เห็นภาพคลื่นน้ำทะเลซัดท่วมภูเขามาเลย(พี่ที่ทำงานบอกนั่งสมาธิเห็น)

เราจะเร่งตัวรู้ทำไมเหรอค่ะ มันก็เร็วอยู่แล้ว เรามีหน้าที่เอาสติกำกับตัวรู้อีกทีค่ะ
ฝึกสติปัฎฐาน 4 ยืน เดิน นั่ง นอน ก็ได้ค่ะ

 

ฝึกหลายวิชาจัดแล้วขี้ลืม เลยหาทางลัดเร่งอะ พอไม่รู้แล้วมันกลัวโน่นกลัวนี่ไปหมด

 

ที่ผมฝึกมีสายวิญญาณไว้ลุ้นชาติหน้าที่ดีหน่อย สายพลังกายอันนี้โดนสกัดไปแล้วเป็นกระดูกทับเส้น เลยมาสายพลังจิตหาแนวทางอยู่ อีกสายสาย UI ซึ่งบรรลุแล้ว สัญชาติญาณเอาตัวรอดที่ใช้อยู่ตอนนี้ ผลที่ได้ด่ากันไปมาทุกวัน

 

จิตท่านคิดเยอะ ฝึกสติปัฎฐาน 4 ดีที่สุด หลวงพ่อจรัญ ท่านบอกว่า ช้าเพื่อไว เสียเพื่อได้

 

อย่าวาดหวังอะไรกับอนาคต จะรู้ได้ไงค่ะว่าชาติหน้าเราจะสนใจธรรมะหรือเปล่า อยู่กับปัจจุบัน
เถอะค่ะ

 

จั๊กกะดึ๋ย..จั๊กกะดึ๋ยจ๊วบๆ5555

 

ความกลัวเกิดจากความคิด....ความคิดนั้นคือม่านของอวิชชา...ก้าวข้ามมันไปให้ได้...ระลึกในจิตในใจไปว่า....ยอมตายเพื่อฝึกตน...ยอมตายเพื่อบูชาพระรัตนตรัย...ขอบูชาตถาคตด้วยชีวิต

 

เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า

 

ชาติปัจจุบันเป็นธรรม...ธาตุขันธ์ครบบริบูรณ์แล้ว...ไม่ฝึกตนชาตินี้จะไปฝึกชาติไหน....ไม่เร่งชาตินี้จะไปเร่งชาติไหน...รู้ได้อย่างไรว่าจะได้เกิดเป็นคนอีก

 

สัญชาติญาณผมถึงบอกให้เร่งๆ อะ อาจจะบรรลุวิชาสายวิญญาณแล้วก็ได้ ฝันเห็นดาบนี่สิ คงมีชาติต่อไปไว้รองรับแล้วล่ะ ฝันทุกวันงี้ บางทีแค่นึก
แต่ผมไว้ป้องกันตัวแค่นั้น กะฝึกดาบหากินแหละ ตามขุนนางยุคก่อน

 

หลวงตาผู้เมตตาต่อคนไทย
เทิดไว้เหนือเศียรเกล้า

 

ผมก็มีเรื่อง นิมิตร(ฝัน)แบบแปลกๆ(งงๆ) แบบพี่ไฮเปอร์ มาเล่าให้ทุกคนฟังเหมือนกัน เอาเรื่องนี้เรื่องเดียวก่อนนะ(แค่นี้ก็น่าจะงงพอละล่ะ)

