โล๊ะ!!!!! ทุกรายการ 100 บาท...เริ่มหน้า 676 เป็นต้นไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ญาณวโร นามะ, 4 มกราคม 2017.

  1. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5261.""แก้อาถรรพ์คุณไสย หนุนดวงหนุนชีวิต ของดีน่าใช้อีกชิ้นหนึ่ง""" ราหูอมสุริยะ เนื้อผงกะลาตาเดียว หลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ พระเกจิดังทั่วประเทศนั่งปรกเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2538 ฤกษ์มหาอำนาจ เวลา 09.09.53 น. (วันสุริยุปราคาเต็มดวง) หลวงพ่อเกษม ท่านสร้างเครื่องราง-ของขลังน้อยมาก ถือเป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวของท่านรวบรวมสุดยอดมวลสาร วัตถุมงคลหายาก ตามพิธีกรรมโบราณ ***แบ่งให้บูชา 600 บาท***ปิดครับ

    แก้อาถรรพ์คุณไสย หนุนดวงหนุนชีวิต ของดีน่าใช้อีกชิ้นหนึ่งของหลวงพ่อเกษม เขมโกราหูอมสุริยะ เนื้อผงกะลาตาเดียวผสมผงพุทธคุณ รุ่นสุริยุปราคา ปี2538 เครื่องรางที่หายสาบสูญมากว่า 15 ปีแล้วเพราะเหตุ 3 ประการ 1.ไม่มีวัตถุดิบ(กะลาตาเดียวแท้ ๆ) 2.ไม่มีเกจิอาจารย์ที่วิชาแก่กล้าพอที่จะปลุกเสก 3.ไม่มีวันสุริยุปราคา(ต้องรออีก 75 ปีถึงจะทำพิธีแบบนี้ได้อีกครั้ง) เครื่องรางที่จะนำพาความร่ำรวยมาสู่ท่านได้ทันทีอย่าง ที่ท่านต้องการ รวยและเฮงแบบที่ท่านรู้สึกและสัมผัสได้ "กะลาตาเดียวราหูอมสุริยะ" หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง ทำจากกะลาตาเดียวแท้ ๆ องค์นี้ใช้ผงกะลาตาเดียวมาบดด้วยมือหลวงพ่อ จากนั้นนำไปผสมว่าน 108 แล้วจุ่มลักแท้ และ เกจิครูบาอาจารย์สุดยอดแห่งความขลังที่ทุกคนยอมรับหลวงพ่อ ท่านปลุกเสกอธิษฐานจิตเฉพาะทางแห่งความร่ำรวย อธิษฐานจิตปลุกเสกในวันที่ 24 ตุลาคม 2538 ตามฤกษ์มหาอำนาจ เวลา ๐๙.๐๙.๕๓ น. ณ สำนักสุสานไตรลักษณ์ประตูม้า จังหวัดลำปาง กะลา ที่เป็นวัตถุมงคลธรรมชาติที่มีดีมีเทพรักษาอยู่ในตัวก็คือ กะลาตาเดียว จะมีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ที่ผิดแผกไปจากธรรมชาติของกะลาทั่วไปก็คือ จะมีปากที่เป็นรูงอกหน่อหนึ่งรูและก็จะมีตาส่วนที่บุ๋มลงไปเพียงหนึ่งตาเท่า นั้น โดยจะมีเส้นสาแหรกแบ่งกะลาออกเป็นสองส่วน กะลาชนิดนี้เป็นวัตถุมงคลที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แม้ยังไม่นำมาทำพิธีกรรมก็สามารถใช้ได้แล้วแต่ไม่ดีมากนัก แต่ถ้าหากนำมาแกะเป็นรูปพระราหูแล้ว เข้าพิธีปลุกเสกผ่านพิธีกรรมที่ถูกต้องแล้วจะเป็นของขลังที่ส่งพลานุภาพให้ กับผู้บูชาได้สมปรารถนาทุกปราการ แต่การที่จะหากะลาตาเดียวนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากพอสมควร เพราะว่ากะลามะพร้าวทั่วไปเป็นหมื่นเป็นแสนลูกจึงจะเจอสักลูกสองลูก ถ้าผู้ใดเจอก็นับว่าโชคดีของผู้นั้นไป นำมาใช้เพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการทำมาหากินให้กับครอบครัว ไม่มีคำว่าอดอยากสมบูรณ์ทุกอย่างในการทำมาหากินประกอบอาชีพทุกๆอาชีพ กะลาตาเดียวที่ผ่านพิธีกรรมที่สมบูรณ์จริงๆ มาแล้วในตำราทักษามหาพยากรณ์นั้นได้กล่าวไว้ว่า เมื่อบุคคลใดก็ตามถูกพระราหูเสวยอายุหรือพระราหูแทรก ในช่วงเวลานั้นจะเกิดความรุ่มร้อนมีเคราะห์ต่างๆ เพราะพระราหูนั้นเป็นเทพอสูรเป็นความบาปเคราะห์ แม้ยามที่พระราหูจะจรพ้นการเสวยอายุหรือแทรกอายุไป ก็ยังแผลงฤทธิ์ตอนเข้าหรือตอนออกด้วย ในทักษาจึงกำหนดไว้ว่า เมื่อพระราหูเสวยอายุหรือแทรก จะต้องทำพิธีต้อนรับพระราหูและตอนที่พระราหูจรออกต้องทำพิธีส่งพระราหู หาไม่แล้วจะเดือดร้อนจนไม่อาจประคองตัวได้ถึงกับล้มละลายหรือประสบกับพิบัติ ต่างๆ กับตัวเองหรือบุคคลรอบข้างได้ แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่บุพราจารย์โบราณใช้บรรเทาฤทธิ์ของราหูได้เป็นอย่างดี คือ กะลาตาเดียวนั่นเอง อำนาจอานุภาพสรรพคุณของกะลาตาเดียวที่นำมาแกะป็นราหูและผ่านพิธีกรรมที่สมบูรณ์มาแล้วที่ขึ้นชื่อที่สุดคือ 1.เป็นอำนาจทางคงกระพันชาตรี เป็นมหาอุดอย่างยอดเยี่ยมที่สุด 2.มีอำนาจในทางป้องกันภูตผีปีศาล ทำลายอำนาจมนต์ดำ ลบล้างอำนาจคุณไสย กันผีกันคุณไสย เสนียดจัญไรต่างๆ ลมพัดลมเพได้ดีที่สุด 3.เป็นสื่อนำทรัพย์สินเงินทอง ข้าวปลาอาหารสิ่งดีๆต่างๆมาสู่ผู้บูชา คำว่าอดอยากเป็นไม่มี คือสามารถหาเงินทองมาได้ตลอดไม่ขัดสน 4.มีความเจริญในการทำมาหากิน เรือกสวนไร่นา รับราชการ มียศถาบรรดาศักดิ์ ค้าขายร่ำรวยทุกอาชีพหากินไม่ขัดข้องตามอาชีพ 5.เป็นเมตตามหานิยมสำหรับผู้พบเห็นเข้าหาเจ้านายหรือเพศตรงข้าม 6.ใช้รักษาโรค "กะลาตาเดียวราหูอมสุริยะ" หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ที่ว่าวิธีปลุกเสกปราณีตอย่างที่หาไม่ได้แล้วนั้นเป็นอย่างไร? วัตถุดิบก็หาได้ยากยิ่งอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว เป็นเครื่องรางที่หาที่เปรียบไม่ได้ด้วยอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์และเร้น ลับแห่งความขลัง เป็นของดีในตัวของตัวเอง ที่คนโบราณใช้ติดตัวเดินทางปลอดภัยและนำโชคอยู่เสมอ กรรมวิธีการสร้างเป็นแบบโบราณที่ละเอียดปราณีตมาก ต้องใช้น้ำแม่น้ำ 4 แม่ คือ แม่ปิง แม่วัง แม่ยม แม่นาน มาใส่แช่ในถังไว้ ล้างแล้วนำมาตากแห้งโดยระหว่างนั้นจะมีพระสวดเบิก(สวดชยันต์โต) เก็บไว้ในโบสถ์อีก 3 วัน แล้วนำมาอุดผงว่าง 108 อย่างเพื่อทำเป็นเครื่องรางและผ่านการอธิษฐานจิตเฉพาะทางแห่งความร่ำรวยใน วันที่ 24 ตุลาคม 2538 ตามฤกษ์มหาอำนาจ เวลา ๐๙.๐๙.