วัวธนูรุ่นแรก หลวงปู่เท อายุ 102 ปี วัดยี่งอ จ.นราธิวาส ประสบการณ์แรง น.94

ขอจองมีดหมอไม้งิ้วดํารุ่นสอง 1 เล่มครับ

 

ยืนยันการจองคะ โอนเงินแล้ว pm มานะคะ

 

ขุนแผนตอนนี้เหลือตะกรุดหนึ่งดอก 199 บาท ธรรมดา 99 บาท คะ

 

รับทราบคะ

 

มีดหมดไม่มีของคะ มีขนาดปากกา 4.7 บูชา 1700 บาท

 

ตะกรุดบารมี ๓๐ ทัศ หลวงปู่สุวรรณ์ วัดฝาง ดอกละ 500 บาท หมดยังครับ

 

แจ้งทาง pm นะคะ

 

จองมีดหมอขนาดปากกา 4.7

 

ยืนยันการจองคะ โอนเงินแล้วแจ้งทาง pm นะคะ ขอบคุณคะ

 

<a href="http://www.mx7.com/view2/z9uDWE1E85ZBPgjW" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/1fa/Bx1ngv.jpg" /></a>

มีดปากการุ่นสองขนาด 4.7 นิ้ว

 

วันนี้จะมาเล่าเรื่องขุนแผนร่ายมนต์ไม่แหย่แย้นะคะ

ขุนแผนร่ายมนต์ หรือ ที่ชาวบ้านชอบเรียกว่า ขุนแผนแหย่แย้ ก็เพราะสร้างจากไม้แหย่แย้ หากถามว่าไม้แหย่แย้คืออะไร? แล้วมีดีอย่างไร? เรื่องนี้คงต้องเล่ากันยาวโดยเริ่มต้นที่แย้ก่อนว่า...แย้เป็นสัตว์เลื้อยคลานจำพวกกิ้งก่าประเภทหนึ่ง กินยอดอ่อนของพืช แมลงต่าง ๆ และน้ำค้าง เป็นอาหาร มีลักษณะเด่นคือ มีสีสวยสดไม่สามารถปรับเปลี่ยนสีได้ตามสภาพแวดล้อมเหมือนสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น ๆและลำตัวไม่มีปุ่มหนาม แย้จะผสมพันธุ์ในช่วงปลายฤดูหนาวถึงฤดูร้อน หรือเรียกว่าแย้กัดกัน โดยจะวิ่งไล่งับกันไปมา หลังผสมพันธุ์ก็จะแยกย้ายกันไปและออกไข่ครั้งละประมาณ 5-9 ฟอง


แย้ทุกชนิดเป็นสัตว์ที่หากินและอาศัยอยู่ในพื้นดิน ไม่ขึ้นต้นไม้อย่างสัตว์เลื้อยคลานชนิดอื่น โดยเฉพาะพื้นดินที่เป็นที่แห้งแล้งลักษณะดินปนทราย ที่อยู่ของแย้เป็นรู ลึกประมาณ ๑ ฟุต เป็นโพรงข้างใน สามารถกลับตัวได้ ที่ปากรูจะมีรอยของหางแย้ เป็นรอยยาว ๆ และจะมีรูพิเศษอีกรูหนึ่ง ที่ใช้ป้องกันตัว เมื่อถูกศัตรูรุกราน เข้ามาทางรูด้านหนึ่ง แย้สามารถหลบรอดออกไปอีกรูหนึ่งได้อย่างแยบยล โดยรูนี้เรียกในภาษาไทยว่า "แปว"หรือ “รูสลัก” ดังนั้นการจับแย้มาทำเป็นอาหารของมนุษย์เราจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเวลาขุดหาแย้ แย้ก็จะออกจากรังไปอีกทางหนึ่ง ประกอบกับแย้เป็นสัตว์เลื้อยคลานที่ปราดเปรียววิ่งเร็วทำให้จับมันไม่ทัน แต่สุดท้ายมนุษย์เราก็หาวิธีจับแย้จนได้ โดยใช้ไม้ชนิดหนึ่งที่จำพวกหนึ่งที่มีลักษณะตรง เรียว เล็กคล้ายก้านธูป ไม่แข็ง งอได้โดยไม่หัก ผิวเป็นเกล็ดเล็กๆ คล้ายหางแย้ แหย่ลงไปในรังแย้ แล้วแย้จะใช้ปากงับไม้นี้ติดขึ้นมาโดยไม่ยอมปล่อย เพราะไม้จำพวกนี้มีฤทธิ์ทำให้แย้หลงคิดว่าเป็นหางของแย้เพศตรงข้าม เลยใช้ปากงับไว้ เพื่อจะทำการผสมพันธุ์ และด้วยฤทธิ์แบบนี้เองจึงทำให้คนเรียกว่าไม้แหย่แย้ เพราะคนที่ไม่รู้วิชาจะหาประโยชน์จากไม้นี้ โดยการนำไปจับแย้ขาย จับแย้กิน โดยหารู้ไม่ว่า..ไม้แบบนี้พกเป็นเครื่องรางของขลังที่มีคุณวิเศษด้านมหาเสน่ห์ดึงดูดสะกดใจคนให้รักใคร่ได้ผลสำเร็จสมหวังเชื่อถือมีเมตตามหานิยม เรียกโชคลาภได้ผล ไม้แบบนี้บางชนิดถ้าเอาวางไว้ใกล้ๆขี้ผึ้ง ขี้ผึ้งจะอ่อนปวกเปียกไปหมด

