มงคลวัตถุ สิริแห่งชีวิต ที่สุดแห่งศรัทธา : รูปถ่ายนิโรธสมาบัติ มหาจักร มหาสังข์ โคนนทสูร

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย studio214, 19 กรกฎาคม 2015.

  1. เอ๋เชียงใหม่

    เอ๋เชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,791
    จองตาม PM ครับ
     
  2. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 206 พระปัจเจกพุทธเจ้า วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) รุ่น ปาฏิหาริย์ เนื้อสำริด(บรอนด์นอก)
    ปิดรายการ ค่าจัดส่ง 60 บาท

    พระปัจเจกพุทธเจ้า วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) รุ่น ปาฏิหาริย์ เนื้อสำริด(บรอนด์นอก) กล่องเดิม รุ่นนี้มวลสารลงไม่ไหว เยอะมากๆ ทั้งแบบโลหะและผงที่อุด ครูบาอาจารย์อธิษฐานชนวนมวลสารก็เยอะ รวมทั้งครูบากฤษดาก็ได้เมตตาด้วย(ครูบาท่านเป็นองค์หนึ่งที่เสกพระปัจเจกได้ศักดิ์สิทธิ์มาก)

    พิธีใหญ่วัดเขาวง(ถ้ำนารายณ์) หลวงพ่อท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมล เป็นประธานพิธีพุทธภิเษก รวมศิษย์สายหลวงพ่อ

    พระอาจารย์กล่าวว่า "การพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง พระพุทธเจ้าท่านเสด็จมาครู่เดียว แล้วก็มอบให้พระปัจเจกพุทธเจ้า เจ้าของพระคาถาเงินล้านท่านเป็นประธานของงานแทน คราวนี้ช่วงท้าย ๆ ท่านเมตตาบอกว่า "วัตถุมงคลรุ่นนี้เป็นวัตถุมงคลเพื่อความสำเร็จ ใครจะทำงานเก่าก็ตาม งานใหม่ก็ตาม ถ้าต้องการความสำเร็จก็ให้บูชาวัตถุมงคลรุ่นนี้ไป"

    คราวนี้การบูชา ถ้ามีเวลามากให้สวดอิติปิโสฯ ๓ ห้อง ตามกำลังวัน ถ้าเจอวันพฤหัสบดี (๑๙) หรือวันศุกร์ (๒๑) ก็เป็นลมพอดี แต่ถ้าเวลาไม่พอเอาสัก ๓ จบก็พอ อิติปิโสฯ ๓ ห้อง ๓ จบนี่ก็ไม่นานมาก หรือถ้าฉุกเฉินขึ้นมา มีวัตถุมงคลชิ้นเล็กติดตัวอยู่ ก็เอาแค่ "สัมปะติจฉามิ" ท่านบอกว่าให้อธิษฐานว่า "ในหลวงรัชกาลที่ ๑ ประสบความสำเร็จในการปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ก็ดี การตั้งกรุงรัตนโกสินทร์เป็นปึกแผ่นมาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันก็ดี พระองค์ท่านประสบความสำเร็จโดยง่ายอย่างไร ก็ขอให้เราประสบความสำเร็จอย่างนั้นด้วย" แล้วก็ภาวนาไปเถอะ


    ถาม : ยังมีอะไรพิเศษอีกไหมครับ ?
    ตอบ : อันนั้นเป็นเรื่องปกติ ความสำเร็จยังไม่ถือว่าพิเศษอีกหรือ จริง ๆ แล้วน้อยมากนะที่ท่านจะให้ลักษณะนี้ แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเราสร้างเหตุไว้ดี ถ้าสร้างเหตุไม่ดีผลก็ไม่เกิด ที่ท่านบังคับให้เราภาวนาตามกำลังวันก็ดี หรืออธิษฐานเสร็จแล้วให้ภาวนาคาถาก็ดี ก็คือการที่เราสร้างบุญของเราขึ้นมาเพื่อรองรับ ถ้ากำลังไม่พอ คนอื่นได้เราก็ไม่ได้ หรือไม่ก็คนอื่นได้เร็วเราอาจจะได้ช้า ไม่ใช่ว่าให้แล้วจะได้เหมือน ๆ กันหมด ให้แล้วต้องขยันด้วย

    หมายเหตุ เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖

    ที่มาของชื่อรุ่น
    เนื่องจาก เมื่อคราวที่จัดสร้างตะกรุดยันต์เกราะเพชร รุ่น ร้อยแปดพันเก้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้เสด็จมา ทั้งสิ้น 3 องค์ แต่ มี หนึ่งองค์ที่สมบูรณ์. และมีก้านชนวน ติดมาด้วย ทางวัดจึงมีดำริว่า จะตัดก้านชนวนมาเพื่อสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้ารุ่นปาฏิหาริย์
    เพื่อให้ญาติโยม ผู้ศรัทธา มีไว้เจริญพุทธานุสติกรรมฐาน

    เดิมทีแรก ทางคณะศิษย์ได้ จัดสร้าง ตะกรุด วัดเขาวง รุ่นร้อยแปดพันเก้าโดยได้ทำการตำมวลสาร จากพระ 2 รูปคือ
    1. พระนิพพาน โชติธัมโม
    2.พระมหาสมบัติ วัดสร้อยทอง

    วิธีการตำมวลสาร ตำโดยละเอียดและบดผงด้วยการคลึง ครก เหมือนบดยาให้เด็กกิน
    ทุกครก และได้เท ผสมกัน หลังจากนั้น ท่านพระนิพพาน ได้ ทำการเคล้าผง มวลสารด้วยมือท่านเองปรากฏ ว่า เจอพระ 1 องค์ ท่านพระนิพพานได้ ถามว่าใครเอาพระยอดธงมาตะไบ ก็ไม่มีใครตอบ ท่านก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็เป็นของสงฆ์นะและท่านพระนิพาน ก็ นำมาพิจารณา ปัดผงออก

    ปรากฏว่า เป็น " พระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อทองคำ "

    และท่านก็ได้ ควานหา ในผงดูจนทั่วว่ามีอีกหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มี แล้ว ซึ่งทุกคนก็ ยังงง
    แม้กระทั่ง ผมเองก็ยัง สงสัยว่า มันจริงหรือวะ !ก็ ได้มีคุณกานต์ และคุณstep&time ได้ทำการ เคล้ามวลสารต่อคุณกานต์เองก็ สงสัย ขออธิษฐานว่า ถ้าเรื่องพระเสด็จเป็นเรื่องจริง
    ขอให้ท่านเสด็จ มาอีกรอบพื่อเป็นกำลังใจ สักนิดหน่อยก็ยังดี ซึ่งเป็นการพูดดัง ๆ

    คุณStep & time ได้ยิน ก็ขออธิษฐานบ้าง ขอให้เจอถ้าเป็นเรื่องจริง แต่อธิษฐานในใจ
    ปรากฏว่า พระปัจเจก เสด็จมาอีก โดยเจอคนละองค์ แต่ไม่เต็มองค์ สร้างความปิติ แก่ทั้ง 2 คนนี้มาก ทุกอย่าง ถ้าจะว่าจัดฉาก ก็ไม่น่าจะเหมาะเจาะ ทั้งปริมาณ คน และปริมาณพระ
    และคนที่อธิษฐาน มันช่างพอดี กันเสียเหลือเกินซึ่งพี่ step & time เองก็พึ่งมาวัดนี้เป็นครั้งแรกและงานนั้น ผมเองไม่ได้ไปยุ่งกับ การตำมวลสารเลย และเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2555 หลังบวงสรวงหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐมแล้วท่านก็กลับเข้าสำนักงาน
    ให้คนเรียก ผมเข้าไป และได้มอบหมายงานให้ผมจัดสร้างวัตถุมงคล ซึ่งปัจจัยที่เหลือ จากการหักค่าใช้จ่าย จะนำไปใช้หนี้ วัดที่ยังติดค้างอยู่ประมาณ 10 ล้านผมก็ได้ขออนุญาต กราบเรียนถามพระ พระท่านให้สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า โดยให้ตัดก้านชนวน
    ที่เสด็จมากับองค์พระ มาขยายจำนวนองค์ ให้ลูกหลานได้ไว้เพื่อเจริญศรัทธาในการร่วมทำบุญเสมือนกัน ท่านได้เสด็จ ไปอยู่กับท่านผู้ร่วมบุญด้วย เพื่อเป็นพุทธานุสติ
    และจัดสร้าง ครั้งนี้แล้ว คณะนี้ จะไม่สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า วัดเขาวง อีก ในระยะเวลา ไม่น้อยกว่าสิบปี!

