พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โปรดฟังอีกครั้ง...ระวังอาหารอันตราย
    http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110481
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 กันยายน 2551 06:58 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็พูดถึงเรื่องกินอย่างไรไม่ให้อ้วน สัดส่วนเนื้อสัตว์ แป้ง วิตามินจากผักผลไม้ต้องเป็นเท่าไร แต่น้อยนักที่จะพูดถึงความปลอดภัยของอาหารที่ผ่านลำคอไปสู่กระเพาะและลำไส้ก่อนดูดซึมเข้าไปขับเคลื่อนและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย โดยอาจจะคิดถึงแค่ความอร่อยที่ติดปลายลิ้นชั่วครู่ชั่วยาม โดยลืมตระหนักถึงความสะอาด และสิ่งที่ปนเปื้อนมาก่อนจะได้รับการปรุงรสและวางสวยงามในจานเสิร์ฟ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=263 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=263>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>มั่นใจไหมว่าไม่มีบอแรกซ์</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> แน่นอน แม้สถานการณ์ความปลอดภัยของอาหารโดยรวมของไทยจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่า อาหารที่ไม่ปลอดภัยก็ยังคงเป็นปัญหาที่ไม่อาจมองข้ามไปได้

    รศ.ดร.วิสิฐ จะวะสิต ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า ในภาพรวมถือว่าพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ยังจำกัดวงอยู่ในเฉพาะกลุ่มอาหารที่อยู่ในอุตสาหกรรมและอาหารที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งมีการควบคุมสารปนเปื้อนให้อยู่ในระดับที่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย

    แต่สิ่งที่ยังน่าเป็นห่วงสำหรับคนส่วนใหญ่ก็คือ การปนเปื้อนของวัตถุเจือปนในอาหาร การใช้ฮอร์โมนหรือสารเร่งเนื้อแดงในเนื้อสัตว์ที่มีกระจายตัวอยู่ในตลาดสดต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก และคนในสังคมส่วนใหญ่ก็ยังเลือกซื้อของสดจากแหล่งเหล่านี้อยู่

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=350 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=350>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การเลือกซื้อเนื้อหมูมารับประทาน ไม่ควรเลือกเนื้อที่มีสีแดงเกินไป เพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> “ที่เราพบคือมีบางส่วนที่ใส่สิ่งเจือปนเกินกว่ามาตรฐาน สิ่งที่ห้ามขายหรือห้ามใช้ในอุตสาหกรรมอาหารแต่กลับไปเจอในตลาดสด เนื่องเพราะพ่อค้าแม่ค้าไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น เช่น น้ำประสานทองที่พ่อค้าแม่ค้าไปหาซื้อมาผสมในสินค้าที่จำหน่าย ซึ่งแม้ทางการจะมีการกำหนดมาตรฐานเอาไว้ชัดเจน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น คือมีการใส่มากเกินไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากมาก”

    “หรือสารกันบูดที่กฎหมายกำหนดว่าไม่ให้ใส่ ก็พบว่ามีการใส่เยอะมาก พอออกประกาศควบคุมมาตรฐานมาว่าให้ใส่ได้ประมาณ 0-1 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยควบคุมกันว่าให้ใส่ตามมาตรฐานคือประมาณ 0.1 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ได้ผลอีกเพราะยังคงใส่เกินอยู่เหมือนเดิม หรือผงทำไส้กรอก ผงใส่แหนม คนขายก็ไม่รู้ว่าผู้ผลิตใส่อะไรไปบ้าง และคนซื้อเองก็ไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง ก็ซื้อกันไป ซึ่งส่วนนี้ต้องให้ความรู้และสร้างความเข้าใจ”
    รศ.ดร.วิสิฐขยายความ

    คำถามที่ตามมาก็คือ ในเมื่อควบคุมก็แสนยากและคนส่วนใหญ่ก็ยังต้องพึ่งพาตลาดสดอยู่ ทำอย่างไรจึงจะปลอดภัยโดยไม่ต้องเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีแต่ของแช่แข็งเต็มชั้น และราคาก็แพงกว่าของที่ขายในตลาดสด

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=291 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=291>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>การล้างผักที่ถูกต้อง ควรปล่อยให้น้ำไหลผ่านสัก 4-5 น้ำเพื่อความปลอดภัย</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> ผอ.สถาบันวิจัยโภชนาการมีคำตอบให้เป็นทางออกง่ายๆ ว่า ต้องนำความรู้พื้นฐานในการเลือกของสดที่เคยร่ำเรียนกันมาใช้ โดยให้เวลากับการเลือกซื้อสินค้าแต่ละครั้งให้ถี่ถ้วนและใช้เวลานานกว่าเดิม อาจจะถูกแม่ค้าจดจ้องว่าเป็นลูกค้าช่างเลือกแต่เพื่อความปลอดภัยก็ต้องจำยอม

    ทั้งนี้ หลักการง่ายๆ ในการพิจารณาสำหรับเนื้อสดทั้งหลายก็คือ อะไรที่ผิดไป เว่อร์ไปจากที่ควรจะเป็นก็ให้สันนิษฐานว่ามีสารเจือปนไว้ก่อน เช่น เนื้อหมูมีสีแดงเกินไป เนื้อกุ้งโดดเด้ง หรือเนื้อหมูบดที่เด้งดึ๋ง ก็ให้เลี่ยงและมองหาของคุณภาพกลางๆ จะปลอดภัยกว่า

    รศ.ดร.วิสิฐบอกด้วยว่า นอกจากนั้น การมองเพียงแหล่งที่มาหรือสถานที่ขายอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ เพราะใช่ว่าสังเกตจากแหล่งซื้อแล้วจะปลอดภัย ยกตัวอย่างผักปลอดสารพิษที่บางครั้งในห้างสรรพสินค้าโฆษณาและชาร์จราคาสูง แต่ไม่มีใบรับรอง ซึ่งกลุ่มนี้จะมีแหล่งขายไม่กี่ที่และราคาสูง ดังนั้นในฐานะของผู้ที่คลุกคลีกับโภชนาการทุกรูปแบบมาแล้วจึงมีคำแนะนำว่า ผักสดซื้อจากแหล่งที่คิดว่าสด และสะอาดระดับที่ไว้ใจได้ และสำหรับเรื่องปนเปื้อนนั้น การล้างเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

    “หากซื้อผักมาก็ต้องล้าง บางทีอาจจะไม่ใช่ผักปลอดสารหรอก แต่ล้างให้แน่นอนว่าสะอาดระดับหนึ่ง แล้วค่อยๆ รับประทาน แต่ถ้าเรามองว่าต้องไปซื้อผักปลอดสารที่มีใบรับรองบางทีมันก็ไม่ได้ และไม่ได้แพร่หลายไปในจุดต่างๆ แต่เราก็ต้องกินผัก บางทีก็ต้องช่วยตัวเอง ตระหนักและให้เวลากับมัน การเปิดล้างน้ำไหลสัก 4-5 น้ำ ในการล้าง แน่นอนว่าพยาธิไปแน่เพราะดินออกไปหมด แต่สารปนเปื้อนพวกสารเคมีอาจจะออกไปบางส่วน ขั้นตอนต่อไปก็ต้องขึ้นอยู่กับการปรุง นอกจากนี้เนื้อสัตว์ที่ซื้อมาก็ต้องล้างด้วย”

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ปัญหาสารเคมีตกค้างในพืชผักยังคงเป็นสิ่งที่ตรวจพบเจออยู่เสมอๆ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นอกจากนี้ ผู้ประกอบอาหารสำเร็จรูปเองก็ควรตระหนักถึงหลักการนี้ด้วยเช่นกัน ตั้งแต่กระบวนการเลือกเหมาวัตถุดิบจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตลอดจนการเลือกน้ำแข็งแช่ของสดที่ไม่แน่ว่าเนื้อคุณภาพดี ผักสดปลอดสาร แต่น้ำแข็งกลับมีคุณภาพต่ำเพราะมีสารเจือปน

    สำหรับการวัดคุณภาพน้ำแข็งที่สถาบันวิจัยโภชนาการทำวิจัยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) นั้น รศ.ดร.วิสิฐชี้ให้เห็นถึงปัญหาว่า ผู้ผลิตน้ำแข็งเจ้าเก่ายังมีความเชื่อว่าถ้าทำให้เย็นแล้ว เชื้อโรคจะตายไปเอง ดังนั้น จึงใช้น้ำที่คุณภาพต่ำมาผลิตเป็นน้ำแข็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

    “บางคนเชื่อว่าแช่แข็งแล้วเชื้อโรคมันตาย มันไม่ตาย เราก็ต้องเลือก เช่น เปลี่ยนมารับประทานน้ำแข็งหลอดแทน แต่ก็ใช่ว่าจะปลอดภัยทุกแห่ง เพราะโรงงานน้ำแข็งหลอดบางโรงงานก็นำน้ำที่ไม่ได้คุณภาพมาใช้เหมือนกัน ตอนนี้เรากำลังทำคู่มือให้อย.อยู่ว่าสิ่งแรกที่ต้องสอนคนทำน้ำแข็งคือ คุณภาพน้ำ ส่วนผู้บริโภคควรเลือกแหล่งที่มีเลขสาระบบอาหารจากอย.หรือมีฉลากจะปลอดภัย”

    รศ.ดร.วิสิฐ ให้ข้อมูลอีกว่า สารปนเปื้อนที่สถาบันวิจัยโภชนาการเจอนั้นมีทุกอย่างและทุกชนิด มีทั้งจงใจใส่และไม่จงใจใส่ สิ่งที่ไม่จงใจคือยาฆ่าแมลง ที่บางครั้งเกษตรกรใช้ในปริมาณมากและเร่งเก็บเกี่ยวก่อนเวลาทำให้สารพิษยังตกค้าง และที่จงใจใส่ก็จะมีพวกผงทำกรอบ สีเจือปนต่างๆ สารกันบูด ฮอร์โมนที่ใช้ในสัตว์เลี้ยง เป็นต้น