คือ เรื่องมีอยู่ว่ามีคืนหนึ่งเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ผมก็นอนหลับตามปรกติของผมแล้วก็มีฝันหลายๆเรื่อง(อาจจะค่อยข้างเยอะแต่ผมก็จำไม่ค่อยได้แบบพี่ไฮเปอร์) แต่ที่ผมจำได้แม่น มีอยู่ฝันหนึ่งก่อนที่ผมจะตื่น(ส่วนใหญ่จะจำฝันก่อนตื่นได้แม่น) ผมได้ฝันว่ามี อาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่ง(มีรูปประกอบข้างล่าง)
อาจารย์ผู้หญิงคนนี้ลักษณะการแต่งตัวเหมือนรูปข้างบนนี้คือ ใส่เสื้อเชิ้ตสีออกขาวๆ(ไม่รู้ว่ามีลายหรือป่าว) สวมเสื้อสูทสีดำและใส่กระโปรงสั้นฟิต(แต่ไม่สั้นมาก)แบบคล้ายๆแบบนี้ แต่ไม่เหมือนในรูปตรงที่ แกไว้ผมสั้นและก็ไม่ได้ใส่แว่นตาและอายุก็มากกกว่านี้ ราวๆผู้หญิงวัยกลางคน อายุประมาณ40 กว่าแล้วหน้าก็เหมือนคนทันสมัยด้วยอะนะ(หน้าเหมือนคนยุคนี้หน้าไม่โบราณ) ยืนอยู่ข้างๆตัวผม (แต่ก็เหมือนมีเงาของอาจารย์คนอื่นๆยืนอยู่รอบๆแต่โฟกัสเห็นอ.ผู้หญิงคนนั้นชัดคนเดียว) แล้วผมเหมือนนอนอยู่บนเตียงแบบ คล้ายๆเตียงคนไข้ของหมอฟันที่คลีนิกอะไรแบบนี้ ในห้องนั้นที่ผมพอมองเห็นก็เป็นห้องโล่งๆแต่ก็เป็นแบบเหมือนห้องคลินิกหมอฟันหรือห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลอะไรแบบนี้ อาจารย์ยืนอยู่ครู่หนึ่งประมาณ 3-5 วิแล้วก็พูดมาหนึ่งประโยคว่า "การทดลองอยู่เหนือพลังจักรวาล" แล้วพอผมได้ยินคำพูดประโยคนี้ประมาณ 2 วิ ผมก็ลืมตาตื่นจากฝันทันทีเลย ด้วยอาการงง มากๆ ว่าประโยคนี้มีความหมายว่าอะไรกัน "การทดลองอยู่เหนือพลังจักรวาล" นี่อะนะ ซึ่งหลังจากฝันนั้นแล้วถัดประมาณ1เดือน ผมก็ฝันเห็นอาจารย์คนนี้อีก ในฝันเป็นภาพเหมือนผมกำลังเดินตามอาจารย์คนนี้ไปติดๆ มันเป็นภาพเหมือนอยู่ในตึกคล้ายๆโรงเรียนหรือโรงพยาบาลเนี่ยแหละ ทางเดินยาวๆ พื้นทางเดินขัดมันเงา อาจารย์คนนี้กอดแฟ้มอะไรซักอย่างอยู่ด้วย เดินนำผมไปที่หน้าลิฟต์ แล้วแกก็กดปุ่มเรียกลิฟต์(ไม่รู้ว่าแกเข้าลิฟต์ไปเพื่อจะลงหรือจะขึ้นอะ) แล้วอยู่ดีๆแกก็หันกลับมาพูดกับผมว่า "เป็นเทพแล้ว!!..มีความสามารถพิเศษอะไรบ้างคะ..." แล้วพอได้ยินคำพูดนี้ผมก็อึ้งและก็นึกในใจว่า"นี่เราเป็นเทพหรอ?...เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไงไม่เห็นรู้เลย แล้วเรามีความสามารถพิเศษพลังอะไรวะเนี่ย?"ในฝันไม่ได้พูดไรกับอาจารย์คนนั้นเลย และก็เหมือนเช่นฝันครั้งที่แล้ว ประมาณ 2 วินาที ผมก็ตื่นขึ้น ...