นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

ในภาพ ลูก ๆ ของ QC นะครับ 55

 

รีวิวกุมารผ่านไตรภพรุ่น 1 และ 2 (ฉบับสมบูรณ์)

การรีวิวในครั้งนี้ผมขอรวบกระแสทั้งสองรุ่นพร้อมกันเลย นะครับ ในเรื่องของจิตวิญญาณผมจะไม่ขอพูดถึงหรือลงรายละเอียดมากนัก เพราะเป็นการรับรู้ได้เฉพาะคน สำหรับกุมารของแต่ล่ะท่านที่ได้จองกันไปนั้นผมเองก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีรูปลักษณ์เป็นแบบไหน หรือว่ามีอยู่กับท่านแล้วหรือไม่อย่างไร เรียกว่าผู้มีวิชาก็มองไม่เห็นครับ เป็นดั่งคำที่ผู้เสกได้กล่างไว้ก่อนหน้านี้เลย สำหรับกุมารนี้ตอนที่กำหนดจิตเรียกเขาในฐานะเจ้าของ ผมเห็นเป็นเด็กผู้ชายตัวดำวาวๆ มีเครื่องทองใส่ ตามข้อมือ และแขน ในความเป็นทองนั้นก็ไม่ได้เหมือนกับทองที่เราเห็นในท้องตลาด เป็นความวาวประกายมากกว่า คงเป็นบุญที่เขาได้รับทำให้มีสภาวะเช่นนั้น

สำหรับกระแสพลังงานของกุมารทั้งสองรุ่นจะมีลักษณะที่เหมือนกันคือ เป็นพลังงานแผ่ออกมาปกคลุมเหมือนโดม ล้อมเป็นอาณาเขต ภายในมีกระแสที่วิ่งอย่างอัดแน่นมหาศาล เป็นพลังงานที่พร้อมจะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไม่มีสิ้นสุดเลยก็ว่าได้ สิ่งที่แตกต่างระหว่างรุ่นแรกกับสอง โดยสรุปจะมีดังนี้

• กุมารงารุ่นแรก >> ในเรื่องของนิมิตที่เห็นอาณาเขตหรือความหนาความเข้มข้นของโดมที่คลุมกระแสไว้ ในโดมรุ่นแรกจะมีความหนาที่มากกว่ารุ่นสอง ตรงจุดนี้ได้คุยกับทาง K.Konun แล้วจึงคาดว่าเป็นเพราะการอธิฐานแผ่บารมีจากพระระดับอภิญญาปิดท้ายให้ เรียกว่ากำลังเต็มล้นเหลือไม่ต้องไปทำอะไรเพิ่มแล้ว สมบูรณ์หมดจดทุกสิ่งอย่าง เปรียบเหมือนรถยนต์ที่สร้างแล้วแต่งให้เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่ต้องแต่งเพิ่มใดๆ อีก จะแต่งก็แต่งอีกไม่ได้แล้วเพราะมาแบบครบสุดๆ
  
• กุมารไม้และงารุ่นสอง >> ผมขอพูดถึงกระแสของกุมารไม้ก่อน กระแสออกเป็นโดมแบบเดียวกันรุ่นแรก แต่โดมนี้จะไม่เข้มข้นเท่ากับรุ่นแรก กุมารแบบไม้พบว่ากระแสที่เกิดขึ้นภายในมีการวิ่งแบบกระแทก รวดเร็ววิ่งชนกันอยู่ภายใน ซึ่งต่างกับแบบงาในรุ่นแรกที่กระแสจะนิ่มนวลกว่า แต่สิ่งที่ทำให้รุ่นสองมีความต่างคือ ภายในอาณาเขตของโดมที่คลุมกระแสไว้ในรุ่นสองจะมีกระแสภายในวิ่งแผ่ออกไปข้างนอกโดมได้ ถ้าเปรียบก็เหมือนสายไฟแรงสูงที่ถูกหุ้มไว้ด้วยฉนวน แต่ถ้าไปสัมผัสจะรู้ว่ามันมีกระแสของไฟฟ้าแผ่ออกมาภายนอกด้วย แม้ไม่เป็นอันตราย แต่ก็รู้ว่าเข้าไกล้ไม่ได้ เป็นต้น ซึ่งในรุ่นแรกกระแสภายในไม่สามารถออกมาภายนอกโดมได้เลย สรุปแล้วผมขอเรียกกระแสรุ่นสองว่า กระแสสมบูรณ์แบบเปิดทาง เปรียบเหมือนรถยนต์ที่แต่งเครื่องยนต์มาให้แล้วในระดับที่ใช้งานได้ดี แต่ยังมีช่องว่างที่ทิ้งไว้ให้ผู้ขับขี่สามารถแต่งได้อีก พัฒนาขึ้นได้อีก ตามแต่นิสัยของผู้ขับขี่นั่นเอง ดังนั้นในรุ่นสองนี้จะสามารถพัฒนาขึ้นไปได้อีกตามการดูแลและบารมีของผู้เป็นเจ้าของ เป็นรุ่นที่เปิดโอกาสให้เราได้พัฒนาแนวทางของกุมารในแบบฉบับของเราเอง ตามบารมีของเราเอง จะสูงจะหรือไม่อยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น ส่วนกระแสของกุมารแบบงาในรุ่นสอง จากการพูดคุยกับ K.Konun ตรงส่วนโดมผมคาดว่าเหมือนกันกับกุมารไม้ แต่กระแสที่วิ่งภายในมีความนุ่มนวลแบบรุ่นหนึ่ง ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะไม้มะขามฟ้าผ่ามีอาถรรพ์สูง ทำให้การวิ่งของกระแสออกจะรุนแรงรวดเร็วกว่านั่นเอง