๕๓ น. โดย หลวงพ่อเกษม เขมโก ณ สำนักสุสานไตรลักษณ์ประตูม้า "กะลาตาเดียวราหูอมสุริยะ" หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ที่มีคำกล่าวว่า "พุทธคุณไม่มีวันเสื่อม" นั้น เพราะการอธิษฐานจิตพิธีปลุกเสกนั้นทำในวันที่ 24 ตุลาคม 2538 (วันสุริยปราคาที่ต้องรออีก 75 ปีจึงจะมีอีก) ตามฤกษ์มหาอำนาจ เวลา ๐๙.๐๙.๕๓ น. โดย หลวงพ่อเกษม เขมโก ณ สำนักสุสานไตรลักษณ์ประตูม้า เมื่อทำในวันเวลาตามฤกษ์มหาอำนาจแล้ว หลวงพ่อท่านเคยปรารภว่า "พุทธคุณในองค์ไม่มีวันเสื่อม" ดังนี้แล้วย่อมแสดงได้ว่า ไม่ว่าท่านจะพกไว้ที่ไหน เผลอเรอไม่ระวัง ตกหล่นไปที่ใด เดินเหินผ่าน ลอดใต้สิ่งใด หรือเผลอตัวเผลอใจไปทำอะไรไม่ดีมา องค์นี้พุทธคุณไม่มีวันเสื่อม "กะลา ตาเดียวราหูอมสุริยะ" หลวงพ่อเกษม เขมโก สำนักสุสานไตรลักษณ์ ลำปาง ที่ว่า ผงกะตาตาเดียว ว่าน และ วัตถุที่ใช้ผสม หาไม่ได้แล้ว ตัวอย่างว่านเช่น ว่านจันทร์ขาว ว่านจันทร์แดง ว่านเพชรกลับ ว่านกาหลง ว่านกาสะท้อน ว่านหนุมานประสานกาย ว่านเครือสาวหลง รากสะระแหน่ฯ ว่านเงินไหลมา ว่านทองพันชั่ง รากรักยม ไม้งิ้วดำ บรเพ็ชร ฯลฯ ตอบไม่ไหวมีตั้ง 108 อย่าง และยังประกอบด้วย ดินที่หนองเสน่า จ.ลำพูน ซึ่งมีอำนาจทางแก้คุณไสย และข้าวก้นบาตร ของหลวงพ่อเกษม เขมโก (แปลความว่ามีกินไม่มีหมด) มาผสมตามด้วยผงกะลาตาเดียวที่หลวงพ่อท่านบดละเอียดเองมาผสมด้วยมือของท่านเอง ถือว่ามีพุทธคุณสมบูรณ์ยิ่งและเหนือเครื่องรางทั่วไป
    DSC_0118.JPG DSC_0120.JPG DSC_0122.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2021
  2. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5264."ของดีที่อยากบอก"นางพญากรุดอนลาน หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร หลวงพ่อกวย ชุตินธโร ปลุกเสก มีคุณทางเมตตาและอำนวยโชคลาภทั้งหนุนเนื่องวาสนาไม่ให้ตกต่ำเศร้าหมอง สภาพสวย หายากแล้วครับ ****แบ่งให้บูชา 500 บาท****
    หลวงปู่เดินหนบอกว่าพระนี้เป็นพระของเก่า แท้เป็นพระที่เสกมาอย่างดี มีคุณทางเมตตาและอำนวยโชคลาภทั้งหนุนเนื่องวาสนาไม่ให้ตกต่ำเศร้าหมอง หากบูชาให้ดีสวดมนต์ภาวนาทำบุญกุศลสม่ำเสมอจะร่ำรวย บังเกิดมีโชคลาภสมควรกับวาสนาบารมีของแต่ละบุคคลที่สั่งสมมาไม่เท่ากัน ท่านว่าหากบูชาแล้วทั้งใจปฏิบัติดีและมุ่งมั่นประกอบสัมมาอาชีพก็จะเจริญ โดยพระนี้เมื่อหลวงปู่เดินหนเรียกมาแล้วท่านว่าไม่ต้องปลุกเสกซ้ำ เพราะเสกมาดีแล้วทั้งจากผู้ที่เสกมาแต่เดิม และท่านอาจได้ปลุกเสกซ้ำให้แล้วก่อนจะเรียกมาแจกแก่เหล่าศิษย์ หลวงปู่เดินหนกล่าวย้ำว่าของเดิมเขาก็เสกมาดีมากแล้ว ให้ไปเลี่ยมทองแขวนคอเลยอย่านำไปเก็บไว้บนหิ้งเฉย ๆ แบบนั้นจะไม่มีผล ให้แขวนบูชาติดตัวไว้ไปไหนมาไหนอาราธนาบอกกล่าวให้ดี จะปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ทั้งมีกระแสเมตตาเกิดขึ้นแก่ผู้บูชา
    เหล่าศิษย์นึกแปลกในว่าตามปกติเมื่อหลวงปู่แจกของไม่เคยสั่งให้เลี่ยมทอง แต่คราวนี้ท่านกล่าวย้ำหลายครั้งว่าเอาไปเลี่ยมทองใส่แขวนคอนะ ทั้งการแจกพระชุดนี้ท่านให้เฉพาะผู้เข้ารับเท่านั้น จะขอไปเผื่อใครไม่ได้ท่านว่าใครจะเอาเข้ามารับเอง ศิษย์จำนวนมากคลานเข้าไปรับพระทีละฅน กินเวลานานนับชั่วโมงกล่าวจะแจกพระให้เหล่าศิษย์ได้ครบ หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระนี้ฅนเขาไม่รู้ค่าว่าเป็นพระดี เพราะพระนี้สร้างจำนวนมากเขาจึงมองเลยผ่าน ซึ่งหลวงปู่ท่านกล่าวหนักแน่นว่าพระนี้ดีบูชาไว้กับตัวอย่าไปสนใจใคร หากหวังพึ่งพาอำนาจพุทธคุณเชื่อมั่นว่าดีแน่นอน ในคืนนั้นเมื่อแจกพระแก่เหล่าศิษย์ครบแล้วยังเห็นมีพระเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง ศิษย์ที่เห็นได้คลานเข้าไปกราบขอพระเพิ่มเติม แต่หลวงปู่ท่านปฏิเสธแล้วกล่าวว่า **เอามาแจกแค่พอครบฅน ที่เหลือเอากลับไม่ให้ใครแล้ว อยากได้ต่อไปหาเอาเอง พระลักษณะแบบนี้ไปหาเอาดีเหมือนกัน** พูดจบท่านก็ให้ศิษย์มัดห่อผ้าจนแน่น แล้วหลวงปู่ก็ใช้ผ้าขาวคลุมห่อผ้านั้นครู่หนึ่ง แล้วเปิดผ้าขาวดึงผ้าเปิดออก อัศจรรย์เมื่อห่อผ้านั้นก็หายไป ไม่รู้ว่าหายไปทางไหนกลับไปที่ใด เพราะหลวงปู่ท่านไม่ได้บอกและไม่มีใครกล้าถาม
    พระเครื่องที่หลวงปู่เดินหนแจกในคืนนั้น คือ พระนางพญากรุดอนลาน จังหวัดสุโขทัย พระเครื่องชุดนี้ทราบว่าแตกกรุมานับหมื่นองค์ ทั้งไม่มีใครรู้ประวัติการสร้างจึงไม่เป็นที่นิยมเชิงพุทธพาณิชย์ แต่ศิษย์ในสายหลวงปู่เดินหนเมื่อไปพบพระดังกล่าวมักเช่าหาเก็บไว้ ด้วยทราบดีว่าพระดังกล่าวเป็นพระดี เป็นพระที่หลวงปู่เดินหนออกปากชมว่าขลัง ซึ่งพระนางพญากรุดอนลานนี้อยากกล่าวเสริมซักนิดว่า ในอดีตเคยมีศิษย์ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม นำพระชุดนี้มาถวายท่าน หลวงพ่อกวยจึงนำมาปลุกเสกแจกศิษย์ สมัยก่อน อาจารย์สมจิตรเขียนว่าเป็น **พระพิมพ์เม็ดบัว** ซึ่งก็คือพระนางพญากรุดอนลานนี้เอง พระชุดที่หลวงพ่อกวยเสกนี้ตกค้างอยู่ที่วัดโฆสิตารามจนปี พ.ศ. ๒๕๓๕- ๒๕๓๖ มีผู้ไปทำบุญออกมาจากวัดจนหมด และทราบว่าในสมัยก่อนศิษย์หลวงพ่อกวยอย่าง หลวงพ่อเฟื่อง วัดบางสำราญ จังหวัดสิงห์บุรี เคยได้พระนางพญาดอนลานชุดนี้ พร้อมพระเนื้อดินหลายพิมพ์ เช่น พระลีลาลิ้นเป็ด, พระขุนแผน, พระร่วงอุ้มบาตรถอดพิมพ์ ฯลฯ ไปจากหลวงพ่อกวยเพื่อไปออกให้ทำบุญที่วัดบางสำราญ จึงขอนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นข้อมูลให้ท่านทั้งหลายได้ทราบทั่วกัน
    DSC_0175.JPG DSC_0177.JPG
     