แล้วหลังจากนั้นเป็นเดือนๆ 2-3 เดือน ผมก็ฝันถึงอาจารย์คนนี้อีก เเกไม่ได้พูดกับผม แต่เป็นภาพตอนแกกำลังสอนในห้องเรียน แกกำลังใช้ไม้หรือเสาอะไรซักอย่าง(เหมือนคล้ายๆเสาอากาศวิทยุ) ชี้ไปบนกระดานดำและพูดอ่านอะไรไม่รู้ผมฟังไม่ถนัด แต่เหมือนเห็นตัวเลขสูตรคำนวณทางคณิตศาสตร์กับภาษาอะไรแปลกๆบนกระดานก็ไม่รู้ และผมก็อยู่ในห้องเรียนนั้นแล้วนั่งเรียนที่โต๊ะเรียนแถวริมทางซ้ายสุดของห้องเรียน(ชิดริมหน้าต่าง) โต๊ะของผมอยู่ประมาณช่วงกลางๆของแถวและผมก็มองเห็นเพื่อนๆรวมห้องเรียนกำลังมองไปที่หน้าชั้นเรียนที่ อ.ผู้หญิงคนนั้นกำลังสอนอยู่ ซึ่งเพื่อนก็เหมือนกับนักเรียนทั่วๆไปที่เราเคยเห็น มีบางคนกำลังนั่งเท้าคางนั่งหลับ,บางคนก็มองอาจารย์,บางคนกำลังก้มจดอะไรที่อาจารย์สอน,บางคนก็กำลังคุยกับเพื่อน,บางคนก็หมุนปากกา(หรือดินสอกดก็ไม่รู้)เล่น แต่ไม่รู้เป็นเพราะอะไรภาพที่ผมเห็นส่วนใหญ่ เพื่อนร่วมชั้นเรียนในห้องส่วนมากมักเป็นผู้หญิงอะนะ ภาพนั้นปรากฏอยู่ประมาณไม่เกิน 10 วิ แล้วก็หายไป แล้วผมก็ตื่นเหมือนเช่นเคยอะนะ... แล้วก็หลังจากนั้นประมาณ 2 ปี ผมก็ได้ฝันแต่ไม่ได้ฝันถึงอาจารย์หญิงคนนั้น แต่ฝันเห็นภาพเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งผมหยิกๆกำลังเข้าแถวนั่งลงกับพื้นอยู่ มันหันมาตวาดผมว่า "เฮ้ย!!..เข้าผิดกลุ่มรึป่าว อยู่กลุ่มไหนเนี่ย?" แล้วผมก็ผลักหลังมันไปหลายครั้งแล้วบอกว่า "ทำไมๆ...มีปัญหาไรวะ..ทำไม"(พูดน้ำเสียงแบบหาเรื่อง) แล้วภาพก็ตัดมาที่ระหว่างผมกำลังผลักหลังเพื่อนคนนี้อยู่ ผมก็มองไปที่นาฬิกาข้อมือที่ผมใส่อยู่ชัดเจน นาฬิกาเป็นแบบคล้ายๆในรูปนี้เลยเรือนสีดำ แต่ว่ามองไม่เห็นตัวเลขแบบนี้นะแต่เหมือนมีทั้งเข็มและตัวเลขดิจิตอล อยู่ในนาฬิกาเรือนนี้เรือนเดียว
และหลังจากมองนาฬิกาซักพักเช่นเคย ผมก็ตื่นขึ้นจากความฝัน แล้วผมก็ไม่ได้ฝันอีกเลยเว้นมาเป็นปี จนถึงเมื่อต้นปีที่แล้ว ตอนที่ผมไปฝึกปฏิบัติธรรมวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดที่ผมอยู่ ระหว่างวันที่ 2 ของการปฏิบัติธรรม คอร์ดหลักสูตรเค้าให้นั่งสมาธิ 2 ช่วง/วัน คือ ช่วงสายๆ 10โมงกว่าๆ แล้วก็อีกครั้งหนึ่งคือช่วง บ่าย 2โมงกว่าๆ แต่ผมจำได้ว่าเห็นภาพนิมิตรตอน นั่งสมาธิช่วงแรก(10โมงกว่า) ผมก็นั่งหลับตาบริกรรม "พุทโธ" ไปเรื่อยๆ โดยหลักสูตรของสถาบันสมาธินี้เค้าให้ กำหนดบริกรรมคำว่า "พุทโธ" ที่ฐานจิตที่ตัวเรากำหนด ซึ่งผมกำหนดอยู่ที่กึ่งกลางหน้าอกค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย(ตรงตำแหน่งที่ตั้งของหัวใจ) ระหว่างที่ผมกำลังบริกรรมพุทโธในใจ จิตผมกำลังจะนิ่งและผมกำลังเกือบจะละคำบริกรรมแล้ว อยู่ๆก็ปรากฏนิมิตรภาพ อาจารย์ผู้หญิงคนนั้นพูด ท่องคำบริกรรมแข่งกับผมโดยมีอาจารย์ผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้างๆอีกด้วย อ. แกพูดท่องว่า"พุทโธ!!...อะระหังสัมมา(แล้วก็ภาษาอะไรก็ไม่รู้ แปลกๆพูดยาวๆต่อกัน ประมาณ 10กว่าคำได้).........." ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกพูดภาษาบาลีสันสฤตรึป่าว แต่ลักษณะคำพูดของภาษานั้น ออกเสียงยากเหมือนกัน เหมือนคล้ายๆกับภาษาที่พวกร่างทรงเทพฯตามสำนักร่างทรง ต่างๆใช้กันอะนะ (ไม่รู้ว่าจะใช่
ภาษากุโบ๊สหรือป่าว) อันนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจ ภาพนิมิตในสมาธิของผมนั้นสั้นประมาณ 5 วิได้ แล้วหลังจากเห็นภาพอาจารย์บริกรรมแข่งนั้น ผมก็ได้ลืมตาตื่นจากสมาธิขึ้นและหลังจากนั้นผมก็นั่งสมาธิใหม่แล้วก็ไม่เห็นภาพนิมิตรไรอีกเลยมีแต่ความมืด แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้มีนิมิตรอะไรแปลกๆแบบนี้เกิดขึ้นระหว่างนั่งสมาธิอีกเลย นอกจาก ภาพภัยพิบัติใหญ่ที่เห็นภาพนิมิตมีแต่เกี่ยวกับภัยทางน้ำอย่างที่ผมได้บอกไว้ในข้อความก่อนหน้านี้แล้ว(ภาพภัย3ช่วงเหตุการณ์) จนหลังจากเหตุการณ์ทีมกู้ภัยช่วยทีมหมูป่าทั้ง 13 คนออกจากถ้ำหลวงฯมาได้แล้วประมาณ 1 สัปดาห์ถัดมา ผมก็เกิดมานิมิตฝันอีกแล้ว แต่คราวนี้ไม่ได้ฝันถึงอาจารย์หญิงคนนั้น แต่ฝันถึงเพื่อนร่วมงานผู้หญิง(ในโลกความจริง)อยู่คนหนึ่ง ภาพในนิมิตรนั้นเธอนั่งเก้าอี้ไม้และก็มีโต๊ะเรียน (น่าจะเป็นโต๊ะของนักเรียนในห้องเรียนที่ผมเคยเห็นในนิมิตก่อนหน้านี้ที่ อ.ผู้หญิงคนนั้นกำลังสอนอยู่) แล้วผมก็ได้นั่งที่โต๊ะเรียนโต๊ะนั้นและหันหน้าไปคุยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อนร่วมงานผมก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า "โน่น!!.....(แล้วก็มีคำพูดประโยคต่อไป)" แต่แล้วหลังจากคำพูดนี้แค่คำเดียวก็พลันกลายปรากฏหน้าและชุดเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่งทันที(เหมือนเทคนิคVisual Effect ในหนังยังไงยังงั้นเลย) แล้วลักษณะการแต่งตัวชุดของเธอคนนี้ก็เป็นคล้ายๆดังในรูปข้างล่างนี้เลย(ขอยืมรูปคอสเพลย์02[Zero Two]มาหน่อย)