​

ทิ้งท้ายประสบการณ์

ในเรื่องของขั้นตอนการบูชาทาง K.Konun ได้ให้ข้อมูลไว้แล้วซึ่งผมคิดว่าครบถ้วน แต่สำหรับข้อมูลทางผมเป็นการส่วนตัว ซึ่งผมได้อาศัยประสบการณ์ในการบูชาเครื่องรางสายพรายรวมกับความรู้ที่ได้จากอาจารย์ที่ชำนาญการโดยเฉพาะ สิ่งที่ผู้บูชาควรจะมี ได้แก่

1. สัจจะ >> เป็นสิ่งแรกที่ผมให้ความสำคัญ ผมกำชับกับน้องๆ หลายคนที่คุยกันในวงการให้เน้นย้ำข้อนี้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการให้คำมั่นกับสิ่งที่มองเห็นหรือมองไม่เห็น ต้องทำตาม จะช้าบ้างขอให้ทำให้ได้ตามที่ลั่นวาจาออกไป กับคนแล้วเมื่อผิดสัจจะอาจทำให้เขารู้สึกไม่ดีกับเรา ซึ่งการแสดงออกจะเห็นได้ง่าย แต่ถ้ากับสิ่งที่มองไม่เห็นล่ะ บางคนอาจคิดว่าไม่เป็นอะไร เพราะด้วยว่าสื่อไม่ได้มองไม่เห็น หารู้ไม่ว่า สิ่งนั้นๆ เขาก็รู้สึกไม่ต่างกับคนหรอกครับ การให้สัจจะกับกุมาร หรือสายพราย เมื่อบอกกล่าวแล้ว ก็ควรทำให้ได้ สัจจะนี้จะเป็นสิ่งที่ให้กุมารหรือพรายนั้นๆ ให้ความไว้วางใจเราเป็นที่สุด
2. ศึกษา >> ต้องหมั่นศึกษาทำความเข้าใจในสิ่งที่เราได้รับให้ถ่องแท้ ด้วยความถูกต้อง ไม่ใช่ไปเชื่อตามๆ กัน เห็นเขาว่าดีก็ดี เขาว่าไม่ดีก็ไม่ดี ให้มีจุดยืนในตัวเองเสมอ ในการศึกษาสายพรายของผมเกิดจากการลองผิดลองถูกมา ไอ้ที่ลองผิดมาก็โดนเข้าตัวไป ดังนั้นการที่เราจะบูชาสายพรายตามที่ผมศึกษามา มีข้อกำหนดดังนี้สำหรับผู้ที่อยากบูชาสายพราย ถ้ารับได้ก็เลี้ยงได้55
   • มีความพร้อมที่จะเลี้ยง เช่น ถ้าที่บ้านมีคนคัดค้านไม่เห็นเลี้ยง หรือเขากลัวกัน ต้องพูดกันด้วยเหตุผล แต่ถ้าที่สุดแล้วเขาไม่ยอม โดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านนั่นแหละ ก็ไม่ควรบูชามาไว้ครับ
   • มีความรู้ในบุญกุศล เนื่องด้วยการบูชาสายพราย ถือว่าจำเป็นอย่างมาก กุมารเขาไม่ได้มีชีวิตแบบเราๆ เขาเป็นจิตของภูตหรือพรายก็ตามแต่ลักษณะการสร้างเสก สิ่งที่เขาต้องการจากเราคือบุญกุศล หากเจ้าของเป็นผู้ที่ชอบปฏิบัติธรรมเป็นประจำ เขาจะชอบมากๆ เพราะทุกครั้งเขาจะได้อนุโมทนาในบุญที่เราสร้าง ไม่ต้องไปกลัวว่าเขาจะมาขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติ เพราะขืนทำแบบนั้นเขาจะได้รับผลแน่นอน ในการสร้างบุญกุศลนี้ ผมถือว่าสายพรายเป็นตัวกระตุ้นอย่างดีให้คนหันมาทำบุญสร้างกุศล ไม่ต้องคิดว่าทำให้กุมารหรือพรายที่เราเลี้ยงอยู่ แต่ให้ทำเพื่อตัวเอง เพราะคนเราอยู่ได้มีลมหายใจทุกวันนี้ก็ด้วยบุญกุศลที่ทำมาแต่ปางก่อนทั้งสิ้น หมั่นเร่งภาวนาสร้างกุศลไว้เถิด ส่วนกุมารที่อยู่กับเรา เมื่อเราก็แบ่งให้เขา ให้เทวดาประจำตัว ให้ครูบาอาจารย์ก็ได้ นั่นคือสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง
   • การให้ความเคารพซึ่งกันและกัน การบูชาสายพรายผมถือกำหนดเลยว่า เราอยู่ด้วยกันอย่างพี่น้อง ไม่มีการแบ่งแยก การที่เราจะมองว่าเขาเป็นกุมาร ก็ควรทำตัวให้เขาเหมือนลูกหลานเรา ส่วนจะปฏิบัติอย่างไร ผมไม่ขอขยายความนะครับ เราๆ ท่านๆ รู้กันดีอยู่แล้ว555
   • การช่วยเหลือด้วยการซื้อใจไม่ใช่การบนบาน สำหรับผมแล้วสายพรายผมจะเน้นที่การซื้อใจเขาด้วยความรักและเมตตา เราอยู่ด้วยกันอย่างมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน ไม่ต้องมีสินจ้างสินบนใดๆ ดีที่สุด พรายหรือคนในจุดนี้ไม่ต่างกัน เราให้ความรักเมตตากับเพื่อนเรา เมื่อเราเดือดร้อน เพียงเอ๋ยปากเขาก็ยินดีช่วยอยู่แล้วไม่ต้องให้อะไรตอบแทน ในทางกลับกัน หาเราจ้างเขาทำงานแลกด้วยค่าตอบแทน วันนึงไม่มีให้เขาจะทำให้เราหรือเปล่าล่ะครับ ขอเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ไว้เป็นข้อคิดนะครับ ด้วยผมเคยได้รับเครื่องรางสายพรายชิ้นนึงมาจากคนรู้จัก ดวงจิตอยู่ในระดับที่ไม่ต้องเซ่นไหว้เหมือนพรายทั่วไป เน้นทำบุญให้ก็พอ แต่ด้วยจากการสอบถามเจ้าของเดิมพบว่าเขาชอบขอแบบบนบาน ว่าถ้าช่วยค้าขายได้ยอดเท่านั้นเท่านี้จะทำอะไรให้ ส่วนใหญ่ก็จะเน้นเป็นการทำบุญทุกอย่าง เคยขอแบบเป็นการเซ่นไหว้กลับไม่ได้ผล พอให้เป็นบุญได้ผลดีมาก แต่ด้วยคำขอบางประการที่เขาพลาดไปก็คือขอให้ช่วยเรื่องงานให้โครงการสำเร็จลุล่วงผ่านการอนุมัติ ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมากๆ เขากลับทำได้สำเร็จ ดังที่บนบานไว้ ซึ่งในวันที่รู้ผลก็มัวแต่ดีใจเกินเหตุ มีเวลาทั้งวันแต่ไม่ได้แก้คำบนบานเลย จึงปล่อยเวลาล่วงเลยไปอีกวัน ผลก็คือวันรุ่งขึ้น โครงการดังกล่าวถูกระงับด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ลงคำสั่งมาแบบสายฟ้าฟาด ความหวังพังลงในไม่กี่นาที เขาก็นึกถึงคำบนบานไว้ว่าไม่ได้แก้บนจากสัจจะ จึงได้ทำตามสัญญา แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว สิ่งที่ได้มาก็สูญสลายเป็นความฝัน เรื่องนี้ทุกท่านอาจเห็นว่าเป็นความบังเอิญก็ได้ แต่หลังจากนั้นได้มีการพิสูจน์อีกครั้ง โดยการบนขอให้ช่วยเรื่องค้าขายให้ได้ยอดตามที่ต้องการ ซึ่งได้บอกกำหนดเวลาไว้แล้วว่าจะทำให้ช่วงเย็นๆ ถ้าขายดี ปรากฏวันนั้นขายได้ตามยอดแบบตามที่ขอเลย ซึ่งปกติแล้วจะขายได้ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น แต่แล้วพี่เขาก็ลืมแก้บนตามสัญญาในเย็นวันนั้น ตอนเช้าก็ไปทำบุญให้แทน แต่เรื่องมันไม่จบ เพราะวันรุ่งขึ้นวันนั้นทั้งวันขายของแทบไม่ออกเลย เรียกว่าสนองคืนแบบสาสมใจกันเลยทีเดียว ครั้งหลังจากนั้นเครื่องรางดังกล่าวได้มาอยู่ที่ผม โดยผมสืบทราบข้อมูลนี้มาแล้ว จึงได้บอกกว่าแกดวงจิตว่าผมจะไม่บนบาน แต่เราจะอยู่กับแบบมิตร ไม่มีลูกจ้าง ไม่มีค่าจ้างค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น พอมาอยู่กับผมบอกได้เลย ว่าไม่ว่าจะคนหรือพราย หรือจิตใดๆ ก็ตามที่เคยเป็นคนมาก่อน ถ้าถูกทำให้เสียนิสัยแล้วแก้ยากมาก มันเป็นความเคยชินที่เขาติดนิสัยการบนบานจากเจ้าของเดิมมา ไม่บน มันไม่ช่วย555 เลยต้องดัดนิสัยกันนานเลยทีเดียว เล่าไว้เป็นนิทานขำๆ ถ้าใครเชื่อก็ดีไปครับ **คนนิสัยดีและไม่ดีก็มี ดังนั้นพรายหรือสิ่งที่เคยเป็นคนมาก่อนก็เช่นกันครับ**
3. ศรัทธา >> สิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านสร้างมาให้นั้นเป็นของที่ผมถือว่าสุดยอดครับ ขอเพียงเราเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง ไม่ต้องมีความลังเลสงสัยใดๆ ความอัศจรรย์ย่อมบังเกิดกับทุกคนครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้มีจิตสัมผัส ถึงจะบูชากุมารได้ ขอเพียงเรามีความมั่นใจเป็นพอครับ คนเราอยู่ด้วยกันเดี๋ยวก็รู้ใจกันเองล่ะครับ แค่ตัดความลังเลสงสัยออกไปครับ นี้คือเคล็ดลับในการสื่อสาร
4. สังเกต >> ถือเป็นเคล็ดลับสุดท้ายที่จะฝากไว้ ให้หมั่นสังเกตการและจิตตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไร ถ้ามีกระแสอะไรบางอย่างเข้ามา หรือผิดแปลกแตกต่าง ให้ดูว่าจิตเรารู้สึกอย่างไร กุมารของเราในบางครั้งอาจไม่ชอบใจในสิ่งที่เราบอกให้ทำหรือ ในสิ่งที่เรากำหนดก็เป็นได้ครับ วิธีง่ายที่สุดให้ดูที่กระแสรอบข้างตัวเอง เมื่อเวลาสั่งให้เขาทำอะไรก็ตาม หรือบอกอะไรก็ตามกับเขา อย่าลืมนะครับเขาก็คือเด็ก ให้ทำอะไรก็จะต้องมีช่วงพัก ช่วงเล่นบ้างเป็นธรรมดา

