หลวงปู่ดุลย์สอนว่า "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้ แต่ก็ต้องอาศัยความคิดจึงรู้"

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย k.kwan, 1 เมษายน 2008.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กราบเท้าขออภัยครับ

    ตรงโยคะตันตระนั้นแหละ ที่ผมเห็นว่า แต่งเติมเข้าไป เพื่อให้เผยแผ่ธรรมได้
     
  2. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คุณกำลังหัดขี่จักรยานอยู่ ผมก็เป็นผู้ดูคุณ ก็เท่านั้นครับ
    วันนี้คงแจ้งในใจแล้วสิ
    ถึงอย่างไรก้ต้องได้แผลก่อนจึงได้ชื่อว่าแจ่มแจ้งนะ
     
  3. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สันโดษนิยมเสพปัญญาทุกชนิด แต่มีอยู่หนึ่งชนิดต้องหยุดเสพ จึงจะเข้าใจเสพ
     
  4. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975

    คุณเอกวีร์ลองไปค้นหามาสิ
    แล้วเอามาโพส แล้วลองบอกให้ได้
    ว่าตรงไหนน่าจะเป็นการแต่งเติมเข้าไปภายหลัง


    เปลี่ยนหมวกใบเก่า ที่ใครเขาไม่ชอบให้คุณมาจับผิด
    เราก็ยังไม่ต้องไปจับผิดเขา ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะได้จัดการ
    ลองฝึกปรือฝีมือตนเองก่อน จับไตรปิฎกยกมา จับแยกแยะ
    ให้ได้ว่าตรงไหนแต่งเติม แล้วให้คนอื่นเขาจับผิดคุณแทน
    เปลี่ยนฐานะไปเลย


    คุณจะได้พัฒนาในด้านนี้มากขึ้นเต็มที่
     
  5. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เราเห้นแต่เนื้อกระดาษกับปกที่เปลี่ยนไปตามกาล แต่ความหมายยังเหมือนเดิมนะ
     
  6. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สันโดษ ไข้วคว้าปัญญากลับไม่เจอ
    เมื่อปัญญาอยู่ตรงหน้า กลับไม่รู้วิธีหยิบ
    เมื่อไม่รู้วิธีหยิบ จึงเอาแต่ดู...
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็อย่างที่กราบเรียนให้ทราบ แท้ที่จริงผมนั้นก็ไม่ได้แจ้งในโยคะตันตระ

    แต่ที่ แย้ง ได้เป็นส่วนที่ต่อเติม เพราะเหตุผลดังนี้ครับ

    อุปมาเหมือนคนเราเดินขึ้นเขา เมื่อขึ้นสำเร็จ ก็ยินดีในทางของตน
    ยกย่องในทางของตน

    เรานั้น ไม่ได้ถือมั่นว่า ทางไหนดีกว่าทางไหน

    แต่เราอยากมาชี้ชวนดูเฉพาะ ทางที่ใกล้ถึงยอดเขา

    เมื่อมาถึงยอดเขาหรือ จุดสูงสุด ถ้ามันเป็นยอดเขาเดียวกันแท้จริง
    แล้ว ย่อมมองเห็นคนแต่ละคน ที่เดินทางมาแต่ละทางในเบื้องต้น
    และทางในเบื้องต้นนั้นก็ผ่านไปแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว เป็นเพียงพาหนะ
    ที่ไม่จำเป็นอีกแล้ว

    ต่อไปก็ควรจะเป็นทาง ที่คุยกันได้ คุยกันยังไงก็ต้องเหมือน เพราะคุย
    ไปกอดคอกันไป และเดินทางสู่ยอดเขาเดียวกันต่อไป

    ถ้าเรา คุย หรือ ชี้ เฉพาะทางส่วนปลายเท่านั้น ไม่ยึดมั่นพาหนะของ
    แต่ละคนในตอนเริ่มแรกเป็นสรณะ เป็นทางถือมั่น เราก็จะไม่ขัดแย้ง
    กัน

