การฝึกสมาธิที่ถูกต้องตามหลัก พุทธวจน..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 7 มีนาคม 2017.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อ่าน ของท่าน พ่อลี ที่พี่ เสขะ เอามา แปะ ก็ได้

    จิตตานุปัสสนา

    " จิตสัดส่าย " ท่านพ่อลี ระบุหนักเลย ว่าเป็น วิภวตัณหา ไปเลย
    ขนาดอยู่ข้างใน ยังไม่ได้ก่อตัวเป็น อะไรเลย

    พูดง่ายๆ ยังรู้ไม่ถึงจิต

    แต่ก็อาศัย สิ่งนั้นแหละ เพราะอย่างน้อย มันพ้นสัญญาที่
    จิตมันไปสร้างอะไรขึ้นมาทับการภาวนา

    แต่ในแง่ ประสบการณ์ เห็นอะไรได้แบบนั้น กิเลสมันรอ
    ตบหัวทิ่มได้ ไม่ยากเลย

    พระป่าราชรี เรียก อาการยังออกไปได้ว่า " จิตตกอับ "

    แต่ตาม บาลี อะไรที่เข้าไปบัญญัติว่าใช่ อย่างอื่นเปล่า
    .....กำหนัด.....มันก่อตัวรอ

    จะสลัดไป ก็ไม่หลุด
    จะฉวยเอามา(ภาวนา) ก็ยุ่งอีก

    สรุปว่า ...........เป็นตัวทุกข์ [ อานาปานสติ จะไม่ใช่ ปัญหานะครับ ในการ
    ตั้งอะไรล้ำหน่อยๆ .....แต่ถ้า สมถยานิกละก้อ มักทักกัน อย่าทำอะไรล้ำหน้า
    ก็แล้วแต่ ชอบส่องเหรียญ .....มรรคจริงๆ จึงมีหนึ่ง แต่แตกต่างไปตาม
    ธรรมนิยาม ของจิตนั้นๆ ]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2017
  2. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ความจริงไม่มองแบบนั้นแล้วล่ะครับ จิตจะเกิดจะมีก็ตอนหลงสำคัญมั่นหมายเท่านั้น แท้จริงมันเป็นเรื่องของความวิปลาสไปเอง แต่อันนี้ก็ยอมรับ พอเผลอไปทวนให้เพื่อนสมาชิกอ่าน มันเลยมีตกค้างๆ มาบ้าง เป็นวิบากอย่างหนึ่ง
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ทีนี้ พอเห็นกลางอกได้ แล้วก็ไม่ติด ไม่รักษา แต่ก็ไม่ทำให้หายไปเลย [ หนึ่งวัน มันมา มันไป หลายรอบหน่อย ถ้าสองสามวัน กลางอกไม่มี แย่แล้ว ]

    ตรงนี้แล้วแต่พี่ที นะฮับ คือ เอากรรมฐานเก่าๆ กลับมาเล่นบ้าง

    พวกกิเลสประเภท จิตตกอับ ภาวนาดี๊ดี แต่ พอได้จังหวะ มันลากไปกินดื้อๆ
    หากเรา เอากรรมฐานเก่าๆ ที่เคยฝึกมาเล่นบ้าง พวกกิเลส จิตตกอับบาง
    ตัวมันก็ พอจัดการได้ พอมันจะไหล กองสมถะจะพรึ๊บขึ้นมาช่วย

    เมื่อวานพึ่งสนุก จิตกำลังจะไปและ พรึ๊บฟ้าแล๊บ กระดูกสามโครงเดินมาเบย

    แล้วมันก็ นิ่ง ไม่ไหล ....เราก็ อ้อ จิตที่เขาว่า ชุ่มชื่น สะอาด สมถะยานิก
    ชมกันนักหนา มัน จังซี่

    รู้เสะและก้อโปย [ ไปนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กะจิต เดี๋ยวมันหลอกเอาอีก ]
     