    จึงเป็นมูลเหตุ แห่งการสร้างพระปัจเจกพุทธเจ้า รุ่น " ปาฏิหาริย์ "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2016
  3. Roj_56

    Roj_56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,489
    ขอบูชารายการที่ 118 ครับ
     
  4. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 207 ลูกอมปิดทองเลี่ยมพร้อมรูปถ่าย หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี


    ลูกอมหรือประคำโทนแบบลักษณะนี้หลวงพ่อแจกตั้งแต่ในยุคก่อนๆ และ ได้มีการทำเรื่อยมาหลายครั้ง บูชาระลึกถึงหลวงพ่อแบบสบายใจ เพราะประคำนั้นดูยาก เรียกว่าดูแทบไม่ได้เลย เพราะส่วนใหญ่ไม่มีลักษณะเฉพาะ ต้องดูที่มาอย่างเดียว

    ประสบการณ์ "ลูกอมลอยน้ำ"
    ในสมัยนั้นหลวงพ่อท่านยังไม่ได้แจกประคำเป็นเส้นๆ แต่ท่านแจกเป็นเม็ดประคำ 1 เม็ดจะมีรูปหลวงพ่อเล็กๆ ติดอยู่แล้วอัดกรอบพลาสติคเป็นลูกกลมๆ จึงเรียกกันว่า "ลูกอม"
    วันหนึ่งท่านกลับมาจากเมืองกาญจน์ แล้วได้มาเล่าให้พวกเราฟังว่า "มีผู้หญิงคนหนึ่งเข้านั่งซักผ้าอยู่ทีริมแม่น้ำ ลูกเขาก็ยังเล็กๆ แกก็คลานไปคลานมาอยู่ใกล้ๆ เผลอไปแผล็บเดียวลูกของแกพลัดตกน้ำ แกตกใจมากมองหาก็ไม่พบเพราะเด็กนั้นยังเล็กมากและน้ำก็ไหลแรงด้วย ปรากฏว่าชาวบ้านแถวนั้นเขาก็พากันว่ายน้ำออกไปช่วยหา พบว่าเด็กน้อยนั้นนอนหงายลอยไปตามน้ำ ที่คอของเด็กนั้นมีลูกอมของหลวงพ่อห้อยติดอยู่"
    พวกเราชาวบ้านที่นี่อยู่กับหลวงพ่อท่านกันจนชินกับความพิเศษต่างๆ ซึ่งท่านมีมากกว่าคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ผมรู้สึกได้ว่าท่านมองเห็นเหตุการณ์ข้างหน้าว่าจะเป็นไปอย่างไร จะนำพาพวกเราไปทางไหน จะอยู่กันอย่างไร แต่ท่านไม่เคยพูดจาโอ้อวด ท่านปล่อยให้อะไรต่ออะไรค่อยๆ เป็นไปเอง เพียงแต่คอยควบคุมเอาไว้ไม่ให้ออกไปนอกกรอบเท่านั้น สำหรับพวกเรานั้นถ้าเกิดเจ็บป่วย หรือเดือดร้อน ทั้งทุกข์กายทุกข์ใจ เราก็พึ่งหลวงพ่อนั่นแหละ เรียกได้ว่า "ท่านเป็นเจ้าชีวิตของพวกเราเลยทีเดียว"
    นายองหม่อง ปุณณการี
    จาก หนังสือ 100ปีชาตะกาล, หน้า149

    หลวงพ่ออุตตมะเป็นพระมหาเถระอีกองค์หนึ่งของชาวไทยและชาวมอญ ผู้ซึ่งเปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมี พระอุปคุตนั้นเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวมอญซึ่งนิยมสร้างเพื่อบูชาในลักษณะของพระบัวเข็ม หลวงพ่ออุตตมะนั้น ครูบาอาจารย์มากมายต่างกล่าวสรรเสริญในบารมีขององค์ท่าน ทั้งหลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน (ในอดีตช่วงเวลาหนึ่งนั้นหลวงพ่ออุตตมะ เคยจำพรรษาที่วัดท่าขนุน)

    พระราชอุดมมงคล หรือ “พระมหาอุตตมะรัมโภภิกขุ” (เอหม่อง อุตฺตมรมฺโภ) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามของ “หลวงพ่ออุตตมะ” พระมหาเถระของชาวมอญและชาวจังหวัดกาญจนบุรี ผู้มีบทบาทเป็นผู้นำทางความคิดและจิตวิณญาณของชาวมอญพลัดถิ่นที่สังขละบุรี

    หลวงพ่ออุตตมะ เดิมชื่อ เอหม่อง เกิดเมื่อ พ.ศ. 2453 ที่หมู่บ้านโมกกะเนียง ตำบลเกลาสะ อำเภอเย จังหวัดเมาะลำเลิง ประเทศพม่า หลังเรียนหนังสือจบจากพม่าเมื่ออายุ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดเกลาสะ ได้ศึกษาภาษาบาลี และพระปริยัติธรรมจนสอบได้นักธรรมชั้นโท อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดเกลาสะ ได้รับฉายาว่า อุตตมรัมโภ แปลว่า ผู้มีความพากเพียรอันสูงสุด โดยได้ตั้งเจตจำนงที่จะบวชไม่สึกจนตลอดชีวิต

    หลวงพ่อได้เดินทางไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานที่วัดตองจอย และวัดป่าเลไลยก์ จนมีความรู้ความสามารถในเรื่องวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดจนวิชาไสยศาสตร์และพุทธาคมเป็นอย่างดี และชอบออกเดินธุดงค์ไปตามที่ต่าง ๆ ในประเทศพม่า

    อุตตมรัมโภภิกขุเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกทางจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2486 โดยเดินธุดงค์มาจำพรรษาอยู่ที่วัดสวนดอก ก่อนจะออกธุดงค์ไป แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงราย น่าน กาญจนบุรี และกลับไปยังพม่า และเนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองในประเทศพม่าขณะนั้น อุตตมรัมโภภิกขุจึงเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้งทางหมู่บ้านอีต่อง ตำบลปิล็อก อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

    ในปี พ.ศ. 2499 หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวบ้านชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้พร้อมใจกันสร้างศาลาวัดขึ้น มีฐานะเป็นสำนักสงฆ์ แต่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า วัดหลวงพ่ออุตตมะ ตั้งอยู่บนเนินสูงในบริเวณที่เรียกว่าสามประสบ เพราะมีแม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกัน คือแม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำบีคลี่ แม่น้ำรันตี ในปี พ.ศ. 2505 ได้รับอนุญาตจากกรมการศาสนาให้ใช้ชื่อว่า "วัดวังก์วิเวการาม" ซึ่งตั้งตามชื่ออำเภอวังกะ ในวัดมีการก่อสร้างเจดีย์จำลองแบบจากวัดมหาโพธิ เมืองพุทธคยา ประเทศอินเดีย เริ่มก่อสร้าง พ.ศ. 2518 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2529

