ติดตามสถานะการณ์

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ไฟกำลังลุกไหม้หมู่เกาะคะเนรี
ไฟกำลังลุกไหม้แคลิฟอร์เนีย
ไฟกำลังลุกไหม้Oregon
ไฟกำลังลุกไหม้วอชิงตัน
ไฟกำลังลุกไหม้โคลัมเบีย
ไฟกำลังลุกไหม้อัลเบอร์ตา
ไฟกำลังลุกไหม้ Montana
ไฟกำลังลุกไหม้Nova Scotia
ไฟกำลังลุกไหม้กรีซ
ไฟกำลังลุกไหม้บราซิล
ไฟกำลังลุกไหม้โปรตุเกส
ไฟกำลังลุกไหม้อัลจีเรีย
ไฟกำลังลุกไหม้ไซบีเรีย

⛈ เท็กซัสจมอยู่ใต้น้ำ ปากีสถาน อินเดียปากีสถานและเนปาลมีมรสุมขนาดใหญ่จมอยู่ใต้น้ำ
⛈เซียร์ราลีโอนและไนจีเรียมีน้ำท่วมขนาดใหญ่ จมอยู่ใต้น้ำ
อิตาลี, ฝรั่งเศส, สเปน, สวิตเซอร์แลนด์, ฮังการี, โปแลนด์, โรมาเนีย, บอสเนีย, โครเอเชียและเซอร์เบียถูกโจมตีด้วยคลื่นความร้อนที่น่าทึ่ง
แคลิฟอร์เนียตอนใต้ อยู่ภายใต้คลื่นความร้อน
โดยปกติในเดือนสิงหาคมเมืองซานฟรานซิสโกมีสถิติอุณหภูมิสูงถึง 106 องศา ตอนนี้อุณหภูมิสูงถึง 115 องศาฟาเรนไฮต์

ในขณะที่นอร์ทแคโรไลนายังคงตกอยู่ในนรก
(()) ภูเขาไฟเยลโลว์สโตนบันทึกการเคลื่อนไหว 2,300 ครั้ง (แผ่นดินไหว) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน
(()) แผ่นดินไหว ขนาด 5.3 ครั้งที่ Idaho
(()) แผ่นดินไหวญี่ปุ่น ขนาด 6.1 พร้อม คำเตือนสึนามิ (()) แผ่นดินไหว Mexico ขนาด 8.2 ด้วยคำเตือนสึนามิ ((Alert)) แผ่นดินไหว Mexico ขนาด 7.1
(()) แผ่นดินไหวในชิลี ขนาด5.0 เฮอร์ริเคนฮาร์วีย์, เฮอร์ริเคน Irma (ที่ใหญ่ที่สุดที่เคยบันทึกไว้) เฮอร์ริเคน Jose และ เฮอร์ริเคนKatia กำลังกวาดมหาสมุทรแอตแลนติก

สิ้นสุดระดับเปลวไฟพลังงานแสงอาทิตย์ X10 C.M.E อันดับสูงสุดที่เคยบันทึกคุณยังคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
Islas canarias esta ardiendo
California esta ardiendo
Oregon esta ardiendo
Washington esta ardiendo
Columbia esta ardiendo
Alberta esta ardiendo
Montana esta ardiendo
Nueva Escocia esta ardiendo
Grecia esta ardiendo
Brasil esta ardiendo
Portugal esta ardiendo
Algeria esta ardiendo
Siberia esta ardiendo
⛈Texas esta bajo el agua ⛈ India, Pakistan y Nepal con Monsones masivos estan bajo el agua
⛈ Sierra Leona y Nigeria con inundaciones masivas bajo el agua
Italia, Francia, España, Suiza, Hungria, Polonia, Romania, Bosnia, Croacia, y Serbia son atacadas por una onda de calor impresionante
El sur de California bajo infernal onda de calor
Usualmente en Agosto, la ciudad de San Francisco llegaba a records de 106 grados, cuando ahora llega a 115 grados Fahrenheit .

Mientras Carolina del Norte se sigue cocinando tambien en un infierno
(()) El volcan de Yellowstone registra 2,300 movimientos desde Junio
(()) Temblor de 5.3 golpea Idaho
(()) Terremoto de Japón 6.1 con Alerta de Tsunami (()) Temblor de Mexico de 8.2 con alerta de Tsunami (()) Temblor en Mexico de 7.1
(()) Temblor en Chile de 5.0 Huracanes Harvey, Irma (los mas grandes de la historia jamas registrados), Jose y Katia estan barriendo el Atlantico

Para finalizar una llamarada solar nivel X10 C.M.E . La mas alta jamas registrada ¿Todavía crees que nada esta sucediendo?