    สันติ รวมอยู่ที่ยอด อันเป็นสัจธรรม ถ้ามันเป็นยอดเดียวกัน ฉันใด ก็ฉันนั้น

    ดังนั้น ข้อธรรม หรือ หนทางใด ที่เป็นส่วนต้น ส่วนนั้นคือถูกแต่งเติมทั้งหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2008
  8. dhammadasa

    dhammadasa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    679
    ค่าพลัง:
    +69
    คุณเอกวีร์ ผมเพิ่งเริ่มศึกษาพุทธศาสนามายังไม่ถึง 2 เดือน เพิ่งมีความรู้นิดเดียวเอง ตอนมกราคมนี่ยังไม่รู้อะไรเลย อยู่มาวันนึงเดินไปร้านหนังสือเจอหนังสือตัวกูของกู หยิบมานั่งอ่านรวดเดียวจบ อีกวันเดินไปนั่งอ่านปฏิจจสมุบบาทจบ แล้วตามด้วยอาณาปานสติ และอิทัปปัจจยตา ทั้ง 4 เล่มยังไม่ได้จ่ายค่าหนังสือให้ร้านเขาเลย ขอเอ่ยชื่อร้าน นายอินทร์ Se-ed และ B2S เป็นการโฆษณาทดแทนพระคุณที่กรุณาให้ผมนั่งอ่านฟรี
    (||)

    ตอนนี้ก็อาณาปานสติดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ไปเรื่อยๆ แล้วก็แอบเข้ามาตักตวงความรู้แถวๆ นี้ แบบว่ามันไม่มีอาจารย์เป็นตัวเป็นตนอ่ะ อาศัยครูพักลักจำเอา ทำๆ ไป มันไปต่อไม่ได้ ก็ต้องหาอ่านเอาต่อ
    ว่าแล้วก็เลยไปค้นตำรามาให้อ่านกันอีก เรื่องการพิจารณาขันธ์ 5

    [๒๔๒] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคาใกล้อยุชฌบุรี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม่น้ำคงคานี้ พึงนำกลุ่มฟองน้ำใหญ่มา บุรุษผู้มีจักษุพึงเห็น เพ่ง พิจารณากลุ่มฟองน้ำใหญ่นั้น โดยแยบคาย เมื่อบุรุษนั้นเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย
    กลุ่มฟองน้ำนั้น พึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้เลย สาระในกลุ่มฟองน้ำ พึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้ ภิกษุย่อมเห็น เพ่ง พิจารณารูปนั้นโดยแยบคาย เมื่อภิกษุนั้นเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย รูปนั้นย่อม ปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้ สาระในรูปพึงมีได้อย่างไร ฉันนั้นเหมือนกัน.


    [๒๔๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อฝนเมล็ดหยาบตกอยู่ในสรทสมัย ฟองน้ำในน้ำ ย่อมบังเกิดขึ้นและดับไป บุรุษผู้มีจักษุ พึงเห็น เพ่ง พิจารณาฟองน้ำนั้นโดยแยบคาย เมื่อบุรุษนั้น เห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย
    ฟองน้ำนั้น พึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้เลย สาระในฟองน้ำนั้นพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้ ภิกษุย่อมเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย เวทนานั้นย่อมปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้ สาระในเวทนาพึงมีได้อย่างไร ฉันนั้น เหมือนกัน.

    [๒๔๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อเดือนสุดท้ายแห่งฤดูร้อนยังอยู่ พยับแดด ย่อมเต้น ระยิบระยับในเวลาเที่ยง บุรุษผู้มีจักษุพึงเห็น เพ่ง พิจารณาพยับแดดนั้นโดยแยบคาย เมื่อบุรุษนั้นเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย
    พยับแดดนั้น พึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า ฯลฯ สาระในพยับแดดพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง ฯลฯ ก็ฉันนั้นเหมือนกันแล.


    [๒๔๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้มีความต้องการด้วยไม้แก่น เสาะหาไม้แก่น เที่ยว แสวงหาไม้แก่นอยู่ ถือเอาจอบอันคม พึงเข้าไปสู่ป่า บุรุษนั้นพึงเห็นต้นกล้วยใหญ่ ตรง ใหม่ ยังไม่เกิดแก่นในป่านั้น พึงตัดโคนต้นกล้วยนั้นแล้วจึงตัดปลาย แล้วจึงปอกกาบใบออก บุรุษนั้นปอกกาบใบออก ไม่พึงได้แม้กระพี้ในต้นกล้วยใหญ่นั้น จะพึงได้แก่นแต่ที่ไหน บุรุษผู้มีจักษุ พึงเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย ซึ่งต้นกล้วยใหญ่นั้น เมื่อบุรุษนั้นเห็น เพ่ง พิจารณา อยู่โดยแยบคาย
    ต้นกล้วยใหญ่นั้น พึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาแก่นมิได้ แก่นในต้นกล้วย พึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้ ภิกษุย่อมเห็น เพ่ง พิจารณาสังขารนั้นโดยแยบคาย เมื่อภิกษุนั้นเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย สังขารนั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้ สาระใน สังขารทั้งหลายพึงมีได้อย่างไร ฉันนั้นเหมือนกันแล.