คือ ชุดที่เธอคนนี้ใส่เป็นเสื้อกั๊กไหมพรมสีชมพู(ผมจำได้แม่นเลย) แต่ว่าภายใต้เสื้อกั๊กสีชมพูนั้นคงจะใส่ชุดนักเรียนสีขาวแบบนักเรียนทั่วไปอะนะ เพราะเห็นปกคอเสื้อสีขาวรำไรเหมือนกัน แต่ว่าหน้าตาของเธอไม่ใช่แบบนี้หน้าตาเรียวยาว คางแหลม หน้าออกไปทางจีนๆนิดๆ(อาหมวย) ผิวขาว ผมยาวสีดำ(ไม่ใช่ผมสีชมพูแบบในรูป) และไม่มีเขาแบบในรูปตัวอย่าง ทันใดหลังจากที่กลายร่างเป็นเธอคนนี้ขึ้น เธอก็พูดพรางชี้นิ้วไปที่โต๊ะเรียนข้างหน้าผมว่า "!!.....ไปนั่งทำตรงนั่นป่ะ" เธอพูดแบบนำเสียงเหมือนดุๆเล็กน้อย ลักษณะเหมือนคนสั่งใช้ให้ทำไร ผมต้องทำตาม(เป็นเบ๊อะไรแบบนี้)แล้วผมก็เหมือนกำลังลุกไปเพื่อไปนั่งโต๊ะข้างหน้าแล้วผมก็มองดูนาฬิกาข้อมือเรือนสีดำของผม แต่ความรู้สึกผมเหมือนรับรู้ได้ว่าเธอคนนี้ไม่ใช่อาจารย์แต่น่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่แบบมีอิทธิพล เช่น หัวหน้าห้อง,รองหัวหน้า หรือ ประธานนักเรียน อะไรอย่างนี้มากกว่า แล้วหลังจากนั้นผมก็ตื่นขึ้นแล้วก็พยายามปะติดปะต่อเหตุการฝันต่างๆที่เกี่ยว โรงเรียน,ห้องเรียน,อาจารย์ และเพื่อนร่วมชั้นเรียน ผมก็นึกไม่ออกจริงๆว่าฝันนี้สื่อถึงอะไร ไม่อยากจะเดาเลย งงมากๆ งงชิบเป้ง!!... เลยอะครับ