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ฟ้าผ่า เข้ามาในอพาร์ตเมนต์ใน Amara ในภูมิภาค Kocaeli ทางตอนเหนือของตุรกี # 21 สิงหาคม

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

น้ำท่วมรุนแรงและพายุลูกเห็บตกกระทบมาดริด ประเทศสเปน # 21 ส.ค.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ครีเทล ประเทศฝรั่งเศสนักผจญเพลิงราว 100 คนกำลังเผชิญกับไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่โรงพยาบาล Henri Mondor มีผู้เสียชีวิต1 คนและบาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ประชาชนราว 50,000 คน สูญเสียบ้านเรือน เนื่องจากมีที่อยู่อาศัย 15,000 หลังคาเรือน ถูกทำลายโดยไฟไหม้ที่ผ่านสลัม Chalantika ในกรุงธากาประเทศบังคลาเทศ ไม่มีรายงานการเสียชีวิต มีรายงานว่าชาวเมืองหลายคนออกจากเมืองเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลมุสลิมของ Eid al-Adha ในเวลาที่เกิดไฟไหม้ # 17 ส.ค.

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

ไฟป่าเผาไหม้มากกว่า 471,000 เฮกตาร์ของป่า พืช และทุ่งหญ้า ในโบลิเวียในขณะที่ไฟป่าใกล้ชายแดนปารากวัย ตามแหล่งที่มาอย่างเป็นทางการ กลัวว่าจะเกิดความเสียหายมากขึ้น เนื่องจากลมและสภาพอากาศแห้ง ประธานาธิบดี Evo Morales ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางภาคตะวันออกของ Santa Cruz

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

มุมมองทางอากาศของภัยพิบัติใน Amazon ประเทศบราซิล

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

พวยน้ำ ใน Mississippi สหรัฐอเมริกา #20 สิงหาคม

 

Too Young to Die

ไฟไหม้ป่าAmazon ปอดของโลก 3 อาทิตย์ ซ้ำเติมภาวะโลกร้อน
ไฟไหม้ป่าครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2013 โดย National Institute for Space Research (INPE) สาเหตุคาดว่าเกิดจากการปล่อยปะละเลยให้ผู้คนเข้ามาถางป่าอย่างผิดกฏหมาย บวกกับสภาวะความแห้งแล้งช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. ที่นับวันจะเพิ่มขึ้นจากภาวะโลกร้อน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำเติมขึ้นไปอีก
ปีนี้บราซิลประสบไฟป่าถึง 72843 ครั้ง เป็นพื้นที่เกินกว่าครึ่งหนึ่งของป่าทั้งหมด คิดเป็นอัตรามากขึ้นกว่าปีที่แล้วกว่า 83% เพียงแค่ช่วงวันที่ 15-21 ส.ค. มีไฟป่าเกิดไปแล้ว 9500 ครั้ง
Amazonเปรียบเสมือนเป็นปอดของโลก ผลิตออกซิเจนกว่า 20% ให้แก่โลก เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์และพืชกว่า 3 ล้านชนิด และชนเผ่า indigenous กว่า 1 ล้านคน

ควันไฟป่าปกคลุมเมือง Sao Paolo ที่ห่างออกไป 1700 ไมล์ ท้องฟ้ากลายเป็นสีเทา
แผนที่ของ Europeon Union’s Satellite program แสดงให้เห็นถึงปริมาณควันปกคลุมเกินครึ่งของประเทศ ข้ามไปถึง เปรู โบลิเวีย และปารากวัย
ทุกวันนี้ป่าAmazonถูกทำลาย นาทีละ 1 สนามฟุตบอลทุกวัน ทุกวันนี้ นักสิ่งแวดล้อมต่างพยายามต่อสู้กับประธานาธิบดี Jair Bolsonaro ที่มีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจโดยหาประโยชน์จากผืนป่า และยินยอมให้มีการถางป่าโดยชอบธรรม แถมยังตัดงบประมาณด้านสิ่งแวดล้อมไปกว่า 23 พันล้านเหรียญ เดือนที่แล้วเขาสั่งปลดหัวหน้าสถาบัน INPE ผู้ที่เปิดเผยยอดการทำลายป่าที่เป็นตัวเลขมากขึ้น 88% เทียบกับปีที่แล้ว
ไฟป่าครั้งนี้เขายังกล่าวหาว่าสาเหตุของไฟไหม้ มาจากกลุ่มNGO จงใจจุดไฟเพื่อสร้างภาพพจน์ที่ไม่ดีแก่รัฐบาล
Greenpeace ประนามประธานาธิบดี Bolsonaro และรัฐบาลของเขาว่าเป็นตัวการสำคัญของภาวะโลกร้อน ผลประโยชน์ในระยะสั้นของรัฐบาลเขาไม่อาจเทียบกับผลเสียระยะยาวที่จะตามมาในอนาคต
WWF ออกมาเตือนว่า หากผืนป่าAmazon ยังคงสูญเสียเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ป่าฝนจะกลายสภาพเป็นพื้นที่แห้งแล้งทุ่งหญ้าสะวันนาห์ แทนที่จะกลายเป็นแหล่งผลิตออกซิเจน Amazon จะกลายเป็นที่ๆปล่อยคาร์บอนออกสู่ชั้นบรรยากาศแทน
#prayforamazonia
https://edition.cnn.com/2019/08/21/americas/amazon-rainforest-fire-intl-hnk-trnd/index.html

