การฝึกสมาธิที่ถูกต้องตามหลัก พุทธวจน..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 7 มีนาคม 2017.

  1. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    ดูเกิดดับนี่เริ่มต้นดูยังไงครับ แล้วที่เกิดนี่เกิดจากตรงไหน ดับไปที่ไหนครับ แนะนำหน่อยครับอยากฟัง ขอบคุณครับ

    ไหนๆพี่จะเมตตา ก็ตอบให้น้องกระจ่างไปเลยครับ สาธุ
     
  2. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    เกิดดับไม่ได้เห็นกันง่ายๆครับ

    สติจะต้องแก่รอบ
    ยิ่งสติแก่รอบมากเท่าไร สัมมาสมาธิจะตามมาติดๆ
    ยิ่งสัมมาสมาธิมีมากเท่าไหร่ ปัญญาจะเกิดขึ้นมาตามมาก เท่านั้น
    โอกาสที่ จิต จะตัดสิน ความเป็น ไตรลักษณ์ ตัิดสินกันตรงนี้
    ฉะนั้นแล้ว จะต้องฝึกสติให้เกิดขึ้นมาให้ได้ก่อน
    จะพูดไปก็จะเข้าเรื่องเก่าๆที่หน้าบอร์ดคุยๆกันมาเนิ่นนาน เรื่อง สติ

    ที่นี่ คำว่า เห็นเกิดดับ
    ทำไมถึงบอกว่า เป็นสมาธิที่ถูกทาง

    เกิดดับ เป็นส่วนคำปรมัตถ์ ที่ไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบายมาบัญญัต ชื่อ
    จึงเป็น แต่เพียงว่า เกิด ดับ

    อย่าง บทในพระธรรมจักร ก็ยกมาว่า "ยังกิญจิ สมุทยธัมมัง สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ"

    หรือจะเป็นบทช่วง ที่พระอัสชิ บอกกล่าวพระสารีบุตร


    หากใครที่ภาวนาจนเริ่มเข้าถึงความเป็นปรมัตถธรรม
    มันจึงไม่มีอะไรที่จะมาบัญญัติ เรียก ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา
    จะรู้สึกแต่เพียง อะไรเกิดขึ้น อะไรดับไป

    ส่วนผลที่เกิดจากได้รู้เห้น อะไรที่เกิดขึ้น อะไรที่ดับไป
    ถ้าใครเคยผ่านมา ผมบอกไม่ได้เสมอไปว่าแต่ละคนจะเหมือนกันหรือเปล่า

    แต่จะบอกว่า หากเคยผ่านมา
    คุณ วิเศษ หรือ แนวความรู้ของจิต บ้างเรียก อภิญญาบ้าง เจโตบ้าง ระลึกชาติบ้าง
    สิ่งพวกนี้ จะเป็นสิ่งมาพร้อมกับการที่จิตได้ เห็นเกิดดับ
    จะมากหรือน้อยแล้วแต่ ว่า มีพื้นฐานมาอย่างไร
    แต่หากว่า เพิ่งเริ่มจะเห็น โอกาส ที่จะหลงตามวิปัสนูกิเลส ก็จะมีมากเช่นกัน
    เพราะว่า ปัญญายังอ่อน จึงต้องไม่ห่างครูอาจารย์ ในช่วงนี้

    ฉะนั้นแล้ว จะพูดอีกอย่างว่า
    ผลที่เห็นเกิดดับ ได้แก่รอบเท่าไหร่
    อภิญญาจะเริ่มมาเองเป็นอัตโนมัติ และก็จะวางพร้อมไปเองเป็นอัตโนมัติ

    และทำให้เข้าใจว่าพระอรหันต์ทุกประเภท มีภูมิ อภิญญาทุกพระองค์ ไม่ใช่ไม่มีเลย
    จะต่างกันตรงที่ความคล่องตัว ตามวาสนาเท่านั้น

