10 หรือ P7 ผสมกับแชมพูสระผม,ครีมนวด และราดน้ำ P10 หรือ P7 ลงบนศีรษะที่สระสะอาดแล้วอีกครั้ง
    • น้ำ P10 ใช้แช่และล้างผักเพื่อช่วยขจัดสารพิษ สิ่งปนเปื้อน
    น้ำพลังปราณทุกชนิด เมื่อนำมาต้มให้เดือดหรือแช่ตู้เย็นไม่ทำให้พลังปราณลดน้อยลงไปแต่อย่างใด จึงนำมาใช้ต้มดื่มชงกาแฟ ชา หุงข้าว ฯลฯ ในชีวิตประจำวันได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...