 

คงตอบคำถามหลายท่านที่มาถามว่า ตะกรุดงาพิฆาต หรือพญายันต์พิฆาตดีอย่างไรแล้วนะครับ

จะแบบตะกรุดเงินหรือทองก็เสกพร้อมกันครับ แต่ก็มีข้อแตกต่างตรงตะกรุดทองคำ หรือเงินในแบบลึก ๆ ตามวิชาครับ จะบอกเหมือนกันก็เหมือนโกหก

แต่แหวนนะรวมทุกวิชาครับ



ว่าด้วยเรื่องการสัมผัสกระแสพลัง....

....จริง ๆ เรื่องสัมผัสกระแสพลังผมพบมาตั้งแต่ 20 กว่าปีก่อน 55 ก็ได้ถามเคล็ดลับมาเช่นกัน ทีนี้ เจอของจริงก็มาก เก๊ก็มี จริงปนไม่จริงก็เจอ

คำว่าของจริง คือได้คำตอบแบบชัดเจน แบบระดับครูบาอาจารย์ครับ ที่ผมเคยเล่าต้องสนิทกับท่านแล้วนะ ไปมาหาสู่เป็นปี ๆ ย่องไปตอน 2 ต่อ 2 เพราะอย่าลืมว่า กฎของพระคือห้ามอวดอุตริสฯ.... ระดับนี้บอกได้ถึงประวัติความเป็นมาของผู้เสกได้เลย เสกแบบหมู่ หรือบอกลักษณะผู้เสกยังได้ ปัจจุบันระดับนี้ที่ผมพบมรณภาพไปหมดแล้วครับ 555 ที่มีอยู่ก็ถามก็ไม่ตอบ อันนี้ที่ปรึกษาก็ว่าใช่ 55 หรือวันดีคืนดีท่านหยิบดูตอบให้ ..แล้วแต่โอกาสจริง ๆ