    ดังนั้น เมื่อต้นน้ำมีสารเจือปนย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่ปลายน้ำจะได้รับสารนั้นไปด้วย ฉะนั้นหนทางที่เราจะรับประทานอาหารให้ปลอดภัยที่สุดก็คือการสังเกตและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิกฤตทุนนิยม..เจ้าตำรับ สัญญานเตือนจาก 'เลห์แมน บราเธอร์'
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110053
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2551 09:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> "ปัญหานี้ใหญ่หลวงและน่ากลัวมาก เปรียบเทียบเสมือนยักษ์ที่ตัวใหญ่มีพลังมากมาย แต่เมื่อยักษ์ล้มความใหญ่โตของยักษ์ที่ล้มย่อมส่งผลกระเทือนอย่างสะหนั่นหวั่นไหวแน่นอน "



    เมื่อเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่มีประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นต้นตำรับในการใช้บริหารและพัฒนาประเทศในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และหลายประเทศก็ได้พากันใช้รูปแบบของการพัฒนาเช่นเดียวกับประเทศต้นตำรับ จนทำให้เศรษฐกิจของโลกเป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้งหมด ฉันใดฉันนั้น เมื่อเกิดผลกระทบในด้านที่เสียหายย่อมส่งผลต่อไปถึงโดยทั่วกัน เพราะประเทศด้วยธุรกิจแบบทุนนิยมที่ให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องของการลงทุนและธุรกิจโดยมองความเสี่ยงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามว่าเป็นเพียงเรื่องของความท้าทาย

    จากสถานการณ์บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของสหัรฐอเมริกาได้เกิดภาวะล้มละลายลงอันเนื่องมาจากปัญหาของวิกฤติสินเชื่อสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ ซับไพรม์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐจนเป็นปัญหาลุกลามไปถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย จนทำให้เศรษฐกิจของโลกเกิดการถดถอยลง หลายประเทศที่มีเศรษฐกิจผูกติดอยู่กับสหรัฐอเมริกาต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก เช่นประเทศ**ญี่ปุ่น** รวมถึงหลายประเทศในยุโรป

    โดยปัญหาซัพไพร์มนั้นที่เกิดขึ้นนั้น ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากเมื่อปลายปีที่แล้ว และต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง ผลพวงจากปัญหานี้ได้กัดเซาะธุรกิจและการลงทุนของบรรดาสถาบันการเงินรวมทั้งธนาคารหลายแห่งที่ไปเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้สินเชื่อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย จนล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ ก็ไม่สามารถยืนต้านทานผลกระทบที่รุนแรงนี้ได้ทำให้ บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของประเทศทที่มีอายุยาวนานมากกว่า 100 ปี ต้องล้มละลายลง ตามบริษัทประเภทเดียวกันอย่าง แฟนดี้ เม และเฟดดี้ แมค ที่ล้มละลายลงเช่นกันในช่วงก่อนหน้านี้เพราะปัญหาดังกล่าว

    บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเทศทุกสถาบันพยายามจะออกมาบอกกันก่อนหน้านี้ว่า ปัญหาซับไพรม์ไม่ได้รุนแรงยาวนานมากนัก และเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงระยะปลายปี 2551 ถึง ช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 แต่เมื่อได้เห็นผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว จึงมองกันได้ว่าปัญหานี้ใหญ่หลวงและน่ากลัวมาก เปรียบเทียบเสมือนยักษ์ที่ตัวใหญ่มีพลังมากมาย แต่เมื่อยักษ์ล้มความใหญ่โตของยักษ์ที่ล้มย่อมส่งผลกระเทือนอย่างสะหนั่นหวั่นไหวแน่นอน เพราะไม่เพียงแต่เรื่องหนี้เสียที่เกิดขึ้นกับอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นแต่ยังลุกลามไปถึง สินเชื่อรถยนต์ ที่ประชาชนในประเทศไม่สามารถผ่อนส่งได้ อันเนื่องมาจากราคานํ้ามันที่เพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ปริมาณการใช้รถยนต์ลดลงมาพร้อมๆกับราคานํ้ามันในตลาดโลกด้วย และต่อไปจะส่งผลกระทบไปถึงอีกหลายธุรกิจในประเทศอย่างแน่นอน หากสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ

    ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นที่ทราบกันได้ทันทีว่าภาวะการลงทุนในประเทศมหาอำนาจพญาอินทรีนี้ จะต้องลดหายไปอย่างมากมาย เห็นได้ชัดเจนจากตลาดหุ้นที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง และลามไปถึงตลาดหุ้นในประเทศยุโรปด้วย ขณะเดียวกันอเมริกายังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องของอัตราเงินเฟ้ออย่างรุนแรงจนธนาคารกลางของประเทศ หรือเฟด ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอย่างต่อเนื่อง

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาซัพไพร์มที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงนี้จะทำให้เศรษฐกิขของโลกชะลอตัวลงมา แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในหลายประเทศโดยเฉพาะบรรดาประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่าง จีน อินเดีย เวียดนาม รัสเซีย บราซิล เม็กซิโกซึ่งประเทศเหล่านี้มีอัตราการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเพราะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญเป็นตัวขับเคลื่อน รวมถึงมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาอย่างมากมายทั้งในด้านของธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย รวมทั้งการโทรคมนาคม เพียงแต่ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอย ความร้อนแรงในการลงทุนและการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่เหล่านี้จึงอาจจะลดลงไปบ้างเท่านั้น

    ดังนั้นแล้วในเรื่องของการลงทุนในต่างประเทศนั้น จึงเป็นจังหวะการลงทุนที่ต้องหวังผลตอบแทนในระยะยาว แต่ก็ไม่รู้ได้ว่าจะยาวนานแค่ไหน ขณะที่เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิขของสหรัฐเช่นกัน แต่ไม่ได้รุนแรงมาก เพราะยังได้รับผลดีจากเรื่องของการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศมาช่วยเสริม แต่ปัยจัยทางการเมืองในขณะนี้ทำให้การลงทุนของประเทศอาจลดลงไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศแล้วยังอยู่ในระดับที่ดี และมีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจของประเทศในปีนี่น่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 4.5 - 5%

    นางสาวบุษเรศ หยุ่นนิยม ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)แอสเซท พลัส จำกัดให้ความเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาปัจจัยลบภายในประเทศจากความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาซับไพรม์ที่ยังไม่จบลง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ SET Index ปรับตัวลดลงกว่า 20% นับจากต้นปี

    นอกจากนี้ ข่าวการประกาศล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์ของเลห์แมน บราเธอร์ การเข้าถือหุ้นในเมอร์ริล ลินซ์ ของแบงก์ ออฟ อเมริกา และการขอกู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องของ AIG จะเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นอเมริกา รวมถึงการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการปรับตัวลงของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงนี้เช่นกัน

    “ในส่วนของตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากการได้รับผลกระทบในเชิงจิตวิทยาที่วิตกกังวลต่อกรณีดังกล่าว และการไหลออกของเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้าไปที่อเมริกา อย่างไรก็ตาม สำหรับผลกระทบโดยตรงต่อสถาบันการเงินไทยนั้น คาดว่ามีไม่มากนัก เนื่องจากเลห์แมนไม่มีสาขาในประเทศไทย และในส่วนของการให้สินเชื่อ การลงทุนในพันธบัตรและการทำสัญญาอนุพันธ์ซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าระหว่างธนาคารพาณิชย์กับเลห์แมนมีจำนวนไม่มาก
    โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยว่า ตัวเลข ณ สิ้นเดือน ก.ค. 51 ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 14 แห่งมียอดคงค้างปล่อยสินเชื่อโดยตรงและซื้อพันธบัตร 4,300 ล้านบาท ซึ่งต้องรอดูว่าจะได้รับสิทธิคืนเท่าไร และต้องกันสำรองหนี้เพิ่มจำนวนเท่าไร ในขณะที่ส่วนสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าจำนวน 5,300 ล้านบาท จะมีความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะเพียงส่วนต่างดอกเบี้ยที่ซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิน 100 ล้านบาท” นางสาวบุษเรศ กล่าว

    สำหรับคำแนะนำในการลงทุนช่วงนี้ การปรับตัวลดลงของตลาดมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านต่างประเทศ ซึ่งในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้น และเน้นลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แม้ว่าจะยังมีปัจจัยลบด้านการเมืองอยู่ เนื่องจากดัชนีตลาดในระดับ P/E 8.5 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน โดยควรทยอยเข้าลงทุนในช่วงตลาดอ่อนตัวลง โดยเฉพาะกองทุน LTF และ RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ซึ่งนอกจากการเก็บหุ้นดี ในจังหวะที่ราคาถูกแล้ว ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วย

    สุดท้ายนี้แม้ว่าภาวะรวมเศรษฐกิจ การลงทุนทั่วโลกจะประสบปัญหาจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว แต่การลงทุนไม่มีวันหยุดนิ่ง ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านกล่าวย้ำว่า สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรปฏิบัติเป็นประจำทุกวันนั่นคือการติดตามข่าวสารข้อมูลจากสื่อต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบพิจารณาการลงทุนให้รอบคอบ และมีความระมัดระวังมากที่สุด อย่างไรก็ตามไม่ขอแนะนำว่าต้องเก็บหรือถือเงินสดไว้เพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งความกังวลที่มากมายจนเกินไป อาจเป็นสิ่งปิดหนทางที่นำมาสู่ความเสร็จจากการลงทุนก็เป็นไปได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมเอง กำลัง(ว่าจะ แต่ยังไม่ได้เขียนซักกะที) เขียนเรื่องของกองทุนรวมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน RMF , LTF หรือกองทุนประเภทอื่นๆ ที่ต้องแนะนะกัน