  3. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5265.สมเด็จ3ชั้น เนื้อผงจักรพรรดิ์ หลวงปู่ดู่วัดสะแก อยุธยา ยุคปี2527 สภาพสวยเดิมๆ เอาไว้กำนั่งสมาธิ ปัจจุบันราคาขยับสุงขึ้นมากครับ แต่องค์นี้ราคาสบายกระเป๋าครับ ***แบ่งให้บูชา 1700 บาท****
    DSC_0192.JPG DSC_0195.JPG
     
  4. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5266.เหรียญพระพุทธวิริยากร วัดอมรินทราราม ราชบุรี ปี2518 เนื้อทองแดงรมดำ สภาพสวย ***แบ่งให้บูชา 350 บาท***ปิดครับ
    DSC_0208.JPG DSC_0210.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2022
  5. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5267. เหรียญพระครูเซ่ง วัดอินทภูมิ พังงา เนื้อนวโลหะ พิมพ์เล็ก มีโค๊ต ปี 2539 หายาก สร้างน้อย ****แบ่งให้บูชา 650 บาท**** ปิดครับ
    DSC_0212.JPG DSC_0214.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2021
  6. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5268.เหรียญพระเทพวงศาจารย์ รุ่นพิเศษ ที่ระลึกฉลองสมณศักดิ์พระครูวชิรธรรมคุณ ปี 2527 วัดราษฎร์ศรัทธา อ.บ้านแหลม เพชรบุรี ***แบ่งให้บูชา 350 บาท***
    DSC_0216.JPG DSC_0218.JPG
     
  7. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5271.เหรียญหลวงพ่อชื้น วัดมาบข่า ปี 18 หลวงปู่ทิมร่วมปลุกเสก จ.ระยอง ***แบ่งให้บูชา 350 บาท***
    DSC_0246.JPG DSC_0248.JPG
     
  8. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    ปิดครับ
     
  9. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5275. พระขุนแผนไข่ผ่า วัดรัตนชัย(วัดจีน) พิธี จตุรพิธพรชัยปี 2518 ***แบ่งให้บูชา 500 บาท***
    DSC_0353.JPG DSC_0355.JPG
     
  10. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5276.พระเนื้อชิน เลี่ยมนาค แท้เก่า ไม่ทราบที่ ใครทราบที่เอาไปครับ***แบ่งให้บูชา 1800 บาท***ปิดครับ
    DSC_0349.JPG DSC_0351.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2021
  11. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5277.พระผงหลวงปู่ผาด วัดบ้านกรวด รุ่นประทานพร ปี2554 ฝังตะกรุดสวยๆครับ ***แบ่งให้บูชา 400 บาท***
    DSC_0297.JPG DSC_0299.JPG
     
  12. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5278.น้ำเต้าหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ปี14 รุ่น2 หายากครับ สร้างพร้อมพระผงของขวัญ รุ่น4 ปี2514 ***แบ่งให้บูชา 1500 บาท****ปิดครับ
    ผู้หมั่นสักการะบูชาไว้ จะเจริญด้วยลาภ ถ้าไปค้าขายหรือไปหาลาภจะสมปราถนา เป็นสิริมงคลแก่ผู้สวมใส่ และมีไว้ดูดเงินดูดทองบูชาไว้ติดตัว ค้าขายดี ดูดทรัพย์ ดีมากนอกจากนี้ยังมีอิทธิคุณในด้าน หนุนดวงให้ดีขึ้น หนุนให้มีโชคลาถ หนุนให้มีความเจริญรุ่งเรือง หนุนให้การค้าดีทุกด้าน
    DSC_0157.JPG DSC_0159.JPG DSC_0160.JPG
    20211019_155836.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2021
  13. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5279.สมเด็จหลวงปู่นาค วัดระฆัง พิมพ์คะแนน ปี2495 พระองค์เล็กน่ารัก สภาพสวยเนื้อจัดดูง่ายครับ ส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังของสมเด็จโต***แบ่งให้บูชา 400 บาท***
    พระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆัง เป็นพระสมเด็จที่มีส่วนผสมของเศษแตกหักของสมเด็จวัดระฆังที่ท่านได้เก็บรวบ รวมไว้เป็นจำนวนมากจากการที่มีประชาชนนำเศษแตกหักของพระสมเด็จมาทิ้งไว้ที่ วัดและการค้นพบพระสมเด็จจำนวนมากบนหลังคาโบสถ์วัดระฆังซึ่งท่านได้นำพระ สมเด็จที่แตกหักทั้งหมดร่วมกับการสร้างผงพุทธคุณของท่านตามตำรับของสมเด็จโต ทำให้พระสมเด็จของท่านโดยเฉพาะพระในยุคต้น ๆ ช่วงปี ๒๔๘๔-๒๔๙๕ มีเนื้อหามวลสารจัดจ้านน่าบูชายิ่งนัก ซ่ึงนับว่าเป็นพระตระกูลสมเด็จที่มีเนื้อหามวลสารของพระสมเด็จวัดระฆังผสม ไว้มากที่สุด อีกทั้งพุทธคุณก็สูงล้ำในด้านเมตตามหานิยม เป็นที่เสาะแสวงหากันอย่างมาก
    แต่ก็เป็นที่น่าแปลกใจมากพระสมเด็จของ หลวงปู่นาค วัดระฆังไปมีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศดังกล่าวมากว้านซื้อกลับไปยังประเทศของตน เป็นจำนวนมาก ทำให้จำนวนพระสมเด็จของหลวงปู่นาค วัดระฆังในประเทศไทยลดลงเป็นอย่างมาก คาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าในอนาคตพระชุดนี้น่าจะมีค่านิยมไม่แพ้พระสมเด็จ บางขุนพรหม ปี ๐๙ กันเลยทีเดียว