    [๒๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย นักเล่นกลหรือลูกมือนักเล่นกล พึงแสดงกลที่หนทางใหญ่ สี่แพร่ง บุรุษผู้จักษุพึงเห็น เพ่ง พิจารณากลนั้นโดยแยบคาย เมื่อบุรุษนั้นเห็น เพ่ง พิจารณา อยู่โดยแยบคาย
    กลนั้น พึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้ สาระในกลพึงมีได้อย่างไร แม้ฉันใด. วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน ฯลฯ อยู่ในที่ ไกลหรือในที่ใกล้ ภิกษุย่อมเห็น เพ่ง พิจารณาอยู่โดยแยบคาย เมื่อภิกษุเห็น เพ่ง พิจารณาวิญญาณนั้นโดยแยบคาย วิญญาณนั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้ สาระในวิญญาณพึงมีได้อย่างไร ฉันนั้นเหมือนกันแล.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ทั้งในเวทนา ทั้งในสัญญา ทั้งในสังขาร ทั้งในวิญญาณ
    เมื่อเบื่อหน่าย ย่อนคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น
    เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่า ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี(อีกต่อไปแล้ว) ดังนี้.

    พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปว่า

    [๒๔๗] พระพุทธเจ้าผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งพระอาทิตย์ ทรงแสดงแล้วว่า

    รูปอุปมาด้วย กลุ่มฟองน้ำ
    เวทนาอุปมาด้วย ฟองน้ำ
    สัญญาอุปมาด้วย พยับแดด
    สังขารอุปมาด้วย ต้นกล้วย
    และวิญญาณอุปมาด้วย กล.

    ภิกษุย่อมเพ่งพิจารณาเห็นเบญจขันธ์นั้นโดยแยบคายด้วยประการใดๆ(ก็ตามที)
    เบญจขันธ์นั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่าง เป็นของเปล่า ด้วยประการนั้นๆ
    ก็การละธรรม ๓ อย่าง อันพระพุทธเจ้า ผู้มีปัญญาดังแผ่นดิน ปรารภกายนี้ทรงแสดงแล้ว
    ท่านทั้งหลาย จงดูรูปอันบุคคลทิ้งแล้ว.
    อายุ ไออุ่น และวิญญาณย่อมละกายนี้ (ไปแล้ว)
    เมื่อใด เมื่อนั้น กายนี้อันเขาทอดทิ้งแล้ว ย่อมเป็นเหยื่อแห่งสัตว์อื่น
    หาเจตนามิได้ นอนทับถมแผ่นดิน.
    นี้เป็นความสืบต่อเช่นนี้ นี้เป็นกลสำหรับหลอกลวงคนโง่
    เบญจขันธ์ เพียงดังว่าเพชฌฆาตผู้หนึ่ง เราบอกแล้ว สาระย่อมไม่มีในเบญจขันธ์นี้.
    ภิกษุผู้มีความเพียรอันปรารภแล้วมีสัมปชัญญะ มีสติ
    พึงพิจารณาขันธ์ทั้งหลายอย่างนี้ ทั้งกลางวัน ทั้งกลางคืน.
    ภิกษุเมื่อปรารถนาบทอันไม่จุติ(นิพพาน) พึงละสังโยชน์ทั้งปวง
    พึงกระทำที่พึ่งแก่ตน พึงประพฤติดุจบุคคลผู้มีศีรษะอันไฟไหม้ ดังนี้.
     
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    ต่างคน ต่างยืนดูยอดเขาลูกเดียวกันแต่อยู่คนละทิศ ทางขึ้นเขาย่อมไม่เหมือนกัน
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กล่าวโดยปริยัติ

    เมื่อเกิดภาวะขัดแย้งทางข้อธรรมของภิกษุ พระพุทธองค์ให้
    พิจารณาตรงส่วน โพธิปักขยิธรรม ว่าเข้ากันได้หรือไม่ ถ้าได้
    ก็ให้ถือเสมอทางเดียวกัน และให้ยุติข้อขัดแย้ง
     
  11. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ไตรปิฎกถูกแต่งเติมและเปลี่ยนแปลงทุกยุคสมัย
    หากมาเกิดชาตินี้แล้วไม่ชำระให้บริสุทธิ์
    จะยิ่งเลอะเลือนและบิดเบือนไปจนไม่เหลือเลย