ปล. ภาพบุคคลในนิมิตรผมที่เล่ามา ทั้งเสื้อผ้าชุดที่ใส่ของอาจารย์,ทั้งสิ่งแวดล้อม ต่างๆ สถานที่ห้อง,โรงเรียน,ห้องเรียน แล้วก็ลักษณะหน้าตาและการแต่งกายของเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอะนะ ทั้งในหนังและการ์ตูนที่ผมเคยดูก็ไม่มีแบบที่ฝันนี้เลยอะ เหมือนเป็นภาพอยู่ดีๆก็ขึ้นมาให้เห็นเลย คนก็หน้าตาแบบไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนเลยอะครับ

(ก็ไม่รู้เหมือนกันเป็นฝันที่ทำให้ผมงง มากๆ จนถึงทุกวันนี้เลยอะนะ)

 

ดาบวงพระจันทร์หรือเปล่า...มีฝ่ามือฆ่ามังกรด้วยเปล่า...หรือวิชาย้ายเส้นเอ็น55555

 

ขุมนรกตัดลิ้นร้อยกราม



ขุมนรกตัดลิ้นร้อยกราม พนักงานของยมพบาลเมืองนรก กำลังตัดลิ้นของร่างดวงวิญญาณ พวกที่กล่าวหาให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่ชอบ ตลอดจนใช้วาจาแช่งด่าหยาบคาย และนักบวชที่ประพฤติผิดธรรมวินัยทางปาก เช่น กล่าวหาให้ร้ายศาสนาอื่น เทศนาที่มีความหมายในทำนองสองแง่สองง่าม หลังจากตายแล้วก็ถูกลงโทษดังภาพ