  4. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ขยายเพิ่มเติมอีกหน่อย.. คำว่า สัมมาทิฏฐิแบบเป็นกิริยา (เรียกเองน่ะครับ ขออภัยถ้าบัญญัติภาษาคลาดเคลื่อน) ความหมายคือ ไม่ได้มีความสำคัญเอาเป็นจิตเป็นตน มีตัวมีตนไปกระทำสัมมาทิฏฐิอะไร เหตุปัจจัยมันเป็นไปอย่างนั้นเองครับ มีแต่กิริยา ผู้กระทำไม่มี
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ใช่ ผมเลยเข้าใจ ครูบาอาจารย์ถึงท่านจะใช้อะไร แต่ถ้าท่านเก็ทอยู่แล้ว นี่จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับท่าน แต่มันก็อาจจะมีวิบากบางอย่างเหมือนกันเป็นธรรมดา ทีนี้อยู่ที่สติปัญญาเมตตาธรรมของท่าน ท่านจะเอื้อเฟื้อยังไงให้เกิดโทษน้อยที่สุด (ตรงนี้ผมคงต้องวงเล็บเอาไว้ ว่าไม่อาจทราบในจริยาของแต่ละท่านได้ครับ)
     
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เห็น พี่ที กล่าวตรงนี้ สองรอบและ

    ทีนี้ อ้ายกระผมก็ไม่รู้หลอก ว่า ความละเอียด ปราณีต นั้นเพียงไหน

    หมดปัญญาไปพินา

    แต่....

    มีแต่

    แต่มี ของเล่น เวลาเห็นจิตวางจิต จิตพรากออกจากขันธ์ มันจะมี "จิตบันเทิง"
    ให้ยก ทำการเห็น

    กรณีเห็น พรึ๊บ เนื้อสลาย กลายเป็นกระดูก ...จริงก็สลายไปอีก แต่เอาเท่าที่พอ
    เพียงแก่เหตุ ก็เลยไม่มาก เหล่านี้ก็เป็นเรื่อง การไปยก " จิตบันเทิง " ขึ้นมา

    ซึ่ง จะเกิด นามกาย .....เข้ามาให้สัมผัส [ ถ้าอนุโลม ก็จะมีการ แช่แป้ง ไปตามเหตุ]

    ทีนี้ พี่ที จะภาวนาแบบปล่อยไปเลยก็ได้ ข้ามช๊อต ละอัสมิมานะ ไปก็ได้

    ดังนั้น

    ประโยคที่พี่ที พูดว่า

    " ไม่ได้มีความสำคัญเอาเป็นจิตเป็นตน มีตัวมีตนไปกระทำสัมมาทิฏฐิอะไร
    เหตุปัจจัยมันเป็นไป อย่างนั้นเองครับ มีแต่กิริยา ผู้กระทำไม่มี "

    ผมก็จะกล่าวไปตาม กำลังที่เห็น ไม่ได้กล่าวใน ธรรมเท็จจริง ที่พี่ทีเห็น

    ผมก็จะ จิ้มอีกแหละว่า " เฮ้ย !!! แล้วก็เงียบ ไม่พูดอะไร" [ ถ้ามันเป็น โวหารลอยๆ มันจะกระเทือน อะนะ ]
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ฮี้ ฮี้ ฮี้ ฮี้

    พี่ที ก็ลอง งัดกรรมฐานเก่าๆ มาเล่น จิ

    แล้วจะ เข้าใจ พระท่าน วางอุบาย พาไปเห็น อะไร

    " ขยันแต่ขี้เกียจ มีนะ "

    พระทางผม จะเรียกว่า " ความพยายามอยู่ที่ไหน ความล้มเหลวอยู่ที่นั่น "

    จิตมันวิจิตร สารพัด !!!
     