    DSC_0179.JPG DSC_0181.JPG
     
  14. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5280. รูปเหมือนหลวงพ่อเปิ่น + ลูกอมผงยา หลวงพ่อเปิ่น ปี 2533 เนื้อผงยา วัดบางพระ จ.นครปฐม รุ่นสร้างโรงเรียน หายาก น่าบูชามากครับ ***แบ่งให้บูชา 650 บาท***
    55.jpg
     
  15. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5281. เหรียญพระพุทธรูปแม่เจ้าอยู่หัว วัดท่าคุระ อ.สทิงพระ จ.สงขลา ปี 2528 ชุบนิเกิ้ล สภาพสวย ***แบ่งให้บูชา 350 บาท****
    เจ้าแม่อยู่หัว หมายถึง พระพุทธรูปทองคำที่สร้างแทนตัวบุคคล ที่ชาวบ้านท่าคุระ บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือและเชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธ์ซึ่งบรรพบุรุษได้สร้างไว้เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วจึงเป็นมรดกตกทอดมาให้คนรุ่นหลังได้เคารพสักการบูชาสืบต่อกันมา รวมทั้งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่รวมใจเป็นหนึ่งทำให้ลูกหลานเกิดความรัก ความสามัคคีสืบมา
    เจ้าแม่อยู่หัว ประดิษฐานอยู่ที่วัดทุ่งคุระ หมู่ที่ 9 ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ขนาดหน้าตักกว้าง 2 นิ้ว สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยสุโขทัยตอนปลายหรืออยุธยาตอนต้น ประมาณ พ.ศ. 1900 ด้วยความเชื่อถือและศรัทธาว่าเจ้าแม่อยู่หัวมีความศักดิ์สิทธ์ ประชาชนทั่วไปจึงแสดงความจงรักภักดีความกตัญญูกตเวที ความศรัทธาโดยการสมโภชและสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัวทุกปี ด้วยความสามัคคีที่มีเป้าหมายตรงกัน โดยยึดเอาเจ้าแม่อยู่หัวเป็นศูนย์รวมจิตใจ แม้ว่าลูกหลานได้อพยพกระจัดกระจายย้ายถิ่นไปทำมาหากินทั่วประเทศ บ้างก็ไปรับราชการ บ้างก็ไปทำมาค้าขาย แต่ใน 1 ปี เมื่อถึงวันพุธแรกข้างแรมเดือน 6 ก็จะกลับมาเพื่อร่วม “สมโภชสรงน้ำเจ้าแม่อยู่หัว”เป็นพันธะสัญญาของลูกหลานในท้องถิ่น ชาติกำเนิด เจ้าแม่อยู่หัว หรือพระหน่อเชื่อกันว่าเป็นโอรสเจ้าเมืองใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่ท่านผู้เฒ่าเล่าต่อกันมาว่า เมื่อหลายร้อยปีมาแล้วมีเมือง ๆ หนึ่ง สมัยสุโขทัยตอนปลายอยุธยาตอนต้นเจริญด้วยศิลปวัฒนธรรมอย่างยิ่งน่าจะเป็นเมืองนครศรีธรรมราชในปัจจุบัน เจ้าเมืองมีโอรสหนึ่งพระองค์ มีพระนามเรียกขานทั่วไปว่าพระหน่อ พระชนมายุประมาณ 9-10 พรรษา ซึ่งเป็นที่รักใคร่ของพระบิดามารดาและเหล่าอาณาราษฏร เพราะนอกจากพระหน่อเป็นคนฉลาดเฉลียว ยังพูดจาไพเราะอ่อนหวาน ส่วนพระนามที่แท้จริงนั้นไม่สามารถจำได้ เพราะกษัตริย์เป็นสมมุติเทพมีพระนามยาว ๆ หลายพยางค์ พระหน่อสาบสูญ ตามธรรมดาพระหน่อมักจะลงเล่นน้ำสรงน้ำที่ท่าน้ำเป็นประจำ อยู่มาวันหนึ่งแม้ว่าพี่เลี้ยงนางสนมต่างดูแล และระมัดระวังเป็นอย่างดี แต่พระหน่อก็หายไปราวกับเกิดปาฏิหาริย์ ถึงจะค้นหาอย่างไรก็ไม่พบร่องรอย บ้างก็ดำน้ำลงค้นหา บ้างก็วิ่งไปหาบนตลิ่งต่างร้องไห้คร่ำครวญเพราะเสียใจที่เจ้าฟ้าอันเป็นที่รักยิ่งหายไป และเกรงกลังพระอาญา ในที่สุดเมื่อหมดปัญญาจึงได้พากันมากราบทูลให้พระเจ้าอยู่หัว และพระราชินีทรงทราบ พระเจ้าอยู่หัวทรงกริ้วเป็นที่สุดและพระราชินีถึงกับเป็นลมหมดสติไป พอตั้งสติได้ พระเจ้าอยู่หัวจึงทรงรับสั่งให้ทหารมหาดเล็ก เสนาบดีน้อยใหญ่ค้นหาอีกครั้งอย่างละเอียด แม้ได้แต่ร่างไร้วิญญาณก็ทรงพอพระทัยแล้ว ถึงค้นหาอย่างไร ก็ไม่พบอีกนั่นแหละ ถึงพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีจะทรงเสียพระทัยจนสุดที่จะพรรณนา แต่เชื่อในกฎแห่งกรรมและด้วยทศพิธราชธรรม พระองค์ก็มิได้ลงอาญาแก่ผู้ใด คำทำนายโหร เมื่อกษัตริย์ทั้งสองพระองค์ได้พยายามถึงที่สุดแล้ว ก็ไม่เป็นผลเลยรับสั่งให้โหราธิบดีทำนายตรวจดูดวงชะตาราศีของพระราชโอรส หลังจากโหราธิบดีได้ตรวจดูวัน เดือน ปี ลงเลขบวกลบคูณหารตามราศีอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว จึงกราบทูลว่า ดวงชะตาของพระหน่อยังไม่ถึงชีวิต เพียงแต่ตกอยู่ในพระเคราะห์เล็กน้อยด้วยผลบุญกรรมที่เคยทำไว้แต่ปางก่อนที่เสวยอายุ จึงทำให้ต้องพลัดพรากจากเมืองหลวงไป แต่ก็ไปในทางที่ดีจะพบผู้อุปการะอย่างดีและด้วยบุญญาบารมีต่อไปข้างหน้า จะมีเกียรติคุณ เกียรติศัพท์ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป แล้วจะกลับสู่พระราชฐานในไม่ช้า ขอให้ติดตามไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นที่ทุรกันดารเมื่อพระเจ้าอยู่หัวได้พรับฟังคำทำนายของโหรแล้ว ก็ตรัสให้เหล่าทหารมหาดเล็กจัดกำลังพลแยกย้ายกันออกเดินทางไปติดตามหาพระหน่อทางทิศใต้ โดยกำชับว่าหากไม่พบพระหน่อก็ไม่ต้องกลับเมืองหลวงแม้จะใช้เวลาสักเพียงใดก็ตาม ชีวิตใหม่ของพระหน่อ แต่เดิมนั้นเมืองพัทลุงตั้งอยู่ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ปัจจุบัน โดยมีกษัตริย์ปกครองติดต่อกันหลายพระองค์ เช่น พระเจ้ากรุงทอง ปกครองตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลายพระเจ้าธรรมรังศัล ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยา เมืองพัทลุงจึงมีประวัติสัมพันธ์กับกรุงศรีอยุธยาหลักฐานที่สำคัญปรากฏในการก่อสร้างวัดพะโคะ เมื่อ พ.