 

ขณะนี้ผืนป่าแอมะซอน (ปอดของโลก) กำลังเผชิญไฟป่าครั้งใหญ่ ! ลามแล้ว 3,000 กม. By ManoshFiz - 21/08/2019
หลังจากที่มีน้อง ๆ ในเพจ ส่งข้อความหลังไมค์เข้ามา เพื่อให้ผมช่วยเขียนถึงเรื่องนี้ ซึ่งผมต้องขอแจ้งว่า ผมเป็นคนที่อ่านข่าวต่างประเทศทุกวัน แต่ไม่เห็นสำนักข่าวใหญ่ ๆ แห่งใด รายงานถึงเรื่องนี้เลย แต่ล่าสุดเมื่อวานนี้ 20 ส.ค. สำนักข่าว CNN ได้นำเสนอเรื่องนี้แล้วครับ แต่ก็น่าแปลกใจนะที่ทำไมข่าวนี้ถึงไม่ดัง เพราะเพลิงไฟลุกลามติดต่อกันนานกว่า 3 สัปดาห์ และกินพื้นที่ป่าไปกว่า 3,000 กิโลเมตรแล้ว
ตามรายงานระบุว่า ขณะนี้ไฟป่ายังคงลุกลามต่อเนื่อง โดยยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ทำให้นครเซาเปาโล ประเทศบราซิล ถูกปกคลุมไปด้วยควันไฟอันตราย ทั้งเมืองมืดสนิทไม่มีกลางวันกลางคืน ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า เหตุการณ์ไฟไหม้ในครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ เพราะมันมีโอกาสน้อยมาก ๆ ที่ป่าดิบชื้นอย่าง แอมะซอน (Amazon) จะเกิดเพลิงไหม้ได้ด้วยตนเอง
“เราขอกล่าวโทษต่อ ปธน.บราซิล เพราะตั้งแต่ที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง เขาไม่สามารถใช้อำนาจในการจัดการกับปัญหาบุกรุกพื้นที่ป่า หรือลดการตัดไม้ทำลายป่าได้เลย จากข้อมูลและภาพถ่ายดาวเทียมของนาซ่าที่ทำการบันทึกไว้เมื่อต้นปี 2019 จนถึงตอนนี้ พบว่า มีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่ป่าแห่งนี้กว่า 72,000 ครั้ง นับว่ามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถลดอาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อมได้เลยแม้แต่น้อย” – เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ผืนป่าแอมะซอน กล่าว
และสาเหตุที่ทำให้ “ป่าแอมะซอน” เปรียบเสมือน “ปอดของโลก” ก็เพราะ ผืนป่าแห่งนี้ช่วยดูดซับ “คาร์บอนไดออกไซด์” เฉลี่ยปีละกว่า 2,000 ล้านตัน จากนั้นก็ทำการฟอกอากาศเสียชนิดนี้ให้เป็น “ออกซิเจน” ช่วยหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตบนโลกกว่า 20% (ส่วนที่เหลือคือทะเลนะครับ ทะเลคือสถานที่ผลิตออกซิเจนมากที่สุดของโลก)
อย่างที่เกลิ่นไปตอนต้นนะครับว่า ถ้าไม่มีน้อง ๆ มาบอก หรือ CNN เขียนรายงาน พี่คงไม่ทราบจริง ๆ ว่า ขณะนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับแอมะซอน
ทำให้ชาวเน็ตทั่วโลกพร้อมใจกันติดแฮชแท๊ก #PrayforAmazonia เนื่องจากทุกคนรู้สึกเหมือนกันว่า ข่าวนี้ถูกนำเสนอน้อยมาก ทั้งที่มันสร้างความเสียหายมหาศาลมากกว่าเหตุการณ์ใด ๆ ที่ผ่านมาหลายเหตุการณ์
Fact – แม้ว่าป่าแอมะซอนจะมีเขตพื้นที่อยู่ใน 8 ประเทศ แต่พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในบราซิล กว่า 60% มีต้นไม้ราว 390,000 ล้านต้น และมีสัตว์สายพันธุ์ต่าง ๆ อาศัยอยู่มากกว่า 16,000 สายพันธุ์
https://www.flagfrog.com/amazon-fire-brazil/

 