  8. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :p:mad: คุณ TBOON..คุณนี่จิ้งจอก..หรือนักบุญ ครับ-ถ้าไม่รู้ ก็ยอมรับได้ ไม่ใช่ยกตนข่มท่าน ของคุณถูกต้องเสมอ-ใครที่เกิดอาการแบบคุณผิดหมด..มาอวดประสบการณ์เล็กน้อย ที่เคยเกิด (อ่านจากที่คุณเขียนมา-สติเพิ่งเริ่มเกิดทรงอยู่เท่านั้น-ประมาณอาทิตย์เดียวหาย) ..โพสต์เหมือนเมตตา-แถมอวดโอ่ในภาษาว่ารู้จริงอีกบอกนั่นคือเปลือกล้วนๆ-..เราจะไม่กะทบกันในเรื่องแบบนั้น ปิดปากคนอื่นโต้เสร็จศิษยืปราโมชโชนี่ อิอิ
    สิ่งที่เกิดกับตัวคุณเอง คุณยังอธิบายไม่ได้ว่า ต้นเหตุ..การกระเพื่อมคืออะไร-เกิดมาจากไหน-มาจากอะไร-ผมจะอธิบายให้ฟังนะครับ กี่ปีแล้วที่คุณไม่ไปไหนเลย
    :mad:
    :p ..สิ่งที่คุณยกมานั้น โพสต์มาทั้งหมดนั้นแสดงถึงประสบการณ์ ของคุณเกิดขึ้น-มีจริง-จากที่ผมจับกริยาได้- แต่คุณเองกลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นคืออะไร..!
    :mad: จึงอธิบายแบบผมไม่ได้-อีกทั้งสภาวะที่เกิดก็เสื่อมลงไปเพราะขาดการต่อเนื่อง-จึงบอกว่าเป็นแค่เปลือก(เกิดเพียงอาทิตย์เดียว)..
    คุณแสดงเมตตา-พร้อมยกตนข่มท่านมาด้วยแค่เปลือกล้วนๆ-การมองเห็นความรู้สึก อารมณ์ นี่หรือคือเปลือกล้วนๆ คุณดูถูก สติ-สมาธิ ที่สามารถกำหนดดูความรู้สึก-อารมณ์ได้ว่า เปลือกล้วนๆหรือ..นี่ไงไม่รู้จักแล้วอวดฉลาด-ถึงไม่ไปไหนเลยแก่ตายในบอร์ดแน่นอน..(สมาธิเกิดแล้ว)

    :p ผมอธิบายได้ว่า สิ่งที่กระเพื่อมนั้นคือ อารมณ์ ที่เกิดกลางหน้าอก-จากการส่งจิตไปเสพ..ผู้ที่มีสติ-สมาธิ จิตกล้าแข็งจะเห็น-รู้สึกได้ก่อนเลยชัดเจน-ในรูปของความความรู้สึก-กระเพื่อม-ตามกำลังจิต ความตั้งมั่นของจิตมีมากแค่ใดจึงห้ามความรู้สึกนี้ได้ทันที..
    ผู้มีสติอ่อนก็จะเห็นแบบลางๆ-กระเพื่อมน้อย-ไม่แรงตั้งอยู่จางๆ-ห้ามไม่ทัน-แรงกระเพื่อมของคลื่นอารมณ์ ก็จะดันมาแรงมากที่จิต-หน้าอก-ผมจึงบอกว่า พระป่าท่านเปรียบเสมือนหมาเฝ้าบ้าน ใครสติ-สมาธิ ตรงนี้แข็งแกร่ง หมาจะเห่าก่อนเลย อารมณ์ยังไม่สามารถกระเพื่อมมาถึงอกได้ก็จะถูกกั้น สกัด ตัดทิ้งไปเลย ระหว่างเกิดความรู้สึกนี้ แรงกระเพื่อมไม่สามารถจรเข้ามายังจิตใจได้ (พวกดูจิต-จิตพังไปแล้วจึงมาตามดูต่างกันตรงนี้ครับ-เพราะจิตไม่มีสมาธิจริง)
    :mad::p ห้ามได้ ไวหรือช้าดุจกระพริบตา..นั่นอยู่ที่ใครมี สติ-สมาธิ ตั้งมั่นมากกว่ากัน พจ.ท่านตรัสว่า ผู้นั้นมีอินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ..อินทรีย์ภาวนาชั้นเลิศ (ละนันทิ-เห็นเกิด-ดับ) หากละได้ไวดุจกระพริบตา ดูเกิด-ดับ ได้ทันทีทันใด แรงกระเพื่อมของอารมณ์-จะถูกตัดสกัดกั้นทันทีที่เกิด ไม่เคลื่อนมายังหน้าอกได้..หากสติ-สมาธิ แกร่งครับ