ศ. 2057 ณ หมู่บ้านหนึ่งอยู่ทางทิศใต้ เมืองศิริธรรมนคร หรือ นครศรีธรรมราชในปัจจุบัน และทิศเหนือเมืองพัทลุงเรียกว่า บ้านพราหมณ์จัน ห่างจากวัดพะโคะ ประมาณ 2 กิโลเมตร มาทางทิศใต้และทิศเหนือของวัดท่าทอง หรือปัจจุบันเรียกว่าวัดท่าคุระประมาณ 1 กิโลเมตร บ้านพราหมณ์จัน ปัจจุบันเพี้ยนมาเป็นบ้านแพรจัน อยู่ในเขตปกครองหมู่ที่ 9 ตำบลคลองรี อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลาเป็นส่วนหนึ่งของแหลมที่ยื่นลงมา ทิศตะวันออกจรดอ่าวไทย ทิศตะวันตกจรดทะเลสาบสงขลาพื้นที่เป็นที่ราบดินเหนียว ปัจจุบันเป็นที่นาของนางไสว ยิ้มละมัย (กลิ่นสุวรรณ) ซึ่งเคยขุดพบถ้วยชาม เครื่องใช้โบราณมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งอยู่ช้านานแล้ว แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ชื่อตาพรหม กับยายจัน ทั้งสองสู่วัยชราอาชีพทำนา เก็บผัก หาฟืน หากุ้ง หาปลา เอาแต่พอกินพอใช้ไม่เดือดร้อนอะไรเพราะเมื่อก่อนมีความอุดมสมบูรณ์ อยากจะกินปลาน้ำจืดก็ไปหาปลาตามลำห้วยหนองคลองบึงหรือในทะเลสาบ อยากจะกินปลาน้ำเค็มก็ไปหาปลาทะเลอ่าวไทย อยู่มาคืนหนึ่ง ตาพรหมฝันว่า เห็นช้างเผือกเชือกหนึ่งกำลังเล่นน้ำอยู่ แกได้จับมาเลี้ยงไว้ที่บ้าน แต่อยู่ได้ไม่นานช้างเผือกนั้นก็สูญหายไป ตา ยาย ก็แก้ความฝันไปต่าง ๆ นานา พอรุ่งเช้าตาพรหมก็ออกจากบ้านเพื่อไปหาปลาน้ำเค็มกิน ยายก็ช่วยจัดข้าวห่อ หมากพลู ใบจาก ยาเส้น เตรียมให้ตา ตาออกจากบ้านมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกคือบ้านแล ปัจจุบันอยู่ใกล้วัดชะแม ตำบลดีหลวง ตาพรหมหากุ้งปลาได้พอสมควรแล้วหยุดพักกินข้าวห่อแล้วเหลือบไปเห็นสิ่งหนึ่งลอยติดตลิ่ง แกก็ไปดูใกล้ ๆ เลยพบว่า เป็นเด็กผู้ชายเนื้อตัวของเด็กเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำเต็มไปหมด แต่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจว่า ชีพจรยังทำงานปกติจับดุหน้าอกหัวใจก็เต้น เนื้อตัวก็ยังอุ่น ตารีบทำความสะอาดเด็กแล้วเอาน้ำจืดในกระบอกที่เตรียมไว้ดื่มเทบนร่างของเด็ก เพื่อชำระคราบน้ำเค็มและตะไคร่น้ำ ตาพรหมปฐมพยาบาลจนเด็กรู้สึกตัวได้สติ แกดีใจและแปลกใจระคนกันไปหมด เลยลืมสัมภาระและกุ้งปลาที่หามาได้จนหมดสิ้น แล้วรีบยกร่างเด็กขึ้นบ่าเพื่อพากลับบ้าน ระหว่างเดินทางก่อนถึงบ้าน ตาก็ได้หยุดที่บ่อน้ำตักน้ำมาลูบตามเนื้อตัวเด็กอีกครั้งหนึ่ง และหยดน้ำให้ดื่มจนเด็กกระปรี้กระเปร่าขึ้น แกก็อุ้มต่อไปจนถึงบ้าน ด้วยความดีใจตาตะโกนเรียกยายจันให้ลงมาดู โดยที่ตนเองยังไม่ได้ขึ้นบันได ตาขึ้นบนบ้านวางเด็กให้นอนดื่มน้ำ ดื่มท่า แล้วยายต้มน้ำอุ่นอาบให้เด็ก พร้อมกับประแป้งแต่งกายให้เรียบร้อย ตาตั้งสติได้เลยเล่าถึงความเป็นมาเป็นไปที่ได้นำเด็กมาจนยายเข้าใจ เวลาล่วงเลยไปหลายวัน ตา ยาย เลี้ยงดูเด็กเป็นอย่างดี จนปลอดภัยแข็งแรงขึ้น มีอาการปกติทุกประการ ตา ยาย สังเกตดูบุคลิก ลักษณะ ผิวพรรณ รูปร่าง หน้าตาและคำพูดจาของเด็กแล้วทั้งสองรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก โดยเฉพาะคำพูดสำเนียงอ่อนหวาน ตาและยายไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ตาและยายสอบถามความเป็นมาของเด็กว่าเป็นมาอย่างไร เป็นบุตรของใคร เด็กเล่าให้ตากับยายฟังพอจับใจความได้ว่าเขาคือพระหน่อราชโอรสกษัตริย์เมืองเหนือ เมื่อตากับยายได้รับทราบดังนั้นก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสได้เลี้ยงดูราชโอรส คิดว่าเป็นบุญวาสนาของตน ทั้งสองตา ยาย ได้ปรึกษาและลงความเห็นว่า หากเปิดเผยความจริงให้ใครรู้ว่าเด็กที่ตา และยายเลี้ยงคือพระหน่อ เป็นโอรสของกษัตริย์ อาจเป็นอันตรายของพระหน่อและตายายได้ จึงอธิบายให้พระหน่อเข้าใจและพร้อมใจกันปกปิดความจริงเอาไว้ ข่าวของตาพรหม ยายจัน พบเด็กแล้วนำมาเลี้ยงไว้ที่บ้านเผยแพร่ไปจนเพื่อนบ้านใกล้ไกลในระแวกนั้นมาเยี่ยมเยือนมากมาย ยิ่งเห็นบุคลิกลักษณะพูดจาไพเราะ อ่อนหวาน จึงทำให้เกิดความเคารพนับถือ ยำเกรง ต่างก็เจ้าใจว่าเด็กคนนี้มีบุญญาบารมี บางคนเจ็บไข้ได้ป่วย มีความทุกข์เดือดเนื้อร้อนใจ ได้มีโอกาสพูดคุยกับพระหน่อตามอัธยาศัยก็สามารถหายไข้ คลายทุกข์ได้ บางคนปรารถนาสิ่งหนึ่งสิ่งใด ได้อธิษฐานบนบานก็ได้รับผลสำเร็จ เมื่อเกิดเหตุอัศจรรย์และมีปาฏิหาริย์เช่นนี้ประชาชนทั่วไปต่างให้ความเคารพนับถือพระหน่อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่างก็มากราบไหว้และนำสิ่งของฝาก ทำให้ตายายเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปเช่นกัน และฐานะตา ยาย ก็ดีขึ้นตามลำดับ ทหารและมหาดเล็กพบพระหน่อ อยู่มาวันหนึ่ง ตาและยายออกไปธุระนอกบ้านปล่อยให้พระหน่อเฝ้าบ้านคนเดียว พวกมหาดเล็กที่พระเจ้าอยู่หัวให้มาติดตามพระหน่อเดินทางมาถึงบ้านตายาย และช่วยกันไล่จับไก่ พระหน่อได้ยินจึงพูดทักทายห้ามปรามว่า “ไล่จับไก่ทำไม” พวกทหารได้ยินเสียงนั้นถึงกับชะงัก เพราะเป็นสำเนียงที่คุ้นหู และไม่ใช่เป็นเสียงคนในละแวกนี้แน่ จึงพากันขึ้นไปบนเรือนและขอน้ำดื่มพวกทหารต่างสังเกตพฤติกรรมของพระหน่อแล้วต่างก็มั่นใจว่าเด็กคนนี้คือพระหน่ออย่างแน่นอน เพียงแต่ผิวพรรณหมองคล้ำ แต่งกายแบบชาวบ้านทั่วไปเพราะอยู่บ้านไร่ปลายนาเสียนาน เมื่อมั่นใจแน่นอนแล้ว พวกทหารมหาดเล็กต่างก็หมอบลงกราบบังคลทูลให้พระหน่อทราบว่า พวกตนได้รับมอบหมายจากพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีให้ออกติดตามพระหน่อเพื่อกลับพระราชวังพระหน่อสังเกตเหล่าทหารและมหาดเล็กที่กราบทูล ทรงมั่นพระทัยว่าเป็นข้าราชการสำนักของราชบิดา และไม่เป็นอันตรายกับพระองค์แน่ จึงยอมรับและเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้มาอยู่ตา ยาย ให้พวกทหารมหาดเล็กฟัง และก่อนจะตัดสินใจอย่างไรให้รอจนกว่าตา ยาย กลับมาบ้านก่อน แล้วจึงปรึกษา หารือกัน ตกเย็น ตา ยาย กลับมาถึงบ้าน เห็นผู้คนแปลกหน้าอยู่บนบ้านหลายคน เป็นชายหนุ่มและแต่งกายไม่เหมือนกับชาวบ้านธรรมดา เลยคิดไปว่าคงเกิดเหตุร้ายกับพระหน่อแน่ แต่ก็โล่งอกเมื่อเห็นพระหน่อออกมาต้อนรับด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส และรับสัมภาระจากตา ยาย เก็บเข้าที่ เอาน้ำมาให้ตา ยาย ดื่ม ถึงอย่างไรก็ตาม ตา ยาย ยังไม่หายกังวลอยู่ดี ตา