<a href="http://www.mx7.com/view2/z9uDSKg90Ip1k6O1" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/af0/bCl8Lg.jpg" /></a>

 

ไม้แหย่แย้นั้นมีมากถึง ๑๐ ชนิด ในแต่ละท้องถิ่น หรือแต่ละภาค อาจจะมีหน้าตารูปร่างไม่เหมือนกัน แต่ได้ผลเหมือนกัน บางท้องถิ่นบนเทือกเขาภูพาน เชื่อว่าไม้แยงแย้ หรือ ไม้แหย่แย้ เป็นว่านหรือไม้ทางด้านโชคลาภและมหาละลวย ว่ากันว่าว่านหรือไม้ชนิดนี้นำไปปรุงเป็นน้ำมันตาทิพย์ได้ เมื่อทาหนังตาแล้วสามารถมองเห็นทะลุวัตถุได้ยังกับตาวิเศษ เมื่อนำไม้แยงแย้นี้ไปแหย่รูแย้รูงู พวกแย้พวกงูจะคลานออกมาและอ่อนละทวยให้เราจับแต่โดยดี ไม้แหย่แย้จะมีลักษณะเรียวตรงยาวไม่ถึงฟุต ผิวเป็นลายคล้ายลักษณะของหางแย้(เกล็ดเล็ก ๆ ละเอียด) สีเทาปนน้ำตาลอ่อน ชอบขึ้นอยู่ในป่าดงดิบที่ไกลจากผู้คน

 

ไม้แหย่แย้นี่แหละครับที่หลวงปู่พัฒน์ท่านเคยเอากิ่งของมันมาตัดเป็นตะกรุดท่อนเล็กๆออกให้ญาติโยมรอบๆวัดได้บูชาแล้วปรากฏว่ามีประสบการณ์ทางด้านมหาเสน่ห์เมตตาสูงมาก จนทำให้เกิดการร่ำลือไปทั่ว จนชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาจากทั่วสารทิศที่ทราบต่างพากันมาบูชาแต่ก็ต้องผิดหวังไปตามๆกัน เพราะไม้แหย่แย้นี้เป็นของหายาก ได้มาทีละน้อย ตัดเป็นท่อนๆได้ไม่กี่ท่อน มาในปีนี้หลวงปู่พัฒน์ท่านจึงไม่ตัดเป็นท่อนๆให้บูชาแล้ว แต่ท่านให้ลูกศิษย์นำมาบดเป็นผงผสมกันหลายชนิด และนำไปผสมกับผงว่านมหาเสน่ห์ทั้ง ๑๐๘ อันมีดอกทอง สาวหลง รักซ้อน ไก่แดง เสน่ห์จันทร์แบบต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น สร้างขึ้นเป็นพระขุนแผนร่ายมนต์ ด้านหลังประทับยันต์เงาะถอดรูป ปลุกเสกด้วยวิชามหาจินดามณีแก้วสารพัดนึก ที่ท่านเรียนมาจากหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดแห่งวิชาจินดามณี เพราะหลวงพ่อเงินเป็นพระเกจิเพียงรูปเดียวที่มีโอกาสถวายการรดน้ำมนต์ให้พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่๕ และน้ำมนต์ที่หลวงพ่อเงินรดถวายนี้ ท่านก็เสกด้วยวิชาจินดามณีแก้วสารพัดนึกนั่นเอง

<a href="http://www.mx7.com/view2/z9wIFLq2haVRg7GX" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/ba0/FHaJug.jpg" /></a>

<a href="http://www.mx7.com/view2/z9wIFLq2hbQ7f41t" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/ca9/ZjCO6v.jpg" /></a>

 

แจ้งเลข ems คุณ DRAKOY eq330903634th

 