    การลงทุนเกี่ยวกับตลาดหุ้น ในแบบของคุณเพชร หรือคุณnongnooo ผมเองยังไม่มีความรู้มากพอในการเขียน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไป

    หรือเรื่องของ การประกันชีวิต และทองคำ ก็เป็นเรื่องของการออมและการลงทุนอีกประเภทนึง

    ที่ผมเคยบอกไว้ว่า เมื่อท่านเกษียณอายุงาน(โดยทั่วๆไปก็อายุ 60 ปี) ท่านต้องการทำอะไรในช่วงนั้นบ้าง และในปัจจุบันท่านจะทำอย่างไรให้ตัวท่านเองมีเงินเพื่อทำให้มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตดี ที่นอกเหนือจากการนั่งส่องพระพิมพ์หรือวัตถุมงคล ในการร่วมก๊วนคนแก่ และการปฎิบัติธรรมครับ

    .
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder id=post1504861 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">16-09-2008, 05:57 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #21221 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    <TABLE class=tborder id=post1499870 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">15-9-2551, 08:36 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#21151 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ในวันที่นัดพบกัน ผมจะนำไม้ครูไปด้วย เผื่อท่านใดที่ไม่เคยเห็น ก็จะได้ชม และท่านใดที่ไม่เคยขอพระบารมีองค์หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร จะได้ขอพระบารมีกัน

    ผมจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกพุทธเจ้า ไปถวายพระอาจารย์นิล เพื่อบรรจุในพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ขอเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน ไปร่วมกันถวายโดยพร้อมเพรียงกันด้วยครับ

    และผมจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมเด็จพระพุทธสิกขีที่ 1 (สมเด็จองค์ปฐม) ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามพระกุกุธสันโธ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ,พระนามพระโกนาคมนะ ,พระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ไปให้ทุกๆท่านได้สักการะบูชาและชมพระบารมีกัน ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ผมจะอัญเชิญไปมอบให้กับทุกๆท่านด้วยครับ

    การที่คนเราจะมีบารมีสูงสุดนั้น ต้องเกิดจากการปฎิบัติตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม ที่พระองค์ท่านได้มีพระเมตตาสั่งสอนสัตว์โลกทั้งหลาย เพื่อความหลุดพ้น และมีความตั้งใจที่จะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อโปรดผู้คนทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์ต่างๆ ความตั้งใจนั้น เป็นการสร้างบุญ ,สร้างบารมีจนบารมีเต็มครับ

    ---------------------------------

    ผู้ปฎิบัติธรรมเป็นผู้มีบุญสูงสุด
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    เว็บลานธรรมจักร
    โพสโดย p.somchai - ตอบเมื่อ: 23 มกราคม 2008, 2:28 pm

    ผู้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง แต่ผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา คือปฏิบัติให้จริงตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเป็นผู้มีบุญสูงสุด

    พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ประเสริฐสุด ไม่มีที่เปรียบได้ เพราะพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะพาไปให้รู้จักพลังพิเศษ คือความคิดที่สามารถทำลายความทุกข์ได้ ตั้งแต่ทุกข์น้อย จนถึงทุกข์ทั้งปวง จนถึงเป็นผู้ไกลทุกข์สิ้นเชิง ไม่มีเวลากลับมาให้เป็นทุกข์อีกเลย ตลอดไป

    ผู้มีพลังพิเศษพาหนีทุกข์ได้ พาดับทุกข์ได้ พาพ้นทุกข์ได้ คือผู้มีความคิดพิเศษ และความคิดพิเศษนี้เกิดได้จากความรู้จักปฏิบัติพระพุทธศาสนาเท่านั้น

    พลังแห่งความคิดพิเศษ หรือความคิดพิเศษนั่นเอง ที่เป็นผู้ช่วยยิ่งใหญ่ พร้อมที่จะช่วยทุกคนที่รู้ค่าของความพิเศษ ที่ยอมรับยอมเชื่อ ว่าความคิดพิเศษนั้นมีอำนาจใหญ่ยิ่งจริง อาจพาให้พ้นทุกข์ได้จริง ทั้งทุกข์น้อยทุกข์ใหญ่ จนถึงทุกข์สิ้นเชิง

    จะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ความคิดของตนเองนี้เป็นสัจจะ คือเป็นความจริงแท้ ไม่ว่าผู้ใดจะเชื่อหรือจะไม่เชื่อก็ตาม ก็เป็นความจริง ผู้ใดจะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ความคิดของผู้นั้น

    ไม่มีผู้ใดที่ไม่ปรารถนาความไม่มีทุกข์ ทุกคนล้วนปรารถนาความไม่มีทุกข์ แต่ไม่ทุกคนที่ยอมรับความจริง ว่าการที่หนีความทุกข์ไม่พ้นนั้นเป็นเพราะคิดไม่เป็น ถ้าคิดให้เป็นจะไม่มีความทุกข์ใดใกล้กรายได้เลย เพราะความคิดนั้นแหละคือกำลังสำคัญที่สามารถทำไม่ให้ทุกข์เกิดได้

    ความคิดไม่เป็น หรือความคิดไม่ถูก ของตนเองเท่านั้น ที่ทำให้ความทุกข์กลุ้มรุมใจตน ไม่มีการกระทำคำพูดของผู้ใดอื่นจะอาจทำให้ความทุกข์กลุ้มรุมใจใคร ถ้าใครนั้นเป็นผู้รู้จักคิดให้เป็น รู้จักคิดให้ถูก ความคิดจึงสำคัญนัก ความคิดจึงมีพลังนัก มีอิทธิพลนัก ต่อชีวิตจิตใจผู้คนทั้งปวง ไม่เลือกชาติชั้นวรรณะ ไม่เลือกสูงต่ำ ร่ำรวยหรือยากดีมีจนเพียงใดก็ตาม

    ผู้ปรารถนาความเบิกบานสำราญใจไม่เศร้าหมองร้อนรนด้วยความทุกข์ พึงเห็นความสำคัญของความคิดให้มาก เห็นให้จริงใจว่า ความคิดของใครก็ตามที่ถูกต้องเป็นธรรมจะนำไปสู่ความเบิกบานสบายใจแน่นอน สมดังที่ปรารถนาอยู่ทุกเวลานาที

    : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
    : แสงส่องใจ วัดบวรนิเวศวิหาร ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗


    ---------------------------------

    บุญ,กุศล,กรรมดี,ธรรม,บารมี

    โดย อปากฏนาม [ 16 ส.ค. 2545 / 10:41:21 น. ]
    [ IP Address : 203.113.34.239 ]

    http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006067.htm
    ศัพท์เหล่านี้ใช้แทนกันได้(อย่างเดียวกัน)คือ
    ๑. บุญ
    ๒. กุศล
    ๓. กรรมดี
    ๔. ธรรม (ธรรมฝ่ายขาว)
    ๕. สุกต
    ๖. สุกฺก
    ๗. สุจริต
    ทุกศัพท์ที่กล่าวมานี้ใช้แทนกันได้ เพราะศัพท์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัพท์ที่มีความหมายกว้างครอบคลุม และเป็นศัพท์ที่มีความหมายไปในทางดี บุญกับกุศลนั้นเคยอธิบายไปแล้วว่าต่างกันอย่างไร ไม่อยากอธิบายอีกเดี๋ยวจะซ้ำซาก แต่จะขออนุญาตนำคำตอบที่ดีตรงประเด็นของเพื่อนลานธรรมท่านหนึ่งมาทวบทวนเรื่องบุญกุศลอีกครั้งว่า
    : (praves)
    บุญ ทำให้มีความสุข (มนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ)
    กุศล ทำให้เกิด สัมมาทิฏฐิ (กุสลจิตนำสู่วิมุตติ)
    วาสนา (นิสัย) คือ ลักษณะทำให้สั่งสมในจิต คือ สันดานในใจ เช่น กิริยา สุภาพ หรือกระด้าง ชอบคบปราชญ์ หรือ คบอบายมุข
    บารมี คือ อุปกรณ์ให้เกิดความสำเร็จในสิ่งที่ใจปรารถนา เช่น
    - (ทางที่ถูก) พระโพธิสัตว์บางท่าน เจริญบารมี 30 ทัศ (10 บารมี ๆ 3 ระดับ) มี ทาน วิริยะ เนกขัมมะ ฯลฯ สี่อสงไขยแสนมหากัปป์ เพื่อช่วยพาสัตว์ดลกออกจากองทุกข์ การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
    - (ทางที่ผิด) เจ้าพ่อนักเลงใช้ "บารมี !?!" ทางโลก (เงิน อำนาจ ความกลัว ความรุนแรง) ในทางทำลายผู้อื่น นักการเมืองสร้างปัญหาให้บ้านเมืองเพื่อเรียก "บารมี !?! "
    จะให้เกิดวาสนาบารมีในทางธรรมะ ต้องเจริญไตรสิกขา (กระบวนการเรียนรู้ทางจิต) ทาน ศีล ภาวนา (ทาน ศีล ภาวนา คือ ปัจจัยแห่งความพ้นทุกข์ มิใช่เส้นชัย)
    จากคุณ : praves [ 15 ส.ค. 2545 / 23:04:04 น. ]
    ได้ความหมายของคำว่า "วาสนา"และ ความหมายของคำว่า "บารมี" แถมไปด้วยครับ
    ********************
    บารมี