    จึงต้องชำระของที่ผิดออกจากไตรปิฎก
    ในทุกๆ ชาติที่เกิดมา ไตรปิฎกจึงจะบริสุทธิ์ได้


    คุณเอกวีร์รบกับเอกสารเก่าๆ ที่บิดเบือน
    จะเหมาะสมมากกว่าจัดการกับบุคคลนะ
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    การรบกับเอกสารเก่า จำต้องอาศัยบุคคล ผู้ถึงพร้อม

    แล้วสภาวะแวดล้อมของบุคคล ที่พร้อมยอมรับการกระทำนั้น

    มิอาจผลักดันได้เพียงอาศัยแต่ส่วนเดียว
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เห็นภาพละสิ นมสิการได้ไหมละนั้น

    ปิติเกิดหรือเปล่าหนอ น้ำตาไหลหรือเปล่าหนอ
     
  14. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    คุณไฟสถิตย์ เดินตามแนวสติปัฏฐาน ดุว่าน่าจะจับหลักปฎิบัติได้แล้ว
    ให้วางตำราก่อน อย่าเพิ่งไปเทียบเคียง แต่ให้ดูกาย ดูเวทนา ทุกขณะจิต
    เพราะของบางอย่างต้องใช้ความรู้สึกเท่านั้น
    หากสงสัยสภาวะ แนะนำ อ.ขันธ์ ครับ
     
  15. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    อืมม ท่านเอกวีร์ก็เยี่ยม

    ท่านไฟสถิตย์ลองเล่าสภาวะธรรมสิ เกิดอะไรอีกมั๊ย
     
  16. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975

    ถ้าวันหนึ่ง มีคุณเพียงคนเดียวล่วงรู้ความจริงที่ถูกบิดเบือน
    คนอื่นๆ ไม่มีใครรู้เลย คุณกล้าไหม ที่จะเสนอสิ่งที่ไม่มีใครเชื่อ
    เพื่อให้เขาทั้งหลายทั้งปวงนั้น ยอมรับในสิ่งที่คุณค้นพบ?


    ถ้ากิจนี้เป็นกิจสำคัญของคุณ คุณต้องผ่านให้ได้
     
  17. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    สันโดษ ผู้สันทัด
    กลับสงัด หัดสันโดษ

    จิตเจ้าโลเล ใจเจ้าเหลียวหลัง
    แรงเจ้าอ่อนล้า ตาเจ้ามืดมัว

    แสงแห่งเทวัญ
    อาตมันต์กาย
    ชายผู้ชี้นำ

    ^-^
     
  18. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    ขอบคุณค่ะ อาจารย์
    ตาแดงอีกแล้ว ตาแดงแบบมีสติระลึกรู้
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เเวะไปดู คุณใบไม้ฯ

    เห็นจะไปออกรบ อีกแล้วววว..ออกรบปาจำเลย

    บาดเจ็บ..เต็มตัวเวอะหวะ


    บอกให้ดูเฉยๆ..ก็ม่ายยยเชื่อ(||)
     
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สันโดษก็บอกแล้วว่าสันโดษเรียบง่าย

    ที่สอนๆก็ง่ายๆ

    เจอผู้รู้มีปัญญาเข้ามาทดสอบธรรม

    สันโดษก็นิ่งๆดูต่อไป

    เห็นไหมครับพี่น้อง

    ผู้มีปัญญามีมากมายให้เห็น

    แต่สิ่งที่ท่านคิดว่ามันเป็น

    มันคือ อัตตาของจิตวิญญาณมนุษย์ไง

    หากเพื่อนๆ ดูเเล้วใช้สติ

    จะเห็นว่าสิ่งที่พวกเขาสอนสั่งมันไม่ใช่

    มันไม่ใช่ความว่างที่ให้ไป

    มันคือ ความรู้ที่ต้องการประหารกัน

    สันโดษนะไม่ตอบ

    เพราะรู้ว่า เมื่อสันโดษตอบต้องต่อยาว

    หากเรานิ่งเมื่อไรนั้น...ทุกอย่างจะหยุด

    เหมือนกับจิตที่วิ่งวนหาผู้คนเพื่อสานฝันต่อไป

    กะว่าจะชวน สาวๆไปเปิดห้องใหม่

    แต่เปิดทีไรพวกผู้ชายชอบเข้ามา เนอะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...