    ต่อมาทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้ก่อสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ ซึ่งเมื่อกักเก็บน้ำในปี พ.ศ. 2527 น้ำในเขื่อนเขาแหลมจะท่วมตัวอำเภอเก่ารวมทั้งหมู่บ้านชาวมอญ ทางวัดจึงได้ย้ายมาอยู่บนเนินเขาในที่ปัจจุบัน โดยทางราชการได้ช่วยเหลือในการอพยพผู้คนซึ่งมีอยู่ราว 1,000 หลังคาเรือน บนพื้นที่ 1,000 ไร่เศษ ส่วนบริเวณวัดหลวงพ่ออุตตมะเดิม ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำ และมีชื่อเสียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand เป็นที่รู้จักในชื่อว่า วัดใต้น้ำ สังขละบุรี

    หลวงพ่ออุตตมะ มรณภาพจากการติดเชื้อในกระแสโลหิตจากภาวะปอดอักเสบ เมื่อเวลา 7.22 น. ของวันที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2549 อายุรวม 97 ปี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2017
  5. Narong2508

    Narong2508 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +381
  6. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 208 เหรียญหล่อรูปเหมือนคุณยายชีนวล แสงทอง เนื้อสัตตโลหะ บ้านนาทมใต้ อ.ตาลสุม จ. อุบลราชธานี
    บูชา 1200 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

    เหรียญหล่อรูปเหมือนคุณยายชีนวล แสงทอง บ้านนาทมใต้ อ.ตาลสุม จ. อุบลราชธานี สร้างโดยคุณอำพล เจน เนื้อสัตตโลหะ มวลสารทุกอย่างมีครบถ้วนเช่นเดียวกับเนื้อธรรมดา เพิ่มเติมหนังกลองก้องโลกกับปฐวีธาตุที่บดแล้วเป็นพิเศษ เนื่องจาก ๒ สิ่งนี้มีน้อย จึงเอาไว้ในเนื้อพิเศษเท่านั้น

    คุณยายชีนวล แสงทอง พระอริยะสาวิกาแห่ง บ้านนาทมใต้ อ.ตาลสุม จ. อุบลราชธานี

    ชาติกำเนิดเกิดวันศุกร์ ไม่ทราบวันที่และเดือน คงอาศัยเค้าจากปีเกิดหลวงปู่สวน วัดนาอุดม(8 ก.ย. 2453) ด้วยว่าทั้งหลวงปู่สวนและยายชีเกิดปีเดียวกัน ยายชีเป็นน้องแค่เดือน

    เรื่องนี้ทราบจากยายคำ แสงทองผู้เป็นน้องหญิงคนที่4ของยายชีว่า สมัยยายชียังเยาว์วัย ป่วยเป็นฝีที่คอ รักษาอย่างไรไม่หาย วันหนึ่งมีหมอธรรมมาชี้แนะว่า มีผู้เดียวที่จะรักษาได้ เป็นพระชื่อว่าครูบาลุน อยู่ภูมะโรง เมืองจำปาศักดิ์ อยากจะหายจงเร่งไปหา ด้วยว่าเวลานั้นท่านชราภาพมากแล้ว อย่านิ่งนอนใจ ช้าไปจะไม่ทันการ จากตรงนี้นั่นเองจึงเป็นจุดหักเหของชีวิตเด็กหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้ดั้นด้นไปจนถึงภูมะโรง

    ในขณะที่เดินทางไปภูมะโรงนั้น บิดาของยายชีกำลังอยู่ในเพศสมณมาแล้ว6พรรษา น่าเชื่อได้ว่าพระภิกษุส่วน(บิดายายชี)ควรเป็นผู้นำพายายชีไปด้วยตนเอง หรือไม่ก็อาศัยผู้รู้จักหนทางที่ไว้วางใจได้ฝากฝังยายชีให้เขาคนนั้นนำพาไป ในการเดินทางไปภูมะโรงคราวโน้นเป็นไปได้ว่าน่าจะมีหลวงปู่สวน ฉนฺทโร วัดนาอุดมร่วมเดินทางไปพร้อมกันด้วย เนื่องจากว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน (บ้านนาทม ต.คำหว้า อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี)

    เมื่อไปถึงภูมะโรงแล้ว ครูบาลุนได้บอกว่าโรคของยายชีจะหายได้ด้วยมโหสถขนานเดียว คือบวชชีรักษาศีลแปดถือพรหมจรรย์ ซึ่งครูบาลุนได้เป็นผู้บวชให้

    น่าแปลกใจอย่างยิ่ง หลวงปู่สวนออกจะให้ความเกรงใจยายชีนวลเป็นพิเศษอาจด้วยเหตุว่ายายชีนวลนั้นสนิทสนมคบหาสำเร็จตันถึงขั้นเรียกหากันว่า”เสี่ยว”สำเร็จตันผู้คงด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิอันบรรดาศิษย์อาจารย์เดียวกันยกย่องนับถือ

    เมื่อครูบาลุนมรณภาพและหมดภาระที่สำนักครูบาลุนแล้ว ยายชีในวัยรุ่นสาวกลับมีความองอาจกล้าหาญออกธุดงค์โดดเดี่ยวปานพระหนุ่มๆสักรูป เดินออกจากจำปาศักดิ์ขึ้นเหนือทะลุเวียงจันทน์ข้ามโขงมาฝั่งไทยที่เมืองหนองคาย เข้าอุดรธานี ย้อนมาสกลนคร ผ่านธาตุพนม สู่อำเภอเขมราฐจนกระทั่งถึงบ้านเกิดบ้านนาทม

    พำนักอยู่บ้านเกิดไม่นาน ได้เพื่อนชีสาวอีก2คือแม่ชีเที่ยง(ไม่ทราบนามสกุล)กับแม่ชีอีกองค์หนึ่งไม่ทราบชื่อ ชวนกันออกธุดงค์ไปจนถึงภูสามส่วม เขตอำเภอเขมราฐ(ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอโพธิ์ไทร) ชีทั้ง3ปักกลดบำเพ็ญเพียรอยู่บนเขานั้นนานนับ10วัน คืนวันที่10นั่นเอง เสือโคร่ง5-6ตัวเข้ามาหาชีทั้ง3 เสือตัวหนึ่งท่าทางเหมือนจ่าฝูง เข้าใกล้ยายชีนวลที่สุด มันลงนั่งจ้องหน้า ยกฝ่าเท้าข้างหนึ่งด้วอาการเหมือนจะตะปรบเหยื่อ ยายชีนวลก็เอื้อมฝ่ามืออกไปตบเบาๆที่หัวเสือจ่าฝูง เสือก็หยุดกึก แล้วหันหลังกลับออกไปจากบริเวณนั้นทั้งหมดวันรุงขึ้นเพื่อนชีองค์หนึ่งเข้าใจว่าเป็นแม่ชีเที่ยง กลัวเสือที่ปรากฏตัวเมื่อคืนจนถึงกับล้มป่วย ต่อมาไม่นานก็เสียชีวิต บิดาของยายชีนวลทราบข่าว ได้ติดตามเอาตัวยายชีกลับบ้านขอร้องให้สึก อ้างเหตุผลไม่มีใครช่วยทำนา ยายชีนวลจึงยอมสึก

    หลังจากที่ได้สึกชีออกมาช่วยงานครอบครัวไม่นาน นายอาจ ผลทวี ได้มาติดพันชอบพอยายชี ออกปากขอแต่งงาน ยายชีไม่ขัดข้องแต่มีข้อแม้ที่ถือเป็นข้อตกลงว่า หากยายชีอยากจะไปวัด หรือไปปฏิบัติธรรมที่ไหน เมื่อไหร่ จะไปทันที ไม่ขออนุญาต ไม่บอกล่วงหน้า และอย่าได้ห้ามเสียให้ยาก นายอาจรับปากตกลง ชีวิตหลังแต่งงานยายชีนวลยังประพฤติตนอยู่ในศีลในธรรม คือรักษาศีล5บริสุทธิ์ตลอด มีลูกทั้งหมด4คน ชาย2หญิง2 ลูกๆต่างรับรองว่าแม่(ยายชี)ไม่เคยฆ่าสัตว์ แม้มดหรือยุงก็ละเว้นไม่ล่วงเกินชีวิตสัตว์เหล่านั้น ระหว่างมีครอบครัวมีลูกมีเต้า ยายชีไปธุดงค์กับสำเร็จตันบ่อยๆ ออกปฏิบัติธรรมร่วมกัน ในป่าเขาและสถานที่กันดารน่ากลัวแทบทุกแห่ง เรียกว่าไม่เคยลืมความเป็นนักบวช ความองอาจกล้าหาญของยายชีไม่ได้เป็นรองสำเร็จตัน