ยาย ดื่มน้ำเสร็จนั่งพักพอหายเหนื่อยพระหน่อก็แนะนำให้เหล่าทหารรู้จักทำความเคารพ ตา ยาย แล้วเล่าเหตุการณ์พร้อมกับบอกจุดประสงค์ของพวกทหารมหาดเล็กที่มาที่นี่ ตา ยาย เมื่อทราบว่าพวกทหารติดตามมาเพื่อจะนำกลับเมืองหลวงต่างก็เสียงใจอย่างยิ่ง มีความตื้นตันใจ สับสนไปหมด เพราะต่างรักพระหน่อเหมือนลูกในอุทร พระหน่อเป็นแก้วตา ดวงใจ ของตา ยาย และคนในท้องถิ่นนี้ ที่สุดตา ยาย ก็ทำใจได้และร่วมปรึกษากับทหารมหาดเล็กว่า หากจะพาพระหน่อไปเมืองหลวงเลย เกรงว่าจะเป็นอันตราย และเพื่อความปลอดภัยให้แบ่งทหารออกเป็นสองพวก คือ พวกหนึ่งให้อยู่ ที่บ้านตา ยาย เพื่อดูแลอารักขาพระหน่ออยู่ก่อน อีกพวกหนึ่งให้เดินทางไปกราบทูลให้พระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีทรงทราบ ข่าวพวกทหารมหาดเล็กเดินทางมาบ้านตาพรหม ยายจัน เพื่อนำพระหน่อกลับเมืองหลวงทราบถึงชาวบ้านทั่วไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความศรัทธาต่อพระหน่อที่มีอยู่เดิมแล้วยิ่งทวีคูณขึ้นเป็นลำดับ ในวันหนึ่ง ๆ ประชาชนมาเยี่ยมชมบารมีไม่ขาดระยะบ้างมาเพื่อเยี่ยมชนบารมี แสดงความจงรักภักดีบ้างขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล จนทำให้บ้านของตายาย คับแคบไปถนัด พวกทหารมหาดเล็กที่คอยรับใช้พระหน่อ ได้ร่วมมือกับชาวบ้านหมู่บ้านพราหมณ์จัน ช่วยตัดได้สร้างบ้านตายายให้กว้างกว่าเดิม แล้วขุดคูรอบบ้าน ขุดสระสองลูกคือสระสังข์แก กับสระแพรจัน สร้างทางจากหมู่บ้านไปทางทิศใต้จรดทะเลสาบเขตหมู่บ้านท่าทอง (ท่าทอง หมายถึง ท่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ที่มีพืชพันธุ์ธัญญาหารสัตว์น้ำนานาชนิด ปัจจุบันเรียกว่า บ้านท่าคุระ หมายถึง ท่าที่มีต้นคุระ) ทางสายดังกล่าวต่อมาใช้เป็นเส้นทางนำซากศพไปเผาหรือฝังในป่าช้า ชาวบ้านเลยเรียกว่าทางผี ติดปากจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปรากฏหลักฐานให้คนรุ่นหลังเห็นตราบทุกวันนี้ พระราชบิดา – มารดา เสด็จมารับพระหน่อ ฝ่ายทหารมหาดเล็กที่เดินทางกลับเมืองหลวง เมื่อเดินทางเข้าถึงได้เข้าเฝ้ากราบบังคมทูลให้พระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ซึ่งเป็นที่ปลาบปลื้มปิติยินดีทั้งสองพระองค์ และข้าราชบริภารทั้งหลายพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้โหราธิบดีตรวจดูฤกษ์ยามตามประเพณีนิยม และขบวนทหารเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนโขนหนังการละเล่นต่าง ๆ อย่างครบครัน ออกเดินทางสู่ทิศใต้ จุดมุ่งหมายคือหมู่บ้านพราหมณ์จันบ้านของตาพรหมยายจัน ขบวนเดินทางมาถึงบ้านแล้วมุ่งตรงไปทางทิศตะวันตก ถึงบ้านโหมโรง หรือสำโรง หรือวัดเก่า ปัจจุบันเรียกว่าบ้านบ่อใหม่ มีพื้นที่กว้างขวาง ดินทรายขาวสะอาด ต้นไม้เป็นทิวแถวร่มรื่นและอยู่ไม่ไกลจากบ้านพราหมณ์จันมากนัก พระเจ้าอยู่หัวจึงตรัสให้พวกทหารปลูกสร้างพลับพลาประทับ กษัตริย์ทั้งสองประทับที่พลับพลา หนึ่งคืนแล้วนำเหล่าทหารจำนวนหนึ่งเสด็จไปบ้านตา ยาย เมื่อพระราชบิดา มารดาได้พบพระราชโดรสต่างก็ปิติยินดีเป็นล้นพ้น จนน้ำพระเนตรไหล กษัตริย์ทั้งสองขอพระหน่อจากตายาย เสด็จไปที่พลับพลา พระหน่อขออนุญาตให้ตา ยาย ติดตามไปกับขบวนด้วย พิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ เมื่อถึงพลับพลาพระเจ้าอยู่หัวได้รับสั่งให้โหราธิบดีดูฤกษ์ยาม เพื่อจัดพิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ โหราธิบดีตรวจดูแล้ววันที่เป็นมงคลที่สุดคือวันพุธ แรมหนึ่งค่ำเดือนหก ประชาชนทั่วไปเมื่อทราบว่ากษัตริย์เมืองเหนือได้ติดตามพระโอรสมา และจัดทำพิธีสมโภชรับขวัญ ต่างก็จัดทำอาหารคาว หวาน มาร่วมพิธีกันคับคั่ง พิธีเริ่มวันพุธ แรมหนึ่งค่ำ พระสงฆ์ทำพิธีอันเสร็จพิธีรับขวัญพระหน่อ เมื่อทำพิธีรับขวัญพระหน่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระมหากษัตริย์ทั้งสองจำเป็นที่จะนำพระหน่อกลับเมืองหลวง ซึ่งนำความโศกเศร้าเสียใจแก่ ตา ยาย เป็นอย่างมาก พระราชินีนึกตระหนักถึงความรักที่ ตา ยาย มีต่อพระหน่อ และความจงรักภักดีที่ชาวบ้านมีต่อพระหน่อ พระองค์ท่านซาบซึ้งเป็นที่สุด ก่อนจากไปพระองค์ได้รับสั่งให้นายช่างทำทองตีทองให้แผ่กว้าง แล้วสลักรูปพระหน่อลงในแผ่นทองนั้น มอบให้ตาพรหม และยายจันด้วยความซาบซึ้งน้ำพระทัย พระราชินี ตา ยาย และเรียกแผ่นทองคำสลักพระหน่อว่าเจ้าแม่อยู่หัว เหตุผลเพราะพระราชินีหรือเจ้าแม่อยู่หัวเป็นผู้มอบให้ ส่วนสถานที่สร้างพลับพลาพระราชินีก็ได้ทรงขออนุญาตต่อพระเจ้าอยู่หัวสร้างวัดขึ้นเพื่อเป็นบุญกุศลและมอบให้ชาวบ้านละแวกนั้นที่จงรักภักดีต่อพระหน่อ ชื่อว่าวัดเจ้าแม่ ต่อมาเพื้ยนเป็นวัดชะแม ตำบลดีหลวง มีต้นโพธ์เป็นหลักฐาน บางคนมีความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ได้ไปบนบานศาลกล่าวที่ต้นโพธ์ดังกล่าวตามหลักฐานในพงศวดารเมืองพัทลุงว่า ในสมัยออกขุนเทพตำรวจเป็นเจ้าเมืองพัทลุง (อำเภอสทิงพระ) มีผู้ศรัทธาสร้างเจดีย์วิหารหลายวัด เช่น พระมหาเทพ สร้างพระวิหารและเจดีย์วัดแจระ(หัวแจระ) พระครูธรรมรังสี ลำราม สร้างพระวิหารวัดเบิก พระครูพิชัย สร้างพระวิหารวัดชะแม พระมหาเถรพรหม สร้างพระวิหารวัดมีไชย (สนามไชย) สร้างวัดท่าทอง หรือวัดทุ่งคุระ เมื่อพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีได้จัดการภารกิจต่าง ๆ ตามประสงค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเสด็จกลับพระราชวังพร้อมด้วยพระหน่อ ตาพรหมกับยายจันยังอยู่ที่หมู่บ้านพราหมณ์จันเหมือนเดิม เก็บรักษารูปสลักของพระหน่อในแผ่นทองคำไว้อย่างดีแม้ไม่มีพระหน่อตัวจริงแล้ว ก็ตามแต่ ประชาชนทั่วไปยังให้ความเคารพนับถือบนบานตามที่เคยกระทำมาเหมือนตอนที่พระหน่อยังอยู่และได้รับผลสำเร็จทุกประการ ตา ยาย และชาวบ้านจึงพร้อมใจกันยึดเอาวันพุธแรกข้างแรมเดือนหก ตามที่พระพุทธเจ้าอยู่หัวจัดพิธีสมโภชรับขวัญพระหน่อ กลางคืนมีมโนราห์แสดงให้ชมรุ่งเช้าวันพฤหัสบดี ใครบนบานศาลกล่าวไว้ว่าอย่างไรก็แก้บนเสีย เช่นบางคนบนไว้ รำมโนราห์ บนบวชชีก็แล้วแต่ พระหน่อเจริญวัยคิดถึงตา ยาย ด้วยความกตัญญูกตเวทีและมีพระเมตตาจึงกราบบังคมทูลบิดามารดา เสด็จมาเยี่ยมตา ยาย และจะรับไปอยู่ด้วยในฐานะพระประยูรญาติผู้ใหญ่ในพระบรมราชวังด้วยกษัตริย์ทั้งสองเห็นด้วยกับพระราชโอรสและได้ร่วมเสด็จเยี่ยมตา ยาย ด้วย ตากับยายเมื่อกษัตริย์มาเยี่ยมถึงบ้านรู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก ราษฏรทั่วไปก็เผ้ารับเสด็จอย่างพร้อมเพรียง ด้วยความจงรักภักดี พระหน่อได้แจ้งถึงจุดประสงค์ที่มาเยี่ยมครั้งนี้เพราะเห็นว่า ตายายชราภาพมากแล้ว สมควรไปอยู่ที่สบาย ๆ มีคนคอยดูแลอย่างใกล้ชิด หากปล่อยให้ตา ยาย ยังคงอยู่ในหมู่บ้านพราหมณ์จัน พระองค์จะมาเยี่ยมบ่อย ๆ ก็ไม่สะดวก ตา ยาย รักและหวงแหนแผ่นดินเกิด และญาติพี่น้องสักปานใดก็ตาม แต่เข้าใจในความปรารถนาดีและซึ่งในน้ำใจของพระหน่อที่กตัญญู เลยจำใจต้องรับคำ และก่อนไปตา ยาย จึงทูลขอให้พระเจ้าอยู่หัว พระราชินีและพระหน่อได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นวัดหนี่งซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านพราหมณ์จัน สลักรูปพระหน่อมาไว้ในวัดโดยให้เจ้าอาวาสและประชาชนในหมู่บ้านช่วยกันรักษา เหตุผลที่ตา ยาย เลือกเอาท่าคุระตั้งวัดเพราะวัดท่าคุระสมัยนั้นสะดวกในการเดินทางลูกหลานฝั่งตะวันตกและตะวันออก ทางใต้ที่รู้กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่อยู่หัวได้มาร่วมพิธีได้สะดวก เมื่อสร้างวัดและทำพิธีฉลองเสด็จ ตา ยายต้องเดินทางไปอยู่ในเมืองหลวงกับพระหน่อ วัดท่าคุระบางคนเรียกว่า วัดท่าทองบ้าง วัดตา ยาย บ้าง เหตุผลที่เรียกวัดตายาย คงเป็นเพราะตา ยายเป็นผู้ริเริ่มกระมัง นำแผ่นทองคำหล่อพระพุทธรูป ต่อมาด้วยความโลภเป็นแก่ส่วนตัว ผู้ที่เคารพศรัทธาบางคนที่ใกล้ชิดขอตัดแผ่นทองคำคนละนิดละหน่อย เพื่อนำไปบูชาที่บ้านตนเอง หรือบางคนขโมยไปขาย ทำสร้อยคอ ทำกำไล ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ทำให้แผ่นทองคำนั้นสึกกร่อนลงไปทุกที คนที่นำไปทำเป็น สร้อย ทำกำไล ทำต่างหู ทำให้เกิดแผลพุพอง เน่าเปื่อยตามคอ หู หรือข้อมือ หรือมีเหตุเป็นไปต่าง ๆ นานา เลยทำให้บุคคลเหล่านั้นเกิดความกลัง เลยนำกลับมาไว้ที่เดิม ความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวพระราชินี และพระหน่อ เลยตรัสให้เอาทองคำที่เหลือเหล่านั้น หล่อเป็นพระพุทธรูปเก็บไว้ในผอบอย่างดี ในปีหนึ่งลูกหลานสามารถเห็นพระพุทธรูปแม่เจ้าอยู่หัวได้ครั้งเดียวตอนสรงน้ำ ในวันพุธแรกข้างแรมเดือนหกเท่านั้น ซึ่งทำติดต่อกันมานับร้อยปีมาแล้ว และลูกหลานเจ้าแม่อยู่หัวเราต้องรักษาประเพณีสืบไป ประเพณีงานตายายย่าน งานตายายย่าน คือ งานแสดงความเคารพนบนอบหรือการแสดงความกตัญญูกตเวที ต่อองค์เจ้าแม่อยู่หัว ของวัดท่าคุระ อำเภอสทิงพระ จังวัดสงขลา เมื่อเอ่ยนาม “เจ้าแม่อยู่หัว” วัดท่าคุระ ก็จะรู้จักกันทั่วไปในหมู่บ้านชาวอำเภอระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ และอำเภออื่น ๆ โดยเฉพาะแถบลุ่มทะเลสาบซึ่งเป็นลูกหลานของชาวบ้านท่าคุระ และได้กระจัดกระจายอยู่กันทั่วไป เจ้าแม่อยู่หัว เป็นพระพุทธรูปทองคำ ปางสมาธิหน้าตักกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ส่วนสูงประมาณ 25 เซนติเมตร เป็นสมบัติล้ำค่า บรรพบุรุษเก็บรักษาไว้ที่วัดท่าคุระ เป็นเวลานานหลายชั่วอายุคน ในรอบปีหนึ่ง ๆ เมื่อเวียนมาถึงเดือน 6 ข้างแรมวันนี้จะมีงานเทศกาลประจำปี ชาวบ้านเรียกกันว่า “งานตายายย่าน” เริ่มงานวันพุธตอนบ่าย ด้วยการนำพระพุทธรูปเจ้าแม่อยู่หัวออกสรงน้ำ จากนั้นก็นิมนต์พระสงฆ์สวดสมโภชและแก้บนด้วยวิธีต่าง ๆ และปัจจัยไทยทานทางอื่น ๆ อีกมาก การแก้บนที่สำคัญยิ่ง ซึ่งเจ้าแม่อยู่หัวโปรดมากที่สุดก็คือการรำมโนราห์ถวาย เรียกกันว่ารำโรงครู การรำโรงครูก็คือการรำมโนราห์ ตามแบบฉบับดั้งเดิม เริ่มต้นด้วย ตั้งเครื่องโหมโรงประกาศราชครูรำเบิกโรง – รำแม่บท ออกพราน รำคล้องหงส์ แทงจระเข้ เฆี่ยนพรายและแสดงเรื่องเหล่านี้ คณะมโนราห์ที่แสดงต้องมีความชัดเจนเป็นพิเศษ ในระหว่างการแสดงนั้น ก็มีชาวบ้านซึ่งนับถือกันว่าเป็นลูกหลานของเจ้าแม่อยู่หัว ต่างก็ผลัดเปลี่ยนกันรำแก้บนในโรงด้วย เหล่านี้เป็นกิจกรรมของงาน “ตายายย่าน” ซึ่งชาวบ้านท่าคุระและชาวบ้านอื่น ๆ ต่างยึดถือปฏิบัติต่อเนื่องกันมาทุก ๆ ปี จนกลายเป็นประเพณีสืบเนื่องกันมาช้านาน งานตายายย่าน หรือนัยหนึ่งพิธีการแสดงความเคารพนบนอบต่อเจ้าแม่อยู่หัว เริ่มงานตอนบ่ายวันพุธแรกของเดือน 6 ข้างแรมจะเสร็จพิธีตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น โดยเฉพาะวันพฤหัสนั้น จะมีประชาชนจากต่างอำเภอ ต่างจังหวัด ไปร่วมงานเป็นเรือนหมื่น ทุก ๆ ปี เขาเหล่านั้นต่างมีความสำนึกติดแน่นในสายเลือดว่าเป็นลูกหลานของเจ้าแม่อยู่หัวต้องมากันให้ได้เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวที ได้พบปะแสดงความรักสามัคคีระหว่างเครือญาติมิตร และที่สำคัญยิ่งก็คือ การรักษาเทิดทูนศิลปะ นาฏกรรมการรำมโนราห์ มรดกทางวัฒนธรรม อันล้ำค่าของชาติไทยเรา มีธรรมเนียมปฏิบัติว่า ลูกชานคนหัวปีของครอบครัวและมีอายุเกิน 14-15 ปี ต้องทำขนมโคมาถวายวัด และเลี้ยงดูญาติมิตร แต่ถ้าเป็นลูกสาวคนหัวปีต้องทำขนมพอง (หรือขนมลา) หากไม่ปฏิบัติตามเจ้าแม่อยู่หัวจะให้โทษถึงเป็นบ้า ง่อยเปลี้ย พิกลพิการ หรือประสบทุกขเวทนาได้
    DSC_0357.JPG DSC_0359.JPG
     