ต่อมาหลวงพ่อเดิมได้ไปเรียนวิชามหาจินดามณีแก้วสารพัดนึกนี้มาจากหลวงพ่อเงิน และก็ได้ใช้วิชานี้เสกเป่าอยู่ทุกวันจนทำให้มีผู้คนหลั่งไหลไปรุมกราบท่านและนำปัจจัยไปถวายอยู่ตลอดเวลาจนหลวงพ่อเดิมสามารถนำปัจจัยไปสร้างซ่อมเสนาสนะวัดต่างๆได้เป็นสิบวัด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงฤทธิ์อำนาจของวิชามหาจินดามณีนี้ และเพียงไม่กี่ปี ก่อนที่หลวงพ่อเดิมจะละสังขารจากโลกนี้ไป ท่านได้ถ่ายทอดวิชานี้ให้กับหลวงปู่พัฒน์ วัดธารทหารผู้เป็นศิษย์เอาไว้ กระทั่งหลวงปู่พัฒน์ได้นำวิชามหาจินดามณีแก้วสารพัดนึกนี้มาเสกตะกรุดไม้แหย่แย้เมื่อปลายปีที่แล้วจนเกิดประสบการณ์มากมายแต่ตะกรุดกิ่งไม้แหย่แย้มีนิดเดียว ในปีนี้หลวงปู่จึงนำไม้แหย่แย้ชุดใหม่และวิชาดังกล่าวมาสร้างเป็นขุนแผนร่ายมนต์ขึ้นให้พวกเราได้บูชา เป็นของดีอีกอย่างหนึ่งของหลวงปู่ที่จะออกให้บูชา

<a href="http://www.mx7.com/view2/z9wIFLq2hbLqzOPY" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/b15/4RxgJq.JPG" /></a>

ต้นไม้แหย่แย้

 

หลวงปู่ฯประกาศห้ามขูดผงขุนแผนร่ายมนต์ให้ผู้หญิงกิน
ปลายปี พ.ศ.๒๕๕๗ หลวงปู่พัฒน์ท่านเคยตัดไม้แหย่แย้เป็นท่อนๆแล้วปลุกเสก ก่อนนำออกให้บูชาเป็นตะกรุดไม้แหย่แย้ แต่เนื่องจากไม้แหย่แย้หายากจึงสร้างได้เพียงไม่กี่ดอก ตอนนั้นมีผู้มาบูชาเพื่อนำไปใช้ทางเมตตามหาเสน่ห์กัน ปรากฏว่าได้ผลดีเป็นที่เรื่องลือไปในวงกว้าง


<a href="http://www.mx7.com/view2/z9BwJZd0IIEWPS1m" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/c87/fAtnfV.jpg" /></a>

 

(เรื่องอานุภาพของตะกรุดไม้แหย่แย้นี้ผู้เขียนเองก็เคยได้ยินคำยืนยันจากปากคำของเจ้าของร้านค้าหน้าวัดธารทหารซึ่งแขวนตะกรุดนี้อยู่ว่ายอดเยี่ยมในทางเมตตาค้าขายและมหาเสน่ห์แบบเต็มๆ) มาคราวนี้หลวงปู่ท่านจึงนำไม้แหย่แย้มาบดเป็นผงและผสมกับผงสำคัญต่างๆ และใส่ว่านทางมหาเสน่ห์ ๑๐๘ ชนิดเข้าไป (มีดอกทอง สาวหลง รักซ้อน ไก่แดง เสน่ห์จันทร์แบบต่างๆ ฯลฯ เป็นต้น) สร้างเป็นพระขุนแผนร่ายมนต์ขึ้น โดยบรรจุยันต์ที่ด้านหลังพิมพ์พระเป็นยันต์เงาะถอดรูป แล้วนำมาปลุกเสกด้วยคาถาขุนแผนแบบต่างๆและวิชามหาจินดามณีแก้วสารพัดนึกที่หลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง ผู้เขียนจึงเชื่อและมั่นใจว่าพระขุนแผนรุ่นแรกของหลวงปู่พัฒน์นี้จะมีอานุภาพสูงยิ่งเพราะ

 