    ปี2522 ขณะมีอายุได้ 69ปี ยายชีบอกกับนายอาจผู้เป็นสามี รวมทั้งลูกๆว่า“จะออกบวชเป็นชีอีก อยากพ้นทุกข์ พ้นวัฏสงสาร”แล้วออกจากบ้านหายสาบสูญไปอีกลูกหลานเล่าว่ายายชีเมื่ออกธุดงค์ ไม่เคยพกพาสมบัติเงินทองติดตัว มีแค่ย่ามใบเดียว กับผ้าขาวหุ้มตัวชุดเดียว ไม่มีแม้เอกสารหลักประจำตัว เรียกว่าไปตัวเปล่าจริงๆ ราวๆปี2526จึงได้ข่าวว่ามีสถานที่2แห่งที่ยายชีปรากฏตัวไปมาบ่อยๆคือระหว่างถ้ำค้อในเขต อ.โขงเจียมกับวัดดอนม่วง บ.ดอนรังกา อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานีพอดีกับนายอาจผู้เป็นสามีป่วยหนัก ลูกๆตามไปหาแล้วแจ้งอาการป่วยของนายอาจที่ถ้ำค้อ แต่ยายชีบอกว่า“แม่ไม่ใช่หมอ ถึงไปดูก็ช่วยให้หายป่วยไม่ได้”ต่อมาไม่นานนายอาจ ผลทวีผู้สามีก็ถึงแก่กรรม

    หลังจากนั้นยายชีก็หายสูญข่าวคราวไปอีก ไม่มีใครรู้ว่าไปไหน อยู่ที่ใด นานๆก็โผล่มาเยี่ยมลูก นานๆก็หายตัวไป เป็นปกติการติดตามหาตัวยายชีเป็นไปได้ยาก เนื่องจากความไม่อยู่ติดที่ ไม่อยู่ที่ใดนานๆเรื่องนี้มีผู้รับฟังคำอธิบายจากยายชีและสังเกตเห็นข้อเท็จจริงอันนี้ที่ใดมีคนเกลียดมากๆยายชีจะอยู่นานเป็นพิเศษ ที่ใดคนรักนับถือมากๆยายชีจะออกจากที่นั่นไปโดยเร็วสถานที่ซึ่งมีคนเกลียดจะอยู่จนกระทั่งคลายทิฏฐิมานะของผู้คนได้สำเร็จ เกลียดกลายเป็นรักและนับถือเมื่อไหร่ จะจากไปเมื่อนั้นหลายแห่งที่ผู้คนร้องไห้อาลัย อ้อนวอนให้อยู่ต่อไป ยายชีก็จะบอกธรรม1ข้อ

    “อนิจจังไม่เที่ยง มีพบก็มีพราก”

    ปี2534ยายชีนวลปรากฏตัวที่วัดภูน้อย (บ.น้ำวุ้น ต.แก่งเค็ง อ.กุดข้าวปุ้นจ.อุบลราชธานี) ซึ่งยายชีเคยมาร่วมสร้างเอาไว้กับพระอาจารย์หมุนพร้อมด้วยชาวบ้านญาติโยม การย้อนกลับมาครั้งนี้ทำความสลดใจให้ยายชีเป็นอันมาก ด้วยวัดอยู่สภาพรกร้างเสื่อมโทรม เป็นเหตุให้เกิดสังเวชสงสารญาติโยมที่เขามีศรัทธาร่วมสร้างถวาย แต่กลับไม่มีพระเณรอยู่อาศัย ทั้งไม่มีใครดูแลรักษา จึงตัดสินใจพำนักอยู่ที่นั่นตามลำพังคนเดียว ชาวบ้านเล่าว่ายายชีมาอยู่วัดภูน้อยสมัยแรกนั้น ไม่ค่อยมีใครได้เห็นตัว นานๆจะเห็นลงจากเขามาบิณฑบาตที เรื่องนี้ยายชีได้กรุณาอธิบายให้ฟังในภายหลังว่า “สงสารชาวบ้าน ลำพังการหาอยู่หากินก็ลำบากพอ ไม่อยากรบกวนเขามากเกินไป ได้อาหารเขาแล้วก็เว้นเสียบ้าง หาเก็บใบไม้มาหั่นกินเอาพอบรรเทาหิว ก็พออยู่ได้หรอก” (หั่นใบไม้กิน-ในความหมายของอีสาน บางคนว่าเสกใบไม้กิน)

    หลังจากนั้นข้าวปลาอาหารก็อุดมสมบูรณ์ด้วยว่าผู้คนพากันหลั่งไหลเข้าไป วัดร้างก็กลับมารุ่งเรืองอีกครั้งหนึ่งเพียงเวลาไม่นานปีทั้งพระทั้งโยมจากทางใกล้ทางไกล เดินทางมาร่วมบุญบูรณวัด ทั้งปฏิบัติและสนทนาธรรมกับยายชีจนเป็นที่เลื่องลือ ต่างอัศจรรย์ใจในตัวยายชีที่เป็นหญิงชราปานนี้ยังมีวัตรปฏิบัติเคร่งครัดน่าเลื่อมใส ถึงกับว่ามีพระหลายรูปมาฝากตัวเป็นศิษย์

    ถึงปี2539 วัดภูน้อยมีไฟฟ้าและน้ำใช้สะดวกดีแล้ว มีพระเณรอยู่ประจำ มีชาวบ้านศรัทธาค้ำจุนแน่นหนาแล้ว ยายชีนวลก็อำลาท่ามกลางความอาลัยของทุกคนยายชีนวลมุ่งหน้าสู่ภูฆ้องคำ บ.ดงตาหวาน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดภูน้อย เพียงเป็นเขาคนละลูก หมู่บ้านคนละหมู่ภูฆ้องคำเวลานั้นเป็นที่พักสงฆ์รกร้างเช่นเดียวกับภูน้อย มีกุฏิถูกไฟไหม้อยู่หลังเดียว ยังไม่มีศาลา ไม่มีห้องสุขา กันดาร แห้งแล้ง ไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้ ไม่มีแม้กระทั่งทางเข้าถึงโดยสะดวก อาศัยชาวบ้านช่วยกันเบิกทางให้ พอได้สัญจรไปมา ในเบื้องแรกยายชีต้องปักกลดอาศัยอยู่ไปก่อน โดยมีชาวบ้านช่วยกันส่งข้าวน้ำให้พอประทังชีวิตไม่นานภูฆ้องคำก็ฟื้นคืนสภาพ ชาวบ้านดงตาหวานและจากทุกสารทิศ ทั้งทางใกล้ทางไกลต่างร่วมแรงร่วมใจกันก่อสร้างศาลา1หลัง กุฏิ6หลัง ห้องน้ำห้องสุขา5ห้อง ทั้งยังสร้างเจดีย์เล็กๆบนยอดเขา รวมทั้งพระประธานองค์ใหญ่ไว้ด้วยยายชีนวลพำนักอยู่ภูฆ้องตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ตามลำพังคนเดียว ไม่มีพระเณรอยู่ประจำ ถ้ามีก็แค่อาศัยอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายยังเป็นยายชีอยู่อย่างถาวร ค่อนข้างแน่ใจว่าที่นี่คือสถานที่พักพิงสุดท้ายของยายชี