ภาพรวมทั้งหมดของการประท้วงในฮ่องกง ภายใต้การสนับสนุนของอเมริกา:
หลายๆ คนยังไม่เข้าใจว่าการประท้วงที่ฮ่องกงจริงแล้ว ใครเป็นคนสนับสนุนหรือบงการอยู่เบื้องหลัง ผมขอให้ภาพรวมเพื่อคนไทยจะได้เฝ้าระวังประเทศไทยกันถ้วนหน้า ดังนี้ครับ
๑.นักการเมืองอเมริกันที่อยู่เบื้องหลังก่อให้เกิดอาหรับสปริงคือจอห์น แมคเคน เขาเป็นคนประสานงานระหว่างซีไอเอและกลุ่มภราดรภาพมุสลิม (Muslim Brotherhood) สร้างม็อบจัดตั้ง อ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตยและรังเกียจเผด็จการเพื่อวางแผนให้เกิดจลาจลในประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลาง รวมทั้งเดินทางไปพบแกนนำกลุ่มก่อการร้ายไอสิสและอัลกออิดะห์ในซีเรียเพื่อวางแผนโค่นรัฐบาลซีเรียด้วย (รายละเอียดดู https://www.voltairenet.org/article...1Sw5-IH5wvwh4jf5UvaHcdSyhZSX5EUwqDMGz1aNFNdtY)
แท้จริงแล้ว ซีเรียไม่มีสงครามกลางเมือง (civil war) แต่อย่างใด มีแต่การรุกรานจากชาติตะวันตกซึ่งอเมริกา อิสราเอลและซาอุฯ เป็นหัวโจก โดยสร้างม็อบจัดตั้งและกลุ่มก่อการร้ายซึ่งเป็นอาสาสมัครร่วมอุดมการณ์จาก ๑๐๘ ประเทศ
ระหว่างที่อาหรับสปริงกำลังป่วนตะวันออกกลาง จอห์น แมคเคนได้เตือนรัฐบาลจีนว่าคิวต่อไปที่อเมริกาจะก่อให้เกิดการจลาจลคือประเทศจีน พูดง่ายๆ ว่าปรากฎการณ์อาหรับสปริงจะไปเยี่ยมจีนเช่นเดียวกัน (

และ https://www.reuters.com/article/us-...nRBRj_bT0RsKjirKD_RcQ2CHdiugfOs8kmuSmzUT21-Ms)
๒.เพราะฉะนั้น เมื่อมีการประท้วงกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน อเมริกาจึงมองเป็น Timing ที่สำคัญที่จะก่อให้สถานการณ์บานปลาย แม้ว่าผู้บริหารฮ่องกงจะพักร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่สไตล์ของซีไอเอก็คือโค่นรัฐบาลหรือทำลายควาเชื่อถือของรัฐบาลจึน จึงฉวยโอกาสนี้ ใช้บรรดาเครือข่ายม้าโทรจันทั้งหลาย เช่น NGOs, สื่อมวลชน, ม็อบเติมเงินหรือม็อบจัดตั้ง, นักวิชาการขายชาติจำนวนมากปั่นกระแสไล่ผู้ว่าฮ่องกงออกจากตำแหน่ง คนที่ติดตามข่าวประจำ จึงรู้ได้ทันทีว่ารัฐบาลอเมริกาและแก๊งพันธมิตรอเมริกา เช่น อังกฤษอยู่เบื้องหลัง แม้แต่คนอเมริกันเองอย่างรอน พอลก็บอกว่ารัฐบาลอเมริกาอยู่เบื้องหลัง (

และ https://www.fort-russ.com/2019/08/t...rpoBvc2NHNsDHq_jCfRXzR389eTO5QduRD83lk8mfwSy8)
๓.แกนนำหลายคนที่ดำเนินการประท้วงในฮ่องกงได้รับการฝึกฝนวิธีจัดตั้งม็อบอย่างมืออาชีพ โดยได้รับการอบรมอย่างดีที่กรุงออสโลว์ ประเทศประเทศนอร์เวย์ก่อนปฏิบัติงาน (

)
๔.วิธีการโค่นรัฐบาลต่างประเทศนั้น วิทยาลัยเสนาธิการทหารของอเมริกาได้จัดพิมพ์หนังสือแล้วแจกจ่ายไปยังกลุ่มทหารอเมริกันต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประเทศแต่ละประเทศมีบริบทไม่เหมือนกัน การก่อม็อบจัดตั้งเพื่อปั่นกระแสประท้วงในฮ่องกง รัฐบาลอเมริกาเอาต้นแบบที่ประสบความสำเร็จมาแล้วที่ยูเครนเป็นกรณีศึกษาหรือแม่แบบในการประท้วง (https://www.kyivpost.com/ukraine-po...qTjmoGHhfqqEWTnfIfgFyvkR8SHg1sM&cn-reloaded=1)
๕.ปัญหาของชาวฮ่องกงก็คือยังมีคนจำนวนมากรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของชาวตะวันตก จึงถูกกระแสข่าวดึงให้คล้อยตามได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น พอเห็นผู้ประท้วงใช้ความรุนแรงต่อตำรวจ ชาวฮ่องกงก็ออกมายืนข้างรัฐบาลจีนและตำรวจจีน แต่พอสื่อเครือข่ายโทรจันลงภาพที่ตำรวจฮ่องกงใช้มาตรการรุนแรงขึ้นกับเยาวชนฮ่องกงที่เป็นหุ่นเชิดของอเมริกา ประชาชนฮ่องกงก็ออกมาต่อต้านเช่นกัน
ช่วงนี้ จึงเป็นช่วงที่ทั้ง ๒ ฝ่ายต่างพยายามแย่งพื้นที่ข่าวและแย่งมวลชนกัน ผู้บริหารทวิตเตอร์และ FB จึงสั่งปิดบัญชีผู้ใช้หลายรายที่สนับสนุนรัฐบาลจีน ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนก็พยายามใช้วิธีการทูตนำหน้าการทหาร ค่อยๆ บีบเข้าไปยืดพื้นที่คืนทีละขั้น โดยใช้หลักหยินหยาง ยืดได้หดได้ ชาวฮ่องกงส่วนหนึ่งก็ดำเนินการฟ้องเป็นหลักฐานไว้ที่สหประชาชาติ (

)
สรุปก็คือฮ่องกงคงจะเซไปอีกหลายอาทิตย์กว่าจะกลับเป็นปรกติดังเดิมเพราะประชาชนจำนวนมากยังรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมฝรั่งมังค่า ตกเป็นเหยื่อของสื่อมวลชนโลกที่รัฐบาลอเมริกาและยุโรปปั่นกระแสอยู่เบื้องหลัง เหมือนๆ ชาวซีเรียนั่นแหละครับ ประชาชนซีเรียถูกล้างสมองด้วยข้อมูลจาก NGOs สื่อกระแสหลักของอเมริกาและยุโรป รายงานของนักสิทธิมนุษยชนจอมปลอม นักวิชาการขายชาติ ม็อบเติมเงินขายชาติ ฯลฯ คนเหล่านี้ แท้จริงแล้ว เป็นโทรจัน ทำงานเพื่อปูทางให้ชาติตะวันตกส่งทหารเข้ามารุกรานประเทศของตนทั้งนั้น
ผมถึงบอกไงละครับว่าถ้าวิญญูชนคนไทยส่วนมาก รู้เช่นเห็นชาติ รู้ธาตุแท้ของฝรั่งมังค่าตามที่เป็นจริง จะเป็นรากฐานที่สำคัญให้รัฐบาลมั่นคง รัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ได้ง่ายขึ้น
@ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
https://web.facebook.com/bodhinand007/
https://vk.com/bodhinanda
๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
หมายเหตุ กฎเกณฑ์ กติกาและมารยาท:
๑.ถ้าจะแชร์ ไม่ต้องขออนุญาตแต่โปรดอ้างที่มาให้ชัดเจน
๒.หากจะวิจารณ์โปรดใช้คำสุภาพ สองข้อแรกนี้สำคัญเพื่อป้องกันมิให้ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์
๓.โปรดสะกดใช้คำให้ถูกต้องตาม *หลักภาษาไทย* ด้วย (อย่าใช้ 'จารย์หรือจาร (แทนอาจารย์), อัลลัย (แทน อะไร), ทำมัย (แทน ทำไม), สนจัย (แทน สนใจ), อะเคร์ (แทน โอเค), ทะมาย (แทน ทำไม), ก้อ (แทน ก็), ม่ายด้าย (แทน ไม่ได้), ยังงัย (แทน ยังไง), จิงจัย (แทน จริงใจ), หัวจัย (แทน หัวใจ), ครัช (แทน ครับ), อะรัย (แทน อะไร), เป็นรัย (แทน เป็นไร), ปัย (แทน ไป) , คัย (แทน ใคร), ฝรรดี (แทน ฝันดี), เด๋ว (แทน เดี๋ยว), จิง (แทน จริง) เขาใช้กันมาผิดๆ อย่าใช้ตามครับ ๔.ข้อความวิจารณ์ที่ *หยาบ* และ *สะกดผิด* จะลบออกทุกครั้งที่เห็น
๕.ผู้ที่สะกดผิดบ่อยครั้งหรือใช้คำหยาบบ่อยครั้ง จะบล็อคอย่างถาวร
๖.คนที่ใหม่ต่อการเมืองระหว่างประเทศ ควรจะอ่านข่าวจากเพจนี้ย้อนหลังไป ๓ เดือนเป็นอย่างน้อยก่อนจะวิจารณ์ใดๆ
๗.อย่าด่วนเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนให้อ่าน แต่จงใช้ข้อมูลที่ผมเขียนปูทางไปค้นคว้าหาข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมแล้วสรุปด้วยตนเองว่าจริงหรือไม่จริง

 

สถานการณ์ที่น่าสยดสยองใน # อเมซอน ไฟได้เผาผลาญป่าเป็นเวลาสองสัปดาห์ - # บราซิล

 