    ทีนี้หากจะถามว่า เกิดที่ไหน ดับที่ไหน

    คงต้องไปเห็นเอง ว่าเกิดที่จิต ดับไปที่จิต

    การจะเริ่มต้นฝึก ก็ไม่นอกเหนือ จากสติปัฐฐาน ไม่นอกเหนือ ไปจาก กายใจ



     
  3. ศิษยโง่

    ศิษยโง่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    สติจะต้องแก่รอบ
    ยิ่งสติแก่รอบมากเท่าไร สัมมาสมาธิจะตามมาติดๆ
    ยิ่งสัมมาสมาธิมีมากเท่าไหร่ ปัญญาจะเกิดขึ้นมาตามมาก เท่านั้น
    โอกาสที่ จิต จะตัดสิน ความเป็น ไตรลักษณ์ ตัิดสินกันตรงนี้
    ฉะนั้นแล้ว จะต้องฝึกสติให้เกิดขึ้นมาให้ได้ก่อน
    จะพูดไปก็จะเข้าเรื่องเก่าๆที่หน้าบอร์ดคุยๆกันมาเนิ่นนาน เรื่อง สติ

    ศิษย์โง่ขอค้านนิดนุงนะฮะ สัมมาสมาธิมีมาเท่าไหร่ ปัญญาจะเกิดตามมา เท่านั้น
    เครฮะ ตรงนี้ต้องไปดูว่าสิ่งใดเป็นปฏิปักษ์กับนิวรณ์

    คำตอบ องค์ฌานก็คือสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์กับนิวรณ์ กล่าวคือ เมื่อมีฌาน 1 2 3 4 ก็เริ่มมีความเป็นปฏิปักษ์ต่อนิวรณ์มากขึ้นเรื่อยๆตามกำลังฌานที่ผู้ฝึกสติสามารถที่จะทำได้ เดี๋ยวพักตรงนี้ไว้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะชี้ให้ดู

    นอกประเด็นหน่อยนึงก่อน เรื่องทีจะบอกว่าตัดสินไตรลักษณ์ ยังไม่มีตัดสินอะไรทั้งนั้นนะครับ
    เป็นเพียงแค่ถ้าเกิดมีกำลังที่เป็นสัมมาสมาธิเกิดขึ้นมา ปัญญาที่เป็นอัตโนมัติจะเริ่มหมุนกงล้อ(วิปัสสนาญาณ +๙) เป็นการเริ่มต้นกระบวนการเรียนรู้ของจริง ค่อยๆเก็บ Level ไปเรื่อยๆ ยังไม่มีการตัดสินอะไรทั้งนั้นนะครับ จนกว่าปัญญาจะแก่รอบ จะเกิดปัญญาญาณสัมปยุตในญาณรอบท้ายๆ ของวงล้อ


    คุณ วิเศษ หรือ แนวความรู้ของจิต บ้างเรียก อภิญญาบ้าง เจโตบ้าง ระลึกชาติบ้าง
    สิ่งพวกนี้ จะเป็นสิ่งมาพร้อมกับการที่จิตได้ เห็นเกิดดับ
    จะมากหรือน้อยแล้วแต่ ว่า มีพื้นฐานมาอย่างไร
    แต่หากว่า เพิ่งเริ่มจะเห็น โอกาส ที่จะหลงตามวิปัสนูกิเลส ก็จะมีมากเช่นกัน
    เพราะว่า ปัญญายังอ่อน จึงต้องไม่ห่างครูอาจารย์ ในช่วงนี้

    ฉะนั้นแล้ว จะพูดอีกอย่างว่า
    ผลที่เห็นเกิดดับ ได้แก่รอบเท่าไหร่
    อภิญญาจะเริ่มมาเองเป็นอัตโนมัติ และก็จะวางพร้อมไปเองเป็นอัตโนมัติ

    และทำให้เข้าใจว่าพระอรหันต์ทุกประเภท มีภูมิ อภิญญาทุกพระองค์ ไม่ใช่ไม่มีเลย
    จะต่างกันตรงที่ความคล่องตัว ตามวาสนาเท่านั้น


    จุดนี้แหละครับที่จะมาต่อ จำเป็นต้องชี้ให้เห็นสิ่งที่เข้าใจคลาดเคลื่อน
    1. คนที่เดินปัญญาถึงขั้น "สัมมาสมาธิ" แล้ว กงล้อเดินเองแล้ว วิปัสสนูถอยห่างไปอยู่ท้ายซอยแล้วนะครับ เพราะที่คือธรรมมะของจริงมาปรากฏแล้ว สัมมาสมาธิจะหายไปได้กรณีเดียวเองเท่านั้นแหละครับคือ "ไม่ได้ภาวนาต่อ นิวรณ์กลับมาแด๊กเหมือนเดิม" ก็คือกำลังฌาน(สมาธิ)เสื่อมนั่นเอง