    ส่วนความว่า "บารมี"นั้นก็กว้างเช่นกัน อาจจะเรียกได้ว่าครอบคลุมอีกที สิ่งใดที่เราทำให้ยิ่ง ทำให้เต็ม ทำให้สมบูรณ์ ทำให้พรั่งพร้อม ความยิ่ง ความเต็ม ความสมบูรณ์ ความพรั่งพร้อม นั่นแหละ เรียกว่า บารมี
    บารมีนั้น มีการอธิบายกันได้หลายนัยมาก ขอให้ดูเพิ่มเติมจากหนังสือ "ทศบารมีในพระพุทธศาสนาเถรวาท" นะครับ ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะอธิบายบารมีไว้อย่างละเอียดพิสดารมาก
    หนังสือเล่มนี้เขียนโดยสมเด็จพระเทพฯ พระองค์นับว่าเป็นปราชญ์ทางศาสนาพระองค์หนึ่ง พระองได้รวบรวมบารมีที่ปรากฏในพระพุทธศาสนามารวมไว้อย่างครอบคลุมและครบถ้วน นับว่าเป็นหนังสือที่สมบูรณ์แบบมาก หาซื้อมาอ่านเพิ่มเติมนะครับ

    สำหรับคำถามที่มีคนถามว่า"แล้วความต่อเนื่องของบุญกุศลกับวาสนาบารมีคืออะไร เป็นอย่างไร" นั้น พออ่านกระทู้ผมเสร็จแล้ว ก็คงจะพอมองภาพออกแล้วนะครับ หรือคงจะพอได้คำตอบแล้ว อย่างไรอย่าลืมส่งข่าวด้วยนะครับ
    เมื่อได้อธิบายมาแล้วก็อยากจะลอง ๆ โยงกันดูระหว่างบุญ,กุศล,วาสนา,บารมีว่ามีความเกี่ยวเนื่องหรือสัมพันธ์กันอย่างไร ผิดถูกก็ช่วย ๆ กันบ้างก็แล้วกันนะครับ
    อันดับแรกกุศลกับบุญนั้นอย่างเดียวกัน แล้วแต่จะปรารถนาหรือตั้งใจอย่างไร ถ้าทำความดีแล้วตั้งใจจะเกิดอีกอย่างรวย ก็แสดงว่าสร้างสังขารตัวตนอีก อย่างนี้ก็เป็นแค่บุญ แต่กุศลนั้นคือพอเราทำความดีอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วปรารถนาจะทำลายขันธ์ คือปรารถนาจะละโลบโกรธหลงไป หรือปรารถนาบรรลุพระนิพพาน ถ้าอย่างนี้เรียกว่าเราได้ทำกุศล นี่คือความแตกต่าง ของ"บุญกุศล"

    กิริยาที่เราทำบุญกุศลจนเคยชินเป็นกิริยา เป็นนิสัย หรืออนุสัยติดตัว (ทานานุสัย อุปนิสัยชอบทำทาน สีลานุสัย อุปนิสัยชอบรักษาศีล ภาวนานุสัย อุปนิสัยขอบเจริญภาวนา) อย่างนี้น่าจะ(ใช้คำว่าน่าจะ)เรียกว่า "วาสนา"

    สิ่งใดที่เราทำให้ยิ่ง ทำให้เต็ม ทำให้สมบูรณ์ ทำให้พรั่งพร้อม ความยิ่ง ความเต็ม ความสมบูรณ์ ความพรั่งพร้อม นั่นแหละ เรียกว่า "บารมี"

    เมื่อนำความหมายของคำว่าของทั้งหมดมาต่อกันก็คงจะได้ประมาณว่า "บุญกุศสลที่บำเพ็ญจนเป็นนิสัยอย่างพรั่งพร้อม อย่างยิ่ง อย่างสมบูรณ์ที่สุด" นี่คือความหมายที่คิดว่าน่าจะเกี่ยวเนื่องกันได้ ถ้าเป็นศัพท์ก็คงจะได้ประมาณว่า "ปารมีวาสนปุญญกุสลํ" (ปาระมีวาสนะปุญญะกุสะลัง) ทั้งนี้ต้องมีภพชาติมารองรับอีก ในกรณีที่เป็นได้แค่บุญ ส่วนกุศลนั้นตัดภพชาติ ตัดสังขาร ตัดกิเลสตัณหาทั้งหมด หยุดการสร้างภพชาติอีก
    *****วาสนาบารมีใช้ได้กับบุญและกุสลครับ ความตั้งใจที่จะไปต่างกัน สถานที่ไปจึงต่างกัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    พี่แอ๊วแจ้งมาแล้วครับว่า พี่แอ๊วจะมาร่วมงาน และได้นิมนต์พระอาจารย์นิล มาฉันเพลด้วยครับ

    มาทำบุญกันนะครับ

    .

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านใดที่จะไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม อย่าลืมนำเจดีย์ไปด้วยนะครับ

    จะปิดทองหรือไม่ปิดทอง จะติดเพชรหรือไม่ติดเพชรก็ได้ แต่ขอเป็นเจดีย์ในลักษณะนี้ครับ ส่วนผอบ(ที่ไม่ใช่เจดีย์)ผมใช้ในการบรรจุพระธาตุพระอรหันต์ครับ

    [​IMG]
    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อีกเรื่อง พี่ท่านนึง ได้แจ้งผมว่า จะมอบพระธาตุพระสิวลีเถระเจ้า ให้กับผม เพื่อมามอบให้กับพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่าน

    ผมขอความกรุณาให้นำผอบ มาเพื่อบรรจุด้วยนะครับ

    และพี่ท่านนี้ มีความประสงค์ที่จะมอบพระบรมสารีริกธาตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามสมณโคดม เพื่อประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ผมขอเชิญพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกๆท่านมาร่วมกันถวายพระอาจารย์นิล ด้วยกันนะครับ

    โมทนาสาธุครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ผมมีความคิดว่า จะหาโอกาสนัดพบปะสังสรรค์กัน สำหรับสมาชิกชมรมพระวังหน้า ที่จะได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่องสถานที่ และเวลา ขอคิดดูอีกครั้ง หากสมาชิกชมรมพระวังหน้า มีความคิดอย่างไร เสนอแนะเข้ามาได้ครับ

    .
     
  6. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    เปลี่ยนมุมมาเป็นภาค ละครดีกว่าครับ ผมแอบเชียร์ละคร ช่วงเวลาขวัญใจแม่บ้าน ตอน 3ทุ่ม ช่อง7ครับ คืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เรื่องเย้ย ฟ้า ท้าดิน ของกันตนาสร้าง(แอบเชียร์พวกเดียวกันครับ หุ หุ) ผมว่าดูสนุก คลายเครียดไม่หนัก ใดๆ แต่แฝงด้วยปรัชญญาที่ลึกซึ้ง เช่น ทำไม คนที่เคยทำดี แต่เปลี่ยนมาเลวร้าย สุดๆ และ การมองพฤติกรรมของคน ก็ไม่ใช่เพียงมองเฉพาะภาพ ที่เขาแสดงให้เห็น อย่าง เมฆ ซึ่งเมื่อลับ หลังนางเอก จะ เลวร้ายในภาพที่คาดไม่ถึงครับ อย่าเพียงนึกว่าเป็นละคร แม่บ้านนะครับ หุ หุ(พี่....ส่งค่าเชียร์มาด้วยครับ5555)
     
  7. :::เพชร:::

    :::เพชร::: เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    8,584
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +36,137
    หึ..หึ.. หุ้นตก เลยหารายได้แบบนี้นี่เอง มีน่าถึงได้รวยเอารวยเอา...หุ...หุ..
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>วิกฤตทุนนิยม..เจ้าตำรับ สัญญานเตือนจาก 'เลห์แมน บราเธอร์'
    http://www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110053
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>17 กันยายน 2551 09:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> "ปัญหานี้ใหญ่หลวงและน่ากลัวมาก เปรียบเทียบเสมือนยักษ์ที่ตัวใหญ่มีพลังมากมาย แต่เมื่อยักษ์ล้มความใหญ่โตของยักษ์ที่ล้มย่อมส่งผลกระเทือนอย่างสะหนั่นหวั่นไหวแน่นอน "



    เมื่อเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่มีประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นต้นตำรับในการใช้บริหารและพัฒนาประเทศในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา และหลายประเทศก็ได้พากันใช้รูปแบบของการพัฒนาเช่นเดียวกับประเทศต้นตำรับ จนทำให้เศรษฐกิจของโลกเป็นไปในลักษณะเดียวกันทั้งหมด ฉันใดฉันนั้น เมื่อเกิดผลกระทบในด้านที่เสียหายย่อมส่งผลต่อไปถึงโดยทั่วกัน เพราะประเทศด้วยธุรกิจแบบทุนนิยมที่ให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องของการลงทุนและธุรกิจโดยมองความเสี่ยงและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามว่าเป็นเพียงเรื่องของความท้าทาย

    จากสถานการณ์บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ วาณิชธนกิจยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของสหัรฐอเมริกาได้เกิดภาวะล้มละลายลงอันเนื่องมาจากปัญหาของวิกฤติสินเชื่อสังหาริมทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ ซับไพรม์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐจนเป็นปัญหาลุกลามไปถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย จนทำให้เศรษฐกิจของโลกเกิดการถดถอยลง หลายประเทศที่มีเศรษฐกิจผูกติดอยู่กับสหรัฐอเมริกาต่างก็ได้รับความเสียหายอย่างมาก เช่นประเทศ**ญี่ปุ่น** รวมถึงหลายประเทศในยุโรป