สงสัยว่าป่าอเมซอน โดนไฟป่าเผาขนาดนี้แล้ว ไอ้มดแดงอเมซอนหายไปไหน ทำไมจึงไม่มาพิทักษ์ป่าอเมซอน

https://board.postjung.com/837069

 

เกิดอะไรขึ้นกับบราซิล ? หลังผึ้งในประเทศ ตายไปแล้วกว่า 500 ล้านตัว ภายใน 3 เดือน By FlyingPin - 21/08/2019
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2019 สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานถึงปรากฏการณ์ประหลาด ที่กำลังเกิดขึ้นในบราซิล หลังผึ้งภายในประเทศต่างพากันล้มตาย ซึ่งตอนนี้คาดว่ามากกว่า 500 ล้านตัวแล้ว ภายในช่วง 3 เดือน จึงเป็นผลให้นักวิจัยพยายามหาคำตอบ และพบว่าสาเหตุหลักอาจมาจาก “ยาฆ่าแมลง”
ตามรายงานระบุว่า องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ชี้แจงว่า กว่า 75% ของพืชผลในโลกที่มนุษย์นำมาบริโภคเกิดจากการผสมเกสรของผึ้ง ฉะนั้นการปกป้องผึ้งและการปกป้องอาหารของเราคือเรื่องเดียวกัน และเราไม่ควรละเลยแม้แต่สักวินาทีเดียว ดั่งคำที่ไอน์สไตน์เคยกล่าวว่า “หากผึ้งสูญพันธุ์ มนุษย์ก็จะสูญพันธุ์ตามไปด้วยเช่นกัน”
Aldo Machado รองประธานสมาคมการเลี้ยงผึ้งของบราซิล บอกกับสื่อว่า “ทันทีที่ผึ้ง ตัวที่แข็งแรงเริ่มกำจัดผึ้งที่ตายแล้วออกจากรัง พวกมันก็จะปนเปื้อนและเริ่มตายกันเป็นกลุ่ม ซึ่งการติดต่อนี้ทำให้อาณานิคมของผึ้งทั่วประเทศถูกทำลายภายในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง”
จากการตรวจสอบเบื้องต้น ผลจากการวิจัยชี้ว่า Neonicotinoids และ Fipronil (ยาฆ่าแมลงสองชนิดที่ถูกห้ามใช้แล้วในยุโรปแต่บราซิลยังใช้อยู่) เป็นสาเหตุหลักที่เกี่ยวข้องกับการตายของผึ้งส่วนใหญ่ในบราซิล

ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการใช้ฆ่าแมลงที่พุ่งสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ยาฆ่าวัชพืชและยาฆ่าแมลงกว่า 193 ชนิด ที่ประกอบด้วยสารเคมีที่ถูกแบนไปแล้วในสหภาพยุโรป แต่ถูกจดขึ้นทะเบียนในบราซิล แถมบราซิลยังได้กลายเป็นผู้จัดซื้อสารกำจัดศัตรูพืชรายใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย (บราซิลยังไม่แบนและมีการใช้งานอยู่เป็นประจำ)
และปรากฏการณ์รังผึ้งล่มสลาย (CCD) ที่กำลังเกิดขึ้นที่บราซิลอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเกิดขึ้น เพราะเมื่อปี 2006 สหรัฐฯมาแล้วเองก็เคยประสบมาแล้วเช่นกัน
จนถึง ณ ตอนนี้ ก็ยังไม่มีองค์กรใดออกมายืนยันว่า การที่ผึ้งกว่า 500 ล้านตัว ทั่วประเทศล้มตายเป็นผลมาจากการใช้ยาฆ่าแมลงจริง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็เชื่อว่า แม้จะมีปัจจัยอีกหลายอย่างให้นึกคิด แต่ยาฆ่าแมลงนี่แหละ คือหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่อาจทำให้ผึ้งทั่วประเทศสูญพันธุ์ไปเลยก็เป็นได้
Fact – แม้ว่าสมองของผึ้งจะมีรูปร่างเป็นวงรีและมีขนาดเล็กเท่ากับเมล็ดงา แต่มันมีความสามารถในการเรียนรู้และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี เช่น สามารถคำนวณระยะทางที่ซับซ้อน เพื่อเลือกเส้นทางในการขนย้ายอาหารให้สั้นและเร็วที่สุด เพราะจะได้ผลงานในเวลาที่จำกัดมากที่สุดนั่นเองครับ
อ่านต่อ – หากผึ้งหายไปจากโลกเมื่อใด เมื่อนั้นแหละคือวันที่มนุษย์ต้องสูญพันธุ์แล้วจริง ๆ

 

หากผึ้งหายไปจากโลกเมื่อใด เมื่อนั้นแหละคือวันที่มนุษย์ต้องสูญพันธุ์แล้วจริง ๆ By ManoshFiz -21/12/2017

ในปัจจุบันประชากรผึ้งกำลังลดจำนวนลงอย่างน่าวิตก บางครั้งก็เป็นโรคตายกันยกรัง ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป หากวันข้างหน้าโลกของเราไม่เหลือผึ้งเลย มันจะเกิดอะไรขึ้น ?