คำว่าของเก๊ ผมตีความรวมถึง ถูกมั่ง ผิดมั่ง พอได้ลุ้น ซึ่งระดับนี้ ผมก็ว่าไม่แปลก การไปดูผลงานของระดับปริญญาเอก ซึ่งเราอาจแค่ประถม ก็ได้แต่มองแค่ผิวเผิน เปรียบเทียบนะ ถ้าถูกก็ดีไป แต่เจอผิดสิ เสียอารมณ์

จริงปนไม่จริง... อันนี้ ก็ถูกมั่งผิดมั่ง มีคนมาเล่าเพียบ ผู้ดูเป็นระดับพระเกจิดังอีก ผมคุยกับที่ปรึกษาท่านก็ว่า ก็ไม่แปลกนั่นละครับ อยู่ที่วาระจิตผู้ดู เช่นเอาพระกรุไปถาม บอกใช่ไหม หลวงพ่อแก้วเสก ตอบกระแสตรง ใช่ พอไปถามรอบหลังบอกไม่ใช่ 55 ที่ปรึกษาว่าท่านอาจตอบผิด ๆ จะได้เลิกมาถาม อันนี้คิดแง่ดีนะ 55

และคำตอบแบบ หลักธรรม ..คือ พระปลอมก็ว่าดี ท่านบอกดีหมดรูปพระ 55

ตอบแบบปลอบใจ อย่างปู่เหิร เคยตอบตาเปียก เอาสมเด็จเก๊ไป ท่านบอกแท้ ผมไปถามส่วนตัว ทำไมหลวงปู่ตอบงั้น ท่านบอก "ก็เขาเชื่อไปแล้ว เลยตอบปลอบใจเขา" อ้าว55 ... ดีของผม "หลวงปู่บอกตรง ๆ เลยครับ 55 ท่านก็ตอบตรง ๆ รอดไป..."

แต่ที่ปรึกษาก็เจอ คนบอกเช่ามาแพง เลี่ยมทองงี้ มาบอกผม จะให้ตอบว่าเก๊เหรอ 555 ก็ตอบเลี่ยง ๆ ไป

ปัญหา การดูพลังก็นั่นละครับ อย่าง QC เจอหัวหน้าเซลกวนตีน เชื่อว่าหลายคนเจอ แบบมาคุยข่มของตรูดีกว่า ๆ แรงกว่า อ้าว ลบหลู่ของเราเฉยงี้

ทั้งที่ QC ตอบปลอบใจว่าดีอย่างนู้อย่างนี้ พอรู้เรานับถือหลวงปู่โน เอาพระดังมาข่มเฉย สุดท้าย QC เลิกคบไปเลย

สรุป ... พลังพระเป็นเรื่องลึกซึ้งครับ สิ่งสำคัญต่อให้พระแรงขลังแค่ไหน ถ้าขาดบุญสัมพันธ์ ท่านก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี แบบ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนละครับ ไม่ต้องอ้างชื่อพระดัง อ้างตัวเองนี่ละ...

พระพุทธเจ้าศาสดาท่านสอนเองนะครับ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ตีความหมายได้ตามปัญญาเราละครับ....

 

ปัญหาการดูกระแสพลังที่น่ากลัวที่สุดคือ เข้าไม่ถึงละครับ เพราะเสี่ยงต่อการปรามาสพระได้ง่าย ๆ และเจอมารแฝง

คำว่ามาร ตีความได้หลายประเภทครับ 55 แบบที่ลง หนังสือพิมพ์ไปนั่นละครับ คือ คนเก่งใช่ว่าจะคนดี แต่มารที่เก่งกว่าเรานี่ละเราอาจเห็นมารเป็นพระ (อันนี้ตอบเลี่ยง ๆ)

ผมตีความง่าย ๆ ที่เจอกันมาเองคือ ดูพลังไม่ออก ขลังนิดเดียวเราก็ปรามาส หลวงพ่อนี้ไม่เก่ง เสร็จ เกิดท่านเป็นพระอริยบุคคล จบเลย ปรามาสพระก็ตกนรก ทำมาหากินไม่เจริญ ต้องแก้ด้วยการไปกราบขอขมาลาโทษ ถึงแก้อาถรรพ์บาปนี้ได้ (ท่านนะอโหสิกรรมเราอยู่แล้วแต่เราก็บาปอยู่ดี)

หรือดูว่า ขลังดีมาก แรง อาจารย์นี้เก่งมาก แต่ คนเก่งใช่ว่าคนดี อาจแรงด้วยไสยศาสตร์ หรือมนต์ดำ สุดท้ายเราโดนหลอกหมดตัว....