    ยายชีผู้ทรงค่าควรแก่การเลื่อมใส

    งูกัดก็ต้องภาวนาตาย
    ยายชีถูกงูเห่ากัด ก่อนถูกงูเห่ากัด ฝันว่าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ลอยมา พอรุ่งขึ้นก็ทำกิจวัตรตามปกติ หุงหาอาหารกินเอง ถ้าแข็งแรงดีอยู่จะไม่ยอมให้ใครทำอาหาร จะต้องทำเองกินเอง ยายชีกินเนื้อสัตว์เพียงแต่น้อย ถ้าใส่หมูก็เรียกว่าใส่วิญญาณหมู เน้นผักเป็นส่วนใหญ่
    หลังกินอาหารแล้วนั่งผักผ่อนอยู่ รู้สึกเจ็บแปลบที่เท้า เห็นงูเห่าอยู่ใกล้ๆแล้วก็ค่อยๆหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็เข้ากุฏิปิดประตูเงียบไม่ออกมาตลอดวันและคืน ไม่ยอมให้ใครพาไปหาหมอ คงตั้งใจภาวนาตายอย่างนักปฏิบัติเช้าวันรุ่งขึ้นยายชีก็ไม่ตาย หนำซ้ำแข็งแรงกระปรี้กระเปร่า เดินเหินคล่องแคล่วเป็นพิเศษภายหลังยายชีได้บอกว่า งูที่กัดนั้นไม่ใช่งู แต่เป็นพญากรรม

    เท้าไม่ติดพื้น
    แม้นว่าภูฆ้องคำจะอยู่ไกล กันดาร แต่สานุศิษย์ ผู้เลื่อมใสศรัทธา ก็หลั่งไหลมาไม่ได้ขาด ทั้งทหาร ตำรวจ ชาวบ้านหรือแม้แต่พระเณร ต่างก็มาด้วยเชื่อมั่นในวัตรปฏิบัติของยายชีว่าควรค่าแก่การมาสักการะและปรึกษาข้อธรรม พระอาจารย์หน่อย(ไม่ทราบชื่อ ฉายา)เจ้าอาวาสวัดบ้านยาง อ.ดอนมดแดง จ.อุบลฯ เล่าว่า เคยเห็นยายชีเดินจงกรมโดยที่เท้าไม่ติดพื้น เกิดความอัศจรรย์ใจอย่างบอกไม่ถูก

    ตั้งแต่ปี2552เป็นต้นมา ยายชีนวลสุขภาพไม่ดี ด้วยเหตุว่าชราภาพมากแล้วลูกหลานจึงขอให้ย้ายออกจากวัดภูฆ้องคำ อ.กุดข้าวปุ้น มาอยู่วัดบ้านนาทม อ.ตาลสุม ซึ่งเป็นบ้านเกิด
    ต่อมาลูกหลานเห็นว่าการดูแลปรนนิบัติยายชีที่พำนักอยู่วัดนั้น เป็นความยากลำบาก จึงขอให้ยายชีกลับมาพักที่บ้านลูกสาว ยายชีก็อยู่ที่นั่นตลอดมา ระหว่างต้นปี2553มาจนถึงเดือนกรกฎาคมปี2554 ยายชีป่วยหนักเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นสุดท้ายก็พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเป็นการถาวร

    ช่วงกลางเดือนมิถุนายน ยายชีกลับเข้าโรงพยาบาลอีกเป็นครั้งสุดท้ายอาการหนัก ต้องมีเครื่องมือช่วยพยุงสังขาร เคยหมดลมไปครั้งหนึ่ง หมอสามารถปั๊มพ์หัวใจเอาชีวิตยายชีกลับคืนมาได้ประมาณ 1 เดือนในโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ยายชีก็สิ้นลม เมื่อเวลาประมาณตีสาม ของคืนวันที่ 21 กค.2554

    สาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากสังขารที่ชราภาพแล้ว อวัยวะภายในเสื่อมสภาพตามอายุใช้งานตับ ไต หัวใจและปอด รวมทั้งระบบเลือดทั้งระบบเสียหาย ประมาณอายุยายชี นับถึงวันสิ้นลมราวๆ 106 ปี

    ศพถูกนำไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านนาทม อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี เป็นเวลา3วัน จึงทำการฌาปนกิจในเวลาบ่าย4โมงเย็นของวันที่ 24 กค.2554

    พิธีเผาศพยายชีนวล ทำง่ายๆแบบโบราณ คือเผากันกลางแจ้ง โดยมีผู้มาร่วมพิธีเผาศพเป็นจำนวนมาก ในการฌาปนกิจครั้งนี้ ยายชีสั่งการไว้ก่อนตายหลายประการ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามทุกอย่าง จึงเกิดปัญหามากมายกว่าจะเผาได้สำเร็จ (ยายอนุญาตแค่ 3คนเท่านั้น ที่จะเป็นผู้จุดไฟเผาศพยายชี คือ คุณนก(หลานสาว),คุณแก๋(หลานชาย)และคุณกบ(หลานชาย)หากไม่ใช่3คนนี้ เป็นคนอื่นจุดไฟ จะเผาศพยายชีไม่ไหม้)

    เห็นจะมีเพียงประการเดียวเท่านั้นที่ทางวัดดำเนินตามสั่ง นั่นคือระงับการวางดอกไม้จันทน์
    ยายชีสั่งการเรื่องนี้ไว้ว่า "ศพข้อยไม่ให้วางดอกไม้จันทน์ ให้วางไม้มุจลินท์(ไม้จิก)แทน"
    แต่เรื่องที่ยายชีสั่งไม่ให้มีการประดับแต่งเมรุนั้น ห้ามศรัทธาของเหล่าศิษย์ไม่ได้ทางวัดจึงอนุโลมให้มีการประดับดอกไม้และคลุมผ้าขาวพอสมควร

    หลังจากศพไหม้ไฟแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการเก็บอัฐิ เกิดจราจล ไม่สามารถควบคุมสถานะการณ์ได้ทั้งพระทั้งเณรและญาติโยมกรูกันเข้าแย่งกันเก็บอัฐิยายชีจนหมดลูกหลานเก็บไว้ได้เพียงส่วนหนึ่ง ส่วนที่เก็บไว้นี้ตั้งใจจะสร้างธาตุอัฐิทับบริเวณที่เผา แล้วเอาอัฐิส่วนนี้บรรจุไว้

    "บทความคุณอำพล เจน"

    มรดกขลังที่-คุณยายชีนวล แสงทอง-ทิ้งไว้ให้ลูกหลานถูกรวบรวมมาไว้ได้พอสมควรบางอย่างไม่เคยรู้เลยว่าคุณยายได้ทำเอาไว้มารู้จักหลังจากคุณยายเสียชีวิตไปแล้วอย่างเช่น
    หนังกลองก้องโลก และ ปฐวีธาตุซึ่งลูกสาวคุณยายเก็บงำรักษาไว้เป็นอย่างดี

    พูดถึงปฐวีธาตุ ดูเหมือนจะธาตุที่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงอภิญญามากหลายรูป รู้จักว่าเป็นของดี แม้จะเป็นเพียงกรวดหินไร้ค่าก็ตาม แต่เมื่อทราบว่าคุณยายได้ทำปฐวีธาตุเอาไว้ ย่อมเป็นเรื่องไม่คาดฝัน เป็นเรื่องควรลิงโลดยินดี

    คุณยายได้บอกว่า ปฐวีธาตุมีคุณอนันต์ ปกป้องคุ้มภัยได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะภัยที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

    โดยมากแล้วตราบเท่าเวลาที่ได้รู้จักคุณยาย แน่ใจว่าสรรพสิ่งมงคลที่คุณยายทำขึ้นสงเคราะห์ลูกหลานและผู้นับถือ โดยมากเป็นไปทางเมตตามหาเสน่ห์มหานิยม ท่านว่าคนเราเมื่อไปไหนมาไหนในสังคมดีร้ายอย่างไร หากเขาเมตตารักไคร่เอ็นดูเราแล้ว
    ย่อมมีแต่เรื่องดีๆสำหรับเรา เมื่อไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น ความปลอดภัยก็มีแก่ตัวเราด้วย