  16. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    ปิดครับ
     
  17. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5282.พระผงว่านนาคปรก เลี่ยมเดิมวัด องค์พระธาตุพนม ปี๒๕๑๘ พิธีปลุกเสกใหญ่ อาจาย์ฝั้น, หลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพฯ ****แบ่งให้บูชา 500 บาท****ปิดครับ
    พระนาคปรก เนื้อผงผสมว่าน พระธาตุพนม ปี2518 จัดสร้างเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีสมโภชพระบรมสารีริกธ าตุ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2518 มีส่วนผสมของดินพระธาตุพนมที่ล้ม ลงและมวลสารศักดิ์สิทธิ์จากที่ต่างๆทั่วประเทศด้วย พิธีมหาพุท ธาภิเษกที่ดีและยิ่งใหญ่มาก โดยพระคณาจารย์สายพระป่ากรรมฐานหลายรูป เช่น
    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร,
    หลวงปู่จันทร์ เขมิโย วัดศรีเทพฯ นครพนม,
    หลวงปู่คําพันธ์ วัดธาตุมหาชัย,
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม วัดป่าอรัญญวิเวก
    และคณาจารย์จากทั่วประเทศ จำนวนกว่า 100 รูป
    พระราชพิธีหลวงโดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระราชินีนาถเสด็จ ได้ทรงพระราชดำเนินในพระราชพิธีคราวนี้ด้วยครับ พระรุ่นนี้ออกให้ประชาชนเช่าบูชาพร้อมกับเหรียญพระธาตุพนม ปี 2518 เพื่อนำปัจจัยมาทำการบูรณะพระธาตุพนม และได้สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2522 รุ่นนี้มีประสบการณ์ดีมาก โดยเฉพาะทางด้านเมตตามหานิยม โชคลาภและแคล้วคาด คงกะพันชาตรี เป็นที่นิยมกันมากในหมู่ทหาร ตำรวจ และ หน่วยปฏิบัติการตามลำน้ำโขง (นปข.)
    DSC_0349.JPG DSC_0351.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2022
  18. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5283.เหรียญหลวงพ่อแถมหลังหลวงพ่อก้อน วัดทองพุ่มพวง จ.สระบุรี ปี2500 ตอกโค๊ต เนื้ออัลปาก้า สภาพสวย ***แบ่งให้บูชา 500 บาท****
    DSC_0353.JPG DSC_0354.JPG
     
  19. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5284.เหรียญ พระวิสุทธิสมณาจารย์ วัดมณีบรรพตวรวิหาร จ.ตาก ปี10 เนื้ออัลปาก้า สภาพสวย ***แบ่งให้บูชา 500 บาท***
    DSC_0357.JPG DSC_0359.JPG
     
  20. ญาณวโร นามะ

    ญาณวโร นามะ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    29,626
    ค่าพลัง:
    +4,635
    5285.เหรียญพระราชพรหมาภรณ์ วัดอ่างทอง เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ปี2506 สภาพสวย ***แบ่งให้บูชา 450 บาท****
    DSC_0361.JPG DSC_0363.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...