    :mad::eek: การแสดงความเห็นของคุณTBOON บอกได้ทันที ถึงภูมิรู้ที่คุณ ไม่รู้ว่าที่เกิดนั้นคือ ความรู้สึกที่จิตได้ สร้างภพ-ความรู้สึก-เป็นในรูปอารมณ์ เรียบร้อยแล้ว แต่เราเกิด สติ-สมาธิ ห้ามได้ทันตามกำลังจิตของเราเอง นั่นเอง(วงจรปฏิจจสมุปบาท-ทำงานแล้วจึงเกิดอารมณ์-ความรู้สึกกระเพื่อมครับ)
    หากเรานำมาเทียบกับ วงจรปฏิจจสมุปบาท ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า "จิต" กำลังจะไป(เกิด)ผัสสะ..แต่ถูกดึงกลับ(ดับ) ซะก่อน อารมณ์ที่จิตเสพ-ไปบ้างแล้วจึงกระเพื่อมออกมาทาง..หน้าอก-ความรู้สึก-จิตใจนั่นเอง
    :eek::eek::mad: คุณ TBOON ..ผมไม่รู้ว่าคุณนี่จิ้งจอก หรือ นักบุญ คุณต้องรับผิดชอบต่อ-คนอ่าน-และตนเองด้วยนะครับ ไม่ใช่มาจ้องจับผิดผมหรือโพสต์เอามันส์-ทำให้คนอื่นเขาเขวแบบไร้ หลักการ ข้ออ้างอิงที่เป็นปริยัติครับ ที่ผมโพสต์มายกเปรียบเทียบกับ พุทธวจนได้เลยครับ ต้องไม่ขัดกัน คำสอน พจ.
    อย่าทำตนเป็น-ยิ่งฝึกยิ่ง-อัตตาสูงเลยรึครับ ดูจิต ตนเองมากๆลึกๆแล้วเทียบเคียงกับพุทธวจน-ตำรา-แผนที่ด้วย ไม่ใช่เอาความรู้สึกตนเองมาเป็น บรรทัดฐานว่าถูก-ผิดแล้วคนอื่นต้องเป็นแบบคุณ ขออภัย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2017
  9. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    นี่ก็เหมือนกันครับ-ผมว่าคุณ TBOON..ไปหาหมอเถอะครับ เชื่อผม..คุณบัญญัติเอง อาการยิ่งกว่าพวกต่อต้าน พุทธวจน คำสาวก..ที่กล่าวหากันอยู่อีก ดูจิตมากๆคัรบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2017
  10. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    การเผยแพร่ พุทธวจน ในรูปของการนำมาเทียบเคียงกับภาคปฏิบัติ แล้วอธิบายให้เห็นชัดเจน มันยากนะครับ แต่มันเพลินดีมากครับ มันได้แผนที่ การรับรอง มันอิ่มใจชอบกล
    :p ..แต่แรงต้าน จากกลุ่มคนที่ยึดติดตัวบุคตคล-และพวกพุธทพานิชย์ นี่ ..ทำให้ท้อใจ เพราะต้องเจอกับ ผู้รุ้แบบจิ้งจอกบ้าง สัมมาทิฏฐิบ้าง ทั้งสองพวกนี่มีความรู้มาก ยากที่จะตอบได้ในบางเรื่อง..
    :p พวกสัมมาทิฏฐินี่ น่ายินดีและขอบคุณมากเลยครับ ที่ทำการสนทนากันด้วยดี ธรรมผิด-ถูก ก็ชี้ที่ธรรมมาเลยครับ อย่าไปชี้หน้าด่าคนนำธรรมมาเสนอ จะได้ไม่เกิดการต่อว่าเถียงกันครับ
    ผมแค่นำเสนอ ผิดถูกก็ชี้ธรรมมา ..อย่าด่าคนนำธรรมมาเปิดให้ได้โต้กันนะคัรบเดี๋ยวไม่มีใครมาคุยด้วยนะครับ
     
  11. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +470
    นิดนึง
    การปฏิบัติไม่จำเป็นว่า จะต้องรู้ละเอียดปราณีตลึงซึ้ง เข้าไปเห็นแสนโกฏขณะอย่างเดียวนะครับ
    หยาบๆ กลางๆ ก็ใช้ได้ ทั้งชั่ว ทั้งดี ทั้งไม่ชั่วไม่ดี ก็ใช้ได้
    ไม่สำคัญว่าหยาบกลางหรือละเอียด
    รู้ไปตามที่มันเป็น รู้รอบอีกที ก็ใช้ได้ละ
     
  12. ศิษยโง่

    ศิษยโง่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    การปฏิบัติเพื่อให้เกิดสัมมาสมาธิ ถ้าได้อ่าน สติปัฐฐานสูตร ผมว่าจริงๆมันจบเลยนะ ไม่ต้องมาโต้เถียงกันเลย ในพระสูตรตรัสเอาไว้ครบแล้วว่าต้องใช้กรรมฐานกองไหนบ้าง

    http://84000.org/tipitaka/read/?12/131-152

    อยากให้ลองอ่านให้ละเอียดกันก่อน ใจเย็นๆ ใช้เวลาสัก 30 นาทีค่อยๆไล่ไปทีละบรรทัดจะเข้าใจได้ไม่ยาก