    ของมงคลมรดกขลังเท่าที่รวบรวมได้และมีอยู่ในมือแล้วมีดังนี้

    ๑/ ผงธูปผสมผงเกษรดอกไม้คุณยายเสกไว้ให้นานมากแล้ว มีคุณครอบทุกอย่าง
    ๒/ สะเก็ดพระจันทร์ มีคุณทางเมตตา
    ๓/ สะเก็ดพระอาทิตย์ มีคุณทางป้องกันภัย
    ๔/ แผ่นหนังกลองก้องโลก มีคุณทางมหานิยม
    ๕/ ยอดว่านปั่นจิต มีคุณทางมหาเสน่ห์
    ๖/ ตะกรุด มีคุณครอบทุกทาง
    ๗/ ปฐวีธาตุมีคุณอนันต์ ครอบคลุมทุกทาง
    ๘/ เกษาของคุณยายชีนวล
    ๙ / เถ้าธุลีอังคารของคุณยายนชีนวล
    ๑๐/ รังไหมนิยม มีคุณทางป้องกันภัย
    ๑๑/ สีผึ้ง มีคุณทางมหานิยม
    ๑๒/ ไม้ถนนกาฝาก มีคุณทางเรียกคน เรียกทรัพย์

    ส่วนที่เป็นโลหะจะหลอมหล่อรวมกันกับเนื้อโลหะ
    ส่วนเป็นผงจะปั๊มพ์เป็นผงฝังไว้ด้านหลัง

    เหรียญหล่อของคุณยายชีนวล แสงทอง ได้เข้ารับการอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอดคืนพร้อมกับรูปเหมือนหลวงปู่หา สุภโร รุ่นฉลองอายุ ๙๑ พรรษา


    ธนาคารไทยพาณิชย์
    เลขบัญชี 114-220116-0 WANNARAT
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2019
  7. อาณัติ

    อาณัติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2006
    โพสต์:
    6,074
    ค่าพลัง:
    +22,254
    รายการที่ 207 ลูกอมปิดทองเลี่ยมพร้อมรูปถ่าย หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี
    บูชา 250 บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

    ขอจองครับ.....
     
  8. Roj_56

    Roj_56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    607
    ค่าพลัง:
    +1,489
    แจ้งโอนเงิน

    โอนเงินแล้วครับ ที่จัดส่งแจ้งทาง pm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. เอ๋เชียงใหม่

    เอ๋เชียงใหม่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    839
    ค่าพลัง:
    +1,791
    วันนี้ 9.42 น. ได้โอนเงินบูชา ลป.พิศดู รายการที่ 202 ให้แล้วนะครับ ที่อยู่ PM ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2016
  10. sritrang

    sritrang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    6,164
    ค่าพลัง:
    +1,621
    จองครับ
     
  11. วิถีเพชรVTP

    วิถีเพชรVTP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2013
    โพสต์:
    183
    ค่าพลัง:
    +621
    ขอจองบูชารายการนี้ครับ
     
  12. chukit1967

    chukit1967 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2015
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +218
    องค์กี่บาทครับ
     
  13. sritrang

    sritrang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    6,164
    ค่าพลัง:
    +1,621
    โอนแล้วครับรายละเอียดแจ้งในinboxแล้ว กรุณาแจ้งหมายเลขemsให้ด้วยนะครับ
     
  14. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    0c3dee65c046fb0467f2be44018a7cf0.jpg

    --------------------------ขอยกเลิกโพสเก่าทั้งหมดครับเพื่อป้องกันการสับสน--------------------------

    --------เริ่มประเดิมเว็ปบอร์ดใหม่ตั้งแต่โพสนี้เป็นต้นไปครับ--------

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2017
  15. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 209 รูปหล่อหลวงปู่พิศดู หน้าตัก 1 นิ้ว (วัตถุมงคลชุดโลกุตรธรรม) เนื้อทองชนวน
    บูชา บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

    IMG_0372.JPG
    IMG_0372.JPG IMG_0373.JPG IMG_0375.JPG IMG_0376.JPG IMG_0460.JPG 10917094_427398634078949_5241160537363980774_n.jpg


    รูปหล่อหลวงปู่ชุดนี้มวลสารใต้ฐานผสมผงอังคารธาตุหลวงปู่ ปิดด้วยจีวรท่าน และแผ่นตะกรุดที่ฝังก็ยังเป็นแผ่นที่เข้าพิธีพร้อมกับรูปหล่อพระธรรมธาตุซึ่งเป็นพิธีที่สุดยอดแล้วที่หลวงปู่เมตตา จึงไม่แปลกที่รูปหล่อรุ่นนี้แม้จะไม่ทันหลวงปู่แต่ประสบการณ์คนที่บูชาไปแล้วหมั่นสวดมนต์ภาวนามักมีพระธาตุเสด็จมาที่รูปหล่อหลวงปู่ มีอยู่มากมาย

    องค์นี้มีพระธาตุเสด็จที่บริเวณฐาน

    รูปหล่อหลวงปู่พิศดู หน้าตัก 1 นิ้ว ได้นำเข้าพิธีดังนี้
    1.พิธีเททองหล่อ พร้อมกับรูปเหมือนองค์หลวงปู่พิศดู ขนาดเท่าองค์จริง เพื่อประดิษฐานไว้ในพระมหาเจดีย์ ธัมมะจารีสุขังเสติ

    2.พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ และพิธีตักบาตรพระมหาอุปคุต ในวันเพ็ญพุธ ณ พระมหาเจดีย์ ที่วัดเทพธารทอง โดยพระเกจิครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณ อาทิ..
    - หลวงพ่อมหาพร้อม วัดพลับบางกะจะ
    - หลวงพ่ออ่อง ถ้ำเขาวงกต
    - หลวงพ่อบุญส่ง วัดเขาน้ำตก
    - หลวงพ่อมนัส สำนักกรรมฐานฟื้นฟูจิต เขาแหลม
    - ฯลฯ
    และพระสวดพิธีธรรมอีก 9 รูป และช่วงบ่ายในวันเดียวกัน พระสงฆ์ได้ลงสวดพระปาฏิโมกข์ถวาย โดยในพระมหาเจดีย์ ได้นำรูปหล่อองค์หลวงปู่มาประดิษฐานเอาไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว (โดยในงานพิธีพุทธาภิเษก ได้มีการบวงสรวงอัญเชิญบารมีธรรมขององค์พระมหาอุปคุต ท่านพ่อลี และองค์หลวงปู่พิศดูมาประสิทธิด้วย)

    3.พิธีวางศิลาฤกษ์ ธัมมะจารีมณฑป ณ วัดเทพธารทอง โดยพ่อแม่ครูบาอาจารย์สายกรรมฐาน ฯ หลายรูป

    4.พิธีบวงสรวง อัญเชิญบารมีองค์พระมหาอุปคุต และบารมีธรรมขององค์หลวงปู่พิศดู และสวดเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวันเพ็ญพุธ ณ ลานพิธีริมหน้าผาอ่าวคุ้งกระเบน โดยท่านพระอาจารย์หนึ่ง พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์