    2.
    ผลที่เห็นเกิดดับ ได้แก่รอบเท่าไหร่ อภิญญาจะเริ่มมาเองเป็นอัตโนมัติ
    วิปัสสนาญาณ กับ กำลังสมาธิ(ของวิเศษ) อย่าเอามาปนกันครับ มันคนละเรื่องกัน อทกดาบถ ฤาษี ก็มีของวิเศษครับ แต่ไม่มีปัญญาญาณ แบบศาสนาพุทธ

    3. ตรงที่ว่าอภิญญาจะเริ่มมาเป็นอัตโนมัติ จุดนี้แหละครับที่ผมจะชี้ให้เห็นจริงๆ

    สัมมาสมาธิ เริ่มได้ตั้งแต่ฌาน 1 นะครับ ตรวจสอบได้จากพระอภิธรรมเลย (องค์ธรรมที่เป็น ปฏิปักษ์กับนิวรณ์) เพียงแต่สัมมาสมาธิที่ฌาน ขั้นที่สูงกว่าฌาน 1 เช่น ฌาน 2 3 ก็จะได้กำลัง "ปัญญา" ที่มองเห็นสัจจะ ความจริง มากยิ่งขึ้น มีกำลังมากขึ้น
    อุปมาเหมือนคนแข็งแรง แบกของหนักขึ้นบรรไดได้มากกว่าคนผอมแห้งแรงน้อย ที่หยิบจับแบกของแต่ละรอบได้เพียงไม่กี่ชิ้น ใช้"เวลา"มากกว่าคนที่แข็งแรง นั่นเอง

    ส่วนเรื่องอภิญญา เจโตต่างๆ ก็จะเป็นคำตอบปิดท้าย
    ในเมื่อบางคน ภาวนา ได้เต็มที่แค่ฌาน 2 มีวาสนามาแค่นี้ วงล้อการทำงานของปัญญาก็เกิดแล้ว(สัมมาสมาธิ ไม่ใช่ฌานแบบติดเพ่ง)
    ยังไม่น่าจะมีกำลังทางด้านอภิญญาเกิดได้นะครับ

    หากแย้งว่าเกิดได้ ศิษย์โง่คงต้องไปเปิดดูพระไตรใหม่อีกรอบ ว่าอภิญญาเกิดที่ฌาน 4 หรือ 1 2 3 กันแน่


    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2017
  4. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    หวัดดีคุณปราบฯ ไม่ได้เจอกันนาน เห็นแค่แวบๆบางที ขอร่วมแสดงความคิดเห็นหน่อย ดังนี้ครับ

    ผมว่ามันพิจารณาไปเรื่อย เห็นไตรลักษณ์ไปเรื่อย มันเห็นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้มันไปตัดสินความเป็นไตรลักษณ์ตอนไหนอีกทำไมนะครับ และการตัดสินแบบนี้เหมือนมีไกด์ไว้ก่อน แล้วพอไปเห็นเข้า ก็ใช่เลย ตัดสินได้เลย อะไรอย่างนี้รึป่าวครับ

    ผมว่าแล้วแต่เหตุปัจจัย หมาก็ยังเป็นหมา แมวก็ยังเป็นแมว คนก็คือคน ดูที่ความหลงยึดมั่นถือมั่นมากกว่า


    เรื่องพวกนี้ไม่เห็นต้องกล่าวถึงเลยก็ได้
     
  5. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ขออนุญาตตอบแทน จขกท.ไปก่อนนะครับ

    ถ้าว่าจะดูเกิดดับ ดูที่การมีอารมณ์เปลี่ยนไปทั้งวันนี่ดูออกไหมครับ เดี๋ยวยินดี เดี๋ยวยินร้าย เดี๋ยวชอบ เดี๋ยวไม่ชอบ ฯลฯ เห็นความแปรปรวน ไม่แน่ไม่นอน มีเรื่อยๆ มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ตอนไหนอารมณ์มันแรงก็ดูเป็นจริงเป็นจังมากหน่อย พออารมณ์มันเบาลงๆ ก็ชักจะยังไงก็ได้ พอหมดอารมณ์ รีบหาอย่างอื่นมาเสพใหม่รึป่าว ฆ่าเวลา