    ส่วนตัวมองว่า ต้องใช้กรรมฐาน "หลายๆกอง"มารวมกันถึงจะเห็นผล แต่ไม่ใช่ว่าต้องเอามาใช้ทุกกอง การทำกรรมฐานได้ทุกกองน่าจะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลของพุทธภูมิเท่านั้น

    ในสูตรมีบอกไว้ครบ ทั้งการทำสมาธิ การเดินจงกรม(ดูตรงโหมดบิณฑบาต) การใช้จิตน้อมนำกรรมฐานกองต่างๆที่จะต้องใช้


    ส่วนตัวที่ทำมาแล้วเห็นผลในระดับที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง(ไม่มากไม่มาย) ได้นำกอง มรณานุสติมาใช้บ่อยที่สุด+อสุภกรรมฐานในบางครั้ง เพราะเป็นกรรมฐานกองที่สะเทือนใจ ดราม่าสุดๆ ใครได้ทำบ่อยๆรับรองผลชนิดที่เรียกว่า "ไม่พอใจยินดีคืนเงิน"



    แต่ปัจจุบัน เริ่มมามองที่ธาตุ คือมองการที่จิตยึดเกาะอารมณ์ ยึดเกาะขันธ์เอาไว้ เช่น ก้อนเนื้อเรากินข้าว จิตไม่ได้กิน เป็นต้น มรณานุสติก็นำมาใช้บ้างแต่น้อยลงไป

    ภาวนากองอื่นๆก็หยิบจับมาใช้ตามสถาณการณ์ เช่นโกรธไอ้ปื้ดหน้าแดง จิตก็รู้ทันว่าโกรธ
    ในเรื่องจิตตา จิตพอใจในกามมารมณ์ ก็มองว่าเอาอีกแล้วขันธ์ตรู ไม่เบื่อบ้างเหรอเอ็ง
    นำมาใช้แค่นี้เอง พอไปเช็คที่สติปัฐฐานสูตร เออ....ตรูก็ทำถูกนี่หว่า

    บางทีเห็นสายดูจิตๆ พูดกันโยงกัน ผูกปมกัน

    อ่านแล้วปวดหัว บ่องตง

    ทำให้มันยากทำไมเนี่ย!!!!


    ***และสายดูจิต มักเล่นกันแค่กรรมฐานกองเดียว ผมมองว่าผิดหลักอย่างแรง เนิ่นช้า อาจจะใช้เวลาหลายสิบชาติก็ได้ กว่าจะได้ผลลัพธ์ที่รับประกันได้ ประโยคนี้เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว ไอ้ปื้ดไม่เกี่ยว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2017
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ง่ายเกินไป ก็ มั่ว จิฮับ ถามมาได้ !!!

    เช่น กินข้าว ดันบอกเห็นก้อนเนื้อกินข้าว โอยยยยยย อารมณ์ปรมัตถธรรม ไม่มี
    วิปัสสนานอก ฐานวิปัสสนา ภาวนาให้ตาย เราเรียกว่า เทียบเคียง ด้วยอาการ
    ปัญญาอ่อน[ มะใช้คำด่าหน่า ไม่ใช่คุณค่า ปริมาตร ....แต่หมายถึง อินทรีย์
    ขาดการสดับ ]

    ถ้าภาวนาเป็นจริงๆ จิตมันขยุกขยิก มือกำลังจะไหว มันต้องเห็นแล้วฮับ จิตกินจิต
    จิตเนี่ยะ ตัวเฮีย!เลย มันเป็นตัวแหลก ทุเรสทุรัง อุรัง อุตัง ชิตังเม โป้ง!!! ..............
     