    5.พิธีพุทธาภิเษกสมโภชน์ใหญ่ เนื่องในวันเททองหล่อพระพุทธรูปทรงเครื่องมหาจักรพรรดิ์ 4 ปาง ณ สำนักสงฆ์เขาน้ำซับ โดยพระเกจิครูบาอาจารย์กว่า 10 รูป อาทิ..
    - หลวงพ่อสิริ วัดตาล จ.นนทบุรี
    - หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
    - หลวงปู่ฉอ้อน วัดแหลมหิน จ.ปราจีนบุรี
    - หลวงปู่อั้น วัดโรงโค จ.อุทัยธานี
    - หลวงพ่ออ่อง ถ้ำเขาวงกต จ.จันทบุรี
    - หลวงปู่เจียง วัดเนินหย่อง จ.ระยอง
    - หลวงปู่บุญอุ้ม วัดป่าโนนแพง จ.นครพนม
    - หลวงปู่สวาท ว่าป่าโป่งจันทร์ จ.จันทบุรี
    - หลวงพ่อแจ่ม วัดเขาสำเภาทอง จ.ระยอง
    - ... ฯลฯ
    และพระสวดพิธีธรรมอีกรวมเกือบ 100 รูป

    ซึ่งพิธีเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นพิธีที่ตั้งใจจัดขึ้นเพื่อบูชาคุณแด่องค์ครูบาอาจารย์ อันมีองค์หลวงปู่พิศดู ธัมมะจารีเป็นที่สุด ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ดวงจิตอันบริสุทธิ์ขององค์หลวงปู่ท่านจะต้องรับทราบและมาร่วมพิธีด้วยอย่างแน่นอน

    ส่วนมวลสารที่ใช้บรรจุในองค์รูปหล่อหลวงปู่นั้น เป็นมวลสารที่เคยใช้บรรจุในรูปหล่อพระมหาอุปคุตปางปราบมาร..ซึ่งรวมสุดยอดมวลสาร มวลสารเหล่านี้ ได้ใช้บรรจุไว้ใต้ฐานรูปหล่อหลวงปู่พิศดูขนาด 1 นิ้ว ส่วนตัวประสานเนื้อผงให้เข้ากันนั้น ได้ใช้น้ำมันอนันตคุณ108 น้ำผึ้งเสก น้ำอ้อยผงเสกของหลวงปู่พิศดู ข้าวก้นบาตรครูบาอาจารย์(ชนิดเปียก) สีผึ้ง น้ำหมาก น้ำมนต์ ของเหล่าครูบาอาจารย์ กล้วยน้ำไทย และกาว ฯลฯ เป็นตัวประสานหลัก..

    ส่วนของมงคลที่ใช้บรรจุนอกเหนือจากผงมวลสารนี้ ได้แก่..
    - อังคารธาตุ หลวงปู่พิศดู
    - จีวรหลวงปู่พิศดู
    - แผ่นตะกรุดที่เข้าพิธีพร้อมกับรูปหล่อพระธรรมธาตุ


    ธนาคารไทยพาณิชย์
    เลขบัญชี 114-220116-0 WANNARAT
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2019
  16. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 210 เหรียญสมเด็จองค์ปฐม หลังพระพุทธบาทสี่รอย วัดพระพุทธบาทสี่รอย
    บูชา ปิดรายการ บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท --- จองแล้ว

    รูปภาพ 1.jpg รูปภาพ 2.jpg


    เหรียญสมเด็จองค์ปฐม ด้านหลัง พระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ พิมพ์ใหญ่ สวยมาก เหรียญสร้างมาหลายปีมาก พิธีรวมพระมหาเถระ และรับมหาบารมีแห่งรอยพระพุทธบาททั้งสี่พระองค์

    เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในศาสนาปัจจุบันนี้ได้เสด็จจาริกประกาศธรรม และโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตประเทศ ( ประเทศไทยปัจจุบัน ) จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศชื่อ เขาเวภารบรรพตซึ่งขณะนั้นได้เสด็จพร้อมกับพุทธสาวก 500 องค์และได้ แวะฉันจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้

    เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จขณะประทับอยู่ที่นั้นก็ได้ทราบด้วยญาณ สมาบัติว่าบนเทือกเขาแห่งนี้ได้มีรอย พระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ามาประทับอยู่บนก้อนหินใหญ่ คือ พระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ภัทรกัลป์นี้แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระ พุทธบาทแห่งพระ พุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ คือ

    พระพุทธเจ้า กกุสันธะ
    พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ
    พระพุทธเจ้ากัสสปะ

    อันมีในที่นี้พุทธสาวกทั้งหลายมีพระสารีบุตรเป็นประธาน เมื่อเห็นเช่นนี้จึงทูลถามว่าพระพุทธองค์ทรงเล็งดูด้วยเหตุใด

    พระพุทธองค์ตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลายสถานที่แห่งนี้ แม้นว่าพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์
    ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ทุกๆพระองค์ และแม้นว่าพระศรีอาริยเมตไตร ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ และ จักรประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว ( คือ ประทับลบทั้งสี่รอยให้เหลือรอยเดียว )

    เมื่อพระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้วพระองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาท ของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์จึงกําเนิดเป็นพระ พุทธบาทสี่รอย

    เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราประทับรอยพระบาทซ้อนรอยพระบาท ของพระพุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์นั้นแล้วก็ทรงอธิฐานว่า ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนําเอาพระธาตุของตถาคตมาบรรจุไว้ที่รอยพระบาทนี้

    พระพุทธบาทสี่รอยเป็นสถานที่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก ครูบาอาจารย์ทุกองค์ต่างกล่าวถึง รอยปัจจุบันที่เห็น บูรณะสร้างครอบรอยจริงไว้โดย ครูบาเจ้าศรีวิชัย พระมหาเถระทางเหนือแทบทุกองค์จะต้องเคยมากราบสักการะรอยพระพุทธบาทนี้ เช่น

    ครูบาเจ้าศรีวิชัย, ครูบาอิน อินฺโท วัดฟ้าหลั่ง, ครูบาอินแก้ว ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี, ครูบาบุญปั๋น ธมฺมปญฺโญ วัดร้องขุ้ม, ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม, หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต, หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ,หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม, หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี, หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ , หลวงปู่ชอบ ฐานสโม, หลวงปู่สิม พุทธจาโร, หลวงปู่จาม, พระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป และอีกหลายองค์ ในสายพระอาจารย์มั่น

    นอกจากนี้ยังมี หลวงปู่สี ฉนทสิริ วัดเขาถ้ำบุญนาค นครสวรรค์ (ได้ยาอายุวัฒนะจากบริเวณป่าใกล้วัดพระพุทธบาทสี่รอย), หลวงปู่โต๊ะ อินทสุวณฺโณ วัดประดู่ฉิมพลี ,

    หลวงพ่ออุตตมะ อุตฺตมรมฺโภ วัดวังก์วิเวการาม (ไปธุดงค์ไปองค์เดียวเพื่อไปกราบนมัสการ เมื่อ ๕๐ กว่าปีมาแล้ว ราว พ.ศ. ๒๔๙๐)

    บูรพมหากษัตริย์ในอดีตของล้านนา และเชื้อพระวงศ์ และบูรพมหากษัตริย์ของไทย ต่างเคยเสด็จไปกราบไหว้ และสักการบูชาพระพุทธบาทสี่รอย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มกราคม 2017
  17. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 211 ตะกรุดจารมือดอกเล็ก ยุคเก่า พร้อมรูปหลังยันต์ หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน
    บูชา บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท


    ตะกรุดที่หลวงพ่อเมตตาจารเอง ยุคเก่า รอยจารหนักมองเห็นได้ชัดเจน พร้อมรูปหลังยันต์

    "หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน" พระที่มีวัตรปฏิบัติอันงดงาม สมถะ เรียบง่าย ไม่จับต้องเงินทอง หรืออามิสใดๆ ที่สำคัญท่านเมตตาไม่มีประมาณ โดยไม่เลือกชนชั้นใดๆ

    หลวงพ่อท่านมีสติอยู่ทุกอิริยาบท ทุกการกระทำของท่านล้วนเป็นคำสอนให้ลูกศิษย์ได้สังเกตและทำไปใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต องค์ท่านมีความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อันเป็นสถาบันหลักของชาติ ท่านสอนให้เรากตัญญูรู้คุณสถาบันทั้งสาม สอนให้เคารพ กตัญญูต่อบิดามารดาครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตลอดจนใส่ใจในรายละเอียดในการปฏิบัติศาสนกิจ พึงระมัดระวัง เพื่อมิให้เผลอล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 เมษายน 2019
  18. ~หัตถ์oBuddha~