    ยก ต.ย. นะครับ บางทีขับรถกลับบ้าน ผ่านอุโมงค์รอดทางแยก เห็นไฟส่องสว่างในอุโมงค์ นึกถึงหนังที่เคยดู สนุก แหม..กลับบ้านจะต้องหามาดูสักหน่อยละ จิตมันหนักๆ รู้สึกอยากเสพอารมณ์ สักพักหรือกลับถึงบ้าน ระลึกได้ ย้อนไปดูอารมณ์ อารมณ์นั้นมันหายจ้อย ไม่นึกอยากดูเลย เนี่ยมันเกิดดับ แต่ดับต่อหน้าต่อตามีไหม ถ้าทำกำลังสมาธิขึ้นมาข่ม อารมณ์เก่ามันก็ดับเหมือนกัน อารมณ์ใหม่มาแทน แต่ส่วนมากพอเห็นโดยความเป็นทุกข์ แล้วมันวางครับ ไม่มีอะไร จบๆ ไปแค่นั้น ผมว่าฝึกรู้ตัวบ่อยๆ เดี๋ยวก็เริ่มเห็นเองครับ
     
  6. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อุบายดูการเกิดดับ

    เอาสติจับลมหายใจ ที่กระทบปลายจมูก
    มีสติรู้ลมเข้าออก
    ลมเข้ารู้ ลมออกรู้
    รู้ลมหายใจเข้า รู้ลมหายใจ

    เมื่อลมกระทบรูจมูก ตัวผู้รู้ทำงาน สติก็ทำงาน รู้ตัวว่าลมกำลังเข้า กำลังออก
    เมื่อชำนาญ สติเกาะกับลม จะเห็นความคิดเกิด และดับไป เห็นเกิดดับความคิดเจ้าของ

    เมื่อความคิดไม่ทำงาน จะรู้แต่ลมเข้าออก ตัวผู้รู้จะเด่นขึ้นมา

    ต่อมาสติจับลมไม่ได้เพราะลมละเอียด สติกับตัวผู้รู้เป็นอันเดียวกัน

    สติมีกำลัง จับตัวผู้รู้ ตลอดเวลา

    มาถึงตรงนี้ จะเห็นการเกิดดับตัวผู้รู้(จิต)เอง เร็วมาก
     
  7. Xtrem

    Xtrem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2016
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +275
    แนะนำตามนี้เลยครับ ส่งจิตตามดูลมหายใจเข้า ออก จนจิตรวมเป็นหนึ่ง สติกับกายจะแยกจากกัน ตรงนี้ต้องระวัง ติดอยู่ในฌานอันสุขสงบ ระงับจากนิวรณ์ นั่ง สองสาม ชั่วโมงไม่รู้เนื้อ รู้ตัว
    เมื่อมีนิมิตใดๆ หรือความคิดผุดขึ้นมา ให้ใช้ปัญญาพิจารณาจนเห็นไตรลักษรณ์ ฟังดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายเลย ถ้าไม่เพียรเพ่งอยู่เป็นนิจ
     
  8. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ถ้าแยก สัมมาสมาธิได้
    ก็อย่าได้เอา สมาธิของฤษีมาปนครับ

    ไม่งั้นจะเข้าใจคลาดเคลื่อนตามที่ผมกล่าว

    ผมพูดแต่เพียงสัมมาสมาธิเท่านั้น ที่โพสไว้

    สัมมาสมาธิจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากสติไม่แก่รอบ

    แน่นอนเช่นกัน ปัญญาจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากสัมมาสมาธิไม่แก่รอบเช่นกัน
    การตัดสินไตรลักษณ์จึงเป็นเรื่องของจิตเองล้วนๆ


    ความต่างของสมาธิพุธ หรือสัมมาสมาธิ วัดกันที่สติที่ถูกต้อง

    สติที่ถูกต้อง หรือสัมมาสติ มีแต่เพียงผู้ที่เจริญรอยตามพระพุทธเจ้าเท่านั้น
    หรือจะเรียกว่า จะเกิดแก่ผู้ที่เจริญสติปัฐฐานเท่านั้นครับ


    สมาธิของฤษี ยังไม่มีสติที่ถูกต้องหรือเรียกได้ว่า มีสัมมาสตินะครับ


    หากเอามาปนกันเมื่อไหร่มันฟ้องเลยครับ

    สติ สมาธิ ปัญญา หากเป็นตามแนวทางพุธแล้ว
    ปัญญาเป็นผลของสมาธิ
    สมาธิเป็นผลของสติที่ถูกต้อง
    สติที่ถูกต้อง เป็นผลจากการเจริญสติในสติปัฐฐานเท่านั้น