    โดยปัญหาซัพไพร์มนั้นที่เกิดขึ้นนั้น ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากเมื่อปลายปีที่แล้ว และต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง ผลพวงจากปัญหานี้ได้กัดเซาะธุรกิจและการลงทุนของบรรดาสถาบันการเงินรวมทั้งธนาคารหลายแห่งที่ไปเกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้สินเชื่อในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย จนล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บริษัทเลห์แมน บราเธอร์ ก็ไม่สามารถยืนต้านทานผลกระทบที่รุนแรงนี้ได้ทำให้ บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับ 4 ของประเทศทที่มีอายุยาวนานมากกว่า 100 ปี ต้องล้มละลายลง ตามบริษัทประเภทเดียวกันอย่าง แฟนดี้ เม และเฟดดี้ แมค ที่ล้มละลายลงเช่นกันในช่วงก่อนหน้านี้เพราะปัญหาดังกล่าว

    บรรดานักวิเคราะห์ต่างประเทศทุกสถาบันพยายามจะออกมาบอกกันก่อนหน้านี้ว่า ปัญหาซับไพรม์ไม่ได้รุนแรงยาวนานมากนัก และเชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศสหรัฐอเมริกาจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงระยะปลายปี 2551 ถึง ช่วงไตรมาสแรกของปี 2552 แต่เมื่อได้เห็นผลกระทบของปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว จึงมองกันได้ว่าปัญหานี้ใหญ่หลวงและน่ากลัวมาก เปรียบเทียบเสมือนยักษ์ที่ตัวใหญ่มีพลังมากมาย แต่เมื่อยักษ์ล้มความใหญ่โตของยักษ์ที่ล้มย่อมส่งผลกระเทือนอย่างสะหนั่นหวั่นไหวแน่นอน เพราะไม่เพียงแต่เรื่องหนี้เสียที่เกิดขึ้นกับอสังหาริมทรัพย์เท่านั้นแต่ยังลุกลามไปถึง สินเชื่อรถยนต์ ที่ประชาชนในประเทศไม่สามารถผ่อนส่งได้ อันเนื่องมาจากราคานํ้ามันที่เพิ่มสูงขึ้น จนทำให้ปริมาณการใช้รถยนต์ลดลงมาพร้อมๆกับราคานํ้ามันในตลาดโลกด้วย และต่อไปจะส่งผลกระทบไปถึงอีกหลายธุรกิจในประเทศอย่างแน่นอน หากสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ

    ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นที่ทราบกันได้ทันทีว่าภาวะการลงทุนในประเทศมหาอำนาจพญาอินทรีนี้ จะต้องลดหายไปอย่างมากมาย เห็นได้ชัดเจนจากตลาดหุ้นที่ตกลงอย่างต่อเนื่อง และลามไปถึงตลาดหุ้นในประเทศยุโรปด้วย ขณะเดียวกันอเมริกายังต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องของอัตราเงินเฟ้ออย่างรุนแรงจนธนาคารกลางของประเทศ หรือเฟด ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาอย่างต่อเนื่อง

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าปัญหาซัพไพร์มที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงนี้จะทำให้เศรษฐกิขของโลกชะลอตัวลงมา แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในหลายประเทศโดยเฉพาะบรรดาประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่าง จีน อินเดีย เวียดนาม รัสเซีย บราซิล เม็กซิโกซึ่งประเทศเหล่านี้มีอัตราการเติบโตที่สูงอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดเพราะมีปัจจัยทางเศรษฐกิจของประเทศที่สำคัญเป็นตัวขับเคลื่อน รวมถึงมีเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามาอย่างมากมายทั้งในด้านของธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่อยู่อาศัย รวมทั้งการโทรคมนาคม เพียงแต่ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาถดถอย ความร้อนแรงในการลงทุนและการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่เหล่านี้จึงอาจจะลดลงไปบ้างเท่านั้น

    ดังนั้นแล้วในเรื่องของการลงทุนในต่างประเทศนั้น จึงเป็นจังหวะการลงทุนที่ต้องหวังผลตอบแทนในระยะยาว แต่ก็ไม่รู้ได้ว่าจะยาวนานแค่ไหน ขณะที่เศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิขของสหรัฐเช่นกัน แต่ไม่ได้รุนแรงมาก เพราะยังได้รับผลดีจากเรื่องของการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศมาช่วยเสริม แต่ปัยจัยทางการเมืองในขณะนี้ทำให้การลงทุนของประเทศอาจลดลงไปบ้างในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศแล้วยังอยู่ในระดับที่ดี และมีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจของประเทศในปีนี่น่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 4.5 - 5%

    นางสาวบุษเรศ หยุ่นนิยม ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)แอสเซท พลัส จำกัดให้ความเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาปัจจัยลบภายในประเทศจากความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาซับไพรม์ที่ยังไม่จบลง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ SET Index ปรับตัวลดลงกว่า 20% นับจากต้นปี

    นอกจากนี้ ข่าวการประกาศล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์ของเลห์แมน บราเธอร์ การเข้าถือหุ้นในเมอร์ริล ลินซ์ ของแบงก์ ออฟ อเมริกา และการขอกู้เงินระยะสั้นเพื่อเสริมสภาพคล่องของ AIG จะเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นอเมริกา รวมถึงการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งคาดว่าจะส่งผลต่อการปรับตัวลงของตลาดหุ้นเอเชียในช่วงนี้เช่นกัน

    “ในส่วนของตลาดหุ้นไทย คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากการได้รับผลกระทบในเชิงจิตวิทยาที่วิตกกังวลต่อกรณีดังกล่าว และการไหลออกของเงินทุนของนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้าไปที่อเมริกา อย่างไรก็ตาม สำหรับผลกระทบโดยตรงต่อสถาบันการเงินไทยนั้น คาดว่ามีไม่มากนัก เนื่องจากเลห์แมนไม่มีสาขาในประเทศไทย และในส่วนของการให้สินเชื่อ การลงทุนในพันธบัตรและการทำสัญญาอนุพันธ์ซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าระหว่างธนาคารพาณิชย์กับเลห์แมนมีจำนวนไม่มาก
    โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยว่า ตัวเลข ณ สิ้นเดือน ก.ค. 51 ธนาคารพาณิชย์ทั้ง 14 แห่งมียอดคงค้างปล่อยสินเชื่อโดยตรงและซื้อพันธบัตร 4,300 ล้านบาท ซึ่งต้องรอดูว่าจะได้รับสิทธิคืนเท่าไร และต้องกันสำรองหนี้เพิ่มจำนวนเท่าไร ในขณะที่ส่วนสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าจำนวน 5,300 ล้านบาท จะมีความเสียหายเกิดขึ้นเฉพาะเพียงส่วนต่างดอกเบี้ยที่ซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิน 100 ล้านบาท” นางสาวบุษเรศ กล่าว

    สำหรับคำแนะนำในการลงทุนช่วงนี้ การปรับตัวลดลงของตลาดมีสาเหตุหลักมาจากปัจจัยด้านต่างประเทศ ซึ่งในช่วงนี้ควรหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรระยะสั้น และเน้นลงทุนระยะยาวในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง แม้ว่าจะยังมีปัจจัยลบด้านการเมืองอยู่ เนื่องจากดัชนีตลาดในระดับ P/E 8.5 เท่า ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจลงทุน โดยควรทยอยเข้าลงทุนในช่วงตลาดอ่อนตัวลง โดยเฉพาะกองทุน LTF และ RMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ซึ่งนอกจากการเก็บหุ้นดี ในจังหวะที่ราคาถูกแล้ว ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีด้วย

    สุดท้ายนี้แม้ว่าภาวะรวมเศรษฐกิจ การลงทุนทั่วโลกจะประสบปัญหาจากวิกฤตการณ์ดังกล่าว แต่การลงทุนไม่มีวันหยุดนิ่ง ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านกล่าวย้ำว่า สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรปฏิบัติเป็นประจำทุกวันนั่นคือการติดตามข่าวสารข้อมูลจากสื่อต่างๆอย่างใกล้ชิด เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาประกอบพิจารณาการลงทุนให้รอบคอบ และมีความระมัดระวังมากที่สุด อย่างไรก็ตามไม่ขอแนะนำว่าต้องเก็บหรือถือเงินสดไว้เพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งความกังวลที่มากมายจนเกินไป อาจเป็นสิ่งปิดหนทางที่นำมาสู่ความเสร็จจากการลงทุนก็เป็นไปได้
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    อ่า งั้นต้องร่วมด้วยช่วยกัน ขอค่าโฆษณาด้วย
    ถ้าเป็นภาพยนต์ที่กันตนาสร้าง ก็ร่วมด้วยช่วยกันชมนะครับ
    ;welcome2 To กันตนา
    .
     