ที่มา http://reincarnationandlifeafterdeath.blogspot.com/2014/01/5.html

 

ฝันคือข้อมูลชนิดหนึ่ง เดี๋ยวมีเทพกว่าก็ดูดไป โดยเทพสูงสุดคือโอดีนครับ ต้องมีผู้นำ ไม่งั้นแตกแยกแน่ ภาษาที่ใช้เป็นการบอกข้อมูลว่าเราอยู่ยุคไหนก็ไปหาประวัติศาสตร์อ่านดู ผมเจอภาษารูนเลยครับสมัยอียิปแหนะ เป็นภาษาเก่าแก่สุดแล้ว แสดงว่า... แต่ผมไม่ยอมจะมายุคปัจจุบันจึงค้นพบไทม์แมชชีนครับ ความเพ้อฝันจึงบังเกิด พบโดราเอมอนช่วยไว้อะในฝัน ที่เหลือคุณก็เดาๆ เอานะ เรียนรู้ระบบธาตุเอาไว้เป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอะไรต้องกลัว นอกจากขี้ลืมกะโดนล้างสมอง ระวังยินชวนดื่มเหล้าเป็นพอ เอาเหล้าราคาถูกมาให้สมองไม่รับ

 

ในขณะที่สังคมมนุษย์มีวิทยาการก้าวหน้า จนพาให้สังคมเจริญในทางวัตถุขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมนุษย์ฝึกฝนและพัฒนาตนเองในการใช้สติปัญญาสมองซีกซ้าย ให้มีความชำนาญตอบสนองความต้องการของตนได้อย่างยอดเยี่ยม แต่มนุษย์กลับบกพร่องผิดพลาดต่อตนเองไปอย่างหนึ่ง

มนุษย์ไม่เคยจะสำนึกฝึกจิตปัจจุบันของตน ให้มันแสดงอำนาจสูงสุดแห่งการเป็นมนุษย์ให้ตนเองหรือผู้อื่นประจักษ์บ้างเลย มีแต่ยอมกระทำพฤติกรรมต่าง ๆ ไปตามที่จิตตนเองกำหนด แต่ไม่เคยคิดจะกำหนดจิตตนเองให้มันแสดงออกหรือกระทำตามความเฉลียวฉลาดทางปัญญาของตนเลย เพราะเหตุนี้เอง มนุษย์ส่วนใหญ่จึงต้องตกเป็นทาสทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดความต้องการของตนเองไปในที่สุด

ทำให้ทุกคนกลายเป็นมนุษย์ที่ไม่สมดุล เพราะเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของตนเองไม่ได้

มนุษย์แต่ละคนจึงไม่อาจสร้างความเป็นหนึ่งเดียวในสังคมของตนได้ด้วยเช่นกัน เพราะเหตุมนุษย์รักผู้อื่นไม่เป็น และรักไม่ได้

"เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก" และ "เรา คือ โลก, โลก คือ เรา

มนุษย์ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกได้อย่างไร? ถ้าเมื่อใดมนุษย์ล้มเหลวต่อหน้าที่ในการค้ำจุนโลกจนเกิดการเสียสมดุลขึ้น เมื่อนั้นมนุษย์กับโลกต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้ายอันใดกันบ้าง

ข่าวสารทรงคุณค่าจึงได้เปิดเผยออกมาให้ทราบกัน

 

นี่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าอยู่ในยุคพระพุทธเจ้า ท่านใหญ่สุดใน 3 โลก ก็ระวังๆ ไว้ อาจเจอพลพรรคท่านได้ อย่าประกาศความเป็นญี่ปุ่นมาก พอเพียง

 