    เรียกได้ว่า มันเป็นสิ่งต่อเนื่องกัน

    เหมือนๆกับ เปลวไฟกับแสงสว่าง

    หากมีเปลวไฟแล้ว แสงสว่างมันต้องมีเป็นอัตโนมัติ
    จะไปห้ามให้ไม่มีแสงสว่างมันก็ห้ามไม่ได้

    ฉะนั้นแล้ว สมาธิในพระพุทธศาสนา

    หากมีเพียงสมาธิเล็กน้อย
    มีปัญญาเล็กน้อย
    ก็เพียงพอแต่ผลที่1 คือพระโสดาบัน

    สำหรับ อภิญญาที่เกิดขึ้น มันเป็นการรู้พร้อมวางครับ แถมยังเป็นอัตโนมัติอีกตะหาก

    ต่างกันลิบลับ กะการตั้งใจทำให้เกิดอภิญญา

    เรื่อง สัมมาสติ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
     
  9. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ผมว่ามันพิจารณาไปเรื่อย เห็นไตรลักษณ์ไปเรื่อย มันเห็นอยู่แล้ว แต่ไม่รู้มันไปตัดสินความเป็นไตรลักษณ์ตอนไหนอีกทำไมนะครับ และการตัดสินแบบนี้เหมือนมีไกด์ไว้ก่อน แล้วพอไปเห็นเข้า ก็ใช่เลย ตัดสินได้เลย อะไรอย่างนี้รึป่าวครับ

    [/QUOTE]

    หวัดดีครับท่านฯ


    ไตรลักษณ์ไม่ได้ตัดสินกันเรื่อยๆครับ

    หากจิตปัญญากล้าเมื่อไหร่ มันจะตัดสินความเป็นไตรลักษณ์ของมันเองครับ

    คงไม่มีลูกไก่ ที่ออกจากไข่แล้วกลับไปอยู่ในไข่ใบเดิมแน่นอนครับ
     
  10. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    หมา แมว คน ไม่มีครับ

    ถ้ายังมี หมา แมว คน ต้องนับใหม่
     
  11. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ไม่ต้องห่วงหรอกครับ
    ตรงนี้หากใครเคยผ่านจริง มันวางไปเองครับ นักตำราไม่มีทางรู้เห็นตรงนี้ได้

    เคยอ่านผ่านๆ พระสูตรไหนจำไม่ได้เหมือนกันครับ เอ้..หรือจะจำผิด

    คุณวิเศษที่ไม่เกิดขึ้นแก่สงฆ์ เวลามาคุยกันในหมู่สงฆ์
    อาจจะทำให้เกิดความเขินอายในหมู่สงฆ์ได้
    มันเป็นตัววัดว่า มีความเพียรมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ขี้เกียจหรือขยัน
     
  12. เราโตมาคนละแบบ

    เราโตมาคนละแบบ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2017
    โพสต์:
    729
    ค่าพลัง:
    +197
    :mad:อย่างนี้ครับ การเห็นเกิด-ดับนั้น คือ การที่จิตเรา ตั้งใจมั่นอยู่ที่การดูลม หรือ กาย ธรรมชาติของจิตจะไม่อยู่นิ่ง จะวิ่งไปเสพอารมณ์เสมอ หากจิตวิ่งไปเจออารมณ์ใด เพราะความอยาก ความพอใจ เป็นตัวผลักดันโดยธรรมชาติของขันธ์5
    :p เมื่อจิตวิ่งไปเกาะอารมณ์ใด (จิตเกาะอะไรเราเรียก-อารมณ์หมด) ..ภพ-ชาติ-ชรามรณะ ก็เกิดครบตามวงจรปฏิจจสมุปบาท..ทันที จึงจำเป็นมากที่พวกเราต้องศึกษา วงจรปฏิจจสมุปบาท ท่องให้ได้ครับ 12 ห่วงโซ่ เขาทำงานพรึบเดียว-พร้อมกันหมดเลย- ภพเกิดทันทีที่จิตไปเกาะ(ขันธ์5 ก็เกิดทันที)
    :cool:การที่จิตวิ่งไปเกาะอารมณ์(การไป) เราพยายามดึงกลับมาที่เดิม ลมหายใจหรือกาย (การมา)..ตรงนี้เราเรียกว่า จิตเกิด-ดับ ครับ
    :rolleyes::rolleyes::rolleyes: การไป-การมา ของจิตนี้ เราเรียกจิต-เกิด-ดับ- แบบสร้างภพ สร้างวงจรปฏิจจสมุปบาทครับ (ไม่ใช่เกิด-ดับ แบบธรรมชาติของจิต ธรรมธาตุ) พรุ่งนี้จะมาคุยต่อนะครับ วันนี้เพิ่งกลับมา เพลียมาก ได้พบเพื่อนเก่ามากมาย พี่ปราบเทวดา-พี่เสขะ-นางนู๋บี-อาจารย์นิวรณ์-อาจารย์วรณิ..อิอิ ขอเจริญในกรรมครับ
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ขอทดลอง ตรวจการบ้านนะ เน้นนะว่า ทดลอง อย่าเอา จีจา