  10. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ขบวนการ หน้าม้า ทำงานกันแล้วครับ หุ หุ แต่ของเขาดีจริงๆครับ (ขอรับรางวัลเป็นพิมพ์กลักไม้ขีด 2องค์นะครับ พี่....)5555555555
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“คลิปแอบถ่าย” คนถ่าย คนขาย คนดู คนส่ง ใครบาปกรรมที่สุด
    http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110683
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 กันยายน 2551 08:14 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=101 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle width=101>[​IMG] </TD></TR><CAPTION align=bottom>พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี</CAPTION></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ว.วชิรเมธี” ไขข้อข้องใจ ใครก็ตามที่เป็นต้นทางสร้างและส่งต่อคลิปวิดีโอแอบถ่ายที่ทำลายชื่อเสียงของ “ดาราจำเป็น” ล้วนบาปหนักกว่าคนที่ดูคลิปแล้วทิ้งไป ระบุวิบากกรรมของคนเหล่านี้คือจะไปเกิดเป็นคนที่ไม่มีความเชื่อถือในวงสังคม จะทำดีให้ตายชื่อเสียงจะเสียหายโดยไร้สาเหตุ ส่วนคนที่ดูคลิปแล้วส่งต่อบาปกรรมหนักรองจากต้นทาง

    “ที่บาปที่สุด คือ ต้นทาง คนต้นทางที่ทำครบ 4 ข้อ หนึ่งคือเจตนาแอบถ่าย ตั้งใจโพสต์เผยแพร่ในทางเสียหาย สองคือลงมือทำตามเจตนาร้ายที่ตั้งไว้ สามคือทำได้สำเร็จ สี่คือเกิดความเสียหายจริง ถ้าครบตามนี้จะเป็นบาป 100 เปอร์เซ็นต์”

    พระนักเทศน์ชื่อดังกล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเข้าข่ายการทำลายชื่อเสียงและผลประโยชน์ของผู้อื่น วิบากกรรมของบาปที่เกิดขึ้นคือ คนผู้นั้นจะติดลบเครดิตทางสังคม แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกัน จุดนี้พระบอกว่ามีตัวอย่างให้เห็นมากมายในสังคมไทย สำหรับคนดูคลิป พระชี้ว่าเข้าข่ายคนสมรู้ร่วมทำบาป แต่บาปน้อยกว่าคนที่ดูแล้วส่งต่อ

    “คนดูคลิปก็ผิด แต่ผิดน้อยกว่าต้นทาง ถ้าดูด้วยส่งต่อด้วย ก็จะผิดหนักเป็นเบอร์ 2 รองจากต้นทางเลย คนดูแล้วปล่อยทิ้งไปบาปน้อยที่สุด วิบากกรรมคือถึงจะเป็นคนดีอย่างไรแต่คนอื่นก็จะเห็นว่าเป็นคนชั่ว แม้แต่คนในครอบครัวเดียวกันก็ไม่เชื่อถือ จะทำอะไรก็ชื่อเสียงเสียหายโดยไม่ทราบสาเหตุ”

    เมื่อเหรียญมีสองด้าน คลิปแอบถ่ายเหล่านี้ล้วนเป็นบทเรียนให้ประชาชนทั่วไประมัดระวังตัวเองมากยิ่งขึ้น ทำให้คำว่า “ดูเพื่อศึกษา” ถูกนำมาใช้คู่กับการชมคลิปในบางครั้ง

    “จริงๆ เรื่องนี้ก็มองได้สองด้าน มองลบก็เห็นแต่ความเสียหาย มองบวกก็ทำให้ดารารู้ว่าต้องระวังตัวเองให้ดี เมื่อเป็นคนของประชาชนก็ต้องไม่ประมาท สำหรับคนดูก็อย่าใช้คำว่าศึกษาขึ้นมาบังหน้า ต้องการผลอย่างอื่นแต่บอกว่าศึกษา แบบนี้เท่ากับโกหกตัวเองและโกหกคนอื่น แบบนี้ยิ่งอันตราย”

    ทำบุญไถ่บาป

    “สิ่งแรกที่ควรทำ คือ เลิกพฤติกรรม แล้วเผยแพร่ธรรมหรือสิ่งที่ดีงามเพื่อชดใช้สิ่งที่ได้ทำไป ไม่เช่นนั้นก็จะไม่พ้นจากวิบากสังคมประนาม อะไรที่ดูแล้วจิตใตตกต่ำนั้นเป็นบาปทันที เมื่อใดที่จิตมัวหมองจะเป็นบาปเมื่อนั้น ดังนั้น อย่าดู อย่าเกี่ยวข้องเลยจะดีที่สุด อุปมาเหมือนคนที่เอามือไปจิ้มไฟแล้วบอกว่าไม่ร้อนนั้นเป็นไปไม่ได้ กินเกลือแล้วบอกว่าไม่เค็ม ก็เป็นไปไม่ได้”

    ต่อคำถามว่า ความอยากดูคลิปโป๊หรือภาพโป๊ที่เกิดเพราะสัญชาตญาณของผู้ชาย เป็นบาปหรือไม่ พระอาจารย์ตอบว่า การทำตามสัญชาตญาณการสืบพันธุ์นั้นมีโทษน้อย

    “อ่านหนังสือโป๊บาปไหม ทางพุทธศาสนาก็ถือว่าบาป แต่การทำตามสัญชาตญาณการสืบพันธุ์นั้นมีโทษน้อย หากเจตนาในทางที่ผิด และมุ่งทำลายผู้อื่นจะมีบาปมาก”

    ซื้อหนังก๊อบปี้-โปรแกรมผี ผิดศีลข้อ 2


    “แบบนี้จะผิดศิลข้อสอง หรือก็คือการลักทรัพย์ เป็นการทำให้ผู้อื่นเสียประโยชน์ คนที่ซื้อโปรแกรมเถื่อนบาป 100% ถือว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมบาป สมรู้ร่วมคิด และสมรู้ร่วมผิด เพราะรู้ว่าเป็นของเถื่อนก็ยังซื้อมา”

    ว.วชิรเมธี เป็นนามปากกาของ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านครึ่งใต้ ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย มีผลงานหนังสือเกือบ 20 เล่ม ผลงานซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป คือ ธรรมะติดปีก, ธรรมะหลับสบาย, ธรรมะดับร้อน, ธรรมะบันดาล, ธรรมะรับอรุณ, ธรรมะราตรี, ปรัชญาหน้ากุฏิ, ปรัชญาหน้าบ้าน, DNA ทางวิญญาณ, ตายแล้วเกิดใหม่ตามนัยพระพุทธศาสนา และได้เขียนบทความลงในนิตยสารหลายฉบับ กระทั่งล่าสุด คือ “ธรรมะโมบาย” บริการ SMS คำสอนของว.วชิรเมธีผ่านโทรศัพท์มือถือ 3 เวลาหลังอาหาร (เช้า - เที่ยง - ค่ำ)

    ขอบคุณภาพและประวัติ ว. วชิรเมธี จาก www.kanlayanatam.com
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
     
  14. nongnooo

    nongnooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,139
    ค่าพลัง:
    +9,446
    ช่ายแล้ว ผมตั้งใจขอจากพี่ เค้า ให้ไปขอท่าน ปาทานมาให้ผมไงครับ 55555งง อารายครับ หุ หุ
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผลวิจัยชี้พลาสติก มีส่วนก่อโรคหัวใจ-เบาหวานในคน
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110589
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 กันยายน 2551 16:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=baseline align=middle>สารไบฟีนอล เอ หรือ บีพีเอ (BPA) มีอยู่ทั่วไปในขวดพลาสติก และบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่ทำจากพลาสติก ซึ่งสารชนิดนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่สารนี้ก็ปนเปื้อนอยู่ในแทบทุกที่ทั่วโลก (ภาพจาก Science Daily)</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>นักวิจัยพบผู้ป่วยโรคเบาหวาน-หัวใจ มีสาร BPA ในปัสสาวะ สูงกว่าคนทั่วไป เชื่อสารอันตรายในพลาสติก มีส่วนทำให้เกิดโรคและความผิดปรกติในร่างกาย แต่ยังต้องศึกษาต่อเพื่อความแน่ชัด ทั้งยังชี้แนะให้ลดปริมาณการใช้พลาสติกชนิดที่มีส่วนผสมของสารอันตราย

    เดวิด เมลเซอร์ (David Melzer) และคณะนักวิจัยจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์เพนินซูลา (Peninsula Medical School) เมืองเอ็กซ์เตอร์ (Exeter) สหราชอาณาจักร ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของไบฟีนอล เอ หรือ บีพีเอ (Biphenol A: BPA) สารอันตรายจากพลาสติก ที่สะสมสะสมในร่างกาย กับสถานะของสุขภาพในประชากรกลุ่มตัวอย่าง พบผู้ป่วยโรคหัวใจและเบาหวานส่วนใหญ่ มีสารดังกล่าวเจือปนอยู่ในปัสสาวะมากกว่าคนทั่วไป ไซน์เดลีรายงานว่าผลการวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสารเจเอเอ็มเอ (JAMA)

    ทีมนักวิจัยศึกษาว่า ในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุระหว่าง 18-74 ปี ว่ามีสาร BPA เจือปนอยู่ในปัสสาวะที่ระดับความเข้มข้นเท่าใด และพวกเขามีสุขภาพเป็นอย่างไร โดยใช้ข้อมูลจากเนชันแนล เฮลธ์ แอนด์ นูทริชันแนล เอ็กแซมิเนชัน เซอร์เวย์ (National Health and Nutritional Examination Survey: NHANES) ในช่วงปี 2546-2547 รวมทั้งสิ้น 1,455 คน

    ผลปรากฏว่า ในกลุ่มคนที่มีรายงานว่าป่วยเป็นโรคหัวใจและเบาหวาน จะมีค่าเฉลี่ยของความเข้มข้นของ BPA สูงกว่ากลุ่มที่ไม่มีรายงานว่าป่วยด้วยโรคดังกล่าว โดยพบว่าค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานของความเข้มข้น BPA ที่เพิ่มขึ้นราว 39% ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานและอาการทางด้านโรคหัวใจ