ปรากฏการณ์การค่อย ๆ สูญพันธุ์ของผึ้ง มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานนี้ ผึ้งจะค่อย ๆ หายสาบสูญไปจากโลก หลังจากที่มีการพบว่าผึ้งที่เลี้ยงอยู่ในสหรัฐกว่าครึ่งหายสาบสูญไปจากรัง จนนางพญาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เพราะไม่มีอาหาร

ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ถูกตั้งข้อสันนิษฐานว่ามาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่ สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ยาฆ่าแมลง การตัดแต่งพันธุกรรมในพืช หรืออาจมาจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากเสาไฟฟ้าแรงสูงก็เป็นได้ แต่จากหลักฐานที่มีการพบว่าผึ้งได้หายสาบสูญไป ก็พอจะทำให้นักวิทยาศาสตร์ทำนายได้ว่า มันอาจจะสูญพันธุ์ไปในเวลาอันใกล้นี้ และนั่นจะส่งผลร้ายต่อพืชที่มีผึ้งเป็นตัวผลิตอย่างแน่นอน





นักวิทยาศาสตร์อธิบายวิกฤตนี้ว่า มีสาเหตุจากไวรัสตัวหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรค Colony Collapse Disorder หรือ ซีซีดี มีการคาดการณ์กันว่า เพราะจากข้อมูลพบว่า ผึ้งราว 1 ใน 3 ของสหรัฐหายไปในทุกๆ ฤดูหนาว นับตั้งแต่ปี 2549 ส่วนที่อังกฤษเช่นกัน สมาคมผู้เลี้ยงผึ้งบอกว่า ประชากรผึ้งหนึ่งในสามของผึ้ง 240,000 ตัว ตายในช่วงหน้าหนาวและใบไม้ผลิ ความสูญเสียที่เกี่ยวเนื่องกับสภาพภูมิอากาศโดยปกติจะอยู่ระหว่างร้อยละ 5-10 เท่านั้น จึงมีการคาดการณ์กันว่า ผึ้งอาจเป็นหนึ่งในสิ่งที่จะสูญพันธุ์ใน 30 ปีข้างหน้า!

ประชากรของผึ้งน้ำหวานทั่วโลกส่อเค้าลดลงมาตั้งแต่ปี 1905 แล้ว แต่ปัญหามาโผล่เห็นเด่นชัด เมื่อกลางทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา ทั่วโลกเผชิญกับปรากฏการณ์ผึ้งตายยกรังเป็นวงกว้าง จนนักวิทยาศาสตร์กังวลว่าผึ้งน้ำหวานจะเข้าสู่สถานะเสี่ยงสูญพันธุ์ ปัญหาวิกฤติขึ้นเมื่อรังผึ้งทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับโรคที่เรียกว่า “อาการรังผึ้งล่มสลาย” (colony collapse disorder) ซึ่งทำให้ผึ้งทั้งรังหายไปอย่างฉับพลัน



ผึ้งไม่เพียงแต่ให้น้ำผึ้งเท่านั้น มันยังช่วยผสมเกสรให้กับพืชพรรณหลายชนิด รวมถึงพืชที่เป็นอาหารของมนุษย์ด้วย ผลการศึกษาชี้ว่า ในบรรดาพืชอาหาร 100 ชนิดที่เป็นอาหารเลี้ยงประชากรร้อยละ 90 ของประชากรมนุษย์ทั้งโลก มี 70 ชนิด ที่ต้องการผึ้งเป็นตัวผสมละอองเกสรให้ หากผึ้งสูญพันธุ์หายไปจากโลก มนุษย์จะประสบปัญหาใหญ่หลวง เพราะผักและผลไม้จะหายตามไปด้วย ดอกไม้ป่าอีกหลายชนิดก็จะสูญพันธุ์ตามผึ้งไปเพราะผึ้งเป็นตัวผสมเกสรให้ดอกไม้นับร้อยนับพัน อย่างไรก็ตาม ผลผลิตธัญพืชจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไร เพราะธัญพืชส่วนใหญ่ใช้ลมเป็นพาหะในการผสมละอองเกสร

พืชไม่สามารถเปลี่ยนวิธีหรือแมลงผสมเกสรได้อย่างปุบปับ ดังนั้น ในระยะสั้นการสูญพันธุ์ของผึ้งจะทำให้ผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์ของป่าหลายชนิดลดลงแน่นอน ส่วนในระยะยาว ผลกระทบบางส่วนจะบรรเทาลงเนื่องจากแมลงอื่น ๆ ในระบบนิเวศธรรมชาติจะเข้ามาทำหน้าที่ทดแทนผึ้ง แมลงหลายชนิดทำหน้าที่ผสมเกสรได้เหมือนผึ้ง