    ตรงนี้ เกือบถูก .....ถ้ากล่าวให้เข้าทำนอง จิต เกิด พร้อมกับ เวทนา เหมือน ไม้กระดาน
    สองอันพิงกัน จิตจะเสวยอารมณ์ก็เพราะเวทนาจะเกิดพร้อบกับจิต และ ดับไปพร้อมกับ
    จิต หากใครพูดว่า ดับที่จิต แปลว่า ยัง มีมิจฉาทิฏฐิเรื่อง จิตเที่ยง พอพูดเรื่องอภิญญา
    เขาก็จะลืมไปว่า ตะกี้พึ่งบอกว่า สติเป็นตัวปัดถัน พระสารีบุตร กับ พระโมคัลลา ใครควร
    นั่งกอดเข่าเจ่าจุก อายแทบแทรกแผ่นดิน ใครขยัน ใครมีความเพียร ใครมีสติ

    ถ้าพูดให้เห็น เวทนาเกิดดับ ด้วยอุบายอะไรสอดแทรก จะให้ ไข่ต้ม10ฟอง

    อันนี้เหมือน ข้อข้างต้น เนื่องจาก ขาดไปส่วนนึง จึง พูดแต่ส่วนเกิด พูดเหมือนไม่เห็น
    ทางออก ถ้าเป็น ท่านพุทธทาสมาอ่าน คงตัดFอูแอลแอล เพราะท่านจะพูดลงสายดับ
    ลูกเดียว ไม่ใช่พูดสายเกิดแบบหาทางออกไม่เจอ

    ตรงนี้ ก็อย่างที่กล่าวไปสองข้อต้น มันขาดตัวนั้นจริงๆ เวทนาเกิดดับ นี่ไม่ได้กำหนด
    จึงไม่รู้อุบายนำออก การปรารภเกิดดับ จึงกลายเป็นเห็นแบบ โลกๆ เขาเห็น หากไป
    ปรารภแบบนี้ที่ ราชรี มีหวัง กระเด็นตกกุฏิท่าน ว่า ว่า ว่า ว่า ว่า อะ ระ ขะ มึ

    แบ่ง จิ ออกเป็นสอง กล่าวแบบนักกรรมฐาน รู้ลูกเดียว จะกล่าวว่า " รู้ไม่ถึงฐานจิตแล้ว "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2017
  14. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    พี่เกิดฮับ

    พี่เกิด ตอนนี้น่าจะมา ตัน ในบางจุด

    ตอนนี้คนธรรมศาสตร์ เขา กำลังชู TU100 วิชาพลเมือง

    ป๋มก็อยากแนะ อภิธรรม สองข้อ ให้ พี่เกิด ไปลับความคม ของ พุทธวจน นิหน่อยพอ

    ให้สองคำ "ปัญจทวารวิถี" กับ "มโนทวารวิถี"

    เอาสองคำนี้ ให้ปวดหัว แบบเบาๆ สบายๆ ยิ้มให้จิตมันคลี่เบิกบานแจ่มใส อย่า
    อ่านแบบ แบกหนัก ถ้า อ่านแล้วเกิดอาการ แบกหนัก ก็ไม่เอา ไม่ต้องใส่ใจ
    โยนทิ้งไปเลย มีประโยชน์กว่า

    แต่ถ้า สมาทาน มุขนัยสองคำนี้ได้ จะค่อยๆ ทราบเองว่า จะต้องพูด
    อย่างไร ให้ไม่แฉลบ แบบ ท่านพุทธทาสเจอ ท่านเดินหันหลังไป
    เลี้ยงไก่เลย ไม่ต้องสนใจ พี่เกิด อีก