พระอริยเจ้าใช่ว่าเป็นกันง่าย ๆ อภิญญาใช่ว่าจะได้อริย และถ้าแนวทางแห่งอริยบุคคลจริง ต้องไม่ลืมนะ ท่านเน้นหาพระในใจ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนครับ ถึงบอก ห้อยพระแล้วเงียบ ก็ท่านไม่ส่งเสริมการหาของขลังครับ... เผลอ ๆ ซึมซับแนวทางแห่งธรรมมาก ๆ คงต้องละทางโลกละครับ...

ที่ผมกับที่ปรึกษาเจอ ก็เช่น พระเก่ามีการซ่อนพลังคือแทบดูไม่ออก นึกว่า พระปลอม แต่ท่านปรมาจารย์ดูออก บอกวิธีดูให้ จนเข้าถึง อ้อ สุดยอด ซ่อนพลังจริง ๆ พระแบบนี้เป็นพระกรุ ฝังตรงหลังประตูเมือง (คือสมัยโบราณเป็นทางหนีหากเกิดสงคราม) ...

 

ผู้โชคดีมาแล้ว 55

 

รอปิดตาครับ

 

ยอดที่ทุกท่านบูชาแหวนนวโลหะสำรองจากผม ผมสมทบกับพรรคพวกถวายทองคำหุ้มยอดฉัตรพระธาตุอีกรอบแล้วครับ

 

ประสบการแหวนมีมาเรื่อย ๆ ครับ

 

ประสบการณ์แบบนี้อาจเหมือนในหนัง หรือนิยาย แต่จริง ๆ ถ้าพบมาแล้วก็ไม่แปลกละครับ 55

ของทุกอย่างตามที่คุยกับที่ปรึกษา เราสร้างมาใช้งานจริงครับ เรียกว่า ตาม case ของจริงเลย คือเจอปัญหาต่าง ๆ เลยหาวิธีตามตำรา สร้างของสายปราบมาใช้จริงนั่นละครับ

ไม่ใช่ว่า สร้างมาอวดเสร็จเก็บใส่ถุงไม่เลย เอามาห้อยและได้ทดสอบกันมาแล้วครับ

สรุป ถ้าแหวนสั่น แหวนร้อนหรือเย็นก็ตามตำรานะครับ ให้ระวัง มีเหตุสำคัญแน่นอน ได้เห็นความแตกต่างจากแหวนแก๊งหัวหน้าเซลแน่นอน

กุมารทองผ่านไตรภพ เหตุใดใช้ชื่อนี้ ก็มีเหตุตามที่เห็นละครับ เขาไม่ใช่ผี เป็นกึ่งเทวดาไปแล้วจึงไม่กลัวของขลังใด ๆ

 

วันโกน วันพระใหญ่ วันเดือนดับมีผลอย่างไร ที่ต้องระวัง...

เรื่องนี้มีหลายประเด็น หลายแง่มุม ทีนี้ในแง่ของครูบาอาจารย์บางท่าน ให้เหตุผลว่า วันพระ วันโกนคนทำบุญกันมาก แน่นอนมีการกรวดน้ำแผ่กุศล เหล่าสัมภเวสี หรือผีนั่นละครับ ก็เรียกว่ามาชุมนุมรอบุญกุศลกัน

ทีนี้ เราต้องพิจารณา ถ้านิสัยดีคงไม่เป็นผีเร่ร่อนหรอกครับ 55 คงเป็นเทวดาไปแล้ว

อีกแง่มุมคือวันพระ วันโกนเทวดาจะไปชุมนุมกันบนสวรรค์เพื่อฟังธรรม จึงเป็นโอกาสให้มาร ออกก่อกวน

ในนรก ไม่ต้องพูดถึง อีกไม่กี่อาทิตย์ก็ได้เวลาออกมาท่องเที่ยวแล้ว (เดือน 10)

ทีนี้ ที่พวกผมจะกลัวกันมากคือวันเดือนดับ หรือแรม 14 ค่ำ แรม 15 ค่ำนั่นละครับ หากด้วยเหตุผล ก็เกี่ยวกับแรงดึงดูดหรือผลสภาวของดวงดาวเป็นต้น