1. เพราะมวลสารหลักคือไม้แหย่แย้นั้นเป็นของทนสิทธิ์มีฤทธิ์ในตัว ขนาดเอาไปแหย่แย้ แย้ยังหลงนึกว่าเป็นเพศตรงข้ามจะมาผสมพันธุ์จึงเกาะติดไม่ยอมปล่อย ทำให้ผู้ที่จะจับแย้ สามารถดึงแย้ที่เกาะไม้นี้ออกมาจากรังแย้ในรูดินได้
2. ผงสำคัญที่นำมาผสมนั้นมีหลายอย่าง มีทั้งผงที่เกิดจากการชักยันต์ลบผง และผงที่มีอานุภาพจากธรรมชาติ
3. ว่านทางมหาเสน่ห์ ๑๐๘ ชนิด ที่ผสมเข้าไปนั้นมีอานุภาพสูงมากโดยเฉพาะว่านดอกทองซึ่งแม้แต่หลวงพ่อทาบ วัดใหม่กระบกขึ้นผึ้งยังเอามาทำเป็นสีผึ้งเขียวจนโด่งดัง
4. ด้านหลังของพระขุนแผนร่ายมนต์นี้ หลวงปู่ท่านนำยันต์เงาะถอดรูปซึ่งมีอานุภาพสูงทางมหาเสน่ห์เมตตามหานิยมมาลงไว้ ถ้าหากจะถามว่ายันต์นี้มีอานุภาพสูงแค่ไหน ก็ลองนึกถึงเรื่องสังข์ทองตอนนางรจนาเลือกคู่ดู นางรจนานั้นเป็นถึงลูกสาวของเจ้าเมืองยังเลือกเงาะป่ารูปชั่วตัวดำมาเป็นคู่ครองก็แล้วกัน แถมพอเงาะถอดรูปตีคลีชนะพระอินทร์ก็ได้ทรัพย์สมบัติและเป็นเจ้าเมืองอีกต่างหาก
5. หลวงปู่พัฒน์ได้นำวิชาขุนแผนทุกแบบ และมหาจินดามณีแก้วสารพัดนึกของหลวงพ่อเงิน วัดพระปรางค์เหลือง ที่วงการพุทธาคมยอมรับว่าเป็นสุดยอดวิชาจินดามณีของเมืองไทย (เพราะเป็นหนึ่งเดียวที่ได้ทำน้ำมนต์รดถวายพระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่๕) มาปลุกเสก

 

แต่ปรากฏว่าภรรยาคนที่สี่เกิดจับได้เลยไปเล่าให้แม่ของตนฟัง ฝ่ายแม่ยายพอได้ยินลูกสาวเล่าแล้วก็ร้อนใจจึงฝากคนรู้จักซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่พัฒน์มากราบเรียนปรึกษาหาวิธีแก้จากหลวงปู่ เลยทำให้หลวงปู่ทราบเรื่องว่ามีคนเอาพระขุนแผนร่ายมนต์ไปทำแบบนี้ หลวงปู่จึงประกาศห้ามเอาพระไปขูดผงโดยเด็ดขาด เพราะแค่มวลสารที่หลวงปู่ท่านกำหนดให้เอาไปทำพระขุนแผนรุ่นนี้ก็มีเมตตามหาเสน่ห์จนจะหาใดเปรียบไม่ได้แล้ว แต่นี่ลูกศิษย์ของท่านยังได้แอบเอาผงหลวงพ่ออ่อน เนอญฺญา ผสมลงไปอีกเป็นจำนวนมาก เมื่อผู้เขียนทราบเรื่องก็เลยสงสัยว่าหลวงพ่ออ่อน เนอญฺญา นี่ท่านเป็นใคร แล้วผงของท่านเป็นอย่างไร ทำไมหลวงปู่จึงต้องห้ามเอาใส่ลงไป จึงได้สอบถามกับหลวงปู่ และค้นหาข้อมูลจากทุกแหล่งจึงได้เข้าใจว่าทำไมหลวงปู่พัฒน์ท่านจึงห้ามขูดผง ก็จะไม่ห้ามได้อย่างไร ในเมื่อผงอิทธเจของหลวงพ่ออ่อนนั้นมีอานุภาพทางมหาเสน่ห์สูงมาก เรียกว่าไม่แพ้ผงของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ เลยก็ว่าได้ ถ้าจะวัดประสบการณ์กันจริงๆแล้ว ผู้เขียนว่าดูเหมือนจะมีมากกว่าด้วยซ้ำไป เพราะของที่หลวงพ่ออ่อนท่านทำออกมามีมากกว่า สำหรับคนนครสวรรค์แล้วพวกเขาเชื่อถือผงอิทธเจของหลวงพ่ออ่อนนี้มาก เรียกว่าเอาสีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ จากระยองไปแลกกับลูกอมผงหลวงพ่ออ่อนนี่ คนนครสวรรค์ไม่ยอมแลก

 

ขุนแผนร่ายมนต์ไม่แหย่แย้ฝังตะกรุด ๑ ดอก เหลือ ๒ องค์นะคะ สามกษัตริย์ หมดแล้วคะ องค์ธรรมดายังมีคะ

<a href="http://www.mx7.com/view2/z9BwJZd0IIEWPS1m" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/c87/fAtnfV.jpg" /></a>