แต่พวกมันไม่มีทางขนส่งเกสรเป็นระยะไกลๆ และครอบคลุมพื้นที่ และชนิดของพืชพรรณได้เท่ากับผึ้ง ดังนั้น พืชที่เคย ใช้ผึ้งเป็นตัวผสมเกสรก็จะต้องอาศัยมนุษย์ในการช่วยผสมเกสรให้ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ราคาสินค้าผักและผลไม้ในตลาดก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย



อาจจะดูเหมือนเรื่องไร้สาระสำหรับเรา เพราะดูเหมือนเรื่องไกลตัว แต่มันโคตรไกลตัวเลยนะ เพราะ กรีนพีซ องค์การสาธารณประโยชน์ (NGO) นานาชาติ จึงออกแคมเปญ Save the Bees เพื่อให้ชาวโลกรับรู้ถึงอันตรายการของการใช้สารเคมีในการเกษตรที่มีต่อผึ้ง โดยรณรงค์ผ่านสื่อโทรทัศน์และออนไลน์ ด้วยการนำเหล่าผึ้งน้อยมารณรงค์ต่อต้านด้วยตนเอง วลีเด็ดของผึ้งคือ Pesticide = Suicide หรือ ยาฆ่าแมลง = ฆ่าตัวตาย ซึ่งไม่ใช่ผึ้งเท่านั้นที่จะตายไปจากโลกนี้ แต่คือมนุษย์โลกต่างหากที่จะตายดับจากโลกนี้เพราะไม่มีผึ้ง



“หากผึ้งหายไปเมื่อใด หลังจากนั้น 4 ปี เผ่าพันธุ์มนุษย์จะหายไปด้วย” – อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

ไม่มีผึ้ง > ไม่มีพืช > ไม่มีอาหาร > ไม่มีสัตว์ >ไม่มีมนุษย์

“เอาผึ้งออกไปจากโลก พืชอย่างน้อยแสนชนิดจะไม่เหลืออยู่ในโลกนี้” – จากหนังสือ Canadian Bee Journal หนังสือเมื่อปี 1941

https://www.flagfrog.com/bee-apocalypse/

 

ไต้ฝุ่นมาอีกแล้ว !!
ไต้ฝุ่นลูกที่ 11 ของปีนี้ “ไป๋ลู่” หรือ “กวางขาว” ได้ก่อตัวขึ้นแล้วเมื่อบ่าย 2 วานนี้ (21 ส.ค. 2562) กรมอุตุนิยมวิทยาไต้หวันพยากรณ์ว่า ไต้หวันจะได้รับอิทธิพลจากไต้ฝุ่นลูกนี้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ และอาจจะประกาศเตือนภัยทางทะเล ญี่ปุ่นพยากรณ์ว่า วันเสาร์นี้จะเคลื่อนตัวกระหน่ำไต้หวันตรง ๆ และอาจพัดขึ้นบกด้วย สถานการณ์ในตอนนี้ ก็คือไต้ฝุ่นลูกนี้มีโอกาสขึ้นบกทางฮัวเหลียน ไถตง หรือเหิงชุน ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จึงขอให้ระมัดระวังความปลอดภัยด้วย!!!☔️☔️

 

ABC Noticias Oficial

ด่วน: ตามแผนที่ไฟของนาซ่า, อเมซอน, แอฟริกา และเกาะมาดากัสการ์ ไฟเผาไหม้ 60% ของความหลากหลายทางชีวภาพของโลกถูกเผา



URGENTE: Según mapa de incendios de la NASA, la Amazonia, áfrica y la isla de Madagascar arden en fuego, se quema el 60% de la biodiversidad del planeta tierra.

 

Cheww.co

สรุปตัวเลขที่น่าสนใจ จากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในป่าแอมะซอน

พบกองเพลิงมากกว่า 70,000 กองทั่วบริเวณป่า

ไฟป่ากินพื้นที่มากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 84%

ควันไฟลอยไปไกลกว่า 1,700 ไมล์ ถึงเมือง Sao Paulo ทำให้ทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยควันจนมืดสนิท

ไฟไหม้ครั้งนี้ทำลายทุกสถิติที่เคยเกิดมา นับตั้งแต่ปี 2013

ควันมีจำนวนมากจนสามารถมองเห็นได้จากดาวเทียม


https://www.cnbc.com/video/2019/08/...VEkuSSPfPXY4f55MLwq-0mPbfzqPj7xSvrkJsiRvSHOlM

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

การพังทลายของสะพานเนื่องจากน้ำท่วมในเยเมน # 21 สิงหาคม

 

Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

มีการประท้วงทั่วโลกเมื่อมหาวิหารนอเทรอดามถูกไฟไหม้ เหตุใดจึงไม่มีความโกรธในระดับเดียวกันกับไฟที่ทำลายอเมซอน