แต่ในแง่อาคมคือ เป็นวันที่กำลังของดี จะอ่อนกำลัง พูดง่าย ๆ มีของดีแค่ไหนก็จะอำนาจลดลง เหล่ามารจึงออกมาก่อกวนได้ (เป็นวันนิยมทำคุณไสย)

อีกวันนึงคือวันเปิด ก็จะเป็นความลับแต่ละคน สัมพันธ์กับวันเกิด อันนี้ลับสุดยอด ผมก็ไม่ทราบ แค่ได้ยินมา

สรุป .... ที่ปรึกษาเตือนไว้ วันเดือน 10 ที่จะถึงปลายเดือนนี้ให้พึงระวัง เพราะผีจะออกมาเร่ร่อนท่องเที่ยว ตามปฏิทินคือ 28 ก.ย.62 ครับ เรียกว่าวันทำคุณไสยแห่งปีได้เลย

 

แหวนได้ลงหัวใจมหายันต์แม่ย่า จึงส่งเสริมวัตถุมงคลอื่น ๆ ให้มีอานุภาพยิ่งขึ้นครับ ถึงบอกอาคมเสื่อมก็เรียกกลับมาเสริมได้

ที่ปรึกษาเวลาเพลีย ๆ ยังใส่นอนเลย ให้ฟื้นธาตุร่างกาย

 

ผู้สร้างยังต้องใส่นอนเองเพื่อฟื้นฟูธาตุเลยครับ 55

 

กราบลาหลวงปู่...

หลวงปู่บุญศรี ฐิติญาโณ
สิริอายุ 94 ปี พรรษาที่ 73
อดีตเจ้าอาวาส วัดนาคาราม จังหวัดภูเก็ต
ซึ่งถึงแก่มรณกาลแล้วบัดนี้ (06/09/2562)

เหมือนนิยายจีนครับ บอกไว้ยุทธจักรซ่อนเสือซ่อนมังกร

ช่วงน้ำท่วมใหญ่ กทม. ผมหลบไปพักที่ภูเก็ต ถามหาพระดีจากพรรคพวก มีคนนึงเคยบวชกะท่านแนะนำไป

ที่ภูเก็ตดังสุดหลวงปู่สุภา ผมก็ไปบ่อยช่วงแรก ๆ เพราะเรียนที่ภูเก็ต 5 ปี ที่ช่วงหลังทศกัณมีมาก เลยไม่ค่อยได้ไป พอเจอหลวงปู่บุญศรี นี่ถูกใจมาก ๆ

พบท่านครั้งแรกซื้อกับข้าวไปถวายเพล แน่นอน พอท่านเป่าหัวให้หายสงสัยเลย โอ้ แล้วก็ไปแทบทุกวันครับ

พรรคพวกที่เคยบวชกะท่านบรรยายมาซะอภินิหารสุด ๆ ซึ่งท่านก็สุดยอดจริงนะครับ

พอได้แนะนำพวกนักเช็คพระไป ตกใจกันใหญ่ ขนาดว่า ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ใหญ่เลย (อันนี้แล้วแต่ความเชื่อ)

หลังจากนั้นพอผมไปภูเก็ตก็ไปทุกครั้งเลย



ตอนสร้างพระกริ่งมหาปัญโญถวายหลวงปู่ประหยัด ก็ขึ้นเครื่อง นำทองคำไปขอท่านอธิษฐานด้วย

ลูกอมอภินิหารทรัพย์นิมิตรรุ่น เสาร์ 5 ก็ใส่เกศาท่านผสมไปด้วยครับ...

 

น้อมส่งพระท่านสู่นิพพาน

 

ประสบการณ์ต่าง ๆ เป็นกำลังใจให้ผู้สร้างครับ ก็สมกับการรอคอยและความช่วยเหลือเมตตาจากครูบาอาจารย์ที่ชี้แนะจากประสบการณ์ที่สังสมมาอีกทีครับ

แน่นอน สรรพคุณของแหวนที่ถวายวัดก็เหมือนกันครับแทบไม่ต่างกันเลย

เพราะที่แน่ ๆ ก็บำรุงธาตุและปกธาตุฟื้นธาตุได้ชัดเจน เมื่อธาตุสมบูรณ์อะไรก็มาเข้าแทรกยาก ...