  14. ศิษยโง่

    ศิษยโง่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    แล้วแต่เฮียนะ ผมบอกแล้วว่าผมใช้หลายกอง และผมก็ทำได้ผลมาแล้ว

    ที่มาพิมพ์ บอกคนอื่น เสี่ยงให้ถูกด่าเนี่ย ไม่ใช่ไร เผื่อมีบางคนมีวาสนา จริตคล้ายกันมาอ่าน จะได้เก็ตๆกันไป

    พูดจากสบกาน ไม่ได้มโนคิดเอง มีผลลัพธ์ได้ผลระดับนึงมาแล้ว

    ใครยังไม่เก็ต ศิษย์โง่ไม่ว่ากัน

    ถึงบอกไง ว่าเบื่อเว็บบอร์ด

    บางทีก็อยากทำให้มันเห็นผลคนเดียว เก็บเอาไว้ในใจคนเดียว ไม่อยากให้เธอรู้ๆๆๆ
    เหมือนกันนะ อารมณ์แบบนักแต่งเพลง
     
  15. ขาจอน

    ขาจอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +470
    ควรศึกษาเรื่องอารมณ์บัญญัติ อารมณ์ปรมัต

    ไม่งั้นก็จะโง่ เพ่งบัญญัติ(โง่ในทีนี้คือไม่เจริญปัญญา)

    ทีนี้อารมณ์ปรมัต มันก็เป็นได้ทั้งสมถะ และวิปัสสนา

    ลองศึกษาดีๆ
     
  16. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    มันยังไม่ลงเป็น ธาตุ สักกะกอง อะฮับ

    มรณะสติ หากเป็น ธาตุ ก็ต้อง ปฐวีธาตุ เสร็จแล้ว ก็ สับปิติ ไขว้กรรมฐาน ไปกินข้าว
    มันต้องยังเห็นเป็น ปฐวีธาตุไหลไปไหลมา ไม่ใช่เห็น ก้อนเนื้อกินข้าว มันไม่ใช่ วิปัสสนาภูมิ

    อสุภ อสุภัง หรือ สุภะ สุภัง ก็ต้องไปเห็น ธาตุ แต่จะ เยอะหน่อย แล้วแต่ว่าจะเห็น
    เป็น ปฐวี อาโป วาโย อัคคี .....แต่เหมือนกัน จะเห็น ธาตุมันไหลไปไหลมา เก่งกว่า
    นั้น จิตมันไหล แต่นี้ ไม่เห็นจิตแถมยังระบุโต้งๆว่า ก้อนเนื้อกินข้าว เอาความไม่ใช่
    วิปัสสนาภูมิ มากำหนดว่า ฮู้
     
  17. ศิษยโง่

    ศิษยโง่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    [๑๓๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายนี้แหละ ซึ่งตั้ง
    อยู่ตามที่ตั้งอยู่ตามปกติ โดยความเป็นธาตุว่า มีอยู่ในกายนี้ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม
    คนฆ่าโค หรือลูกมือของคนฆ่าโคผู้ฉลาด ฆ่าแม่โคแล้ว แบ่งออกเป็นส่วนๆ นั่งอยู่ ที่หนทาง
    ใหญ่ ๔ แพร่ง ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมพิจารณาเห็นกายนี้แหละ ซึ่งตั้งอยู่ตามที่ตั้ง
    อยู่ตามปกติ โดยความเป็นธาตุว่า มีอยู่ในกายนี้ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ดังพรรณนา
    มาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายในกายภายในบ้าง ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้อย่างนี้ ภิกษุ
    ชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่.
     
  18. ศิษยโง่

    ศิษยโง่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    ก็ไม่ใช่วิปัสนาภูมิ ไง เป็นการกำหนดอารมณ์ เพื่อน้อมนำไม่สู่สัมมาทิฐิ โดยการเลือกกรรมฐานมากองหนึ่ง
    กรรมฐานที่เลือกมา ก็เกิดจากตอนที่จิตมีกำลังจากสมาธิ แล้วเกิดปัญญา แต่ปัญญานั้นได้ดับไปจึงได้นำสัญญา ที่จำได้ตรงนั้นมากำหนดกรรมฐานต่อ

    เพราะช่วงนี้ไม่มีเวลาทำสมาธิ

    ก็ใช้มโนรมณ์ น้อมนำ ฝึกฝนจิตไป ผมกำลังสอนคนให้ทำแบบนี้ อย่าาปล่อยให้จิตไหล โดยยกกรรมฐานที่ถนัดขึ้นมาหลายๆกอง
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สัญญา เที่ยง หรือ ไม่เที่ยง อะฮับ
     
  20. ศิษยโง่

    ศิษยโง่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    ไร้สาระน่าฮับ



    เครนะ ถ้าไม่มีไรแล้ว ผมไปก่อน
     

แชร์หน้านี้

Loading...