    ปล.ลิง พี่เกิด สังเกต พระไตรปิฏก มีการแบ่งเป็น สามตะกร้า ไม่ใช่
    เพราะมันแตกต่าง แต่ แต่ละตระกร้า จะเหมือน ขาสามขา ของกระถางธูป
    ถ้าแม่นขาหนึ่ง แล้วมีอีกขา ไม่สอดรับ ก็จะ ล้มได้ แฉลบได้ กระเดิดได้
    ดังนั้น พุทธวจน ตัด อภิธรรม ม่ายล่าย นะฮับ ฝากอภิธรรมไว้สองคำก่อง นะ นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2017
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ครับ คือเห็นไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันก็ดีนะครับ เป็นการเห็นสภาพธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริง แต่มันก็เป็นปรากฏการณ์ตามปกติที่เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือครับ เพียงแต่เราไม่เคยใส่ใจที่จะเรียนรู้ไปตรงๆ เอง เพราะอะไรก็ว่ากันไป

    ทีนี้พอรู้ความจริงแล้วบรรลุธรรมเลยเหรอครับ ยังแยกโลก แยกธรรมพ้นความปรุงแต่งยังไม่ออกเลย แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ไม่ได้เป็นการหลงสังขารลักษณะหนึ่ง ลองสังเกตผลของการรู้แจ้งนั้นดูครับ มันเป็นปัญญาความรู้เชิงประดับตน แบบคนสอบผ่าน หรือเป็นปัญญาช่วยคลายความหลงฉวยเอามาเป็นตน ตรงนี้ให้ลองสังเกตเองครับ ไม่มีผิดมีถูกหรอก มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยเช่นนั้นเองครับ
     
  16. ศิษยโง่

    ศิษยโง่ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +1
    อภิญญาคือของแถม ถ้ากำลังสมาธิถึงฌาน 4 แน่นอนว่า กำลังแห่งสัมมาสมาธิที่จะมาเดินปัญญาที่ได้มาเป็นปกติ ก็จะเจ๋งเช่นกัน จะมีปัญญามากกว่าขั้นอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
    ฌานต่ำกว่านั้น ไม่ได้อภิญญาแน่นอน นั่นคือวิปัสสนู และวิปัสนึกญาณ
     
  17. เสขะ บุคคล

    เสขะ บุคคล เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,240
    กระทู้เรื่องเด่น:
    54
    ค่าพลัง:
    +4,023
    นี่เรียกว่าดูการที่เราไหลไปตามอารมณ์ ใช่ไหมครับ
    ส่วนที่ว่ามันวาง คือ มันวางอารมณ์นี้ไปยึดสัญญาอารมณ์ใหม่
    ยังไม่เริ่มให้วิธีผมเจริญสติเลยใช่ไหมครับ
     
  18. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ครับ ขอบคุณที่แนะนำ
    น่าจะแนะนำก่อนหน้าสัก 20ปีนะครับ
    ที่เขียนไว้ข้างบนนั้น ฝึกช่วงปี พ.ศ.37-40ครับ

    จากนั้นฝึกฌานเล่นครับ เลยติดฌานอยู่5ปี
    จากนั้นได้เจอองค์หลวงตา ท่านแก้ให้ และสอนกรรมฐานเดินหน้าต่ออีก
    ทางข้างหน้ามีอีกยาว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2017
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ตอน ปรารภ ยังไม่เริ่มเจริญสติ

    อย่าปรารภเพื่อ ตำหนิจิต

    ให้ปรารภด้วย สัจฉิกริยา เหนปัจจุบัน ยังไม่เริ่มเจริญ

    สติจะเกิดทันที

    อย่าคิดมากเรื่องปฏิบัติ

    พอคิดมาก สังเกตอาการบรรดามี เฉพาะตอนใส่ใจระลึก

    เหนไปเลย อะไรไหวๆ หน่วงๆ คือ จิตมันยังไม่เริ่ม

    คิดแต่จะทำ ยังพยายามทำการปฏิบัติ

    แทน การเหนไปซื่อตรงตามปัจจุบัน

    แล้ว เพียรพิจารณา อย่ารีบร้อนสรุปอะไร
    ให้คะแนน ตัดคะแนนจิต

    เอาเท่านี้ก่อน แค่นี้ก้ฮืดจับแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มีนาคม 2017
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ลองตรงนี้เลย อย่าเนิ่นช้า

    อย่าพลัดผ่อน

    อย่าเอา การอยู่วัตร มาอ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...