ยุคปัจจุบันเรารู้กันดี ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่มีสารพิษ ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายโดยมาก ไม่ได้หมายความว่าใส่แหวนจะล้างพิษนะครับ 55 ถ้าทำได้ก็เกินไปละครับ เราต้องแสวงหาการล้างพิษกันเองละครับ

แต่เมื่อธาตุบกพร่อง แน่นอน สิ่งเข้าแทรกก็อำนาจมืดหรือ อำนาจลี้ลับนั่นละครับจะมาเข้าแทรก และคอยชักนำสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ให้เข้ามาในชีวิต จะพูดง่าย ๆ ก็หลักการเดียวกับคุณไสยละครับ ไม่ใช่ ทำปุุ๊ป ตายปั๊ป เขาจะค่อย ๆ กัดกินและชักนำเรื่องแย่ ๆ เข้ามากันเอง

เรื่องของขลังต่าง ๆ ก็เช่นกันครับ จากสิ่งโน้มน้าว โฆษณาชักนำให้เราเข้าใจบางอย่างว่าดี แต่ก็อาจจะดีจริงแต่ไม่เหมาะกับเราก็ได้

อย่างบางพระ แน่นอนโดยนิสัยส่วนตัวผมชอบ ปลุกเสกมามาก ระดับจักรพรรดิ์งี้ พอถามที่ปรึกษาและ จากประสบการณ์ส่วนตัวผมนะ พวกเสกข้ามชาติผมก็เคยมีเพียบ พอห้อย ก็เหมือนไม่มี แต่ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ พลังดีมาก สุดท้ายผมก็ บรรจุตอนหล่อพระหมด หรือบรรจุใต้ฐานพระประธานเลยดีที่สุด...

แต่ที่น่ากลัวบางอย่างอย่างเช่นแนวไม้ฟ้าผ่าละครับ ถ้าไม่ล้างพิษ ท่านก็แนะนำอาจขัดลาภได้ หรือห้อยไปสุขภาพเราจะแย่เป็นต้น...

สรุป ตนที่เป็นพึ่งแห่งตนก็ถูกต้องครับ ร่างกายเรา ชีวิตเราก็ต้องดูแลกันเอง...

 

อาถรรพ์บาตรแตก..... สุดยอดแห่งพิษร้าย พินาศสถานเดียว !!!!

ดังเคยกล่าวไปแล้ว ที่ดินเก่าแก่หากขุดเจอ พวกไห ถ้ายชามเก่า ๆ แตก ย่อมมีอาถรรพ์ แต่ที่น่ากลัวสุดคือบาตรแตก

สมัยโบราณบาตรพระทำด้วยดินนะครับ ไม่ใช่เป็นโลหะแบบปัจจุบัน ทีนี้บาตรพระที่ ผ่านการใช้มาแล้ว ย่อมมีความขลัง ศักดิ์สิทธิ์ ดังเช่นฝาบาตรนิยมนำมาหล่อพระกันเลย ถือว่าโภคทรัพย์

จริง ๆ บาตรพระหากเป็นของพระสงฆ์ที่ดีนะ มีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้หลายด้าน จะไม่ขอลงลึกเดี๋ยวชี้ช่องให้ หัวหน้าเซลอีก

แต่ที่น่ากลัวด้านร้ายคือบาตรแตก ในยุคปัจจุบันบาตรพระเป็นโลหะ เป็นเหล็กก็มี ย่อมแตกยาก จะไปเขวี้ยงหรือทำให้แตก ก็ไม่ใช่บาตรแตกอีก

ที่หากันมากคือบาตรแตกที่เป็นดิน คือบาตรโบราณนั่นเอง ต้องดูให้เป็นอีก เพราะอาจคล้ายกับหม้อไหดิน

ผู้รู้กล่าวว่า ยกตัวอย่างสมัยก่อนเขาเอาพระใส่บาตรดินฝัง ทีนี้ ถ้าไปขุดไม่ดี ย้ายหนียังได้เลย บาตรพระจึงไม่ใช่ของธรรมดา

ปัญหา ทำไมถึงบอกหาบาตรแตกกันมาก 55 ก็ไปใช้ในด้านร้ายได้ไงครับ .... แต่มีกลวิธีอีกนั่นละครับ ไม่ใช่เจอบาตรแตกไปหยิบพร่ำเพรื่อยุ่งเลยนะครับ พิษติดมือคนหยิบนั่นละยุ่งเลย ..

ดังกล่าวบาตรแตก หมายถึงพินาศ แตกแยก จึงเสาะหากันมาก สามารถแปลงไปตามหลักวิชาการทำลายล้างได้มากมาย

การแก้ก็ยุ่งยาก ไม่ใช่เอามีดหมอแกว่งทำน้ำมนต์รดเฉย ๆ นะครับยุ่งยากมาก ๆ

 

เพื่อนผมใส่แหวนไปปฏิบัติธรรมมา

 

มา ตจว. นำแหวนถวายครูบาอาจารย์ ถามผล ท่านบอก "ไล่โรคดี"

 

ถวายกริชให้ท่านทำน้ำมนต์ด้วยครับ