    ~หัตถ์oBuddha~ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +398
    แจ้งโอนครับ 380- งงกับเว็ปใหม่เหมือนกันครับ
    ที่อยู่ PM ครับ
     
  19. studio214

    studio214 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    654
    ค่าพลัง:
    +705
    รายการที่ 212 พระปิดตาปลดหนี้ ทาทอง พ.ศ.๒๕๕๔ ครูบาอ่อน รัตนวัณโณ วัดสันต้นหวีด
    บูชาชุดคู่สององค์ บาท ค่าจัดส่ง 60 บาท

    IMG_0368.JPG IMG_0369.JPG IMG_0371.JPG 6D12A59613 copy.jpg 1000796_518482694881210_709919435_n.jpg 8d25eda9-9e28-4d77-b60d-d6da15347171.jpg 4gf44.jpg __2_177.jpg

    ประวัติการสร้างพระรุ่นปลดหนี้ หลวงปู่ครูบาอ่อน วัดสันต้นหวีด จ.พะเยา ลูกศิษย์หลวงปู่เล่าว่า ศิษย์พระอาจารย์เอกวัดเขาแร่ สุโขทัย คนหนึ่งเป็นผู้ชายทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง ภาวะทางการเงินขัดสนมีปัญหา พระอาจารย์เอกจึงแนะนำให้สร้างบล็อกพระปิดรุ่นปลดหนี้ ถวายหลวงปู่ครูบาอ่อน รตนวัณโณ จากนั้นได้ข่าวว่าหนี้ก้อนหนึ่งได้ปลดไป..(ข้อมูลจากการบอกเล่าโดยศิษย์หลวงปู่)

    ในช่วงนั้นเวลาใครไปกราบท่าน หรือท่านไปกิจนิมนต์ ท่านก็มอบพระให้ไปใช้พร้อมกล่าวว่า
    "ถ้าสูอยากหมดหนี้ เอาพระของข้าไปใจ้
    "

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ) วัดท่าขนุน เล่าว่า "หลวงปู่ครูบาอ่อน หลวงปู่ครูบาผัด เผาเสร็จอัฐิกลายเป็นพระธาตุทันทีเลย ปกติต้องทิ้งไว้ระยะหนึ่งค่อยเป็น ก็ยังโชคดีที่ท่านเมตตาไปที่วัดท่าขนุน โดยเฉพาะงานสืบชะตาปี ๒๕๕๓”
    ส่วนหนึ่งจากเก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๘

    พระครูสันติธรรมาภิรม (ครูบาอ่อน รตฺตนวณฺโณ) วัดสันต้นหวีด ต.แม่ปืม อ.แม่ใจ จ.พะเยา
    หลวงปู่อ่อน รตนวัณโณ หรือ “พระครูสันติธรรมมาภิรม”...เป็นชาวบ้านสันต้นหวีดโดยกำเนิด เมื่อปี 2465 อายุ 12 ปีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดใหม่หลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกจากบ้านเท่าใดนักเพื่อเรียนนักธรรม เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบท ณ วัดศรีบุญเรือง อยู่ได้ไม่กี่พรรษา โยมมารดาป่วยจึงลาสิกขามาดูแล ตอนนั้นอายุ 25 ปี เป็นการตอบแทนพระคุณ แสดงถึงความกตัญญูบุพการี ช่วงที่กลับมาเป็นฆราวาสได้บรรลุถึงสัจธรรม.....สังขารนั้นไม่เที่ยง สังขารเป็นทุกข์เป็นอนัตตาไม่ใช่ความสำเร็จ จึงตัดสินใจลาครอบครัว กลับเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ในปี 2505 ณ วัดศรีอุโมงค์คำ ครั้งนี้ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ ได้เป็นศิษย์ของครูบาแก้ว คันธวังโส (อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ) อันเป็นศิษย์สายตรงของ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย ครูบาอ่อนได้ธุดงค์และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเข้ารุกขมูลมาเป็นระยะๆ และเผยแผ่ศาสนา อบรมจริยธรรมแก่พุทธศาสนิกชนด้วยหลักธรรมพื้นๆ เดินแบบสายกลาง คือไม่เคร่งดึงเกินจนทำอะไรไม่ได้ และไม่หย่อนกระทั่งขาดวินัย...เพื่อให้ศิษยานุศิษย์สามารถเข้าถึงได้ในการถือปฏิบัติ

    หลวงปู่อ่อน เป็นอริยสงฆ์ที่สมถะรูปหนึ่ง นอกจากจะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสและยังได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลด้วย ต่อมาปี 2543 จึงลาออก เปิดโอกาสให้สงฆ์รูปอื่นที่เหมาะสมได้เข้าบริหาร และการสงเคราะห์สังคมมิใช่เพียงการปฏิบัติธรรมเท่านั้น ด้วยเมตตาพลังภายใต้จิตสำนึก ยังบริการสังคมด้วยกิจอื่นๆ ไม่เหน็ดเหนื่อยกับการรับกิจนิมนต์ไกลใกล้ มิได้ขัดศรัทธา อีกทั้งได้นำความรู้สมุนไพรมาบำบัดการเจ็บป่วยไข้ ให้หายหรือบรรเทา...จึงเปี่ยมด้วยศรัทธาบารมี


    ด้านวัตถุมงคลวิชาคาถาอาคม หลวงปู่ท่านก็มีความรู้อยู่มาก ศึกษาสรรพวิชาตามแบบอย่างครูบาอาจารย์ที่ได้ถ่ายทอดต่อกันมา พลังจิตองค์ท่านเข้มขลังจนได้รับความเลื่อมใสไม่แพ้เกจิอาจารย์อื่นใดในล้านนา หลวงปู่อ่อนได้เมตตาสร้างเครื่องรางและวัตถุมงคลจ่ายแจกศิษยานุศิษย์อยู่หลากหลาย ล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ ทั้งคุ้มครองรักษา และเมตตามหานิยม

    ครูบาอ่อน รตฺตนวณฺโณ ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ โรงพยาบาลพะเยา เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๕๙ น.ด้วยโรคชรา สิริรวมอายุได้ ๙๐ ปี พรรษา ๔๐ ก่อนหลวงปู่ละสังขาร ท่านได้ถามลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดว่า “เธอรู้จักคำว่านิพพานไหม” แล้วบรรดาลูกศิษย์ก็กล่าวรับว่า “สาธุ” แล้วท่านก็บอกว่า “นิพพานเป็นที่สุด” หลังจากนั้นท่านก็แน่นิ่งบริกรรมกรรมฐานไม่ได้พูดกับใครอีกเลย (หนังสือรตฺตนวณฺโณ มหาเถรานุสรณ์)

    วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2556 ได้จัดพระราชทานเพลิงศพ หลังเก็บอัฐิเป็นปาฏิหาริย์ เมื่อกระดูกและขี้เถ้าแปรสภาพเป็นพระธาตุอันสดใส...จึงมีการ จัดสมโภชเพื่อความเป็นมงคล พระธาตุหลวงปู่นั้นมีจำนวนมากมายหลากหลายวรรณะ หลายทรง หลายสี ราวกับอัญมณี เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ชัดเจนถึงภูมิจิตภูมิธรรมของท่าน ว่าหลวงปู่ท่านนั้นเสร็จกิจ เข้าสู่แดนอนุปาทิเสสนิพพาน เป็นที่แน่นอนแล้ว


    ธนาคารไทยพาณิชย์
    เลขบัญชี 114-220116-0 WANNARAT


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2019
  20. วิคิด

    วิคิด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2012
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +1,140
    จองรายการ212คับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...