โดนล้างสมองไปรอบแล้วตอนเรียน สงสัยพระเจ้าจะไม่ชอบหนังจีน

 

โอ้โห้ เล่าเรื่องได้ยาวมากเลย ท่านไฮเปอร์เจอรุ่นน้องแล้ว คงจะเข้าใจกันได้ดี

 

โอวาทธรรม "คัมภีร์กัปป์สุดท้าย" มี 54 ข้อกรรมชั่ว ที่ผู้ใดประพฤติ จะถูกกวาดล้าง ในช่วงมหันตภัยยุคสุดท้าย

1.พวกที่กล่าวโทษฟ้าดิน
2.พวกที่ดำเนินชีวิตปฏิบัติตนผิดหลักฟ้า ฝืนหลักธรรม
3.พวกที่ไม่กตัญญูต่อพ่อแม่
4.พวกที่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ฆ่าเป็นอาชีพ ฆ่าเป็นกีฬา
5.พวกที่ลักขโมย ปล้นชิง หยิบฉวยทรัพย์สมบัติ สิ่งของของผู้อื่น
6.พวกที่โกหกมดเท็จ พูดจาหลอกลวงให้คนหลงเชื่อ
7.พวกที่ประพฤติผิดในกาม มักมากในตัณหาราคะ
8.พวกที่ชอบดื่มสุรายาเมา สูบบุหรี่ หลงไหลสิ่งเสพติดของมอมเมาสติ
9.พวกที่ไม่ยึดถือศีลธรรม จิตใจขาดหิริโอตัปปะ ไม่สำนึกละอายในการกระทำชั่ว ไม่เกรงกลัวบาปกรรม
10.พวกที่ทำลายพระศาสนา บิดเบือนหลักธรรม หลอกลวงเทพยดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
11.พวกที่เหยียบย่ำทำลายคัมภีร์หลักธรรม อักษรหนังสือ
12.พวกที่เหี้ยมโหด เข่นฆ่าเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ตน
13.พวกที่ทำลายผู้อื่น เพื่อมุ่งผลกำไรและความสุขส่วนตน
14.พวกที่ค้าขายใช้เล่ห์เหลี่ยม ขูดรีด คดโกงตาชั่ง
15.พวกที่ค้าขายสินค้าปลอม ยาปลอม หลอกลวงชาวบ้าน
16.พวกที่ใช้เล่ห์เหลี่ยม กลอุบายค้าขายเอาเปรียบคนอื่น
17.พวกที่หาประโยชน์จากผู้อื่นด้วยการหลอกลวงต้มตุ๋น
18.พวกที่พูดจาหยาบคาย ชอบทุบตีด่าว่าบุพพการี ปู่ย่าตายาย
19.พวกที่ชอบพูดจาให้ร้ายป้ายสีผู้อื่น
20.พวกที่อารมณ์ร้าย โมโหโกรธา ด่าว่าคนอื่นไปทั่ว
21.พวกที่ชอบว่ากล่าว ตำหนิโทษผู้อื่น ด้วยใจอคติไม่เที่ยงธรรม
22.พวกผู้ชายที่ไม่จริงใจต่อภรรยา พวกผู้หญิงที่ไม่เคารพซื่อสัตย์ต่อสามี
23.พวกที่ชอบยุแหย่ทำลายชีวิตครอบครัวผู้อื่นให้แตกแยกล่มสลาย
24.พวกพี่น้องที่ไม่รักใคร่ปรองดองกัน คอยแต่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น ฟ้องร้องแย่งชิงทรัพย์มรดก
25.พวกที่วงศ์ตระกูลเดียวกัน แต่กลับทะเลาะเบาะแว้ง ไม่สามัคคีกลมเกลียว
26.พวกที่ชอบยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่น ฟ้องร้องคดีความ
27.พวกที่ไม่มีความจริงใจ เป็นคนลวงโลก สวมหน้ากากเข้าหากัน
28.พวกหน้าเนื้อใจเสือ ภายนอกแต่งกายให้ดูดี แต่ภายในสกปรกโสมม
29.พวกที่อาศัยอำนาจหน้าที่ใช้อิทธิพลในทางที่ผิด
30.พวกที่กดขี่ราษฎร ฉ้อราษฎร์บังหลวง โกงกินบ้านเมือง
31.พวกที่ชักศึกเข้าบ้าน ล้างผลาญประเทศชาติ เพื่อผลประโยชน์ของตน
32.พวกผู้ปกครองที่ไม่ปฎิบัติหน้าที่ของตนให้ดี กลับใช้อุบายวางแผนแก่งแย่งชิงกันเป็นใหญ่
33.พวกที่ประจบสอพลอ พะเน้าพะนอ ยกย่องเชิดชูรับใช้คนเลว
34.พวกที่คอยมุ่งร้าย รังแกคนทำงานที่ซื่อสัตย์สุจริต
35.พวกคนพาลสันดานหยาบที่คอยก่อกวนให้ผู้อื่นเดือดร้อน อยู่ไม่เป็นสุข
36.พวกคนรวยแต่ใจร้าย ข่มเหงคนยากไร้
37.พวกที่ชอบยกย่องคนรวย เหยียบย่ำคนจน
38.พวกที่เห็นคนตกทุกข์ได้ยาก ไม่อยากช่วยเหลือ
39.พวกที่พบเห็นคนอยู่ในฐานะลำบาก กลับเมินเฉย แล้งน้ำใจ
40.พวกที่เห็นผู้อื่นร่ำรวย ก็เกิดความอิจฉาริษยา
41.พวกที่เห็นผู้อื่นฐานะสูงส่งด้วยเกียรติยศ ก็เกิดความโกรธแค้นชิงชัง
42.พวกที่มีจิตใจอาฆาตมาดร้าย ใช้ไสยศาสตร์มนต์ดำ สาปแช่งผู้อื่น
43.พวกที่ร่ำเรียนคาถาอาคมทำร้ายผู้อื่น ทำเสน่ห์ยาแฝด ฝังรูปฝังรอย
44.พวกที่ชอบฝึกวิชามาร ทำพิธีใช้ภูตผีกลั่นแกล้ง ทำลายล้างผู้อื่น
45.พวกที่ชอบเผาป่า ทำลายสุสาน บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
46.พวกที่กินทิ้งกินขว้าง ไม่รู้จักพระคุณข้าว น้ำอาหาร
47.พวกที่ทุบตีเด็กเล็กไร้เดียงสาด้วยโทสะ ข่มเหง รังแกเด็กๆ ผู้ที่ไม่สามารถจะช่วยตนเองได้
48.พวกที่อกตัญญูไม่รู้คุณคน
49.พวกที่ประพฤติตน คิดแบบอย่างชี้นำสอนให้เด็กอนุชนรุ่นหลังกระทำตาม จนต้องกลายเป็นคนเลว ชีวิตไร้แก่นสาร
50.พวกที่ถือตัวว่าอาวุโส สูงอายุ ใครว่ากล่าวไม่ได้ ทำผิดไม่ยอมรับ ตักเตือนไม่ยอมแก้ไข
51.พวกอนุชนรุ่นหลัง ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่ ไม่ยึดถือหลักคุณสัมพันธ์
52.พวกที่ไม่พิจารณาสำรวจดูกรรมดีกรรมชั่วของตนเอง
53.พวกที่เคยตักเตือนให้ทำความดี กลับทุ่มเถียงดื้อด้านไม่ยอมฟัง
54.พวกที่คอยเสาะแสวงหาแต่ช่องทางกระทำชั่ว อยู่ไม่ว่างเว้น

ที่มา https://palungjit.org/threads/54-ข้อกรรมชั่วที่ผู้ใดประพฤติ-จะถูกกวาดล้าง-ในช่วงมหันตภัยยุคสุดท้าย.70358/#post-485668