    เมื่อแบ่งค่าความเข้มข้นของ BPA เป็น 4 ส่วน พบว่ากลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 4 ที่มีความเข้มข้นของ BPA ในปัสสาวะสูงที่สุด มีระดับความเข้มข้นของ BPA ในปัสสาวะสูงกว่าประชากรอีก 1 ใน 4 ที่มี BPA ต่ำสุด ราว 3 เท่า ในกรณีของโรคหัวใจ และ 2.4 เท่า ในกรณีของโรคเบาหวาน และนอกจากนี้ยังพบว่า ค่าความเข้มข้นของ BPA สูง ยังเกี่ยวพันกับความผิดปรกติของเอนไซม์ในตับ 3 ชนิด อีกด้วย ส่วนโรคอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ยังไม่พบว่าสัมพันธ์กัน

    "จากข้อมูลที่เป็นตัวแทนของประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ เราพบว่า ความเข้มข้นของ BPA สูงในกระเพาะปัสสาวะ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระจายของผู้ป่วยโรคหัวใจ เบาหวาน และความผิดปรกติของเอนไซม์ในตับ ซึ่งการค้นพบนี้เป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ถึงผลร้ายของปริมาณ BPA ในระดับต่ำที่ส่งผลต่อสัตว์" ข้อสรุปจากนักวิจัย

    "การที่ BPA ส่งผลเสียต่อสุขภาพ อาจเกี่ยวข้องกับปริมาณความเข้มข้นของ BPA ที่เพิ่มมากขึ้น และไปลดศักยภาพการทำงานของร่างกาย ซึ่งควรจะต้องมีการศึกษาต่อด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูลนี้อีกทีหนึ่ง" เมลเซอร์ แจง

    ทั้งนี้ BPA เป็นสารเคมีที่ใช้ทั่วไปในการผลิตภาชนะ, บรรจุภัณฑ์ หรือผลิตภัณฑ์พลาสติก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมากที่สุดในโลก และยังพบว่ามีปนเปื้อนอยู่ในฝุ่นละอองทั่วไป เมื่อสูดหายใจเข้าไปก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยตรวจพบว่าประชากรในสหรัฐฯ มากกว่า 90% มีสาร BPA ปนเปื้อนในร่างกาย ซึ่งสาร BPA ในปริมาณต่ำก็ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ทว่าที่ผ่านมายังไม่ค่อยมีการศึกษาและเก็บข้อมูลทางสถิติเกี่ยวกับปริมาณของ BPA ในร่างกายและผลต่อสุขภาพในประชากรกลุ่มใหญ่

    อย่างไรก็ดี เฟรเดอริค เอส วอม เซล (Frederick S. vom Saal) นักวิจัยของมหาวิทยาลัยมิสซูรี (University of Missouri) มลรัฐโคลัมเลีย และจอห์น ปีเตอร์สัน ไมเออร์ส (John Peterson Myers) จากสถาบันวิทยาศาสตร์สุขภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Health Science) มลรัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา แสดงความเห็นต่อผลงานวิจัยเรื่องดังกล่าวว่า

    นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์จาก BPA แพร่หลายไปทั่วโลก จนถึงเดี๋ยวนี้มีปริมาณราว 7 พันล้านปอนด์ต่อปี การกำจัด BPA ให้ลดลงโดยตรงจากการที่เรานำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม น่าจะง่ายกว่าการหาทางแก้ไขในขณะที่ BPA จำนวนมหาศาลได้ปนเปื้อนไปในสิ่งแวดล้อมแล้วทั่วโลกเนื่องจากการฝังกลบหรือทิ้งลงในแหล่งน้ำธรรมชาติ และก็เป็นข่าวดีที่รัฐบาลในบางประเทศเริ่มมีนโยบายต่อต้านการใช้พลาสติกที่มีส่วนผสมของ BPA แล้ว.
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กินเนสส์นัดพบหนุ่มตัวเล็กที่สุดกับผู้หญิงขายาวกว่าใครในโลก
    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9510000110754
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 กันยายน 2551 15:52 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=200 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=200>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หนุ่มแคระกับสาวยีราฟ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซี - ปกติแล้ว ทราฟัลการ์สแควร์จะเป็นพื้นที่ชุมนุมละครใบ้ นักเล่นกล และการแสดงเล็กๆ น้อยๆ อื่นๆ แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (16) ความสนใจของฝรั่งมุงกลับเปลี่ยนทิศไปอยู่ที่ผู้ชายตัวเล็กที่สุดที่สามารถเดินได้ กับผู้หญิงขายาวที่สุดในโลก

    เหอปิงปิงจากจีน เกิดมาพร้อมลักษณะของคนแคระครบถ้วนทุกประการ ปัจจุบัน แม้อายุ 20 ปีแล้ว แต่เหอสูงเพียง 2 ฟุต 5.37 นิ้ว (74 เซนติเมตร)

    ทั้งคู่โคจรมาพบกันในงานประชาสัมพันธ์เปิดตัว ‘กินเนสส์ เวิลด์ เรกคอร์ด 2009’ หรือหนังสือรวบรวมสถิติน่าสนใจทั่วโลกที่มีกำหนดวางจำหน่ายวานนี้ (17)

    เหอชมว่าเรียวขาของสเวตลานา แพนคราโตวา ‘สวยมาก’

    แพนคราโตวา วัย 36 ปี เป็นชาวรัสเซียแต่ไปอาศัยอยู่ที่สเปน ขาของเธอยาวเกือบ 52 นิ้ว (132 เซนติเมตร) หรือกว่า 4 ฟุต ความยาวของลำตัวส่วนบนของเธอเกือบปกติ ทำให้มองเผินๆ คล้ายเธอเป็นยีราฟ

    แพนคราโตวา ในชุดกระโปรงสั้นสีฟ้าและรองเท้าส้นเตี้ย บอกว่าเธอชอบขาตัวเอง แม้อาจทำให้หลายอย่างยุ่งยากขึ้นก็ตาม อย่างเช่น การหาซื้อเสื้อผ้า โดยเฉพาะกางเกง

    ด้วยความสูงเพียง 6 ฟุต 4 นิ้ว (190 เซนติเมตร) แพนคราโตวาจึงไม่ใช่ผู้หญิงสูงที่สุดในโลก แต่ตำแหน่งดังกล่าวเป็นของแซนดี้ อัลเลน จากรัฐอินเดียนา สหรัฐฯ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้พร้อมสถิติความสูง 7 ฟุต 7 นิ้ว (227 เซนติเมตร)

    สำหรับเหอ กินเนสส์บันทึกว่าเป็นผู้ชายเตี้ยที่สุดในโลกที่สามารถเดินได้ตามปกติ

    นอกจากนั้น กินเนสส์บุ๊กเล่มล่าสุดยังบันทึกว่า บริตนีย์ สเปียร์ เป็นบุคคลที่มีผู้ค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมากที่สุด ขณะที่ซีรี่ส์ ‘ลอสต์’ เป็นรายการทีวีที่มีคนดาวน์โหลดเนืองแน่นที่สุดตลอดกาล

    กินเนสส์บุ๊กมีอายุอานามประมาณครึ่งศตวรรษ แต่ละปีทำยอดขายได้ราว 3.5 ล้านเล่ม ทั้งนี้ จากข้อมูลของเคร็ก เกลนเดย์ บรรณาธิการบริหาร
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 22 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 18 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, โสระ, mangowood, nongnooo+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    คุณnongnooo ผมมีนิดหน่อยเองครับ
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    วันนี้ เพื่อนผมไปสวนมา สวนที่ว่านี้ เป็นสวนผลไม้
    ;aa23
    ผมโทร.ไปหา ก็ถามว่า เป็นไงบ้าง วันนี้ไปสวนหรือ เขาตอบผมมาว่า ใช่ ผมก็เลยฝากให้เขานำมะพร้าวน้ำหอม มาฝากด้วย
    ;aa22
    ตอนเย็นมาหาผม นำมะพร้าวน้ำหอมและกล้วยมาฝาก ขอบคุณมากนะครับ จะทำตามความประสงค์ครับ


    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ภัยร้ายรายวัน : อีเมล์ลวง !

    http://hilight.kapook.com/view/28993

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เตือนผู้ใช้บริการเว็บไซต์เกี่ยวกับการแชร์ภาพถ่าย แชร์คลิปวิดีโอ ที่เปิดใช้บริการเสริมส่งข้อความรายงานความเคลื่อนไหวไปยังมือถือ ระวังตกเป็นเหยื่อของพวกฟิชชิ่งสปายแวร์ ฝีมือเหล่าอาชญากรคอมพิวเตอร์ที่ใช้ประโยชน์จากบริการ โมบาย เซอร์วิส อย่ามองเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเรื่องดังกล่าวอาจเกิดขึ้นกับคุณได้ในไม่ช้า

    ไม่ว่าคุณจะใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ โน๊ตบุ๊ค หรือเครื่องพีซี คุณอาจจะพบกับอีเมล์ลวง (ฟิชชิ่ง อีเมล์) ที่ระบุการแจ้งเตือนล่วงหน้าไปยังผู้ใช้บริการ หรือลูกค้าว่าจะได้รับภาพจากฝ่ายขายของเว็บไซต์ เพื่อให้ผู้ใช้บริการหรือลูกค้าสามารถเปิดดูภาพได้ทันที โดยปรากฏข้อความ เช่น ข้อความ "คุณได้รับภาพจากหมายเลข (0xx) **** - 2981. ต้องการดูภาพ กรุณาคลิกไปที่ไฟล์ภาพด้านล่างนี้

    เมื่อคลิกเข้าไป ผู้ใช้จะถูกพาเข้าไปยังเว็บไซต์อันตรายทันที และมันจะพยายามติดตั้งโปรแกรมสปายแวร์ เพื่อตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน เช่น ข้อมูลการเข้ารหัสเพื่อทำธุระกรรมการเงินออนไลน์ จากเครื่องของผู้ใช้งานอยู่ขณะนั้น

    ทางบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ได้ตรวจพบไฟล์ MAL_BANKER เป็นไฟล์ที่ทำการตรวจพบแล้วว่ามีลักษณะเดียวกับตระกูลสปายแวร์ TSPY_BANCOS และ TSPY_BANKER ซึ่งตระกูลสปายแวร์เหล่านี้เป็นโปรแกรมที่ขโมยข้อมูลส่วนตัวทางด้านการเงินจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต

    หากไม่ต้องการตกเป็นเหยื่อ ถูกล้วงข้อมูลสำคัญ ผู้ใช้ควรหาวิธีสกัดกั้นหรือบล็อกยูอาร์แอลเหล่านั้นให้เรียบร้อย โดยใช้เทคโนโลยีที่มีการตรวจสอบชื่อ ประวัติของเว็บไซต์ และอัพเดทข้อมูลเตือนภัยก่อนที่จะเข้าถึงเครือข่าย เพื่อตรวจสอบวิเคราะห์ และป้องกันผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตดึงข้อมูลของคุณ

    ที่สำคัญหากพบข้อความ หรือรูปแบบขั้นตอนการใช้บริการที่แปลกตาไปจากเดิม ควรติดต่อไปยังผู้ให้บริการ เพื่อขอคำยืนยันในการเปลี่ยนแปลง




    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เดลินิวส์
    [​IMG]
    ข้อมูลโดย บริษัท เทรนด์ ไมโคร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1_70.jpe
      1_70.jpe
      ขนาดไฟล์:
      42.2 KB
      เปิดดู:
      2,326
    • 2_36.jpe
      2_36.jpe
      ขนาดไฟล์:
      21 KB
      เปิดดู:
      2,293
    • 3_32.jpe
      3_32.jpe
      ขนาดไฟล์:
      22.9 KB
      เปิดดู:
      2,327
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    สไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำ

    http://hilight.kapook.com/view/29001


    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ภาพประกอบจาก pantip.com และ tvburabha.com

    "ถ้ามีพรสัก 3 ข้อให้เลือก ข้อ 1 หนูขอให้แม่หายป่วย ข้อ 2 ขอให้ตามีบ้านดีๆ อยู่ ข้อ 3 ขอให้หนูได้เรียนสูงๆ ได้เป็นตำรวจ"

    ความฝันเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ของ "สไบทอง" หรือ เด็กหญิงมนัสนันท์ อิ่มกระจ่าง วัย 13 ปี เด็กหญิงหัวใจแกร่ง ที่ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อคือใคร เนื่องจากแม่ของเธอมีสติไม่สมประกอบ ถูกข่มขืนจนตั้งท้อง อีกทั้งแม่ของเธอไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือสายเลือดของตัวเอง (ปัจจุบันแม่ของเธอถูกส่งไปอยู่สถานสงเคราะห์วังทอง มาเป็นเวลานานมานับสิบปีแล้ว) ​

    "ตั้งแต่เกิดมาหนูไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลย. . . แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้จัก" สไบทอง บอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวที่อยู่ภายในใจของเธอให้ฟัง ​

    สำหรับชาวบ้านในอำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก จะเห็นเด็กหญิงสไบทอง ในลักษณะของผู้หญิงรูปร่างผอมบาง สูงยาว ใบหน้าไม่ค่อยประดับด้วยรอยยิ้ม เวลาก้าวเดินไหล่ของเธอจะคู ก้มหน้าก้มตาเป็นประจำ ประหนึ่งว่าบนบ่าจะแบกภาระไว้ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น และกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนวัดโบสถ์
    สไบทอง เติบโตมาจากการเลี้ยงดูของตากับยาย ในอำเภอพรหมพิราม แต่ยายก็เสียชีวิตไปตั้งแต่เธออายุได้ 6 ขวบ ต่อมาตาที่เลี้ยงดูเธอเพียงคนเดียวประสบอุบัติเหตุ สมองกระทบกระเทือนทำให้สติฟั่นเฟือน เธอจึงย้ายมาอยู่กับป้าและลุงผู้เป็นสามี ที่อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆ ในซอกแคบๆ พอให้ได้ซุกหัวนอน ป้าของเธอไม่มีอาชีพอะไร ส่วนลุงหาปลาขาย ซึ่งรายได้ก็ไม่แน่ไม่นอน



    [​IMG]


    ทุกวันนี้สไบทองต้องทำงานอย่างหนัก ด้วยจิตสำนึกที่คิดอยากจะช่วยหรืออยากตอบแทนป้าบ้าง โดยการทำงานอย่างทุกอย่างที่กำลังของตัวเองจะสามารถทำได้ ทุกๆ วันหลังเลิกเรียนเธอไม่เคยได้สัมผัสชีวิตแบบเด็กวัยรุ่นทั่วไป ไม่เคยได้วิ่งเล่น ไม่เคยออกไปเที่ยวเตร่ เพราะเธอต้องรีบไปรับน้องชาย (หลานของป้า) พากันกลับบ้าน "เล่นไปไม่ได้อะไร รีบกลับมาทำงานบ้านดีกว่า" นี่คือคำพูดใสซื่อที่ออกมาจากใจ สไบทอง

    จากนั้นเธอต้องมีหน้าที่ปั่นซาเล้งคู่ใจคันเก่าๆ โทรมๆ เอาปลาที่ลุงหามาได้ไปขาย แต่ถ้าวันไหนไม่มีปลาก็ใช่ว่าเธอจะหยุดอยู่นิ่ง เพราะเธอก็จะปั่นซาเล้งออกไปเก็บขยะ เก็บขวด เก็บของเก่าเพื่อนำไปขาย กว่าจะได้เหยียบย่ำเข้าบ้านพระอาทิตย์ก็เลยลับขอบฟ้าพระจันทร์ขึ้นมาแทนที่ไปนานแล้ว ซึ่งเธอเริ่มทำแบบนี้มาตั้งแต่ชั้น ป.3

    กิจวัตรทุกๆ วันหลังจากเก็บของเก่า เธอจะอาบน้ำอาบท่าและกินข้าว . . .จานข้าวที่เธอกินประจำประกอบไปด้วยข้าวล้นจาน ส่วนกับข้าวมีเพียงน้อยเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นเธอก็จะล้างจานหรือทำงานบ้านต่ออีกเล็กๆ น้อยๆ เสร็จภารกิจต่างๆ ก็ถึงเวลาที่ต้องหยิบเอาการบ้าน หรือหนังสือเรียนออกมาทบทวน ซึ่งกว่าเธอจะทำอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่าแล้ว ถึงจะได้เข้านอน ขณะที่เด็กคนอื่นในวัยเดียวกันคงเข้านอนก่อนเธอไปนานแล้ว ​

    แต่เช้าวันเสาร์และอาทิตย์ก็ใช่ว่าเธอจะหยุดพักผ่อน แต่กลับเป็นวันพิเศษกว่าทุกๆ วัน เพราะเธอต้องตื่นนอนตั้งแต่ ตี 3 ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของป้าไปตลาด เพื่อหาซื้อผักมาขาย แต่ก่อนที่จะปั่นซาเล้งไปขายผัก เธอต้องสวมบทบาทเป็นแม่บ้านไปรับจ้างทำงานบ้านให้กับเพื่อนบ้านละแวกนั้น แลกกับเงิน 100 บาท ถึงจะกลับมาเอาซาเล้งคู่ใจคันหนัก ที่อุดมไปด้วยพืชผักนานาชนิด ไปปั่นตระเวนขายตามบ้านต่างๆ ทั้งใกล้และไกล



    [​IMG]


    "ถ้าเป็นเด็กคนอื่นๆ รุ่นนี้คงจักรยานยนต์หัวแดงไปแล้ว แต่เด็กคนนี้เลือกที่จะทำมาหากินช่วยครอบครัว" คำพูดบอกเล่าของผู้ที่พบเห็นสไบทองเป็นประจำเล่าให้กับทีมงานฟัง ​

    ในชีวิตของสไบทอง ทุกวันเธอต้องทำงานหนักเกินวัย ตั้งแต่เช้าตรู่ยันค่ำมืด ไม่มีวันหยุด เธอบอกว่า อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้อะไร อยู่ไปก็ไม่ได้เงิน ก็เลยออกมาช่วยทำมาหากิน ไม่มีใครบอกให้ทำ เธออยากทำเอง เพราะอยากเก็บไว้เป็นทุนเรียน เก็บไว้ให้ป้าซื้อข้าวสาร และเก็บไว้ให้ตา เพราะตาอยู่คนเดียว (เธอจะไปเยี่ยมตาทุกเดือน เดือนละ 3 ครั้ง เอาเงินและข้าวสารไปให้)

    ทุกวันนี้ความหวังและความฝันของเด็กหญิงสไบทอง คือการที่แม่ของเธอจะหายเป็นปกติ และเธอสามารถรับแม่มาอยู่ด้วยกันได้ มีบ้านเป็นของตัวเอง พร้อมกับรับตาที่ห่วงใยมาอยู่ด้วยกัน ให้เหมือนกับครอบครัวของคนอื่น ​

    เงิน 100 บาทสำหรับเด็กบางคนอาจได้แค่ไอศรีมแค่ 1 แท่ง แต่เงินตั้ง 100 บาท ของเด็กผู้หญิงสไบทองกลับต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงาน เพื่ออยากตอบแทนผู้มีพระคุณ



    [​IMG]ติดตามเรื่องราวชีวิตของสไบทอง เด็กหญิงหัวใจทองคำได้ในรายการคนค้นฅน วันอังคารที่ 30 กันยายนนี้ เวลา 22.15 น.


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก ทีวีบูรพา และพันทิพดอทคอม
    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...